feat_title
stringlengths
5
119
text
stringlengths
549
65.6k
target
stringlengths
51
1.63k
feat_type
stringlengths
0
62
feat_tags
stringlengths
0
843
feat_url
stringlengths
29
110
evaluation_predictions
sequence
วินธัย ชี้ นศ.มุ่งไปอุทยานฯ พวกหน้าเก่า เจตนาหวังผลทางการเมือง
โฆษกฯ คสช. ระบุการควบคุมตัว นศ.กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ เพราะต้องการให้เกิดความสงบ เพราะเชื่อมีเจตนาเคลื่อนไหวหวังผลทางการเมือง ล้วนเป็นหน้าเก่า ควรจะรอผลสอบของคณะกรรมการฯ หวั่นห่วงขัดแย้งกับคนในพื้นที่ ที่ภาคภูมิใจใน อุทยานราชภักดิ์,เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. กล่าวถึง กรณีการดำเนินการกับกลุ่มนักศึกษาฯ ที่จะเดินทางไปเคลื่อนไหวที่อุทยานราชภักดิ์ว่า เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ใช่เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น ที่ไม่ต้องการให้ใครมาใช้สถานที่นี้ผิดไปจากวัตถุประสงค์ที่ต้องการสร้างแรงยึดเหนี่ยวผูกพันสถาบันฯกับประเทศไทยหรือคนไทย เพื่อให้คนทั่วไปได้มาเคารพสักการะ สถานที่แห่งนี้มีความหมายต่อคนไทยทั้งประเทศ เกิดจากแรงศรัทธาของประชาชนร่วมกับหน่วยงานรัฐ จึงอาจไม่เหมาะสมที่จะมีกลุ่มหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดจะมาดำเนินกิจกรรมอะไรที่ผิดวัตถุประสงค์ ขณะนี้สังคมส่วนใหญ่มองว่าเริ่มมีความพยายามของคนบางกลุ่มจะใช้พื้นที่ของอุทยานฯ มาเป็นเครื่องมือทางการแสดงออก โดยเฉพาะกรณีถ้ามีบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวฯ มาแสดงออกถึงความขัดแย้งกันบนพื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้ยิ่งดูไม่เหมาะใหญ่, ,พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดูแลสถานการณ์ให้เกิดความสงบเรียบร้อยมากที่สุด กรณีการให้เหตุผลการไปอุทยานฯ ของกลุ่มนักศึกษายังดูไม่ตอบโจทย์ในผลสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง เชื่อว่าเจ้าหน้าที่คงต้องใช้ดุลพินิจโดยละเอียดก่อนตัดสินใจดำเนินการ โดยเฉพาะพยายามดูว่าเจตนาที่แท้จริงของกลุ่มนั้น เป็นอย่างไร ซึ่งถ้าพิจารณาจากตัวบุคคลในกลุ่มส่วนใหญ่เป็นนักเคลื่อนไหวที่มีประวัติกับเจ้าหน้าที่มาแล้วทั้งนั้น ประกอบกับในหลายๆ องค์ประกอบแล้ว ค่อนข้างมีความชัดเจนว่าอาจมีเป้าหมายอื่นแอบแฝงได้ , ,ยืนยันระบบ และกระบวนการตรวจสอบในข้อกังวลสงสัยต่างๆ กำลังดำเนินไปแล้วอย่างเป็นระบบด้วย หน่วยงานที่มีประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ ถ้าต้องการข้อมูลข้อเท็จจริง มีช่องทางอื่นที่เหมาะสมกว่า และจะไม่เป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายอีกด้วย การดำเนินการของเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติอย่างสมดุลเหมาะสม เพื่อไม่ให้ใครหยิบไปใช้ขยายผลในมุมที่ไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน เพราะเชื่อว่ามีคนบางกลุ่มพยายามที่จะฉกฉวยโอกาสนี้ไปใช้ขยายผลตามมุมต่างๆ ที่ตัวเองต้องการ โฆษก คสช.กล่าว และว่าและว่าไม่อยากให้เกิดการเผชิญกันของประชาชน เพราะมีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย มีแนวโน้มจะไปแสดงออกเชิงต่อต้านกลุ่มนักศึกษาอยู่ที่บริเวณนั้นด้วยเช่นกัน ต้องระมัดระวังการเคลื่อนไหวของนักศึกษาสามารถถูกปลูกปั่นจนอาจพัฒนาไปจนมีผลต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศได้ โดยผู้ไม่หวังดี รวมถึงขออย่าไปหลงเชื่อต่อคำยุยงของผู้ไม่หวังดี หรือบางบุคคลที่มีผลประโยชน์แอบแฝง เจ้าหน้าที่ไม่ได้ควบคุมไปกักขัง จุดประสงค์หลักเป็นการควบคุมสกัดไม่ให้ไปถึงที่หมายเท่านั้น ด้วยเหตุผลตามที่ได้กล่าวไป แล้วจะได้นำส่งให้กลับบ้านต่อไป ประเทศชาติยังต้องการบุคคลากรซึ่งเป็นเยาวชนที่จะต้องเติบโตในวันข้างหน้าที่มีประสิทธิภาพ ขอให้ตั้งใจศึกษาจบออกมาเป็นกำลังสำคัญช่วยกันพัฒนาประเทศชาติต่อไป.
โฆษกฯ คสช. ระบุการควบคุมตัว นศ.กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ เพราะต้องการให้เกิดความสงบ เพราะเชื่อมีเจตนาเคลื่อนไหวหวังผลทางการเมือง ล้วนเป็นหน้าเก่า ควรจะรอผลสอบของคณะกรรมการฯ หวั่นห่วงขัดแย้งกับคนในพื้นที่ ที่ภาคภูมิใจในอุทยานฯ
จับนักศึกษา,ทุจริตราชภักดิ์,ปมราชภักดิ์,คุมนักศึกษาประชาธิปไตยใหม่,กลุ่มประชาธิปไตยศึกษา,วิรวิชญ์ เสรีวัฒน์,จ่านิว,อุทยานราชภักดิ์,ทุจริตอุทยาน,วินธัย สุวารี,โฆษกฯคสช.,ตั้งกรรมการสอบ,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวการเมือง
https://www.thairath.co.th/content/545786
[ 0, 259, 85322, 15770, 72810, 133173, 4188, 228122, 229634, 20875, 145184, 36999, 1549, 218407, 8084, 6494, 44158, 23045, 212730, 133851 ]
ยอมได้ซะที่ไหน เสิร์ฟ 5 เทคนิคเซฟหน้าสวย คูลไบร์ทก่อนถึงงานสำคัญ
หากวันพรุ่งนี้ของใครหลายคน จะต้องเจอกับงานใหญ่ๆ ตลอดวัน หรืองานเลี้ยงสำคัญๆ ที่ต้องพบปะผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะงานแต่งงาน งานรับปริญญา หรืองานแกรนด์ โอเพ่นนิ่งต่างๆ แต่ผิวหน้าคุณกลับยังไม่พร้อมรับแขกเหรื่อซะอย่างนั้น ทั้งหมองคล้ำ มีริ้วรอย ขาดความชุ่มชื้นจนคุณหมดความมั่นใจ วันนี้เรามีทริกบำรุงสภาพผิวหน้าแบบด่วนๆ มาฝากกัน รับรองเลยว่ามันจะช่วยซ่อมแซมผิวหน้าสวยของคุณตลอดคืนอย่างน่าอัศจรรย์ ต่อให้พรุ่งนี้จัดหนักทั้งวันแค่ไหน … ก็เอาอยู่ ,1. ล้างหน้าให้สะอาดก่อนเข้านอน,ก่อนผิวหน้าคุณจะเตรียมพร้อมรับศึกหนักในวันพรุ่งนี้ แน่ละว่าก่อนเข้านอน คุณควรล้างใบหน้าให้สะอาดเกลี้ยงเสียก่อน ไม่ว่าจะด้วยน้ำเปล่า คลีนซิ่ง หรือโฟมล้างหน้าก็ตาม เพื่อขจัดความมัน และฝุ่นสิ่งสกปรกต่างๆ ที่เจอมาระหว่างวันออกไป โดยเฉพาะเมคอัพหนักๆ ที่อยู่บนหน้าคุณทั้งวัน เป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียชั้นดี และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวอุดตันตามมา หากคุณนอนหลับ หรือเผลอหลับทั้งๆ ที่เมคอัพยังติดอยู่บนหน้า (เพราะความเพลีย) รู้ไหมว่าเพียงแค่ 1 ชม. มันก็สามารถทำให้ใบหน้าคุณมันเยิ้ม (คือทอดไข่ได้อ่ะ) อีกทั้งยังก่อให้เกิดสิวเสี้ยนและสิวอุดตัน รูขุมขนขยายเป็นวงกว้าง รวมถึงอาจนำไปสู่รอยเหี่ยวย่นต่างๆ ตามมาในอนาคตได้,หลังจากผ่านอะไรหนักๆ มาทั้งวัน ถึงจะเพลียแค่ไหน หากแต่ใช้เวลาแค่เพียง 2-3 นาที ในการนวดหน้า ใช้คลีนซิ่งเช็ดถูให้สะอาด และล้างขจัดสิ่งสกปรก ความมัน และเมคอัพบนใบหน้าออกไป ก็คงจะไม่เป็นไรล่ะมั้ง …,2. เริ่มโปรแกรมบำรุงผิวหน้า 5 สเต็ป,ล้างหน้าเสร็จแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ สกินแคร์บำรุงผิวหน้า เป็นประจำทุกคืน โดยคุณอาจใช้ 5 สเต็ปง่ายๆ เช่น 1. ล้างผิวหน้าของคุณให้สะอาดก่อนนอน 2. เสริมบำรุงด้วยโทนเนอร์ กระชับรูขุมขนอย่างล้ำลึก (รูขุมขนเล็กลง และเรียบเนียนขึ้น) 3. นวดตามด้วยเซรั่มลดริ้วรอยก่อนวัย ปรับผิวเรียบเนียนดูอ่อนเยาว์ขึ้น 4. ใช้ทรีทเมนต์/ผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูสภาพผิวหน้าตลอดคืน ช่วยลดความหมองคล้ำจากแดด ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ควบไปกับความกระจ่างใสมากกว่าเดิม และ 5. ปิดท้ายด้วยไนท์ครีม ที่มีส่วนผสมของมอยซ์เจอไรเซอร์ ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า,อย่างไรก็ดี ใช่ว่าคุณจะเห็นผลลัพธ์ในทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ คุณต้องหมั่นบำรุงผิวหน้าเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอๆ ทุกคืน ประมาณ 2-3 สัปดาห์ แล้วคุณจะเห็นผลลัพธ์ที่คุณจะไม่เชื่อสายตา ,3. สแกนลิสต์คุณสมบัติ ลบเลือนริ้วรอย,งานโอกาสพิเศษที่ต้องเจอะเจอคนมากมายขนาดนี้ ริ้วรอย ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับสาวๆ เพื่อเตรียมพร้อมผิวหน้าเนียนนุ่มชวนสัมผัส และสะดุดตาหนุ่มๆ ในงานพรุ่งนี้แล้ว คุณควรหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุง-ฟื้นฟูสภาพผิวหน้าอย่างล้ำลึกตลอดคืน และลบเลือนริ้วรอยต่างๆ ได้ดี เพราะมันจะเข้าไปช่วยเร่งสปีดกระบวนการฟื้นฟูเซลล์ผิวระหว่างที่คุณนอนหลับ โดยคุณอาจจะเช็กลิสต์คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่คุณใช้ ถ้ามีคุณสมบัติ ช่วยลบเลือนริ้วรอยได้อย่างล้ำลึก ระบุไว้ คุณก็อย่าลังเลที่จะหยิบมันมาใช้ทันที เชื่อเถอะ เมื่อคุณตื่นรับเช้าวันใหม่ ผิวหน้าของคุณจะสว่าง กระจ่างใสขึ้น นุ่มน่าสัมผัสมากขึ้น และที่สำคัญคุณจะดูเด็กลงจนรู้สึกได้เลยล่ะ,หากแต่ครีมลบริ้วรอยบางตัวก็เป็นเหตุให้เกิดรอยแดง และการระเคืองได้เหมือนกัน (ถ้าใครแพ้) ฉะนั้นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีที่สุด เราแนะนำ เพปไทด์ ที่จะช่วยเติมเต็มคอลลาเจนให้กับผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าเฟิร์ม และดูเนียนนุ่ม-น่าสัมผัสมากขึ้นได้ดีเช่นกัน ….,4. จับเวลานอนให้ครบ 8 ชั่วโมง,ปล่อยให้ผิวหน้าของคุณได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ตลอดคืน แม้คุณอาจคิดว่าคุณมีพลังงานเหลือเฟือ ถึงจะนอนแค่ 5-6 ชั่วโมงก็ตาม แต่คุณอย่าลืมว่า ผิวหน้าของคุณไม่เหมือนกัน (ผิวหน้าคุณก็ล้าเป็นนะจ๊ะ) เมื่อผิวหน้าของคุณได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ ทั้งคุณยังเล่นโทรศัพท์ หรืออุปกรณ์สื่อสารก่อนนอนอีก คุณรู้ไหมว่า แสงไฟสว่างจากหน้าจอคุณจะเข้าไปยับยั้งการผลิตฮอร์โมน เมลาโทนิน ระหว่างที่คุณนอนหลับ (กระตุ้นปรับเปลี่ยนระบบนาฬิกาของร่างกาย) ซึ่งหากฮอร์โมนนี้ต่ำเกินไป มันจะส่งผลให้เกิดความผิดปกติของการนอน อย่างเช่น คุณจะรู้สึกนอนไม่ค่อยหลับ และหลับๆ ตื่นๆ อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งแน่นอนว่า มันจะมีผลเอฟเฟกต์ให้ผิวหน้าคุณหมองคล้ำลง ขอบตาดำคล้ำเป็นแพนด้า และดูโทรมอย่างเห็นได้ชัด นั่นก็มาจากที่คุณนอนพักผ่อนไม่พอ ยังไงล่ะ , ,5. ปกป้องผิวสวยยามเช้า,หลังจากผิวหน้าได้รับการบำรุง-ฟื้นฟูปรับสภาพผิวตลอดคืนแล้ว ตื่นเช้ามาก่อนจะเริ่มงานเลี้ยงสำคัญ คุณควรที่จะล้างหน้าทำความสะอาดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อล้างความมันสะสมบนใบหน้าที่ร่างกายผลิตออกมา (ระหว่างคุณนอนหลับ) และตามด้วยสิ่งที่คุณจะลืมไม่ได้ คือ ครีมทากันแดด ที่มีสาร SPF ช่วยป้องกันแสงอาทิตย์ระหว่างวัน แม้จะแดดแรงแค่ไหนก็ไม่หวั่น เพราะมันจะช่วยลดทอนปริมาณแสงแดดที่คุณได้รับตลอดทั้งวัน จนหมดกังวลเรื่องผิวเสีย หมองคล้ำแดดจ้าไปได้เลย,ในทางกลับกันหากคุณไม่ทากันแดดป้องกัน และต้องลุยกับแสงแดดแรงๆ แถมยังเจอกับมลภาวะภายนอกมากมายตลอดวัน นั่นจะเป็นสาเหตุสำคัญที่จะทำให้ผิวของคุณดูแก่กว่าวัย สีผิวไม่เรียบเนียนเท่ากัน เกิดกระ-ฝ้า และผิวไหม้เกรียม ดูสุขภาพผิวแย่ลงในทันที … จำไว้ว่า วันงานทุกอย่างต้องพร้อม ฉะนั้นเซฟหน้าสวยของคุณนิด เติมความมั่นใจให้คุณหน่อย ไม่แน่นะงานนี้อาจมีหนุ่มเข้ามาปิ๊งปั๊งจนกลายเป็นคนรู้ใจ …,ที่มา : ,brides.com
หากวันพรุ่งนี้ของใครหลายคน จะต้องเจอกับงานใหญ่ๆ ตลอดวัน หรืองานเลี้ยงสำคัญๆ ที่ต้องพบปะผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะงานแต่งงาน งานรับปริญญาหรืองานแกรนด์ โอเพ่นนิ่งต่างๆ แต่ผิวหน้าคุณกลับยังไม่พร้อมรับแขกเหรื่อซะอย่างนั้น ทั้งหมองคล้ำ
ไลฟ์สไตล์,ผู้หญิง
เตรียมพร้อมผิวหน้า,ผิวหน้าสวย,ทริคบำรุงผิวหน้า,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวไลฟ์สไตล์
https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/489476
[ 0, 259, 92932, 11922, 4188, 134455, 22087, 69208, 259, 51523, 12066, 221075, 7960, 233700, 275, 45488, 217290, 93791, 219342, 1 ]
ฆ่าเสี่ยฟาร์มหมู มือปืนยิงตัวตาม
แค้นเบี้ยวค่านายหน้า 1แสนบาทช่วยขายที่,เสี่ยเจ้าของร้านสเต๊กบุกยิงเสี่ย เจ้าของฟาร์มหมูรายใหญ่เพื่อนสนิทดับคาบ้าน ก่อนระเบิดหัวตัวเองตายตามเป็นศพที่ 2 ชนวนเหตุมาทวงเงินค่านายหน้าขายที่ดินจำนวน 1 แสนบาทแต่เพื่อนซี้ปฏิเสธ อ้างคนซื้อขอลดหย่อนมากทำให้เงินไม่มีจ่าย อีกฝ่ายไม่พอใจชักทูตสังหาร .38 ซุปเปอร์กระหน่ำยิงเสี่ยฟาร์มหมูหลายนัดดับคาเก้าอี้ ก่อนเสี่ยร้านสเต๊กจะจ่อยิงตัวตาย,บุกยิงเสี่ยเจ้าของฟาร์มหมูรายใหญ่ของเมืองนครปฐมรายนี้เปิดเผยเมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 18 มี.ค. ร.ต.ท.ปิยศักดิ์ ราชาวงศ์ พงส.สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งมีเหตุยิงกันตาย 2 ศพ ภายในบ้านองอาจฟาร์ม เลขที่ 3/2 หมู่ 3 ต.หนองปากโลง รีบรายงานผู้บังคับ-บัญชาทราบ ไปสอบสวนที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.รัตนะ ปานจันทร์ รอง ผบก.ภ.จ.นครปฐม พ.ต.อ.อุดม เปี่ยมศักดิ์ ผกก.สส.ภ.จ.นครปฐม พ.ต.ท.ปรีชา ทิมหอม รอง ผกก.สส.ภ.จ.นครปฐม พ.ต.ท.ยงลิต ศุภผล สว.สส. พ.ต.ท.คุรุพงษ์ แก้วสะอาด สวป.สภ.เมืองนครปฐม พร้อมชุดสืบสวน กองวิทยาการ ภาค 7 แพทย์เวร รพ.ศูนย์นครปฐมและมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม,ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวด้านหน้าทำเป็นสำนักงานของฟาร์มหมู องอาจฟาร์ม มีรั้วรอบขอบชิด อยู่ในเนื้อที่กว่า 2 ไร่ ลานหน้าบ้านพบรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ซ สีบรอนซ์เทา ทะเบียน กน 9744 นครปฐม จอดอยู่ ถัดไปเป็นชานหน้าบ้านมีโต๊ะทำงานตั้งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะพบศพนายองอาจ สุวรรณนที อายุ 38 ปี เจ้าของบ้านและเจ้าของฟาร์มหมู องอาจฟาร์ม นั่งพิงพนักมีเลือดอาบเต็มลำตัว โดยมีรอยกระสุนปืนยิงเข้าที่ลำคอและใต้คาง 2 แห่ง และที่มือซ้ายพาดห้อยอยู่มีรอยถูกยิงจนทะลุ,อีกศพนอนหงายจมกองเลือดที่หน้าโต๊ะทำงานทราบชื่อนายสุทิน สังข์กลิ่นหอม อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 192/3 ถนนทรงพล อ.เมืองนครปฐม เจ้าของร้านสเต๊กปราณีเพลส อยู่ในซอยข้างสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครปฐม มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ขมับซ้ายทะลุขวา 1 นัด โดยศพนอนทับปืนทูตสังหารขนาด .38 ซุปเปอร์ ในแมกกาซีนยังมีกระสุนอีก 3 นัด จากการตรวจที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด .38 ซุปเปอร์ตกอยู่ 5 ปลอกจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน,สอบปากคำนายสุชาติ ตั้งกิจเจริญวุฒิ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58/95 หมู่ 4 ต.ธรรมศาลา อ.เมืองนครปฐม ซึ่งเป็นเพื่อนของทั้งสองคน อยู่ในที่เกิดเหตุและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดให้การว่า นายสุทินขับรถชวนตนมาเป็นเพื่อนเพื่อช่วยเจรจากับนายองอาจ เรื่องค่านายหน้าขายที่ดิน เนื่องจากนายสุทินติดต่อให้นายองอาจขายที่ดินแปลงหนึ่งและขายได้แล้วแต่ยังไม่ได้ค่านายหน้าจำนวน 1 แสนบาท และนายสุทินเคยมาทวงหลายครั้งแต่ถูกนายองอาจปฏิเสธมาตลอด ตนจึงเดินทางมาด้วยเพราะเห็นว่าสนิทกันทั้ง 2 ฝ่าย แต่พอมาถึง นายองอาจเรียกนายสุทินกับตนมานั่งคุยที่โต๊ะทำงาน,นายสุชาติกล่าวต่อว่า หลังทั้ง 2 คุยกันสักพักเริ่มมีปากเสียงกันขึ้นโดยนายสุทินยืนกรานขอค่านายหน้า 1 แสนบาท แต่นายองอาจปฏิเสธโดยอ้างว่าคนซื้อที่ดินมีเงื่อนไขขอลดหย่อนทำให้เงินไม่พอเลยคุยกันไม่รู้เรื่อง ตนเลยขอตัวลุกเดินไปข้างนอกเพราะเห็นคุยกันไม่รู้เรื่อง พอเดินออกมาได้เพียงแค่ 10 เมตร ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด เมื่อหันไปดูเห็นนายสุทินกำปืนยิงนายองอาจแน่นิ่งคาเก้าอี้ จากนั้นก็ใช้ปืนกระบอกเดียวกันจ่อยิงขมับตัวเองจนล้มคว่ำที่หน้าโต๊ะ พอหายตกตะลึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที,ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับนายองอาจ สุวรรณ-นที นั้นเป็นเจ้าของฟาร์มหมูรายใหญ่ชื่อ องอาจฟาร์ม อยู่ในพื้นที่ ต.หนองปากโลง อ.เมืองนครปฐม เคยได้รับรางวัลในด้านการเพาะเลี้ยงสุกร จากกระทรวงเกษตรฯ และยังมีธุรกิจสุกรแปรรูป กรีนพอร์ค ที่ได้รับป้ายรับรองจากเชลล์ชวนชิม และยังเป็นเครือญาติของนายสวัสดิ์ สุวรรณนที เจ้าของธุรกิจมากมายทั้งโรงแรมและรถบัสโดยสาร รถทัวร์ใน จ.นครปฐม ระดับฐานะอยู่ในขั้นเศรษฐีใหญ่ของนครปฐม
เสี่ยเจ้าของร้านสเต๊กบุกยิงเสี่ย เจ้าของฟาร์มหมูรายใหญ่เพื่อนสนิทดับคาบ้าน ก่อนระเบิดหัวตัวเองตายตามเป็นศพที่ 2 ชนวนเหตุมาทวงเงินค่านายหน้าขายที่ดินจำนวน 1 แสนบาทแต่เพื่อนซี้ปฏิเสธ อ้างคนซื้อขอลดหย่อนมากทำให้เงินไม่มีจ่าย
ข่าว,ทั่วไทย
ข่าวหน้า1,ยิงเสี่ยฟาร์มหมู,นครปฐม,องอาจ สุวรรณนที,เจ้าขององอาจฟาร์ม,สุทิน สังข์กลิ่นหอม,เจ้าของร้านสเต๊กปราณีเพลส,ยิงตัวตายตาม,ยิงตัวตาม,ค่านายหน้าขายที่ดิน
https://www.thairath.co.th/news/local/487774
[ 0, 259, 146177, 3945, 180411, 88240, 22254, 159574, 6200, 103709, 229344, 134330, 49012, 25889, 259, 103709, 229344, 134330, 259, 48898 ]
ระเบิดชายแดนใต้ สะท้อน สัญญาใจ ประยุทธ์-วลิต บทเรียนกองทัพล้มเหลว แม่ทัพไร้ฝีมือ
หลังจากชวดและอกหักกับตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 1 มาหลายครั้ง ที่สุด พล.ท.วลิต โรจนภักดี ก็ได้เป็น แม่ทัพภาค สมใจ ถึงแม้จะต้องจรลีหนีกระแสต้านลงไปโตในชายแดนใต้เป็น แม่ทัพภาคที่ 4 ก็ตามพล.ท.วลิต โรจนภักดี นายทหารสายบูรพาพยัคฆ์ อดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ร.2 รอ.) ชื่อนี้เป็นที่รู้จักในสังคมไทยจากผลงานชิ้น โบว์ดำ ในการคุมกำลังสลาย คนเสื้อแดง จนบาดเจ็บล้มตายโดยเฉพาะบทบาทสำคัญในปฏิบัติการขอคืนพื้นที่การชุมนุมจากกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 บริเวณ สี่แยกคอกวัว จนตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังเหตุการณ์ดังกล่าวได้ขยับเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อจ่อขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 รับการ สมนาคุณแต่เพราะชื่อ วลิต โรจนภักดี เป็นของ แสลง และบาดแผลในความทรงจำของคนเสื้อแดง จึงกลายเป็นแรงกดดันขัดขวางไม่ให้ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 ถึง 2 ครั้งในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยขณะที่กระแสข่าวอีกด้านหนึ่งก็ว่า เป็นเพราะเกมการเมืองใน ทบ.เองด้วยที่ทำให้ พล.ท.วลิต ต้องชวดตำแหน่งที่สุด พล.ท.วลิต ต้องถูกโยกไปเป็นผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก และแม่ทัพน้อยที่ 1 ตามลำดับจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ สัญญาใจ ระหว่าง พล.ท.วลิต กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่จะ หาตำแหน่งแม่ทัพภาคให้หลังจากที่พลาดหวังตำแหน่งมาถึง 2 ครั้ง เมื่อถึงเวลาเหมาะสม พล.อ.ประยุทธ์ จึงพยายามผลักดัน พล.ท.วลิต ลงไปเป็นแม่ทัพภาคที่ 4ถึงแม้จะมีเสียงวิจารณ์หรือกังขาในคุณสมบัติของ พล.ท.วลิต ที่จะดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 เพียงใด แต่เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ตกลงปลงใจจะหนุน ก็ออกโรงปกป้อง กระทั่งฟาดงวงฟาดงาส่งเสียงกร้าวว่า การแต่งตั้งแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นเรื่องภายในของกองทัพ และ ตนมีสิทธิแต่งตั้งจะให้ใครมาดำรงตำแหน่งอะไร ไม่ใช่เรื่องคนนอกกองทัพจะมาวิจารณ์ที่สุดในการปรับย้ายนายทหารกลางปี 2557 พล.ท.วลิต ก็ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 และเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมาการข้ามห้วยลงไปเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ของ พล.ท.วลิต เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิจารณ์และความสงสัยของหลายฝ่าย ไม่ว่าจากคนภายในกองทัพภาคที่ 4 เอง หรือคนที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนภาคใต้อย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะข้อกังขาในคุณสมบัติด้าน ความรู้ความสามารถ และ ประสบการณ์ ต่อปัญหาชายแดนภาคใต้ด้วยปฏิเสธไม่ได้ว่า ตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ถือเป็น ตำแหน่งหลัก และ สำคัญที่สุด ในการดับไฟใต้เพราะบุคคลที่มาเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 จะต้องทำหน้าที่ ผอ.รมน.ภาค 4 และ ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าซึ่งถือ อำนาจ เหนือหน่วยงานรัฐทั้งหลายในพื้นที่แล้วยิ่งในสถานการณ์ที่การเมืองส่วนกลางอยู่ในห้วงร้อนแรง อำนาจของ รัฐบาล อยู่ในภาวะกระปลกกระเปลี้ย ไร้ตัวจริงรับผิดชอบงานความมั่นคง บทบาทของแม่ทัพภาคที่ 4 จึงยิ่งมีความสำคัญต่อการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้แต่ในความเป็นจริงปรากฏว่า พล.ท.วลิต นั้นไม่เคยรับราชการทหารในพื้นที่ภาคใต้มาก่อน มีประสบการณ์สั้นๆ เพียงเคยลงไปทำหน้าที่เป็น ผบ.ฉก.นราธิวาส เมื่อครั้งเป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1 แค่ ปีเดียว เท่านั้นประสบการณ์และความรู้ความสามารถจึง ละอ่อน เมื่อเทียบกับมิติปัญหาชายแดนภาคใต้ที่ ซับซ้อนมิหนำซ้ำ ช่วงเวลา 1 ปีในตำแหน่ง ผบ.ฉก.นราธิวาส นั้นบทบาทของ พล.ท.วลิต ก็ได้รับการพูดถึงว่าเป็นไปในแนวทาง ตาต่อตาฟันต่อฟัน ที่ทหาร สายพิราบ แอบมองด้วยความกังวลว่า เป็นการเพิ่มเงื่อนไขความขัดแย้งให้สถานการณ์ชายแดนใต้ย่ำแย่ลงไปกว่าเดิม แต่เพราะ พล.ท.วลิต ถือเป็น เด็กนายสายตรง เสียงสะท้อนจึงเพียงซุบซิบเบาๆ ในวงเล็กๆนอกจากนั้น การส่งนายทหารจากกองทัพภาคอื่นลงไปกุมบังเหียนแทนที่จะให้ นายทหาร ที่ทำงานและเติบโตจากกองทัพภาคที่ 4 ได้ขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 4 นั้น ก็เท่ากับเป็นการทำลายขวัญกำลังใจของนายทหารที่ปฏิบัติราชการในสังกัดกองทัพภาคที่ 4 ที่ทำงานเสี่ยงชีวิตเสี่ยงตาย แต่กลับไม่เจริญก้าวหน้าในหน้าที่ตำแหน่งอีกเสมือนว่าในพื้นที่นั้นไม่มีคนทำงานที่มีความรู้ความสามารถแล้ว ทั้งที่ความจริงในกองทัพภาคที่ 4 ยังมีนายทหารที่เหมาะสมอีกหลายคนซึ่งเข้าใจบริบทปัญหาชายแดนภาคใต้ เช่น พล.ท.กิตติ อินทสร ผช.เสธ.ทบ.ฝ่ายข่าว ที่เคยอยู่พื้นที่ภาคใต้ในตำแหน่งรองแม่ทัพภาคที่ 4 ก่อนถูกเด้งมาอยู่ส่วนกลาง หรือ พล.ต.ปราการ ชลยุทธ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งข้ามห้วยมาจากกองทัพภาคที่ 3 ที่ว่ากันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยอมรับในฝีมือเมื่อครั้งเป็น ผบ.ฉก.ยะลา รวมทั้ง พล.ต.ชรินทร์ อมรแก้ว ที่รับราชการในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 มาทั้งชีวิต ก่อนถูกเตะโด่งจากรองแม่ทัพภาคที่ 4 ไปเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษทบ. เหล่านี้เป็นต้นและที่สำคัญ คือ ปฏิกิริยา ของคนในพื้นที่ทั้งจากชาวบ้านและคนทำงานขับเคลื่อนสันติภาพ ที่มองว่ารัฐไทยไม่มี ความจริงใจ ในการแก้ปัญหาไฟใต้อย่างแท้จริง เพราะการโยกย้ายในระดับหัวขบวนกองทัพภาคที่ 4 กลับทำไปเพียงเพราะต้องการ การตอบแทน ให้คนของตนได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น มากกว่าที่จะพิจารณาเฟ้นหาบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและมีฝีมือมารับผิดชอบปัญหาโดยประเด็นนี้ถือเป็นเรื่อง ละเอียดอ่อน สำหรับคนในพื้นที่ เพราะความขมขื่นจากการถูกกระทำจากรัฐไทยในอดีต ที่เคยโยกย้ายข้าราชการที่กระทำผิด ข้าราชการที่ถูกลงโทษ ลงมาในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ซึ่งข้าราชการเหล่านี้ได้กดขี่ข่มเหง เอารัดเอาเปรียบ ดูถูกดูแคลนคนท้องถิ่นในเวลาต่อมา กระทั่งกล่าวได้ว่า คือผู้ที่สร้างเงื่อนปมทางความรู้สึกที่ยังมิอาจเยียวยาได้และถึงแม้คุณสมบัติของ พล.ท.วลิต จะแตกต่างกับข้าราชการในอดีตก็ตาม แต่ก็สะท้อนมุมมองของรัฐไทยว่ายังอยู่ในมิติเดิมๆ ที่จะส่ง ใครก็ได้ ลงมาปฏิบัติงานที่ชายแดนภาคใต้ โดยไม่พิจารณาถึงความเหมาะสม ขาดการตรวจสอบศักยภาพ และความสามารถแล้วยิ่งมีข่าวออกมาตามสื่อหลายสำนักว่า พล.ท.วลิต จะมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ชั่วคราวเพียงแค่ 6 เดือน ก่อนจะสไลด์เข้าสู่ตำแหน่ง 5 เสือ ทบ. ในการโยกย้ายเที่ยวหน้า โดยการผลักดันของ ผบ.ทบ. ก็ยิ่งทำลายความน่าเชื่อถือของกองทัพและตัว พล.ท.วลิต เองว่า กำลังใช้กลิ่นคาวเลือดและหายนะของคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นบันไดไต่ขึ้นสู่วงโคจรแห่งอำนาจเสียงวิพากย์วิจารณ์เกี่ยวกับการขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 4 ของ พล.ท.วลิต โรจนภักดี ที่มีมาตั้งแต่ก่อนถูกเสนอชื่อ และยังคงมีต่อเนื่อง เพราะในห้วงเดือนกว่าๆ มานี้ ภายหลังการรับตำแหน่งของ พล.ท.วลิต สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลับปะทุหนักหน่วงรุนแรงโดยเฉพาะหลังเหตุการณ์ระเบิดกลางเมืองรุนแรง 3 ระลอกที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ครั้งแรก คือ 6 เมษายน 2557 เกิดเหตุระเบิด 4 จุดบริเวณใจกลางเมืองยะลาจากนั้น ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2557 ก็มีเหตุระเบิดในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จำนวน 2 จุดและล่าสุด ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค.ถึงเช้ามืดวันจันทร์ที่ 12 พ.ค.2557 มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นหลายสิบ จุดในพื้นที่ 9 อำเภอของ จ.นราธิวาส และจังหวัดยะลาโดยเฉพาะที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของชายแดนภาคใต้ ต้องลุ้นระทึกกันตลอดคืน เพราะเจอระเบิดเข้าไปกว่า 8 จุดนี่ยังไม่นับระเบิดที่เก็บกู้ได้อีกบางจุด มิฉะนั้นคงวินาศสันตะโรกันยิ่งกว่านี้และนอกจาก 3 เหตุการณ์ใหญ่ๆ นี้แล้ว ยังมีการก่อเหตุอีกแทบทุกวันที่ไม่เป็นข่าว แต่ล้วนสร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายฝ่ายจึงอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับมาตรการระวังป้องกันการก่อเหตุของเจ้าหน้าที่ ?และเมื่อประจวบเหมาะว่าเหุตร้ายแรงที่เกิดขึ้นอยู่ในห้วงเวลาของแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ ความรับผิดชอบจึงจึงประดังเข้าหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะเพิ่งรับตำแหน่งก็ตามทว่าบทบาทของ พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 กลับอยู่ในภาวะเงียบงันตลอด 1 เดือนกว่าที่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงติดๆ กัน โดยปราศจากนโยบายแนวทางแก้ไขปัญหาหรือมาตรการป้องกันที่ชัดเจนเปิดเผยออกสู่สาธารณชนเลยทั้งยังจับอาการได้ว่า พล.ท.วลิต ไม่มีความมั่นใจ จน ไม่กล้า แม้แต่จะออกมาเผชิญหน้าให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนด้วยตนเองหลังเกิดเหตุรุนแรงติดๆ กัน ต้องใช้โฆษก กอ.รมน. ภาค 4 สน. พ.อ. ปราโมทย์ พรหมอินทร์ ออกหน้าแทนทุกครั้ง ผิดวิสัยและธรรมเนียมปฏิบัติเมื่อเทียบกับแม่ทัพภาคที่ 4 คนก่อนๆ จึงยิ่งตอกย้ำถึงความ ไร้ฝีมือ และไร้บารมีของคนเป็น แม่ทัพภาคที่ 4 ผอ.รมน.ภาค 4 และ ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้านอกจากนั้น บางคนยังตั้งข้อสังเกตถึงความพยายามของ กอ.รมน. ภาค 4 สน. ในการใช้ความสนิทสนมส่วนตัวกับ สื่อบางสำนักที่มี ศูนย์ข่าวภาคใต้ และมีบทบาทในการรายงานข่าวชายแดนภาคใต้ ในการรายงานและเขียนสกู๊ปข่าวเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น เพื่อบิดประเด็นและช่วยกลบเกลื่อนไปในทิศทางอื่น โดยมีการรายงานหรือวิเคราะห์ถึงประเด็นอื่นอย่างรอบด้าน ไม่ว่า การก่อเหตุเพื่อตอบโต้ นายถวิล เปลี่ยนศรี หรือ ก่อเหตุของกลุ่มค้าน้ำมันเถื่อนและสินค้าหนีภาษี การเมืองที่กรุงเทพฯ หรือปมงบประมาณ เป็นต้น แต่ละเว้นที่จะกล่าวถึงและวิจารณ์บทบาทของแม่ทัพภาคที่ 4 ทั้งที่เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงโดยข้อสังเกตนี้จริงเท็จอย่างไรยังไม่มีข้อพิสูจน์ คงต้องตามติดกันต่อไปแต่ที่แน่ๆ ตลอด 1 เดือนครึ่ง ของ พล.ท.วลิต โรจนภักดี ในตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 กับเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นกลางเมือง 3 ระลอกติดๆ กันนั้น บ่งชี้ว่ากองทัพกำลังประสบความล้มเหลวในการแก้ไขสถานการณ์ความรุนแรงในชายแดนภาคใต้อย่างเห็นชัด อันมีนัยสะท้อนมาจากกระบวนการคัดเลือกบุคคลผ่าน สัญญาใจ ของชายชื่อ ประยุทธ์ ส่วนจะพลิกสถานการณ์กลับมาลบคำปรามาสได้หรือไม่นั้น อีกไม่ช้าเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์กระนั้น สำหรับ พล.ท.วลิต ที่มีผลงานในการปราบคนเสื้อแดง จนได้รับการปูนบำเหน็จให้ก้าวขึ้นสู่ แม่ทัพภาคที่ 4 นั้น มีข้อควรตระหนักประการหนึ่งว่า การแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ย่อมไม่ง่ายเหมือนปราบคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 อย่างแน่นอน เพราะครั้งนั้นคนเสื้อแดงเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่ในมือไร้อาวุธ เปรียบไปก็เหมือนการ ยิงนกในกรง แต่สถานการณ์ชายแดนภาคใต้นั้นย่อมแตกต่างจากเดิมชนิดหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
หลังจากชวดและอกหักกับตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 1 มาหลายครั้ง ที่สุด พล.ท.วลิต โรจนภักดี ก็ได้เป็น แม่ทัพภาค สมใจ ถึงแม้จะต้องจรลีหนีกระแสต้านลงไปโตในชายแดนใต้เป็น แม่ทัพภาคที่ 4 ก็ตาม พล.ท.วลิต
การเมือง,ความมั่นคง
จังหวัดชายแดนใต้,ทบ.,ทหารบก,ประกายฟ้า,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,วลิต โรจนภักดี,แม่ทัพภาค4
https://prachatai.com/journal/2014/05/53262
[ 0, 259, 9074, 49277, 6196, 259, 42859, 38276, 152563, 5405, 8357, 259, 57937, 3682, 35239, 179448, 30931, 1549, 333, 259 ]
เงาหุ้น : หักปากกาเซียน
ตลาดหุ้นไทยยังคงรักษาความเป็นตลาดหุ้นสุด อินดี้ จะขึ้นหรือลง ดูเหมือนจะยากเกินกว่าจินตนาการ อย่างบางครั้งมีข่าวลบ แนวโน้มตลาดน่าจะติดลบ แต่สุดท้ายกลับปิดบวกเฉยเลย บางคราวตลาดหุ้นมีทิศทางที่น่าจะบวก เพราะมีข่าวดีมามากมาย กลับปิดลบซะงั้น,เหมือนอย่างตลาดหุ้นไทยประจำวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นตอนปิดตลาดกลับติดลบ,โดยปิดตลาดที่ 1,623.99 จุด ลดลง 2.88 จุด หรือ 0.18% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 62,181.94 ล้านบาท,ทั้งที่ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ,(กนง.), มีมติปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% มาอยู่ที่ 1.25% ตามคาด และออกมาตรการผ่อนคลายเงินทุนไหลออก,โดยก่อนหน้านี้บรรดาโบรกเกอร์และเซียนหุ้นต่างฟันธงว่าถ้า กนง.มีมติปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย ถือเป็นแรงหนุนส่งตลาด หุ้นไทย,แต่พอเอาเข้าจริง ตลาดหุ้นไทยกลับปิดลบหน้าตาเฉย เพราะมีแรงเทขายทำกำไรแบบไม่เกรงใจโบรกเกอร์ที่เคยทำนายก่อนหน้านี้ว่าหุ้นจะเขียวแน่ ถ้า กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบาย,สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ โบรกเกอร์ได้แต่มองแบบปลงๆว่าตลาดน่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ เพราะอยู่ในช่วงทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ทำให้ตลาดฯอาจจะไม่ได้ปรับตัวขึ้นไปแรงแล้ว,ขณะเดียวกัน ยังต้องขี่จักรยานติดตามเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนว่าจะลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกได้ตามที่คาดไว้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้หรือไม่,จึงให้แนวรับ 1,620 จุด ส่วนแนวต้าน 1,630-1,637 จุด,พร้อมให้ข้อคิดเตือนใจว่า รู้อะไรไม่สู้รู้งี้.,อินเด็กซ์ 51
ตลาดหุ้นไทยยังคงรักษาความเป็นตลาดหุ้นสุด อินดี้ จะขึ้นหรือลง ดูเหมือนจะยากเกินกว่าจินตนาการ อย่างบางครั้งมีข่าวลบ แนวโน้มตลาดน่าจะติดลบ
ตลาดหุ้นไทย,อินดี้,กนง.,ลดดอกเบี้ย,บริษัทจดทะเบียน,เงาหุ้น,อินเด็กซ์ 51
https://www.thairath.co.th/news/business/stocks-gold/1698526
[ 0, 259, 50186, 87753, 11984, 6494, 18456, 10607, 19895, 37861, 5490, 38797, 8357, 4728, 48487, 1, 0, 0, 0, 0 ]
มีคำตอบ สถานะเราไม่ทิ้งกัน อยู่ระหว่างตรวจสอบ ทำอย่างไรก่อนทบทวนสิทธิ์
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ตอบคำถาม ลงทะเบียนเราไม่ทิ้งกัน ขึ้นสถานะอยู่ระหว่างตรวจสอบ ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2563 ทั้งที่ใกล้เปิด ทบทวนสิทธิ์จากกรณี รัฐบาลเปิดมาตรการเยียวยาลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระ นอกระบบประกันสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัส โควิด-19 (COVID-19) จะได้รับเงินสนับสนุนจากมาตรการเยียวยา รายละ 5000 บาทต่อเดือน โดยต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์www.เราไม่ทิ้งกัน.com เท่านั้นโดยจะเปิดให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับผลการลงทะเบียนสามารถ ลงทะเบียนขอทบทวนสิทธิ์เพื่อขออุทธรณ์รับเงิน 5000 บาท ได้ในวันที่ 20 เมษายน 2563 ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้นแฟนเพจ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง : Fiscal Policy Office โพสต์ตอบคำถามกรณีบุคคลที่มีสถานะ อยู่ระหว่างตรวจสอบ ตั้งแต่ 28 มีนาคม 2563 แล้วไม่มีความเคลื่อนไหวอีกเลย และเมื่อโทรสอบถามเจ้าหน้าที่กรุงไทย แล้วบอกว่าอยู่ช่วงคัดกรองของรัฐ ของเก่ายังไม่เสร็จ แล้วจะทบทวนคนอุทธรณ์ได้อย่างไรมีคำตอบดังนี้1. กระทรวงการคลังได้เร่งกระบวนการตรวจสอบและคัดกรองผู้ลงทะเบียนตลอดเวลา โดยนับตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2563 มีผู้ลงทะเบียนมากกว่า 27 ล้านคน การตรวจสอบและคัดกรองผู้ลงทะเบียนแต่ละรายจะใช้เวลามากน้อยไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับข้อมูลการประกอบอาชีพที่ผู้ลงทะเบียนได้ระบุไว้รวมทั้งจะต้องนำไปตรวจสอบกับฐานข้อมูลของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง อย่างไรก็ดี ระบบจะแจ้งผลการตรวจสอบสิทธิ์ผ่านทาง SMS ไปยังเบอร์โทรศัพท์มือถือและอีเมลที่ท่านลงทะเบียนโดยเร็วที่สุด หรือสามารถตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนของท่านได้ที่ www.เราไม่ทิ้งกัน.com2. การดำเนินการตรวจสอบและคัดกรองผู้ลงทะเบียนจะดำเนินการโดยระบบ ส่วนการทบทวนสิทธิ์ ให้แก่ผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิ์และประสงค์จะขอทบทวนสิทธิ์ จะมีกลไกการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อยืนยันตัวตนและความเดือดร้อนของผู้ลงทะเบียน เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการพิจารณาให้สิทธิ์รับเงินเยียวยาการดำเนินการทั้ง 2 ส่วนมีการดำเนินการที่แตกต่างกัน คนละขั้นตอนกัน และคนละกลุ่มบุคคลกัน ดังนั้น จึงสามารถดำเนินการทบทวนสิทธิ์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ดำเนินการตรวจสอบและคัดกรองเสร็จสิ้นก่อนแต่อย่างใด3. การโอนเงินเยียวยาให้แก่ผู้ลงทะเบียนที่ผ่านสิทธิ์ กระทรวงการคลังได้โอนครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2563 ซึ่งใช้เวลาเพียง 7 วันทำการหลังเปิดรับลงทะเบียนเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2563 และการโอนเงินช่วยเยียวยาได้ดำเนินการต่อเนื่องทุกวันทำการตั้งแต่วันที่ 8-17 เมษายน 2563 รวม 3.2 ล้านราย จำนวนเงิน 1.6 หมื่นล้านบาทแล้ว.
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ตอบคำถาม ลงทะเบียนเราไม่ทิ้งกัน ขึ้นสถานะ อยู่ระหว่างตรวจสอบ ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2563 ทั้งที่ใกล้เปิด ทบทวนสิทธิ์
ข่าว,เศรษฐกิจ
เราไม่ทิ้งกัน,ลงทะเบียนเราไม่ทิ้งกัน,ลงทะเบียนรับเงิน 5000,www.เราไม่ทิ้งกัน.com,วิธีรับเงิน5000,โควิด-19,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/business/1823351
[ 0, 259, 128181, 3755, 200753, 6494, 109370, 63015, 2091, 172717, 156912, 17858, 132229, 14785, 27935, 1, 0, 0, 0, 0 ]
ยอดขุนพล-เทอดเกียรติ-นักรบ น่าลุ้น ใน ศึกแสงมรกต เวทีมวยลุมพินี
แสนเชิงน้อยจะชนะทะเลเงินแก้มือได้,ยอดขุนพล-เทอดเกียรติ-นักรบ-น่าลุ้น,เวทีลุมพินี วันศุกร์ที่ 11 พ.ค. (วันนี้) เป็น รายการมวย ศึกแสงมรกต จัดโดยโปรโมเตอร์ จ่าทุย พ.อ.อ.อัทธ์พงศ์ อ่ำอนันต์ คู่มวยคู่คี่ เก็บค่าดู 330-660-2,000 บาท ชัย ศิษย์ อ.บี้ ขอวิจารณ์ไปตามฝีมือดังนี้,ก้องเมธี ศักดิ์รุ่งเรืองมวยไทย มวยจังหวะเตะแทงเข่าปล้ำตีคล่องกว่า จะชนะ ลูกรัก พี.ทวีชัย 100 ป.,ยอดขุนพล ศิษย์ครูเยี่ยม มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงกว่า จะชนะ เทพบุตร นาย่าปาร์ควิว 100 ป.,ฟ้านำชัย นิธิพัฒน์ทนายความ มวยจังหวะเตะแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงมีฮึดตลอด จะชนะ ฟ้าสีน้ำเงิน ศิษย์เพชรมณี 106 ป.,ดาวทอง ศิษย์พิชิตชัย มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าศอกรุนแรงแต่เสียดสียืดเยื้อเป็นรอง จะแพ้ นักรบ ว.สุนทร-นนท์ 123 ป. ,เทอดเกียรติ รัชดารีสอร์ท 36 มวยจังหวะฝีมือเตะต่อยหมัดแทงเข่าแม่นยำรุนแรงฉลาด จะชนะ โตโต้ ช.เกตุวีณา ชนิดสนุกอีกครั้ง 122 ป.,ยอดขุนพล นิธิพัฒน์ทนายความ (ชนะ คะแนน หนองคาย (91 รุ่งโรจน์) ดร.น็อตมวยไทย ที่ ลพน.) มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงฉลาดเก๋าเกมกว่า จะชนะ ตี๋ใหญ่ ส.ปลื้มจิตต์ (แพ้คะแนน เดือน ก.กัมปนาท ที่ รดน.) มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงแต่กระดูกเสียดสีเป็นท้ายๆ 116 ป.,ทะเลเงิน ป.อ่าวทะเลบางเสร่ มวยสูงยาวจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงฉลาดแต่แรงปลายเป็นรอง จะแพ้ แสนเชิงน้อย นายกสัญญา มวยทรหดเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตี รุนแรงมีฮึดตลอดชนิดสนุกพลิกไปมาอีกครั้ง (ฟอร์มหลัง ทะเลเงิน ชนะคะแนน แสนเชิงน้อย ที่ ลพน.) 133ป.,ดาวนภา สิงห์ป้อมปราบ มวยแข็งแกร่งเตะเข่าใน ปล้ำตีรุนแรงกว่า จะชนะ ศตวรรษ อ.วัฒนา 108 ป.,ยอดมนุษย์ ศิษย์ครูเยี่ยม จะชนะ เพชรแสนแสบ ศิษย์ผู้ใหญ่เตี้ย 106 ป.,ศึกมวยมันส์ ทรูโฟร์ยู ถ่ายทอดสด 18.00 น.,เดชเพชร ศักดิ์วิเชียร มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงมีฮึดตลอด จะชนะ ขวัญมงคล เสถียรพงษ์มงคลมวย 106 ป.,เสือเพชร สิงห์โหดยิมส์ มวยแข็งแกร่งเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงแต่จังหวะเป็นรอง จะแพ้ ดาวมงคล พ.เพชรมากคง 121 ป.,เด่นภูไท เกียรติหมู่ 9 มวยจังหวะเตะต่อย หมัดแทงเข่าศอกแม่นยำรุนแรงฉลาดรัดกุมกว่า จะชนะ เอกมงคล น.อนุวัฒน์ยิม ชนิดสนุกอีกครั้ง 122 ป.,ศักดิ์ศรี เกียรติหมู่ 9 มวยจังหวะฝีมือเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีคล่องฉลาดหลักเหลี่ยมดีกว่า จะชนะ เป๊ปซี่ อ.ประเสริฐ มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงมีฮึดตลอดชนิดสนุก 112 ป.,ชัย ศิษย์อาจารย์บี้
เวทีลุมพินี วันศุกร์ที่ 11 พ.ค. (วันนี้) เป็น รายการมวย ศึกแสงมรกต จัดโดยโปรโมเตอร์ จ่าทุย พ.อ.อ.อัทธ์พงศ์ อ่ำอนันต์ คู่มวยคู่คี่ เก็บค่าดู 330-660-2,000 บาท ชัย ศิษย์ อ.บี้
ชี้มวยเด็ด,ชัย ศิษย์อาจารยบี้,ยอดขุนพล ศิษย์ครูเยี่ยม,เทอดเกียรติ รัชดารีสอร์ท 36,เวทีมวยลุมพินี
https://www.thairath.co.th/sport/boxing-mma/1277902
[ 0, 259, 134028, 81727, 196339, 224650, 259, 146559, 197127, 222507, 11723, 6200, 18604, 212357, 138673, 221214, 9964, 197570, 88065, 203595 ]
เครือข่ายญาติ 112 จัดวันเกิด สมยศ-ธันย์ฐวุฒิหน้าคุก
พ่อ-ภรรยา นักโทษการเมืองนำทีมจัดกิจกรรมฉลองวันเกิด จรัลปราศรัยเรียกร้องรัฐบาลเร่งแก้มาตรา 112 หาทางช่วยเหลือผู้ต้องขัง17 ก.ย.55 เวลา 12.00 น. บริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เครือข่ายญาติและผู้ประสบภัยจากมาตรา 112 ร่วมกับคนเสื้อแดงราว 30 คน ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมอวยพรวันเกิดให้นายธันย์ฐวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) หรือหนุ่ม เรดนนท์ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นักโทษในคดีมาตรา 112 ที่ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรมครั้งนี้มีการนำเค้กวันเกิดซึ่งมีข้อความว่า สุขสันต์วันเกิดคุณหนุ่ม คุณสมยศ คืนประชาธิปไตยให้กับประชาชน สุขสันต์วันเกิดคุณหนุ่ม คุณสมยศขอให้ออกไวๆ และการ์ดรูปวาดเค้กพร้อมข้อความจากหลานๆ ของนายอำพล หรือ อากง sms ที่ส่งมาร่วมอวยพรวันเกิดนักโทษทั้งสองด้วย รวมทั้งข้อความอวยพรจากลูกชายของนายธันย์ฐวุฒิ ที่ไม่สามารถมาเยี่ยมได้กลุ่มญาติเครือข่าย 112 อดีตนักโทษการเมืองที่ได้รับการปล่อยตัว และคนเสื้อแดงได้ผลัดกันกล่าวคำอวยพรวันเกิดให้นักโทษทั้งสอง และร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์บริเวณหน้าเรือนจำ พร้อมกับชูป้ายเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนักโทษการเมืองนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ซึ่งมาร่วมกิจกรรมด้วย กล่าวว่า นักโทษการเมืองไม่ได้รับสิทธิ ทั้งสิทธิการประกันตัว สิทธิการปฏิบัติอย่างเหมาะสม สิทธิการพิจารณาคดีอย่างยุติธรรม และความผิด 112 สังคมส่วนใหญ่ก็ยังไม่ค่อยรู้ ถ้ารู้ก็มักมีความคิดไปในทางหนึ่ง การมาร่วมอวยพรวันเกิดทั้งสองคน นอกจากขอให้มีสุขภาพใจอันเข้มแข็งที่จะเผชิญการจองจำ ยังอยากเรียกร้องของขวัญที่ประเสริฐสุดสำหรับนักโทษการเมืองคือการได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระโดยเร็วที่สุดนายจรัลได้กล่าวเรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมว่าขอให้พิจารณาคดี 112 อย่างยุติธรรม และเรียกร้องไปทางรัฐบาลในปัจจุบันขอให้กำหนดเป็นแนวทางการเมืองที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขมาตรา 112 และปล่อยนักโทษการเมืองทั้งในคดี 112 และคดีอื่นๆ โดยเร็วที่สุด จะโดยวิธีใดก็ตาม เพราะขณะนี้เป็นรัฐบาลมากว่า 1 ปีแล้ว ปีแรกยังพอเข้าใจว่าทำอะไรไม่ได้มาก แต่พอปีที่สองแล้วต้องกล้าทำมากขึ้น โดยเฉพาะการปล่อยตัวนักโทษการเมืองจากนั้นนายชีเกียง (ขอสงวนนามสกุล) บิดาของนายธันย์ฐวุฒิ ได้เป็นตัวแทนเป่าเทียนวันเกิด และเดินพร้อมกับนางรสมาลิน ภรรยาของนายอำพล นำเค้กไปให้นักโทษภายในเรือนจำดูขณะเยี่ยมญาติ โดยไม่สามารถนำเค้กส่งเข้าไปในเรือนจำได้ เพราะทางเรือนจำไม่อนุญาตให้นำอาหารจากภายนอกเข้าไปผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างเดินจากหน้าเรือนจำเข้าไปภายในจุดเยี่ยมญาติ มีการร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์และตะโกนเรียกร้องปล่อยตัวนักโทษการเมืองเป็นระยะด้วยทั้งนี้ นายธันย์ฐวุฒิ มีวันคล้ายวันเกิดในวันที่ 17 ก.ย. โดยในปีนี้มีอายุครบ 41 ปี และนายสมยศ มีวันคล้ายวันเกิดวันที่ 20 ก.ย. โดยในปีนี้มีอายุครบ 50 ปี นายสมยศยังมีกำหนดจะขึ้นฟังศาลนัดพร้อมวันพิพากษาคดีในวันที่ 19 ก.ย.นี้ที่ศาลอาญารัชดา
พ่อ-ภรรยา นักโทษการเมืองนำทีมจัดกิจกรรมฉลองวันเกิด จรัลปราศรัยเรียกร้องรัฐบาลเร่งแก้มาตรา 112 หาทางช่วยเหลือผู้ต้องขัง 17 ก.ย.55 เวลา 12.00 น.
การเมือง,สิทธิมนุษยชน
ธันย์ฐวุฒิ,มาตรา 112,วันเกิด,สมยศ พฤกษาเกษมสุข,หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ,เครือข่ายญาติและผู้ประสบภัยจากมาตรา 112,เค้ก,เรือนจำ
https://prachatai.com/journal/2012/09/42694
[ 0, 259, 26420, 124576, 192537, 21834, 15334, 111173, 76426, 111173, 3755, 120562, 8007, 259, 111173, 3755, 135090, 11858, 156691, 259 ]
เศร้า สาวบัญชีเทศบาล แขวนคอคาบ้าน เครียดเงิน3แสน ไม่มีจ่ายผู้สูงอายุ
สาววัย 33 ปี เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี เทศบาลที่กาฬสินธุ์ ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ปิดห้องเก็บของใช้ผ้าผูกคอตาย หลังเจอมรสุมเรื่องเงิน 3 แสนบาท ไม่มีจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุมานาน 2 เดือน ทำให้เครียดจัด       ,เวลา 13.00 น. วันที่ 11 ส.ค. ร.ต.ท.วันเฉลิม เมืองพรหม รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาฬสินธุ์ รับแจ้งคนผูกคอตายภายในห้อง ที่บ้านเลขที่ 107 หมู่ 16 บ้านโหมน ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จึงไปพลิกศพพร้อมเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์จากโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ และหน่วยกู้ชีพหน่วยกู้ภัย,ที่เกิดเหตุ บ้านสองชั้นครึ่งไม้ครึ่งปูน ภายในบ้านชั้นล่าง พบร่างของน.ส.ปพิชญา ธารดอนรัตน์ อายุ 33 ปี เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี เทศบาลตำบลเชียงเครือ ใช้ผ้าผูกคอตัวเองเสียชีวิตในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้น เจ้าหน้าที่นำร่างมาตรวจพบรอยช้ำที่บริเวณลำคอ ไม่พบร่องรอยของการถูกทำร้าย จึงพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ตาย,จากการสอบถามเบื้องต้น ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้า น.ส.ปพิชญา ผู้ตาย ได้นอนอยู่บ้าน จากนั้นเก็บตัวเงียบภายในห้องเก็บของ โดยแม่ได้เรียกให้ออกมาทานข้าวหลายครั้งก็ไม่ยอมออกมา พอถึงเที่ยงแม่ผู้ตายได้ไปเรียกให้ออกมาทานข้าวอีกครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบรับจึงได้บอกเพื่อนบ้านให้มางัดประตูดู พบว่า น.ส.ปพิชญา ได้ใช้ผ้าผูกคอตัวเองจนเสียชีวิต สร้างความโศกเศร้าเสียใจกับญาติๆ เป็นอย่างมาก,ส่วนสาเหตุของการผูกคอตายครั้งนี้ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายมีปัญหาเรื่องการเงินภายในเทศบาลตำบลเชียงเครือ ที่ทำงานอยู่ เป็นเงินจำนวน 300,000 บาท ทำให้ไม่มีเงินจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุมาเป็นเวลา 2 เดือน ทำให้ผู้ตายเกิดความเครียดและมีอาการซึมเศร้ามาเป็นเวลานาน ก่อนตัดสินใจผูกคอตายจบชีวิตตัวเองดังกล่าว หลังส่งศพชันสูตรแล้ว เจ้าหน้าที่จะได้นำร่างผู้ตายให้กับทางญาติ ประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป.
สาววัย 33 ปี เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี เทศบาลที่กาฬสินธุ์ ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ปิดห้องเก็บของใช้ผ้าผูกคอตาย หลังเจอมรสุมเรื่องเงิน 3 แสนบาท ไม่มีจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุมานาน 2 เดือน ทำให้เครียดจัด
ข่าว,ทั่วไทย
แขวนคอตาย,สาวบัญชีผูกคอตาย,สาวเทศบาล,ผูกคอตายในบ้าน,กาฬสินธุ์,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1035422
[ 0, 259, 85322, 5405, 237196, 188964, 27987, 60612, 35872, 259, 27605, 138562, 17858, 73765, 4728, 83350, 46944, 93021, 12682, 209090 ]
ชำแหละ พ.ร.บ. ข้อมูลส่วนบุคคล คู่แฝด พ.ร.บ. มั่นคงไซเบอร์ ใครได้ ใครเสีย และภาระอยู่ที่ใคร
กฎหมายคู่แฝดที่ผ่าน สนช. ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงกัน เพราะถูกกลบด้วยกระแสความกังวลจากประเด็นการสอดแนมตาม พ.ร.บ. ความมั่นคงไซเบอร์ (คลิกอ่าน: ตอบทุกข้อสงสัย พ.ร.บ. มั่นคงไซเบอร์ นิยามความมั่นคงคืออะไร คุกคามเสรีภาพจริงหรือไม่ แล้วทำไมคนมากมายถึงต้องกังวล) ก็คือ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในระยะต่อไปความกังวลต่อ การสอดแนม ตาม พ.ร.บ. ความมั่นคงไซเบอร์ น่าจะลดลง เพราะการดำเนินการส่วนมากเป็นการ ช่วย ตรวจสอบ สอดส่อง หามัลแวร์ หรือการโจมตีระบบอยู่เบื้องหลัง เราอาจไม่รู้ว่ามีการใช้อำนาจตาม พ.ร.บ. มั่นคงไซเบอร์ จนกว่าจะถูกคำสั่งศาลให้ทำอะไรบางอย่าง แต่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะส่งผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดทั่วไปโดยเฉพาะกับผู้ประกอบธุรกิจ Q: หลักสำคัญของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล คืออะไรกฎหมายนี้เกี่ยวข้องกับ ข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งหมายความว่า ข้อมูลใดก็ตามที่ระบุตัวบุคคลได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ภาพถ่าย เลขบัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด ลายนิ้วมือ ม่านตา ฯลฯ โดยมีหลักการแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ1.กำหนดหน้าที่แก่ผู้ที่ เก็บ ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น ที่จะต้องขอความยินยอมก่อน ซึ่งกฎหมายเรียกว่า ผู้ควบคุมข้อมูล นอกจากนี้ยังกำหนดหน้าที่อื่นๆ ของผู้ควบคุมข้อมูล เช่น แจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบว่าจะเก็บไปใช้ทำอะไร เพื่ออะไร (โดยเขียนเป็นรายละเอียดที่เรียกว่า นโยบายความเป็นส่วนตัว หรือ Privacy Policy) หน้าที่ต้องเก็บรักษาให้ปลอดภัย ห้ามเปิดเผยหรือส่งต่อให้ผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต2.ให้สิทธิ์ เจ้าของข้อมูล เช่น ขอตรวจดูว่าเก็บข้อมูลอะไรของเราไปบ้าง ขอให้ลบหรือทำลาย ขอให้ระงับการใช้ ขอให้แก้ไขให้ถูกต้อง ฯลฯหลักการและชื่อของกฎหมายที่มีคำว่า คุ้มครอง ฟังดูเป็นมิตรกว่า ความมั่นคง ตาม พ.ร.บ. ไซเบอร์ อีกทั้งยังอ้างอิงหรือเกือบคัดลอกหลักการสำคัญต่างๆ มาจากกฎหมายต่างประเทศ โดยเฉพาะกฎหมายยุโรป (GDPR) ทำให้ดูเหมือนไม่น่ากังวลหรือส่งผลกระทบอะไรมากนักเทียบกฎหมายคู่แฝดที่แตกต่างและย้อนแย้งกฎหมายทั้งสองฉบับดูจะย้อนแย้งกันในเชิงหลักการหรือไม่ คำตอบคือ ใช่ แต่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บอกว่า ถ้ามี กฎหมายอื่น ให้อำนาจ ก็สามารถเก็บ ใช้ เปิดเผย โดยไม่ต้องขอความยินยอมได้ (มาตรา 19) ส่วนมาตรา 41/5 ก็บอกว่า หลักการคุ้มครองข้อมูลและสิทธิเจ้าของข้อมูลสามารถถูกจำกัดได้หลายกรณี ซึ่งรวมถึง การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และยังมีข้อยกเว้นยิบย่อยในส่วนการเก็บและเปิดเผยอีก ดังนั้น กฎหมายที่แตกต่างและย้อนแย้งในเชิงหลักการจึงถือกำเนิดเป็นฝาแฝดคู่กันได้ด้วยวิธีกำหนด ข้อยกเว้น ให้กันและกันในลักษณะนี้เองQ: พ.ร.บ. ข้อมูลส่วนบุคคล ช่วยแก้ข้อกังวล จาก พ.ร.บ. ไซเบอร์ ได้หรือไม่พ.ร.บ. มั่นคงไซเบอร์มีข้อกังวลที่ผู้เขียนตั้งไว้อย่างน้อย 9 ข้อ บทความนี้ชี้ให้เห็น 2 ข้อที่เชื่อมโยงกับ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล1.ข้อกังวลเกี่ยวกับอำนาจในการ สอดส่อง สอดแนม เข้าถึงข้อมูล ฯลฯการกระทำเหล่านี้ก็คือการ เก็บข้อมูล ซึ่งรวมถึง ข้อมูลส่วนบุคคล ในระบบคอมพิวเตอร์ เช่น เข้าถึงเพื่อระงับการทำงานของมัลแวร์ในระบบของผู้ให้บริการรายหนึ่ง แต่ บังเอิญ เจอข้อมูลระบุตัวลูกค้า เช่น บัญชี ภาพส่วนตัว ประวัติธุรกรรมซื้อขาย ฯลฯ คำถามจึงตามมาว่า ถ้าอย่างนั้นคณะกรรมการมั่นคงไซเบอร์ก็ต้องขอความยินยอมเราก่อนตามหลักกฎหมายคุ้มครองข้อมูลหรือไม่กฎหมายที่มีหลักต่างกัน แต่ออกมาพร้อมกันเหมือนฝาแฝดได้ จึงต้องไม่ขัดแย้งกัน ดังนั้น พ.ร.บ. ข้อมูลส่วนบุคคล แม้บอกว่าจะ เก็บ ต้องขอความยินยอมก่อนก็จริง (มาตรา 19) แต่มีข้อยกเว้น กรณีที่ กฎหมายอื่น ให้กระทำได้ และกรณีการเก็บข้อมูลเป็นการ ปฏิบัติตามกฎหมาย (มาตรา 24) คณะกรรมการมั่นคงไซเบอร์ไม่ต้องขอความยินยอมตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลฯ2.ข้อกังวล เกี่ยวกับ การโพสต์ แชร์เนื้อหาทำไมยังกังวลอีก ก็ในเมื่อ พ.ร.บ. มั่นคงไซเบอร์ จำกัดเฉพาะการโจมตีทางเทคนิค เช่น DDOS (ทำให้ระบบปฏิเสธบริการหรือล่ม) มัลแวร์ชนิดต่างๆ ฯลฯ ไม่ได้ลงโทษคนโพสต์ คนแชร์ คนไลก์ ข้อมูลเนื้อหา จึงฟันธงไปแล้วว่า โพสต์ แชร์ แม้ว่าเท็จ บิดเบือน ฯลฯ ไม่ผิด พ.ร.บ. ไซเบอร์แน่นอน (แต่จะผิด พ.ร.บ. คอมฯ หรือไม่เป็นอีกเรื่อง)แต่ก็ยังมีคนกังวลว่า การใช้อำนาจ เข้าถึง ตรวจสอบข้อมูล เพื่อระงับภัยไซเบอร์ อาจ บังเอิญ เจอข้อมูลหลักฐานความผิด กฎหมายอื่น แล้วจะเอาไปส่งต่อเพื่อดำเนินคดี เช่น เจอข้อมูลหลักฐานการโพสต์ข้อมูลที่ผิด พ.ร.บ. คอมฯ มาตรา 14 ฯลฯซึ่งตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การนำข้อมูลหลักฐานความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลระบุตัวคนไปใช้ดำเนินคดี ก็คือการ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งต้องขอความยินยอมก่อน แต่มาตรา 69 พ.ร.บ. มั่นคงไซเบอร์ ไม่ได้ห้ามเจ้าหน้าที่ที่พบข้อมูลหลักฐานความผิดอื่นแล้วนำไปเปิดเผยเพื่อดำเนินคดี ประกอบกับ พ.ร.บ. ข้อมูลส่วนบุคคลยกเว้นสำหรับการเปิดเผยที่ กฎหมายอื่น ให้อำนาจ (มาตรา 19) และ เปิดเผยข้อมูลเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย (มาตรา 27) รวมกันแล้วสรุปว่า คณะกรรมการมั่นคงไซเบอร์ ไม่ต้องขอความยินยอมในการเปิดเผยหรือส่งต่อข้อมูลระบุตัวคนที่ได้มา หากจะนำไปใช้เป็นหลักฐานดำเนินคดีอื่นจากบทความชิ้นที่แล้ว น้องผักกาดมีข้อมูลวิพากษ์วิจารณ์การเมืองอันสุ่มเสี่ยงต่อความผิด พ.ร.บ. คอมฯ อยู่ในอุปกรณ์ของตน ต่อมา บังเอิญ มีมัลแวร์ระบาด เจ้าหน้าที่กฎหมายมั่นคงไซเบอร์จึงตรวจสอบหามัลแวร์ แต่ บังเอิญ เจอข้อมูลเหล่านี้ น้องผักกาดไม่สามารถจะอ้าง พ.ร.บ. ข้อมูล เพื่อห้ามเจ้าหน้าที่ เปิดเผยหรือส่งต่อข้อมูลหลักฐานนั้นไปดำเนินคดีตาม พ.ร.บ. คอมฯสรุป พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลไม่ได้ช่วยให้คลายข้อกังวลอันเกิดจาก พ.ร.บ. ไซเบอร์ เหล่านี้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำให้อะไรแย่ลง ถ้าท่องคาถาตามที่ภาครัฐมักจะบอกเราว่า ถ้าไม่ทำผิด (ตามกฎหมายใดๆ ไม่ว่ากฎหมายนั้นจะกว้างดังเช่น พ.ร.บ.คอมฯ) ก็ไม่ต้องกลัวอะไรผลกระทบของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ต่อฝ่ายต่างๆพ.ร.บ. นี้มีความซับซ้อน ส่งผลกระทบทั้งเชิงบวกและลบต่อหลายฝ่าย ซึ่งวิเคราะห์แยกแยะได้ดังนี้ฝ่ายโจรประเด็นปัญหาของข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญเรื่องหนึ่งคือ ข้อมูลรั่วไหล (Data leak) ซึ่งเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ หนึ่งในนั้นก็คือ แฮกเกอร์ ซึ่งอาจเจาะเอาข้อมูลไปใช้ประโยชน์หรือเพียงแค่แสดงฝีมือว่าเจาะเข้าระบบได้แล้ว เอาข้อมูลมาแปะประจานเป็นหลักฐาน แต่ทั้งนี้ก็ส่งผลให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในระบบตกอยู่ในความเสี่ยงทั้งสิ้น พ.ร.บ. ข้อมูลส่วนบุคคล ส่งผลกระทบต่อโจรหรือแฮกเกอร์อย่างไรบ้างหลักกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลของหลายประเทศสะท้อนแนวคิดว่า เมื่อข้อมูลรั่วไหล แม้ว่าจะเกิดจากการเจาะจากแฮกเกอร์ที่มีเจตนาร้าย ผู้ที่ควรต้องรับผิดคือคนที่เอาข้อมูลคนอื่นมาเก็บไว้ ซึ่งก็คือ ผู้ควบคุมข้อมูลตัวอย่างเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้: ผู้ใช้บริการมือถือต้องให้เลขบัตรประชาชนพร้อมข้อมูลอื่นกับผู้ให้บริการเมื่อขอเปิดใช้งาน ซึ่งผู้ให้บริการนำไปเก็บไว้ในระบบของตน หรือไม่ก็ไปฝากไว้ในระบบคลาวด์ของผู้ให้บริการรับฝากข้อมูลอีกรายหนึ่ง จะเป็นกรณีใดก็ตาม สุดท้ายถูกแฮกเกอร์เข้าถึงและนำมาเผยแพร่แสดงฝีมือ แบบนี้ ถือว่าเกิดข้อมูลรั่วไหลแล้ว ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลไม่ได้ลงโทษแฮกเกอร์ (และโดยทั่วไป กรณีแบบนี้ก็มักจะจบลงด้วยการจับแฮกเกอร์ไม่ได้ หรือไม่รู้ว่าเป็นใคร) ในทางตรงข้าม กฎหมายนี้ได้กำหนดความผิดสำหรับ ผู้ควบคุมข้อมูล ซึ่งก็คือ ผู้ประกอบการที่อาจถูกปรับ ซึ่งต้องมาพิสูจน์ว่าปฏิบัติตามมาตรฐานรักษาข้อมูลอย่างเพียงพอแล้วหรือไม่ยิ่งไปกว่านั้น แฮกเกอร์บางคน บางกลุ่ม ชอบกฎหมายนี้ เช่นพวกที่ใช้ แรนซอมแวร์ หรือการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อประกอบธุรกิจเรียกค่าไถ่ เพราะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เรียกค่าไถ่เพิ่มขึ้นได้ ด้วยเหตุที่มี ราคาอ้างอิง ให้เปรียบเทียบ ซึ่งก็คือ ค่าปรับ ตามกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้ประกอบการจะต้องจ่ายหากเกิดข้อมูลรั่วไหล เช่น กฎหมายยุโรปกำหนดสูงสุดถึง 20 ล้านยูโร ตามกฎหมายไทย ถ้าผู้ควบคุมข้อมูลไม่จัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม อาจถูกปรับสูงสุดถึง 3 ล้าน (มาตรา 81) ดังนั้น ค่าไถ่ ที่โจรจะขู่เรียกเงินเพื่อแลกกับการไม่โจมตี หรือแลกกับการ ถอดรหัส ก็อาจแปรผันสูงขึ้น โดยมีค่าปรับเป็นอัตราอ้างอิงแล้วจะทำอย่างไรกับโจรพวกนี้ไม่เกี่ยวกับ พ.ร.บ. มั่นคงไซเบอร์ และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูล อาจต้องไปดูว่าผิด พ.ร.บ. คอมฯ หรือไม่ฝ่ายผู้ควบคุมข้อมูลเป็น จำเลย หรือเป้าหมายหลักของกฎหมายนี้ ต้องรับภาระหลายด้าน เช่นจัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) ที่เราเห็นกันตามเว็บต่างๆ อยู่แล้ว เป็นรายละเอียดเพื่อแจ้งให้ทราบว่าจะเก็บข้อมูลไปทำอะไร แค่ไหน ฯลฯ นอกจากนี้ยังต้องตรวจประเมิน ส่งรายงาน ฯลฯหน้าที่จัดทำระบบให้ปลอดภัย ไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล หน้าที่นี้ดูคุ้นๆ ถ้าอ่านควบคู่กับ พ.ร.บ. มั่นคงไซเบอร์ จะพบว่าเป็นหน้าที่คล้ายคลึงกัน แต่ต้องทำตามกฎหมาย 2 ฉบับ ที่มีรายละเอียดมาตรฐานต่างกัน ส่งรายงานต่อหน่วยงานรัฐถึง 2 หน่วย โดยเฉพาะหากผู้ ควบคุมข้อมูล อยู่ในธุรกิจที่เป็น โครงสร้างพื้นฐาน ตามกฎหมายมั่นคงไซเบอร์ด้วย เช่น ผู้ประกอบธุรกิจโทรคมนาคม ขนส่ง โลจิสติกส์ ฯลฯ เหล่านี้ เป็นทั้งผู้ควบคุมข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีหลักการเชิง อนาคต เช่นเดียวกับ กฎหมายมั่นคงไซเบอร์ ซึ่งให้อำนาจ สอดส่อง ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่เกิดภัยคุกคาม กล่าวคือ แม้ว่ายังไม่มีโจรมาเจาะข้อมูล แต่ผู้ควบคุมข้อมูลก็ต้องมีหน้าที่ป้องกันไว้ก่อน ถ้าไม่จัดทำตามหน้าที่ที่กฎหมายนี้กำหนด ก็อาจถูกปรับได้เลย โดยไม่ต้องรอให้โจรมาเจาะผู้ควบคุมข้อมูล สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายก็เตรียมพร้อมจะรับภาระพวกนี้ ส่วนใหญ่ก็ทำอยู่แล้ว เพราะต้องติดต่อค้าขายกับต่างประเทศเช่นกลุ่มยุโรป ที่มีหลักการแบบนี้เหมือนกัน จึงลงทุนทั้งระบบและที่ปรึกษาเทคนิคพร้อม ถึงจะมีต้นทุนสูงขึ้น พ.ร.บ. นี้ก็ไม่ได้ห้ามขึ้นราคาสินค้าหรือบริการเพราะเหตุที่ต้องทำตามมาตรฐานต่างๆกลุ่มที่น่ากังวลคือ ผู้ควบคุมข้อมูล รายยิบย่อย อย่าง SME พ่อค้า-แม่ค้า โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ที่ ผู้ประกอบธุรกิจ กับ ผู้บริโภค มีความทับซ้อนกันเสมอตัวอย่างเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้: น้องปุ๊กกี้ พนักงานบริษัทคนหนึ่ง ที่สวมหมวกอีกใบเป็นเจ้าแม่ขายเครื่องสำอางออนไลน์ จากรายย่อยเป็นตัวแทนรายใหญ่ วิตกกับกฎหมายภาษีออนไลน์ที่ออกมาแล้วว่าจะต้องถูกตรวจสอบธุรกรรมรายงานการโอนเงิน ตอนนี้มากังวลกับตำแหน่งใหม่คือ ผู้ควบคุมข้อมูล เพราะเธอจัดเก็บชื่อ เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ส่งของของลูกค้าต่างๆ ไว้ในโทรศัพท์ของเธอจำนวนมาก ตามกฎหมายนี้ เธอต้องปฏิบัติหน้าที่ ทั้งขอความยินยอมลูกค้า นั่งร่าง นโยบายความเป็นส่วนตัว บรรยายว่าฉันจะเก็บข้อมูลเอาไปใช้เพื่อขายครีมนี้เท่านั้น ไม่นำไปส่งต่อให้ร้านขายยาฆ่าแมลงหรอกนะ ฯลฯ ไหนจะต้องขอความยินยอมลูกค้าที่เอาหน้ามารีวิวครีมเธออีก ภาระของเธอดูเยอะเหลือเกิน จะผลักภาระออกไปโดยขึ้นราคาสินค้าก็ไม่ได้ การแข่งขันก็สูง ถูกกว่ากัน 2 บาทลูกค้าก็ไปซื้อรายอื่นแล้ว อย่างน้อยก็ยังดีที่เธอไม่เข้าข่ายผู้ประกอบธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่จะต้องจ้างนักไอทีมาตรวจสอบประเมินตามกฎหมายไซเบอร์อีกฉบับหนึ่งทำอย่างไรให้การค้าขายออนไลน์ไม่ต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลถ้าจะบอกให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไม่ต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลลูกค้าจะทำได้หรือไม่ ย้อนไปก่อนยุคโซเชียลมีเดียหรือแอปฯ สนทนาต่างๆ เราซื้อสินค้าบริการโดยไม่ต้อง รู้จักกัน แต่ปัจจุบันคงจะทำได้ยาก เพราะต้องเอาลูกค้ามาเป็น เพื่อน ในไลน์ ในเฟซบุ๊ก และขอข้อมูลกัน จริงๆ แล้วแค่เอาชื่อและที่อยู่ลูกค้ามาจัดส่งพัสดุให้ก็เป็น ผู้ควบคุมข้อมูล แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ประกอบธุรกิจบางประเภท แม้ว่าไม่อยากจะเก็บข้อมูลคนอื่น แต่ก็ถูกกฎหมายสั่งให้เก็บ ดังจะกล่าวต่อไปฝ่ายธุรกิจ สตาร์ทอัพ / ที่ปรึกษาไอที (Computer Security)ตามกฎหมายนี้ แบ่งพวก สตาร์ทอัพ เป็น 2 กลุ่มคือ 1. ผู้พัฒนา ขายระบบ โปรแกรม แอปฯ ให้คนอื่นใช้ กลุ่มนี้ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูล 2. ผู้ที่นำระบบ โปรแกรม แอปฯ ไปใช้ทำธุรกิจออนไลน์โดยเก็บข้อมูลลูกค้าจะเป็นผู้ควบคุมข้อมูล สำหรับที่ปรึกษาไอที ความปลอดภัยระบบ ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากกฎหมายนี้ เพราะผู้ประกอบธุรกิจที่เก็บข้อมูลลูกค้าต้องจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัย จัดให้มีนโยบายความเป็นส่วนตัว ตรวจประเมิน ฯลฯ ถ้าทำเองไม่ได้ก็ต้องจ้าง จริงๆ แล้ว กลุ่มนี้ยังมีโอกาสในการเป็นผู้ตรวจประเมิน จัดทำมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่เป็น โครงสร้างพื้นฐาน ตามกฎหมายมั่นคงไซเบอร์ด้วย เรียกว่ารับโชคถึงสองชั้นจากกฎหมายฝาแฝดนี้ฝ่ายเจ้าของข้อมูลภาพที่จะเกิดขึ้นหลังกฎหมายนี้มีผลบังคับ ผลกระทบต่อผู้เป็นเจ้าของข้อมูลก็คือประชาชนทั่วไป เป็นสิ่งที่เราไม่ต้องคาดหมายเพราะพบเห็นในปัจจุบันอยู่แล้ว เช่น โหลดแอปฯ อะไรสักอย่างมาใช้ จะมีเงื่อนไขรายละเอียดต่างๆ ให้อ่าน ถ้าได้อ่านจะพบรายละเอียดว่า เข้าถึงข้อมูลในอุปกรณ์อะไรของเราบ้าง จะเอาไปทำอะไร ส่งให้ใครต่อบ้าง ฯลฯ สุดท้ายเราก็กดปุ่ม ยอมรับ เพื่อให้ใช้ต่อไปได้ หรือเข้าเว็บไซต์แล้วมีให้กดยอมรับ คุกกี้ (ซึ่งก็จัดเป็นโปรแกรมสอดแนมติดตามพฤติกรรมออนไลน์อย่างหนึ่ง) พิธีกรรมเหล่านี้ทำไมถึงเกิดขึ้นอยู่แล้ว คำตอบคือ ผู้ให้บริการ โดยเฉพาะต่างประเทศ ต้องทำตามกฎหมายลักษณะนี้ของประเทศอื่นอยู่แล้ว ดังนั้น เจ้าของข้อมูล ที่หลักการของกฎหมายนี้มุ่ง คุ้มครอง อาจมีคำถามหรือความ คาดหมาย ที่มากกว่าเดิมQ: โทรขายประกัน สินเชื่อ บริการน่ารำคาญที่ไม่อยากได้จะหายไปหรือไม่สมมติว่าน้องผักชีซื้อรถกับบริษัท A ทำเรื่องกู้กับธนาคาร B ทำประกันกับบริษัท C ต่อมามีบริษัทชื่อแปลกๆ อีก 5 แห่งโทรมาขายประกันรถ ทั้งที่เพิ่งซื้อผ่านไป 3 เดือนกรณีมีผู้แปลกหน้าติดต่อนำเสนอสิ่งดีๆ ให้โดยเราไม่รู้จักเขามาก่อน อาจเกิดจากการซื้อ-ขายหรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ให้บริการรายหนึ่งไปยังอีกรายหนึ่ง หรือหลายๆ ราย ซึ่งกฎหมายนี้ห้ามขายข้อมูลไปให้ผู้อื่น เพราะเป็นการนำไปใช้หรือเปิดเผย แต่ยกเว้น ถ้าเจ้าของข้อมูลยินยอม โดยต้องแจ้งวัตถุประสงค์ด้วย และนี่ก็เป็นเหตุผลที่คาดการณ์ว่า เมื่อกฎหมายนี้ใช้บังคับ หากน้องผักชีซื้อรถใหม่ก็ยังจะได้รับการติดต่ออยู่เหมือนเดิม เว้นแต่ตอนทำสัญญากับผู้เกี่ยวข้องต่างๆ ระบุ ไม่ยินยอม ในทุกๆ ข้อตกลงที่เกี่ยวข้อง คำถามคือ แล้วน้องผักชีจะทำเช่นนั้นหรือไม่ในความเป็นจริงต้องยอมรับว่า ผู้บริโภคจำนวนหนึ่งไม่ได้แคร์กับการที่ใครจะเอาข้อมูลไปใช้ พวกเขายินดีถ่ายรูปหน้าตัวเองคู่กับจานอาหารหรือขนมในร้านนั้นแล้วแชร์ต่อไปโดยตั้งค่า สาธารณะ เพื่อ ช่วย ผู้ขายสินค้าหรือบริการ โฆษณา โดยได้ค่าตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ เช่น ส่วนลดหรือกาแฟฟรีสักแก้ว กลุ่มนี้อาจจะ รำคาญ ที่ต้องมา ตกลงยินยอม แต่ก็ต้องยอมรับสภาพ เพราะกฎหมายมีความปรารถนาจะ คุ้มครองQ: มีหลักห้ามเก็บข้อมูล อ่อนไหว ใครจะมาเก็บ หน้า นิ้ว ม่านตาเราไม่ได้จริงหรือไม่คนเรามีความอ่อนไหวต่อเรื่องข้อมูลต่างๆ ไม่เหมือนกัน บางคนอ่อนไหวกับเค้าโครงหน้า รูปร่าง บางคนอ่อนไหวกับความคิดความเชื่อ แต่กฎหมายนี้กำหนดว่า ข้อมูลบางอย่างเป็นข้อมูลที่ต้องได้รับการคุ้มครองพิเศษ เช่น ลายนิ้วมือ ม่านตา ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อลัทธิ พฤติกรรมทางเพศ ฯลฯ เหล่านี้อยู่ภายใต้หลัก ห้ามจัดเก็บ แต่กฎหมายยกเว้นในกรณีที่เจ้าของข้อมูล ยินยอมอย่างชัดแจ้ง ซึ่งอาจจะเป็นกดปุ่ม ตกลงยอมรับ เซ็นชื่อ ฯลฯถามว่าลูกจ้างจะยอมให้นายจ้างจัดเก็บลายนิ้วมือหรือสแกนหน้าเพื่อเข้างานหรือไม่ ผู้ใช้โทรศัพท์จะยอมให้ใช้ใบหน้าสแกนเพื่อเข้าใช้เครื่องหรือไม่ ถ้าเมาแล้วขับถูกตำรวจจับดำเนินคดีและให้เก็บลายนิ้วมือ จะอ้างหลักไม่ยินยอม เพราะเป็นข้อมูลพิเศษได้หรือไม่ ลองดูในฝ่ายภาครัฐที่จะกล่าวต่อไปฝ่ายรัฐ / หน่วยงานรัฐภาครัฐทำอะไรกับข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนบ้าง ผู้เขียนแบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้1.หน่วยงานรัฐเป็นผู้เก็บหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนในร่างกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับก่อนๆ มีการกำหนดยกเว้นไม่ใช้กับหน่วยงานรัฐ แต่สุดท้าย พ.ร.บ. นี้ก็ไม่ยกเว้น โดยหลักจึงพูดได้ว่า หน่วยงานรัฐที่เก็บข้อมูลส่วนบุคคล ก็เป็น ผู้ควบคุมข้อมูล ที่ต้องทำหน้าที่ต่างๆ ตามกฎหมายนี้ด้วย เช่น ขอความยินยอมก่อนจะเก็บหรือนำไปใช้ ต้องให้สิทธิ์เราขอลบ ฯลฯคำถามจึงตามมาว่า เราสามารถปฏิเสธสรรพากรที่จะเก็บข้อมูลเสียภาษี ปฏิเสธฝ่ายปกครองในการเก็บข้อมูลทะเบียนราษฎร์ หรือแม้แต่ปฏิเสธตำรวจที่จะให้พิมพ์ลายนิ้วมือเมื่อเมาแล้วขับโดยอ้างว่า ไม่ยินยอม ตามกฎหมายนี้ได้หรือไม่แม้ พ.ร.บ. นี้ไม่ยกเว้นหน่วยงานรัฐออกไปจากกฎหมายโดยสิ้นเชิง แต่มีหมวด 3 เกี่ยวกับ ข้อจำกัดการคุ้มครองข้อมูลและข้อจำกัดสิทธิเจ้าของข้อมูล สำหรับ หน่วยงานที่มีอำนาจ ซึ่งหมายถึงหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมายอื่นๆ เช่น ภาษี ตำรวจ ฯลฯ ดังนั้น หลักการคุ้มครอง เช่น ห้ามจัดเก็บ เปิดเผย ฯลฯ ก็มีข้อจำกัดได้ ในขอบเขตอำนาจหน่วยงานนั้น (มาตรา 41/4) สำหรับ สิทธิ์ของเจ้าของข้อมูล เช่น สิทธิ์คัดค้านการเก็บ การประมวลผลข้อมูล ก็ไม่สามารถอ้างกับหน่วยงานเหล่านี้เช่นกัน (มาตรา 41/3) แม้แต่จะเป็นข้อมูลพิเศษ เช่น ลายนิ้วมือ ม่านตา ฯลฯ ก็มีข้อยกเว้น เช่น การเก็บประวัติอาชญากรรม สามารถทำได้ภายใต้ หน่วยงานที่มีอำนาจสรุป สรรพากรสามารถจัดเก็บข้อมูลแม่ค้าออนไลน์เพื่อประมวลผลที่เกี่ยวกับภาษีได้ต่อไป ตำรวจสามารถเก็บข้อมูลภาพถ่ายทะเบียนรถหรือใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์เพื่อตัดแต้มได้ต่อไป หรือจัดเก็บลายนิ้วมือคนเมาแล้วขับได้ ฯลฯ โดยเจ้าของข้อมูลไม่สามารถใช้กฎหมายนี้มาปฏิเสธหรือคัดค้านได้2.หน่วยงานรัฐใช้กฎหมายสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจเป็นผู้เก็บข้อมูลส่วนบุคคลกรณีนี้มักเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ นำมาใช้ระบุตัวตน บนสมมติฐานว่า คนสามารถทำผิดกฎหมายได้ทุกเมื่อ จึงต้องทำให้เกิดความพร้อมไว้ เพื่อสามารถติดตามจับกุมได้ตลอดเวลาหากมีการกระทำอะไรที่ผิดกฎหมายขึ้นเราจะพบแนวคิดนี้ในกฎหมายต่างๆ เช่น การกำหนดให้ต้องใช้เลขหมายประชาชนเพื่อลงทะเบียนซิมมือถือ ซึ่งสะท้อนแนวคิดว่าเมื่อมีใครโพสต์อะไรผิด พ.ร.บ. คอมฯ จะได้ระบุตัวได้ หรือการกำหนดให้ผู้ส่งพัสดุสิ่งของต้องใช้เลขบัตรประชาชนแสดงตัวตน ฯลฯ ซึ่งสะท้อนเหตุผลว่า ถ้าส่งของผิดกฎหมายจะได้ตามตัวได้การดำเนินการลักษณะนี้ อาจส่งผลย้อนกลับไปกระทบเจ้าของข้อมูล เพราะโจรอาชีพสักกี่รายที่จะเอาบัตรตัวเองไปส่งระเบิดทางไปรษณีย์ ไหนยังจะมีโจรที่เอาข้อมูลระบุตัวผู้อื่นไปสมัครทำธุรกรรมต่างๆ พอมีข่าวแบบนี้ก็นำไปสู่ข้อเสนอเชิงนโยบายที่ยกระดับการระบุตัว เช่น ให้นำข้อมูลชีวภาพ พวกลายนิ้วมือหรือใบหน้าไปลงทะเบียน เช่น ข้อเสนอเชิงนโยบายบางฉบับ ที่ให้นำข้อมูลลายนิ้วมือหรือใบหน้าไประบุตัวเพื่อเปิดใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่ในทางกลับกัน ปรากฏข้อเท็จจริงทั่วไปว่าแฮกเกอร์สามารถ โจรกรรม ข้อมูลชีวภาพได้เช่นกัน นำไปสู่ความเสี่ยงที่เจ้าของข้อมูลไม่สามารถ รีเซต ได้เลยนอกจากวัตถุประสงค์ในการระบุหาตัวโจรแล้ว การระบุตัวยังนำมาใช้ประโยชน์ในการ หารายได้เข้ารัฐ ลองพิจารณาประกอบกับสภาพ ไร้เงินสด การจ่ายเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ สามารถติดตามได้ว่าใครได้เงินจากไหน จ่ายไปทางไหน และแล้ว กฎหมายภาษีก็ออกมากำหนดให้ผู้เกี่ยวข้องกับธุรกรรมโอนเงินเข้าออกออนไลน์ต้องรายงานส่งข้อมูลให้ภาครัฐในแง่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูล ผู้เก็บข้อมูลคือ ผู้ประกอบการ ถึงไม่อยากจะเก็บ ก็ถูกกฎหมายฉบับต่างๆ สั่งให้มีหน้าที่เก็บ พอเก็บไปแล้วก็กลายเป็น ผู้ควบคุมข้อมูล ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลอีก ในแง่ผู้บริโภคก็จะมีคำถามว่า สามารถปฏิเสธไม่ยินยอมให้เก็บข้อมูลได้หรือไม่ เพราะพวกนี้เป็นผู้ประกอบการเอกชน คำตอบก็คือ ไม่ได้ เพราะผู้ประกอบการเหล่านั้นปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย (มาตรา 24 (7))บททิ้งท้ายการออกกฎหมายนี้ อ้างอิง หรือ อิมพอร์ต หลักกฎหมายยุโรป (GDPR) เข้ามา โดยให้เหตุผลว่า ต้องทำให้สอดคล้องกับมาตรฐานยุโรป เพื่อให้สามารถโอนข้อมูลระหว่างไทยกับยุโรปได้จริงอยู่ว่ากฎหมายยุโรปห้ามโอนข้อมูลของพลเมืองยุโรปไปยังประเทศที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลที่ต่ำกว่า แต่ว่าไม่ใช่แค่ มี กฎหมายคุ้มครองข้อมูลแล้วจะถือว่าได้มาตรฐานลองย้อนดูตัวอย่าง สหรัฐฯ ตกลงกับยุโรปในโครงการชื่อ Safe Harbor ให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการนี้ยอมปฏิบัติตามหลักที่คล้ายคลึงกับกฎหมายยุโรป แต่ต่อมามีการฟ้องศาลยุโรปอ้างข้อมูลว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มีพฤติกรรมไม่น่าวางใจในการสอดส่องข้อมูลผู้ใช้โทรคมนาคมอย่างกว้าง (ข้อมูลส่วนหนึ่งมาจากการแฉของ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน) ศาลยุโรปจึงตัดสินในปี ค.ศ. 2015 ว่า ความตกลงโอนข้อมูลระหว่างยุโรปกับสหรัฐฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะหน่วยงานรัฐของสหรัฐฯ ไม่น่าวางใจ อาจมา สอดแนม ข้อมูลได้ (Case C-362/14)เปรียบเทียบกับสถานการณ์ของไทยตอนนี้ เรียกได้ว่า ล้ำหน้า กว่าสหรัฐฯ หนึ่งขั้น เพราะไม่ได้มีการทำโครงการลับ สอดแนม จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่เคยทำงานให้ภาครัฐออกมาแฉต่อสื่อมวลชน แต่ออกกฎหมายให้อำนาจ สอดแนม อย่างถูกต้อง ในกรณีที่มี ภัยคุกคามไซเบอร์ แถมยังออกควบคู่มากับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเสียด้วยพิสูจน์อักษร:
ในระยะต่อไปความกังวลต่อ การสอดแนม ตาม พ.ร.บ. ความมั่นคงไซเบอร์ น่าจะลดลง แต่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะส่งผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดทั่วไป โดยเฉพาะกับผู้ประกอบธุรกิจ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีหลักการเชิง อนาคต เช่นเดียวกับ กฎหมายมั่นคงไซเบอร์ ซึ่งให้อำนาจ สอดส่อง ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่เกิดภัยคุกคาม กล่าวคือ แม้ว่ายังไม่มีโจรมาเจาะข้อมูล แต่ผู้ควบคุมข้อมูลก็ต้องมีหน้าที่ป้องกันไว้ก่อน ถ้าไม่จัดทำตามหน้าที่ที่กฎหมายนี้กำหนด ก็อาจถูกปรับได้เลยโดยไม่ต้องรอให้โจรมาเจาะกลุ่มที่น่ากังวลคือ ผู้ควบคุมข้อมูล รายยิบย่อย อย่าง SME พ่อค้า-แม่ค้า โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ที่ ผู้ประกอบธุรกิจ กับ ผู้บริโภค มีความทับซ้อนกันเสมอ
https://thestandard.co/personal-information-act/
[ 0, 259, 70838, 38089, 42174, 83841, 6088, 1549, 23043, 259, 120195, 12682, 260, 259, 159950, 1190, 259, 103617, 259, 35996 ]
คลุกวงในไทยลีก 26/04/62
ความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งนิรันดร์ (อีกแล้ว) คราวนี้เป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยพลาดท่าเสียทีให้กับ เอฟเวอร์ตัน เละเทะ ถึงขนาดนี้มาก่อน เกิดอะไรขึ้นกับทีมที่ใช้โค้ชถึง 4 คน หลังจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ขอยุติบทบาท,ยิงกันถล่มทลายถึง 12 ประตู เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จนใครๆ นึกว่าเตะฟุตซอล ชลบุรี เอฟซี เปิดบ้านยิง เชียงใหม่ เอฟซี ไป 7 ลูก แต่ก็เสียถึง 5 ประตู สกอร์ที่ออกมา 7 : 5 จึงกลายเป็น สถิติยิงประตูสูงสุดตลอดกาลของไทยลีก ดูเกมนี้แล้วคิดถึงหนังไทยเรื่อง เพชรตัดเพชร,ขบวนการมิจฉาชีพ เกลื่อนวงการฟุตบอลไทย นอกเหนือจากการจับกุมกลุ่ม จ้างล้มบอล ล็อกผลบอล และ ล็อกผู้ตัดสิน แล้วตอนนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลไทยฯ กำลังออกโรงกำจัด เหลือบ ที่แฝงตัวทำมาหากินกับผู้ฝึกสอนและนักเตะโดยหลอกว่า หางานให้ได้ แต่สุดท้ายก็เหลว พวกนี้ต้องรีบจัดการ อย่าเก็บไว้ให้ หนักแผ่นดิน,ถัดจากเหลือบทั่วๆ ไป ปิดกันให้แซ่ดว่ามี เหลือบกิตติมศักดิ์ ที่ทำตัว สนิทสนมกับ ผู้มีอำนาจ และก็ได้รับความเมตตาให้ เหมางาน บางโครงการไปทำโดยที่ขาดความรู้และประสบการณ์ เลยทำให้ คนใน วิจารณ์กันเองสนุกปากว่า ถ้าทำได้แค่นี้ ไปขาย เต้าฮวย ดีกว่า,ไทยลีก สัปดาห์นี้เตะกันตามปกติ วันนี้ (26 เม.ย.) มีคู่เดียว เชียงราย ยูไนเต็ด บุกไปเยือน จอมเสมอ สุโขทัย เอฟซี ส่วนวันเสาร์ที่น่าดูคือ พีทีที ระยอง เปิดบ้านรับ เมืองทอง ยูไนเต็ด เกมนี้ ยุน จอง ฮวาน ต้องการ 3 แต้มแรกเพื่อลดความกดดันของตัวเองและลูกทีม,สำหรับวันอาทิตย์ คู่เอกคงเป็น แบงค็อก ยูไนเต็ด เตะในบ้านพบกับ ประจวบ เอฟซี นัดนี้ ชี้ชะตา มาโน่ โพลกิ้ง กลายๆ เพราะถ้าแพ้หรือทำได้แค่เสมอนายไปแน่,กำหนดการฌาปนกิจศพ คุณแม่ วินิตา สุวรรณศรี มารดาของ สุชาติ สุวรรณศรี อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอล สโมสรธนาคารกรุงเทพ ยุคเฟื่องฟู วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน เวลา 16.00 น. ที่ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน,วีเออาร์,[email protected]
ยิงกันถล่มทลายถึง 12 ประตู เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จนใครๆ นึกว่าเตะฟุตซอล ชลบุรี เอฟซี เปิดบ้านยิง เชียงใหม่ เอฟซี ไป 7 ลูก
ไทยลีก,ชลบุรี เอฟซี,เชียงใหม่ เอฟซี,ยิงประตูสูงสุด,สถิติฟุตบอล,คลุกวงในไทยลีก,วีเออาร์
https://www.thairath.co.th/sport/thaifootball/1553036
[ 0, 259, 113501, 259, 120251, 97014, 79876, 86859, 36233, 31753, 26493, 259, 154424, 4188, 18433, 35835, 2752, 1, 0, 0 ]
เปิดตัว เครือข่ายสิทธิแรงงานประมง หวังขยับมาตรฐานแรงงานไทย
เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2561 สหพันธ์แรงงานขนส่งระหว่างประเทศ (ITF) เปิดตัวเครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานประมง (FRN) อย่างเป็นทางการเพื่อต่อสู้กับการละเมิดและเอาเปรียบผู้ใช้แรงงานในอุตสาหกรรมประมงของไทยทาง ITF ระบุว่าเครือข่ายนี้นับเป็นสภาพแรงงานประมงที่เป็นอิสระและมีความเป็นประชาธิปไตย ได้รับการยอมรับจากสมาพันธ์สหภาพแรงงานจากทั่วโลก รวมถึงสภาแรงงานแห่งชาติทั้งในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และออสเตรเลีย องค์กรพัฒนาเอกชนต่างๆ รวมถึงบริษัทไทยยูเนี่ยน ผู้ผลิตอาหารทะเลแปรรูปที่ใหญ่ที่สุดจอห์นนี ฮาเซน ประธานสาขาประมงของ ITF แสดงความยินดีที่เกิดเครือข่ายนี้อย่างเป็นทางการเพื่อจะได้มีการขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของแรงงานประมงทุกคนในประเทศไทยผมเคยเป็นลูกเรือประมงและคนทำงานเรือเดินทะเลในประเทศนอร์เวย์มาเป็นเวลา 13 ปี การเอารัดเอาเปรียบแรงงานประมงที่มีอยู่กว้างขวางในประเทศไทยและเรื่องราวที่ผู้ใช้แรงงานประมงเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับสภาพที่พวกเขาถูกบังคับให้ต้องอดทนเป็นสิ่งที่ไร้มนุษยธรรมเมื่อเทียบกับมาตรฐานแรงงานสากลการเอารัดเอาเปรียบนี้ได้ถูกเปิดเผยมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ทั้งสหภาพยุโรปและรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ประณามและลงโทษรัฐบาลไทยสำหรับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าต่อการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย การประมงที่ขาดการรายงานและขาดการควบคุมเราได้ลงปฏิบัติงานในพื้นที่มาเป็นเวลา 14 เดือน ทำงานพูดคุยกับแรงงานข้ามชาติทั้งกัมพูชาและเมียนมาร์หลายร้อยคน และถึงแม้ว่าจะมีแรงกดดันจากนานาชาติและการเปลี่ยนแปลงกฎหมายไทย แรงงานประมงได้บอกกับเราว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับตัวพวกเขาไม่มากนัก การละเมิดสิทธิมนุษยชนยังคงมีอยู่ในอุตสาหกรรมนี้บทเรียนจากประเทศที่มีสหภาพแรงงานประมงคือ การปราศจากสิทธิที่พึงได้รับในที่ทำงานและความไม่เข้มแข็งที่มาจากเสียงของสหภาพแรงงานจะทำให้การละเมิดสิทธิแรงงานประมงในประเทศไทยยังคงดำเนินต่อไป FRN กำลังสร้างขีดความสามารถในการจัดตั้งและสร้างพันธมิตรที่มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้ทั่วประเทศและทั่วโลก ฮาเซนกล่าวนอกจากนี้ในการเปิดตัวครั้งนี้ เครือข่ายสิทธิแรงงานประมงได้มีข้อเรียกร้องเบื้องต้น ดังนี้-การกำจัดแรงงานขัดหนี้ ซึ่งรวมไปถึงค่าธรรมเนียมในการทำหนังสือเดินทาง บัตรสีชมพู ใบอนุญาตทำงานจากตัวแทนและนายหน้า-เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำแก่แรงงานประมง และปรับปรุงสภาพการทำงานและสิทธิแรงงานแก่แรงงานประมงทุกคนในอุตสาหกรรมประมงไทย-แรงงานประมงทุกคนต้องได้รับสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรในภาษาของตนเอง-แรงงานประมงทุกคนจะต้องได้รับการฝึกอบรมปฐมพยาบาลเบื้องต้นและสามารถเข้าถึงชุดปฐมพยาบาลที่จัดไว้บนเรือแต่ละลำ-เรือทุกลำต้องมีขั้นตอนและแนวทางปฏิบัติในกรณีการรักษาพยาบาลฉุกเฉินที่เกิดขึ้นในสถานที่ทำงาน-การจัดให้มีจรรยาบรรณในการเดินเรือบนเรือทุกลำที่ทำประมงในน่านน้ำไทย-รัฐบาลไทยให้สัตยาบันรองรับอนุสัญญา ILO8798188 และการแก้ไขกฎหมายแรงงานเพื่อให้แรงงานข้ามชาติสามารถมีเสรีภาพในการสมาคมและการเจรจาต่อรองร่วม และเพื่อจัดตั้งสหภาพแรงงานที่พวกเขามีส่วนร่วมได้ทั้งนี้องค์กรที่ให้การรับรองเครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานประมงมีดังนี้ International Trade Union Confederation (ITUC) Building and Woodworkers International Union (BWI) American Federation of Labor and Congress of Industrial Organizations (AFL-CIO) – United States Australian Council of Trade Unions (ACTU) – Australia Cambodian Labor Congress (CLC) – Cambodia Trades Union Congress (TUC) – United Kingdom State Enterprises Workers Confederation (SERC) – Thailand Belgian Transport Workers Union (BTB) – Belgium Building and Woodworkers Trade Union Federation of Cambodia (BWTUC) Cambodian Transport Workers Federation (CTWF) – Cambodia Independent Democratic of Informal Economy Association (IDEA) – Cambodia International Longshore and Warehouse Union (ILWU) – Canada Marine Transport Workers Trade Union of Ukraine (MTWTU) – Ukraine Marine Engineers Beneficial Association (MEBA) – United States Maritime Union of Australia (MUA) – Australia Maritime Union of New Zealand (MUNZ) – New Zealand Norwegian Seafarers Union (NSU) – Norway Norwegian Transport Workers Union (NTF) – Norway Seafarers International Union (SIU) – Canada Seafarers Union of Russia (SUR) – Russiaในส่วนสหภาพแรงงานในประเทศไทย ได้แก่ Building and Wood Workers International Council of Thailand (BWICT) International Transport Workers Federation Thailand (ITF Thai) Labor Union of Government Pharmaceutical Organization (LUGPO) Metropolitan Electricity Authority Workers Union (MEAWU) Rubber Authority of Thailand State Enterprise Worker Union (RAOT SWEU) SEWU Marketing Organization of Farmers (SEWU MOF) State Enterprise Electrified Train Workers Union (SEETU) State Railway Union of Thailand (SRUT) Thailand Automobile Workers Union (TAW) Thai Airways International Union (TG Union) Thai Confederation of Electronic Electrical Appliances Auto and Metal Workers (TEAM) Thai Labour Solidarity Committee (TLSC) Wingspan Workers Union (WWU) TOT Public Company Limited Workers Union (TOT)องค์กรพัฒนาเอกชน ได้แก่ Ethical Trading Initiative International Labor Rights Forum (ILRF) Greenpeace Southeast Asia Raks Thai Foundation Union Aid Abroad (APHEDA) Thai Union PCL
เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2561 สหพันธ์แรงงานขนส่งระหว่างประเทศ (ITF) เปิดตัวเครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานประมง (FRN) อย่างเป็นทางการเพื่อต่อสู้กับการละเมิดและเอาเปรียบผู้ใช้แรงงานในอุตสาหกรรมประมงของไทย ทาง ITF
แรงงาน
FRN,สหภาพแรงงาน,อุตสาหกรรมประมง,เครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานประมง,เอฟอาร์เอ็น,ไอทีเอฟ
https://prachatai.com/journal/2018/05/77201
[ 0, 259, 99412, 12005, 111173, 181851, 228480, 259, 38058, 84281, 98996, 4188, 15770, 38058, 95238, 114207, 3682, 53377, 137828, 228507 ]
เสวนา: คน ศิลปะ การเมือง ในงานภาพถ่ายขาว-ดำ Gray Red-Shirt
วงคุยเรื่องคน ศิลปะ การเมือง ที่ร้านเล่า จ.เชียงใหม่ มองวัฒนธรรมเสื้อแดงขาดพื้นที่ในสื่อหลัก ซ้ำถูกสร้างภาพให้ดูรุนแรง ระบุเมื่อ การปั้นแต่งมติมหาชน โดยรัฐไม่ได้ผล รัฐจึงต้องใช้กฏหมายลิดรอนเสรีภาพวันที่ 5 มี.ค. 2554 ที่ร้าน เล่า จ.เชียงใหม่มีการจัดพิธีเปิดนิทรรศการภาพถ่ายขาว-ดำ Gray Red-Shirt พร้อมการเสวนาเรื่อง คน ศิลปะ การเมือง โดยมีผู้ร่วมเสวนาคือ รศ.ดร. ไชยันต์ รัชชกูล อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วันรัก สุวรรณวัฒนา อาจารย์จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และพิภพ อุดมอิทธิพงศ์ นักแปลอิสระ บรรยากาศภายในงาน มีการถกเถียงแลกเปลี่ยนอย่างเป็นกันเองวันรัก กล่าวถึงประเด็น ศิลปะกับการเมืองและการเมืองในศิลปะ โดยตั้งข้อสังเกตว่า หลังการสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงวันที่ 19 พ.ค. 2553 ทางฝ่ายรัฐรณรงค์โดยอาศัยแรงทางด้านศิลปะและวัฒนธรรม มีการใช้ศิลปินเพลงป็อบ การจัดนิทรรศการภาพถ่ายมาช่วยรณรงค์พร้อมกับคำจำพวก หยุดทำร้ายประเทศไทย คืนรอยยิ้มให้สยาม โดยมีการเน้นการใช้คำว่า รอยยิ้ม และ ความรัก รวมถึงการแสดงภาพความเป็นศาสนาพุทธ ขณะเดียวกันก็มักจะแสดงภาพของผู้ชุมนุมเสื้อแดงไปในทางที่ดูรุนแรง ภาพของการใช้อาวุธ แม้ว่าบางภาพของเสื้อแดงจะไม่ได้รุนแรงเลยแต่ก็พยายามทำให้ดูรุนแรงด้วยวิธี การนำเสนอวันรัก ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่างานด้านวัฒนธรรมของฝ่ายอนุรักษ์นิยมเหล่านี้ มีการใช้รูปแบบที่ดูไม่เชย ทำให้ดูเท่ ดูแนวได้ รัฐไทยจึงสามารถดึงความสนใจของวัยรุ่น-คนรุ่นใหม่ได้ ถือว่าประมาทอำนาจทางสุนทรียตรงนี้ไม่ได้เลยด้านไชยันต์ รัชชกูล ตั้งคำถามว่าเหตุใดฝ่ายอนุรักษ์นิยม ถึงไม่ยอมมาต่อสู้ในพื้นที่ของการใช้ปัญญา (Intelletual Force) ซึ่งโดยส่วนตัวไชยันต์คิดว่ากลุ่มอนุรักษ์นิยมไม่สนใจในเรื่องการใช้สติ ปัญญาถกเถียงกัน ถ้าไม่สนใจฟังก็จะใช้กำลัง หรืออีกวิธีคือการอาศัยพื้นที่ด้านศิลปวัฒนธรรมดังที่กล่าวมาก่อนหน้านี้วันรักเองก็เห็นด้วยว่ากลุ่มอนุรักษ์นิยมไม่สนใจต่อสู้ในพื้นที่ของการ ใช้ปัญญาแต่หันมาใช้วัฒนธรรมสื่อกระแสหลัก (Mass Media Culture) ทำให้เกิด การสำแดงทางวัฒนธรรม (Cultural Manifestation) พอกล่าวถึงประเด็นนี้ ไชยันต์ก็ให้ความเห็นว่าฝ่ายเสื้อแดงเองก็มีสื่อศิลปะของตนเอง เช่น เพลงของคนเสื้อแดง ที่ไม่มีพื้นที่ในสื่อกระแสหลัก แต่มีการเปิดฟังกันเองในหมู่คนเสื้อแดงผ่านวิทยุชุมชน ซึ่งขณะเดียวกันการขาดช่องทางในการสื่อสารทางวัฒนธรรมก็ทำให้การต่อสู้ใน เชิงวัฒนธรรมลำบากด้านพิภพ บอกว่าเท่าที่เขาเห็นมาฝ่ายขวามักจะสร้างวาทกรรมว่าเสื้อแดงมีความเป็น ลูกทุ่ง และการที่ศิลปะของเสื้อแดงเช่นเพลงของเสื้อแดงไม่มีพื้นที่แสดงออกในสื่อ วิทยุทั่วไปเนื่องจากถูกตีตราว่าไม่ใช่วัฒนธรรมคนเมือง ไม่ใช่วัฒนธรรมปัญญาชน นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตการนำเสนอเรื่องของเสื้อแดงในสื่อกระแสหลักว่ามัก จะไม่ถ่ายภาพประชาชนผู้ชุมนุม และหากมีการนำเสนอก็มักมีแต่ภาพลบ ขณะที่เสื้อเหลืองจะมีภาพประชาชนผู้ชุมนุมที่กำลังร้องเล่นเต้นรำอย่างสนุก สนานเฮฮาเหมือนคนรวยเท่านั้นที่มีสิทธิเต้นรำได้ ขณะที่คนจนๆ มาเต้นรำแล้วไม่น่าดู พิภพกล่าว และว่าความพยายามของรัฐในการทำให้เกิด การปั้นแต่งมติมหาชน (Manufacturing Consent) นั้นไม่ค่อยเกิดผลเท่าไหร่ รัฐถึงต้องอาศัยมาตรการทางกฏหมายเช่นการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ รวมถึงการใช้กฏหมายมาตรา 112 เพราะใช้การขับกล่อมทางวัฒนธรรมไม่ได้ผล สาเหตุที่ไม่ได้ผลคงต้องไปถามคนเสื้อแดงดูเอง การแสดงความคิดเห็นของเสื้อแดงจึงถูกการใช้อำนาจเหล่านี้กดทับ ซึ่งถือเป็นเรื่องการละเมิดเสรีภาพในการแสดงออก (Freedom of Speech) ของพลเมืองซึ่งเป็นหลักการสากลวันรัก กล่าวถึงกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรมของเสื้อแดง โดยยกตัวอย่างงานคอนเสิร์ตระดมทุนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนนำมาซึ่งการถกเถียงกันซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี โดยสำหรับเสื้อแดงแล้วจุดนี้เหมือนการยกระดับการทำกิจกรรมในพื้นที่ชุมนุม ขึ้นมาบนเวทีกรณีที่สื่อของเสื้อแดงถูกปิดช่องทางการแสดงออกนั้น วันรักมองว่าการที่สื่อกระแสหลักผูกขาดทุกอย่างทำให้ต้องช่วยกันตั้งคำถาม ว่าจะสร้างพื้นที่ได้อย่างไร เนื่องจากเรื่องราวของเสื้อแดงเป็นเรื่องเล่า (Narrative) กระแสรองอยู่แล้ว เช่นเดียวกับในยุค 14 ตุลาฯ เรื่องราวในตอนนั้นช่วงแรกๆ ก็ยังเป็นเรื่องเล่าในกระแสรองอยู่ วิธีการคือเราต้องช่วยกันสร้างเรื่องเล่ากระแสรองขึ้นมาเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งมันจะซึมซับเข้าไปในจิตใจคน เนื่องจากเรื่องราวเหล่านี้มีความเป็นประวัติศาสตร์ในตัวมันอยู่แล้วด้านไชยันต์ร่วมตั้งคำถามว่าศิลปะของฝ่ายรัฐมีผลกระทบกระเทือนมากขนาดไหน ขณะเดียวกันก็ตั้งคำถามว่าเราจะแยกได้อย่างไรว่าอะไรเป็นกระแสหลัก-กระแสรอง โดยไชยันต์ตั้งข้อสังเกตว่าจากนิยามแล้วสื่อกระแสหลักน่าจะหมายถึงสิ่งที่ ส่งไปถึงผู้คนส่วนมาก โดยไม่จำกัดที่ลักษณะของสื่อก็เป็นได้ขณะที่วันรักเตือนว่า เราต้องระวังการประเมินตนเกินจริง (Overestimate) ในเรื่องจำนวน และอย่าคิดว่าสิ่งที่ส่งผ่านให้กันดูจะสามารถมีผลกระเทือนทำให้เกิดความ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมืองได้ทันที เราอาจจะให้ความหวังตัวเองได้ แต่สิ่งที่คนข้างนอกวงเราไม่ได้เห็นอย่างที่เราเห็น ขณะที่เรื่องความเป็นกระแสหลัก-กระแสรองนั้นพิภพมองว่า งานภาพถ่าย Gray Red Shirt ในวันนี้น่าจะนับเป็นกระแสหลักได้ แม้จะไม่ตรงตามความหมายของสื่อมวลชนก็ตามพิภพมองว่าการที่มีกลุ่มทางการเมืองที่ขัดแย้งกันเป็นเรื่องปกติในระบอบ ประชาธิปไตย จึงไม่เห็นด้วยกับการที่มีคนบอกว่าปัญหาในประเทศที่เกิดขึ้นมาจากการที่คน ไทยแบ่งแยกกันออกเป็นฝักฝ่าย และการแบ่งแยกเช่นนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีเพราะมันคือสิ่งที่บ่งชี้เรื่องความ หลากหลายทางความคิด เช่นที่สหรัฐอเมริกา ก็มีการแบ่งขั้วทางการเมืองอย่างชัดเจน 2 ฝ่ายคือฝ่ายสนับสนุนพรรครีพับลิกัน กับฝ่ายเดโมแครต เพียงปัญหาในประเทศไทยอยู่ตรงที่สนามของฝ่ายที่ขัดแย้งกันสองฝ่ายมีระดับไม่ เท่ากัน สนามของอีกสีมักจะสูงกว่าอีกสี สิ่งที่ควรแก้คือการทำให้สนามเท่ากันปัญหาที่แท้จริงตอนนี้คือการที่ฝ่ายรอยัลลิสต์ไม่ยอมให้คนที่เชื่อต่างจากตนมีชีวิตอยู่ พิภพกล่าววันรักกล่าวว่า ศิลปะที่มีการนำเสนออุดมการณ์ทางการเมืองชัดเจนจะเรียกว่า โฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) เช่นศิลปะแนวสัจจสังคมนิยมรัสเซีย จีน แต่งานภาพถ่ายชุดนี้เป็นสิ่งที่มีเรื่องเล่า (Narrative) ในตัวเองและเป็นเรื่องเล่าที่เป็นสิ่งที่เราอยู่กับมันทุกวัน โดยที่มันเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจทางศิลปะ ที่อยากชวนผู้ชมช่วยกันมองว่าเรื่องเล่าที่พวกเราได้รับเป็นเรื่องเล่าแบบใด เราเอาตัวเองไปผูกกับมันได้แค่ไหน มันสะท้อนอะไร และจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหรือไม่ไชยันต์กล่าวถึงรูปภาพในงานนี้โดยตั้งคำถามว่า งานชุดนี้แตกต่างจากภาพอื่นๆ ที่ถ่ายกันอย่างไร อะไรที่ทำให้ภาพเหล่านี้กลายเป็นชิ้นงานศิลปะ (Object of Art) ขึ้นมาได้ โดยส่วนตัวไชยันต์เห็นว่ารูปในงานนี้มีความเป็นศิลปะมากจากการที่มัน ลดทอนความจริงที่เราคุ้นเคย (Defamiliarize Reality) เทียบกับรูปที่ลงตามหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นเหมือนการไปก็อปปี้ภาพความจริงมา แต่ภาพในงานนี้เป็นการทำให้เกิดความจริงใหม่ที่เราไม่คุ้นเคย โดยจะสังเกตเห็นว่ารูปที่นำเสนอมีอยู่เพียงรูปเดียวที่แสดงให้เห็นรูปใน ระดับผู้นำ และไม่ได้แสดงให้เห็นความอลังการ (Grandeur) ของเสื้อแดง แต่เน้นรูปของบุคคลเป็นคนๆ ไป ต่างจากภาพของ 14 ตุลาฯ รวมถึงพฤษภาทมิฬ ซึ่งมักแสดงให้เห็นความยิ่งใหญ่ รูปของขบวนการนักศึกษา แต่ไม่มีรูปของบุคคลธรรมดาเหล่านี้รูปเหล่านี้ต่างจากศิลปะแนว Propaganda ไชยันต์กล่าว แนว Propaganda คือการที่พูดอยากมาอย่างนั้นมันก็ต้องเป็นอย่างนั้น แต่ภาพเหล่านี้ไม่ได้มี Narrative ในตัวมัน เป็นหน้าที่ของคนดูที่ต้องต่อเติมเองด้านวันรัก ซึ่งให้ความหมายของ เรื่องเล่า จากคำว่า Narrative ว่าหมายถึงชุดความคิดที่เล่ากันมาอย่างตายตัว เช่น เราต้องรักพ่อแม่ เราต้องเป็นผู้หญิงแบบนี้ ฯลฯ และศิลปะเท่านั้นที่ทำให้เกิดการบ่อนเซาะ ตั้งคำถามกับ Narrative และนำไปสู่การแลกเปลี่ยนถกเถียง ซึ่งในประเทศไทยยังขาดกระบวนการแลกเปลี่ยนถกเถียงกันในแวดวงศิลปะ ศิลปะคือการกระแทกกระทั้น บ่อนเซาะ ความจริงที่ถือว่าเป็นธรรมชาติ วันรักกล่าววันรักยังได้ตอบคำถามผู้เข้าร่วมเสวนาท่านหนึ่งซึ่งแสดงความเห็นว่าศิลปะ แนวเพื่อชีวิต เพื่อการเมืองในปัจจุบันลดลงไปหรือเปล่า ว่า ศิลปะไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องแนวเพื่อชีวิตซีเรียส ศิลปะต้องทำให้มันตลก เช่นที่ บก.ลายจุด ได้รับความนิยมเนื่องจากมีอารมณ์ขันและเป็นอารมณ์ขันแบบที่บ่อนเซาะหรือตั้ง คำถามขณะที่พิภพกล่าวว่า ศิลปะสำหรับเขาแล้วคือการแสดงออก (Expression) ซึ่งทำให้คนเสื้อแดงเองมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว เช่น เมื่อตอนที่เขาได้ไปอยู่ในที่ชุมนุมก็จะพบคำขวัญใหม่ๆ ทุกวัน และต้องตีความว่าเขาพูดถึงอะไรกัน และศิลปะจากคนเสื้อแดงนั้นมีความหลากหลายมาก ภาพของคนเสื้อแดงจึงไม่ใช่เป็นแค่วัตถุ (object) ทางศิลปะอย่างเดียว แต่พวกเขาเป็นศิลปินในตัวเองด้วย
วงคุยเรื่องคน ศิลปะ การเมือง ที่ร้านเล่า จ.เชียงใหม่ มองวัฒนธรรมเสื้อแดงขาดพื้นที่ในสื่อหลัก ซ้ำถูกสร้างภาพให้ดูรุนแรง ระบุเมื่อ การปั้นแต่งมติมหาชน โดยรัฐไม่ได้ผล
การเมือง,วัฒนธรรม
กานต์ ณ กานท์,คนเสื้อแดง,นปช.,พิภพ อุดมอิทธิพงศ์,วันรัก สุวรรณวัฒนา,ศิลปะ,แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ,ไชยันต์ รัชชกูล
https://prachatai.com/journal/2011/03/33413
[ 0, 259, 28966, 166774, 2091, 133931, 259, 58296, 107451, 68755, 164061, 259, 93021, 170845, 259, 115934, 3324, 179846, 17117, 124319 ]
มาร์ค ชี้ครอบครัววีระ-ราตรี ขอความช่วยเหลือจาก เพื่อไทย ไม่ถือเป็นการตบหน้า
ครอบครัว วีระ สมความคิด – ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ยื่นหนังสือที่พรรคเพื่อไทย หวัง ทักษิณ เข้าช่วยเหลือเหมือนกรณี ศิวรักษ์ ด้าน มาร์ค ทราบเรื่องแล้ววอนขอให้เข้าใจครอบครัวของนายวีระ ที่พยายามทุกวิถีทางให้ทั้งสองที่ถูกจำคุกอยู่ที่กัมพูชา ออกมาให้เร็วที่สุดวันนี้ (4เม.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นางวิไลวรรณ สมความคิด และนายปรีชา สมความคิด มารดาและน้องชาย นายวีระ สมความคิด และ น.ส.วริสา ทองเงิน หลานสาวของ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ สองผู้ต้องหาที่ถูกจับคุกอยู่ในกัมพูชา ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านนายนภดล ปัทมะ ที่ปรึกษาทางกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อเรียกร้องให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือทั้ง 2 คนออกจากเรือนจำประเทศกัมพูชา ทั้งนี้เป็นการยื่นภายหลังจากที่ได้ยื่นหนังสือผ่านทางนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้เร่งช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีผลทั้งนี้ ทางครอบครัวของนายวีระเห็นว่าทาง พ.ต.ท.ทักษิณ เคยให้ความช่วยเหลือนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ในข้อหาจารกรรม ซึ่งเป็นข้อหาเดียวกันกับทั้ง 2คนมาแล้วโดยมารดาของนายวีระ กล่าวว่า ตนได้รอคอยการดำเนินการจากรัฐบาลชุดนี้มาถึง 4เดือน ซึ่งตนก็รับไม่ได้กับการที่จะต้องให้นายวีระ ลูกชายของตนต้องมาเจ็บป่วยอยู่ในเรือนจำเช่นนี้ก็รู้สึกเครียดกับสิ่งที่ลูก ต้องเผชิญ ตนจึงคิดถึงพรรคเพื่อไทย เพื่อที่จะช่วยเหลือลูกชายของตนด้านนายปรีชากล่าวว่า ทางญาติได้ให้เกียรติทางรัฐบาลในการดำเนินการช่วยเหลือ จะเห็นว่าในตอนแรกเราก็ไม่ได้ออกมากดดันหรือเรียกร้องอะไร จนเมื่อศาลกัมพูชาได้ตัดสินจำคุกทั้ง 2คนเป็นเวลา 6 ปี และ 8 ปี ตามลำดับ ทางญาติจึงต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้สามารถช่วยเหลือทั้ง 2 คนให้ได้ ซึ่งก็มีการยื่นหนังสือไปถึงทางรัฐบาลมาตลอด และก็ได้ขอความชัดเจนภายใน 7 วัน จนวันนี้ก็ล่วงเลยมาจึงต้องมาขอความช่วยเหลือพรรคเพื่อไทย ทางญาติไม่ได้ต้องการตำหนิการทำงานของรัฐบาล ก็ยังขอขอบคุณทางรัฐบาลที่ให้ความช่วยเหลือมาตลอด แต่พรรคเพื่อไทยก็เป็นการขอความช่วยเหลืออีกทางหนึ่ง ซึ่งทางญาติคิดว่าจะได้เยี่ยมนายวีระในสัปดาห์นี้ โดยหากได้เดินทางไปเยี่ยมก็จะแจ้งให้นายวีระทราบถึงการยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือในครั้งนี้ด้วยด้านนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะตัวแทนเพื่อรับหนังสือในวันนี้ กล่าวว่า ภายหลังจากการที่ตนได้รับหนังสือก็จะสแกนหนังสือฉบับนี้แล้วส่งผ่านไปทางอีเมล์ เพื่อส่งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งกำลังเดินทางอยู่ในประเทศแถบตะวันออกกลาง ซึ่งหลังจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณก็คงจะได้ไปปรึกษาหารือกับ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาว่าจะช่วยเหลือได้อย่างไร เพราะเป็นเรื่องนี้ถือเป็นกฎหมายภายในของประเทศกัมพูชา และยังเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนด้วยซึ่งทางเราก็จะรับหนังสือไว้ในฐานะของคนไทยด้วยกัน และเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ แต่ทั้งนี้คงยังไม่สามารถกำหนดเวลาที่ชัดเจนได้แน่นอน เพราะตนเข้าใจว่าเรื่องนี้จำเป็นจะต้องของพระราชทานอภัยโทษ นายนพดลกล่าวด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่ครอบครัวของนายวีระ สมความคิด ซึ่งถูกศาลกัมพูชาตัดสินจำคุก ไปขอความช่วยเหลือจากพรรคเพื่อไทย ว่า ถ้าทางไหนช่วยได้ ครอบครัวของนายวีระก็ต้องการให้ช่วย ความจริงในส่วนของรัฐบาล ก็มีการดำเนินการต่อเนื่อง และยังคงประสานงานอยู่ ซึ่งกระบวนการทางกฎหมายของกัมพูชาก็เพิ่งเสร็จสิ้น เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้วต่อข้อถามว่า การที่ครอบครัวนายวีระ ไปขอความช่วยเหลือจากพรรคเพื่อไทย ถือเป็นการตบหน้ารัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่และว่า ใครช่วยได้ก็ช่วย วันนี้เราต้องเห็นใจครอบครัวของนายวีระ เพราะเขาต้องการให้ทั้งนายวีระ และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ถูกจำคุกอยู่ที่กัมพูชา ออกมาให้เร็วที่สุด จึงพยายามแสวงหาทุกวิถีทางนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลยังไม่สิ้นหวัง แต่ยอมรับว่าปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ที่ยังมีเรื่องค้างอยู่ ทำให้มีหลายปัจจัยในการตัดสินใจของกัมพูชา อย่างไรก็ตาม การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC)ไทย - กัมพูชา จะยังเดินหน้าต่อ โดยจะมีการหารือเกี่ยวกับการคัดเลือกคนที่จะมาทำเรื่องภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งถือว่ายังอยู่ในกรอบการเจรจาที่ผ่านสภาแล้ว และไม่น่าจะมีผลกระทบกับในส่วนของบันทึกที่ยังค้างอยู่ต่อข้อถามว่า JBCควรมีการพูดคุยถึงผู้สังเกตการณ์ของอินโดนีเซียหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่หารือในกรอบ JBC แต่จะมีการหารือกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของกองทัพและกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มี 2 ประเด็น ที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ คือ เรื่องความปลอดภัยที่ไม่มีปัญหา และพื้นที่ที่ผู้สังเกตการณ์จะเข้ามา จะต้องหาข้อยุติให้ได้เสียก่อนนายกรัฐมนตรี หวังว่าหลังการประชุม JBCแล้ว น่าจะมีความคืบหน้าที่จะทำให้เห็นชัดเจนว่า กลไกทวิภาคีทำงาน เพราะความเป็นจริงในระดับพื้นที่ เหตุการณ์สงบมาเกือบ 2 เดือน และมีความพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ในระดับพื้นที่
ครอบครัว วีระ สมความคิด – ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ยื่นหนังสือที่พรรคเพื่อไทย หวัง ทักษิณ เข้าช่วยเหลือเหมือนกรณี ศิวรักษ์ ด้าน มาร์ค ทราบเรื่องแล้ววอนขอให้เข้าใจครอบครัวของนายวีระ
การเมือง
กรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา,ทักษิณ ชินวัตร,นพดล ปัทมะ,พรรคเพื่อไทย,ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์,วีระ สมความคิด,อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
https://prachatai.com/journal/2011/04/33885
[ 0, 259, 121682, 4215, 259, 80267, 9542, 97003, 4188, 220855, 18281, 356, 34545, 8378, 73722, 1881, 51083, 48266, 36595, 259 ]
ดาว์พงษ์ จี้ใช้งบฯฟื้นเศรษฐกิจตามแผน
คาดโทษหนักหากพบทุจริต ผู้บริหารหวั่นเบิกจ่ายวิธีตกลงราคารั่วไหล,นางผานิตย์ มีสุนทร รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาล โดยในส่วนของ ศธ.ได้รับงบประมาณดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว 5,681,959,900 บาท เพื่อใช้ในงานก่อสร้างใหม่ การปรับปรุงอาคารสถานที่ รวมถึงงานรื้อถอนต่างๆ แบ่งเป็นการดำเนินการด้วยวิธีตกลงราคา 4,044,023,900 บาท และวิธีการสอบราคา 1,637,936,000 บาท ซึ่งวิธีการตกลงราคาได้กำหนดให้จัดซื้อจัดจ้างภายในวงเงินไม่เกิน 500,000 บาท สำหรับวิธีการสอบราคาต้องมีวงเงินตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไปแต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท ทั้งนี้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กำชับให้มีการเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด จึงกำหนดให้ ศธ.เบิกจ่ายงบฯ ที่ได้รับมา ดังนี้ ให้แต่ละจังหวัดทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างในเดือน ต.ค.นี้ให้ได้ร้อยละ 70 และมีเป้าหมายเบิกจ่ายงบฯให้ได้ร้อยละ 10 เดือน พ.ย.ให้แต่ละหน่วยงานทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างให้ได้ร้อยละ 90 เบิกจ่ายงบฯให้ได้อีกร้อยละ 40 และเดือน ธ.ค.ต้องทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างให้ครบร้อยละ 100 และเบิกจ่ายงบฯให้ได้ครบร้อยละ 100,พล.อ.ดาว์พงษ์ เน้นย้ำให้หัวหน้าส่วนราชการกำกับดูแลหน่วยงานในสังกัดให้ปฏิบัติตามแผนการใช้จ่ายงบฯอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งให้คณะกรรมการติดตามการใช้งบฯนำผลการเบิกจ่ายงบฯเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการงบฯของส่วนราชการนั้นๆ ก่อนเสนอให้ รมว.ศธ.ได้ทราบ โดยคณะกรรมการติดตามฯจะประชุมหารือทุกเดือน หากหน่วยงานใดไม่สามารถปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดได้ หัวหน้าหน่วยงานนั้นๆจะต้องมีส่วนรับผิดชอบ กรณีที่ถูกร้องเรียนและตรวจสอบพบว่ามีการบริหารจัดการงบฯไปในทางที่ไม่โปร่งใสจะต้องถูกดำเนินการตามระเบียบของทางราชการถึงที่สุด รองปลัด ศธ. กล่าว,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สิ่งที่ผู้บริหาร ศธ.รู้สึกกังวลมากขณะนี้ก็คือ งบฯกระตุ้นเศรษฐกิจที่ให้ใช้วิธีตกลงราคา มีเม็ดเงินรวมกว่า 4,000 ล้านบาท อาจติดตามดูแลได้ยากเพราะมีโครงการที่ต้องดำเนินการจำนวนมาก อีกทั้งมีการเร่งรัดการใช้จ่ายให้เสร็จภายใน ธ.ค.นี้ หากมีการสมยอมร่วมกันอาจยากที่จะตรวจสอบ.
นางผานิตย์ มีสุนทร รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาล โดยในส่วนของ ศธ.ได้รับงบประมาณดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว 5,681,959,900 บาท
กระตุ้นการลงทุน,กระทรวงศึกษาธิการ,จัดซื้อจัดจ้าง,ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ,ผานิตย์ มีสุนทร,การใช้จ่ายงบประมาณ,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย
https://www.thairath.co.th/content/535271
[ 0, 259, 17958, 27987, 260, 6494, 109370, 16053, 113262, 1549, 97003, 70944, 1, 0, 0, 0, 0, 0, 0, 0 ]
บิ๊กตู่ ขอคนไทยร่วมมือ สามัคคีกัน ฝ่าฟัน โควิด-19-ภัยแล้ง-ปัญหา ศก.
สารจากนายกฯ บิ๊กตู่ ขอคนไทยร่วมมือ สามัคคีกัน เพื่อฟันฝ่าทุกปัญหาในห้วงนี้ไปให้ได้ โดยเฉพาะโควิด-19 ให้มองประเทศรอบข้างบ้าง วอน สื่อ เสนอข่าวให้ครบทุกมุม ไม่ใช่ออกข่าวล้มเหลวไปทั้งหมดสารจากนายกรัฐมนตรีสถานการณ์การระบาด COVID-19 13 มี.ค. 2563จากสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสปอดอักเสบ หรือ COVID-19 และสถานการณ์สำคัญอื่นๆ ที่มีผลกระทบต่อประเทศไทย เช่น ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาการว่างงาน ปัญหาความเหลื่อมล้า ดังนั้นในห้วงเวลานี้เราจึงควรที่จะร่วมมือ รักสามัคคีกัน เพื่อฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้เรื่องมาตรการรองรับการระบาดของ COVID-19 เรามีหลายอย่างที่แตกต่างด้วยอัตลักษณ์ ความคิดความอ่าน จำนวนประชากร รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศ ซึ่งคงนำมาเปรียบเทียบกับต่างประเทศไม่ได้มากนักในการทำงานของรัฐบาลและส่วนราชการขณะนี้ ที่ผ่านมา รัฐบาลจำเป็นต้องนำข้อมูลจากต่างประเทศ แนวทางการปฏิบัติที่เป็นสากล และข้อมูลต่างๆ ในประเทศมาพิจารณาร่วมกัน มีองค์ประกอบหลายอย่างหลายมิติที่ต้องช่วยกันแก้ไข ทุ่มเท เสียสละ ทั้งองค์กรภาครัฐ ภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจ ภาคประชาชน ภาคสื่อมวลชน สื่อสังคมออนไลน์ ต้องขอความกรุณาทุกส่วนช่วยกันหาทางออกให้ประเทศ ด้วยความเข้าใจใคร่ครวญ คิดวิเคราะห์ รับฟังและเชื่อมั่น เรื่องใดที่เป็นปัญหารัฐบาลก็กาลังดำเนินการแก้ไข แต่หากยังคงมีการให้ข่าวบิดเบือน ให้ร้ายป้ายสีกันโดยจับแต่ประเด็นย่อยๆ ในขณะที่ทุกหน่วย ส่วนราชการกำลังทำงานใหญ่แก้ไขปัญหาให้ประชาชนอยู่ ถึงแม้อาจสร้างความลำบากให้กับภาครัฐในการปฏิบัติงานบ้าง แต่แน่นอนยังคงต้องขับเคลื่อนทุกกลไกให้เกิดการประสานสอดคล้องซึ่งกันและกัน รัฐบาลมีหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย มาตรการลงไป โดยใช้ข้อมูลจากหลายแหล่ง ประกอบกับข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ที่เผชิญอยู่ ดังนั้น อยากจะขอร้องว่าถ้าอยากจะสื่อความหรือวิพากษ์วิจารณ์ก็ขอให้เป็นเรื่องๆ อย่างครบถ้วนทุกมุม เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด ไม่ใช่เอาแต่มองว่าล้มเหลวไปเสียทั้งหมด หรือรัฐบาลไม่มีความสามารถบ้าง ทุกคนควรต้องพิจารณาไตร่ตรองดูว่า ขณะนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร เปรียบเทียบประเทศไทยกับประเทศอื่นๆ ที่กาลังเผชิญปัญหาเดียวกัน ไม่ว่าจะการระบาดของ COVID-19 ภัยแล้ง ปัญหาความยากจน และอื่นๆ หลายประเทศมีการปกครองแตกต่างกัน มีอำนาจตามกฎหมายต่างกัน ประชาชนเชื่อฟัง เคารพกฎหมายต่างกัน หลายคนอาจมองว่า เรายังไม่เป็นประชาธิปไตย ขอให้พิจารณาดูว่า วันนี้เรามีประชาธิปไตยเต็มที่แล้วหรือยัง สื่อโซเชียลออกข่าวโดยเสรีหรือไม่ มีใครไปห้ามหรือปิดกั้นหรือไม่ ถ้าไม่ผิดกฎหมาย หากเราใช้มาตรการทางสังคมเรียนรู้ คิดวิเคราะห์ เสนอหนทางปฏิบัติที่เหมาะสมที่รัฐบาลสามารถนำมาใช้ได้ ก็จะเป็นประโยชน์สำหรับเรื่องบริหารจัดการน้ำเพื่อเตรียมแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ทำงานกันอย่างเต็มที่ ทั้งการเพิ่มปริมาณน้ำในพื้นที่เสี่ยง การขุดเจาะน้ำบาดาล การจูงน้ำ การเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน รวมถึงมาตรการเยียวยาต่างๆ อย่างไรก็ตามยังคงต้องทั้งกำกับดูแลทั้ง น้ำต้นทุน แหล่งกักเก็บน้า เขื่อน อ่างเก็บน้า การเติมน้ำ การระบายน้ำ การขุดเจาะน้ำบาดาล ซึ่งได้ดำเนินการตามแผนบริหารจัดการน้ำมาแล้ว ๕ ปี และจะสามารถเพิ่มการเก็บกักน้ำได้จำนวนมาก หากฝนตกตามพื้นที่ตามฤดูกาลที่คาดการณ์ไว้ ปัญหาสำคัญ คือ การดำเนินงานโครงการใหม่ๆ ที่อาจต้องใช้เวลาบ้าง เนื่องจากจะต้องได้รับความยินยอมจากประชาชน และไม่กระทบสิ่งแวดล้อม ก็ต้องขอความร่วมมือกันต่อไปเรื่องเศรษฐกิจไทย ยังคงต้องพึ่งพาการส่งออก การท่องเที่ยว และการใช้จ่ายของประชาชนเป็นหลัก รายได้ของรัฐคงมาจากภาษีที่เก็บจากรายได้บุคคลธรรมดา นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต รายได้จากรัฐวิสาหกิจ ฯลฯ อย่างไรก็ตามเราจะต้องปรับตัว ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับอุปสงค์ อุปทาน การเกษตรก็ต้องสอดคล้องกับดิน สภาพอากาศ ความคุ้มทุน การค้าขายก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีและวัฒนธรรมของผู้อุปโภคบริโภค หลายอย่างที่ต้องปรับตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะเวลานี้ที่เศรษฐกิจโลกก็ตกต่ำ สงครามการค้า ประกอบกับผลกระทบจากการระบาดโรค COVID-19 อีกด้วย รัฐบาลยืนยันจะดูแลพี่น้องประชาชนอย่างดีที่สุดการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ในห้วงนี้คงต้องดำเนินการในทุกเรื่องควบคู่กันไป อย่างไรก็ตาม เรื่องเศรษฐกิจไทย ยังคงต้องพึ่งพาการส่งออก การท่องเที่ยว และการใช้จ่ายของประชาชนเป็นหลัก รายได้ของรัฐคงมาจากภาษีที่เก็บจากรายได้บุคคลธรรมดา นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต รายได้จากรัฐวิสาหกิจ ฯลฯ อย่างไรก็ตาม เราจะต้องปรับตัว ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับอุปสงค์ อุปทาน การเกษตรก็ต้องสอดคล้องกับดิน สภาพอากาศ ความคุ้มทุน การค้าขายก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีและวัฒนธรรมของผู้อุปโภคบริโภค หลายอย่างที่ต้องปรับตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะเวลานี้ที่เศรษฐกิจโลกก็ตกต่ำ สงครามการค้า ประกอบกับผลกระทบจากการระบาดโรค COVID-19 อีกด้วย รัฐบาลยืนยันจะดูแลพี่น้องประชาชนอย่างดีที่สุดการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ในห้วงนี้คงต้องดำเนินการในทุกเรื่องควบคู่กันไป อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนทุกคนให้ความร่วมมือในการทำงานของรัฐบาลและส่วนราชการ เรื่องการระบาดของโรค COVID-19 อย่าได้ตื่นตระหนก มีสติ ระมัดระวัง รับผิดชอบรักษาสุขภาพตนเอง ผู้อื่น และสังคม รัฐบาลขอให้ความเชื่อมั่นว่าเราทุกคนจะฝ่าฟันวิกฤติต่างๆ ไปได้ด้วยดี ขอขอบคุณในความร่วมมือสวัสดี
สารนายกฯ บิ๊กตู่ ขอคนไทยร่วมมือ สามัคคีกัน เพื่อฟันฝ่าทุกปัญหาในห้วงนี้ไปให้ได้ โดยเฉพาะโควิด-19 ให้มองประเทศรอบข้างบ้าง วอน สื่อ เสนอข่าวให้ครบทุกมุม ไม่ใช่ออกข่าวล้มเหลวไปทั้งหมด
ข่าว,การเมือง
โควิด-19,ไวรัสโคโรนา,ไวรัสโคโรน่า,COVID-19,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,สารจากนายกฯ,ภัยแล้ง,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/politic/1794143
[ 0, 259, 97003, 51523, 4188, 24240, 4348, 83369, 259, 117697, 3755, 135090, 62049, 197294, 1, 0, 0, 0, 0, 0 ]
ศาลยกฟ้องคดี กฟผ. ทำสัญญาซื้อไฟฟ้าเขื่อนไซยะบุรีผิดกระบวนการ
ศาลปกครองยกฟ้อง คดีเครือข่ายประชาชน 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขงฟ้อง กฟผ. ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า จากเขื่อนไซยะบุรีผิดกระบวนการ ศาลชี้ กฟผทำถูกขั้นตอนแล้ว ด้านชาวบ้านยันเตรียมยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อ25 ธ.ค. 2558 ที่ศาลปกครอง แจ้งวัฒนะ ห้องพิจารณาคดีที่ 1 ได้มีการอ่านคำพิพากษา คดีพิพาทเกี่ยวกับเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมายกำหนดให้ปฏิบัติ ในกรณีการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของการการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) กับเชื่อนไซยะบุรีในประเทศลาว โดยศาลพิพากษายกฟ้องส.รัตนมณี พลกล้า ทนายความฝ่ายโจทก์ (เครือข่ายประชาชน 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง) เผยว่า ศาลชี้ว่ากรณีที่ชาวบ้านฟ้องว่า กฟผ. เนื่องจากไม่ได้ทำตามเงื่อนไขของตามมติของคณะกรรมการพลังงาน สืบพบว่าได้มีการทำตามมติแล้ว ซึ่งเงื่อนไขประกอบด้วย การทำตามกระบวนการ PNPCA โดยจะต้องให้สำนักงานอัยการตรวจสัญญาการซื้อขายก่อน ต้องมีการประชุม และจะต้องมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาวให้ประชาชนได้รับทราบในส่วนของตัวสัญญา ศาลชี้ว่าได้มีการทำตามกระบวนการแล้ว มีการจัดประชุมทั้งหมด 4 ครั้งก่อนจะมีการลงนามในสัญญา โดยมีประชาชนเข้าร่วมในแต่ละครั้ง 80-120 คน ถัดมาในส่วนของการเผยแพร่ข่าวสาร ศาลเห็นว่าได้มีนำข้อมูลข่าวสารไปลงในเว็บกระทรวงพลังงาน แล้วเว็บไซต์สำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ฉะนั้นถือว่าเพียงพอแล้วทนายความกล่าวต่อว่า ในส่วนของการตรวจสัญญาโดยอัยการไม่ได้มีข้อโต้แย้ง แต่ในขั้นตอนของการเผยแพร่นั้นยังมีปัญหาเพราะไม่มีการแจ้งให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบรับรู้ข้อมูลโดยตรง ส่วนให้การทำกระบวนการ PNPCA เองก็มีปัญหาคือ มีการสร้างเขื่อนไปพร้อมกับการทำกระบวนการPNPCA ซึ่งตามหลักการแล้ว ต้องทำกระบวนการให้แล้วเสร็จก่อนจึงจะสร้างเขื่อน ในส่วนของการจัดประชุมให้ข้อมูลและรับฟังคสามเห็นจากชาวบ้านนั้น ชาวบ้านไม่ได้รับรู้มาก่อนว่าจะมีการประชุม ในส่วนที่รับรู้และไปเข้าร่วมการประชุมเพื่อชี้แจ้งว่าจะเกิดผลกระทบอะไรต่อชาวบ้าน ก็ไม่มีการนำข้อมูลในส่วนนี้ไปใช้ แต่ถึงที่สุดศาลก็มีคำพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าถูกขั้นตอนมีการดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหายระบุ (อ่านคำพิพากษาฉบับเต็มด้านล่าง)ด้าน คำปิ่น อักษร ผู้ประสานงานกลุ่มคนฮักน้ำของ จังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า ชาวบ้านหลายคนมาด้วยความหวัง และอยากมารับฟังความเห็นของศาล ว่าจะมีข้อความใดที่แสดงความเห็นใจต่อภาคประชาชนหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจเราก็รู้สึกเสียใจเหมือนกัน เรามากว่า 800 กิโล(เมตร) วันนี้ก็พาเด็กๆ มาฟังอนาคตของพวกเขาด้วย แต่ดูเหมือนอนาคตพวกเขาน้อยลงทุกที เพราะเด็กพวกนี้ที่บ้านเขาหาปลาส่งพวกเขาเรียน ทีนี้ถ้าทรัพยากรมันถูกทำลายไป อนาคตเขาก็ไม่รู้จะไปทางไหน จะเป็นแรงงานก็ไม่ใช่วิถีของเขา เขาควรจะได้สืบทอดวิถีชีวิต ต่อยอดในการใช้ทรัพยากรของแม่น้ำโขง คำปิ่น กล่าวด้าน มนตรี จันทรวงศ์ มูลนิธิฟื้นฟูวิถีชีวิตและธรรมซาติ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ฟังคำตัดสิน และพุดคุยกับเครือข่ายประชาน และทนายความ คิดว่าจะต้องมีการอ่านคำพิพากษากันอย่างละเอียดอีกครั้ง และหากมีประเด็นไหนที่ไม่เห็นด้วยก็จะมีการยื่นอุทธรณ์ ภายใน 30 วันเขากล่าวต่อไปว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากโครงการข้ามพรมแดน หากโครงการสร้างเขื่อนไซยะบุรี ไม่ได้เกี่ยวข้องกับไทย หรือการซื้อขายไฟฟ้าจากเขื่อนไม่ได้เกี่ยวข้องกับไทย ก็จะเป็นเรื่องที่ยากที่จะป้องกันผลกระทบต่อชาวบ้านในลุ่มน้ำโขง แต่โครงการนี้เกี่ยวข้องกับไทย ทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย และการลงทุนมาจากประเทศไทยทั้งหมด ฉะนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นจึงอยู่ในพื้นที่สีเทา เรื่องที่กฎหมายจะครอบคลุมไปถึงหรือไม่อาจจะขึ้นอยู่กับการตีความ หากจะผลักดันประเด็นเรื่องนี้ต่อไปก็จะต้องหาของเท็จจริงขึ้นมาต่อสู้กัน เพื่อที่จะชี้ให้เห็นว่า เรายังสามารถใช้ข้อกฎหมายตีความไปถึงโครงการข้ามพรมแดนที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนต่อคำถามว่า คิดเห็นอย่างไรที่รัฐมักย้ำเสมอว่า กำลังไฟฟ้าสำรองในประเทศไทยอาจจะไม่เพียงพอ ต้องมีการเตรียมกำลังสำรองไว้เพื่ออนาคต การสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศเองก็ถูกต่อต้าน เมื่อทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านก็ยังถูกต่อต้านอีก เขาเห็นว่า การพูดว่ากำลังไฟฟ้าสำรองไม่พอ เป็นการสร้างมายาคติ เพื่อให้ความชอบธรรมต่อการสร้างโรงไฟฟ้า เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม โดยไม่ได้กังวัลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับชุมชน และวิถีชีวิตของชาวบ้านเขากล่าวต่อไปว่า วาทกรรมเหล่านี้เมื่อพูดซ้ำๆ หลายครั้ง สังคมกลับเชื่อว่าสิ่งที่รัฐพูดเป็นข้อเท็จจริง และบางครั้งคนในสังคมลืมตั้งคำถามกลับไปว่ามันจริงหรือไม่ประชาชนในเขต 8 จังหวัดริมฝั่งแม่น้ำโขง ได้ทราบข่าวการสร้างเขื่อนไซยะบุรีขนาด 1285 เมกะวัตต์บนแม่น้ำโขงสายหลัก โดยบริษัท ช.การช่าง และการลงทุนของธนาคาร 6 แห่งในประเทศไทย โดยมีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าหลัก 95% และกรมทรัพยากรน้ำ ในฐานะสำนักงานเลขาธิการแม่น้ำโขง ประเทศไทย ได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามกระบวนการการปรึกษาหารือล่วงหน้า (PNPCA) ตามข้อตกลงแม่น้ำโขง ปี 2538 โดยประชาชนในประเทศไทย ได้แสดงความกังวลใจต่อปัญหาผลกระทบข้ามพรมแดนที่อยู่ห่างจากเขื่อนเพียง 200 กิโลเมตร โดยไม่มีการจัดทำรายงานการศึกษาดังกล่าว ต่อมามีการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังนั้นชาวบ้านจึงได้มีความเห็นร่วมกันที่ จะต้องมีการฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้รัฐคุ้มครองสิทธิเสรีภาพที่จะอาจจะได้รับผลกระทบจากโครงการเขื่อนไซ ยะบุรีดังกล่าว แม้ว่าเขื่อนจะอยู่ในเขตอธิปไตยของสาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แต่เมื่อแม่น้ำโขงคือ แม่น้ำนานาชาติที่ไหลผ่าน 6 ประเทศ ผลกระทบข้ามพรมแดนที่จะเกิดขึ้นจากเขื่อนแห่งนี้ก็อาจจะหลีกเลี่ยงมิได้เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2555 ประชาชน 8 จังหวัดลุ่มแม่น้ำโขง ได้แก่ เชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ซึ่งเป็นผู้อาจได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างเขื่อนไซยะบุรีกั้นแม่น้ำโขง ทั้งในด้านระบบนิเวศของแม่น้ำโขงและส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน อย่างร้ายแรง ได้ร่วมกันให้ตัวแทน ฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง ให้เพิกถอนการทำสัญญาซื้อไฟฟ้าของกฟผ. (PPA) เป็นคดีหมายเลขดำที่ ส.493/2555 ระหว่าง นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ที่ 1 กับพวกรวม 37 คน ผู้ฟ้องคดี การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ 1 คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ที่ 2 กระทรวงพลังงาน ที่ 3 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 4 คณะรัฐมนตรี ที่ 5 ผู้ถูกฟ้องคดี โดยขอให้ศาลมีคำพิพากษา ดังนี้1. ให้มีคำพิพากษาว่า โครงการสัญญาซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนไซยะบุรี ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เป็นโครงการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้มีคำสั่งให้ยกเลิกโครงการดังกล่าวเสีย2. ให้มีคำพิพากษา ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งห้าปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และมติของรัฐบาล รวมทั้งการแจ้งข้อมูลและการเผยแพร่ข้อมูลอย่างเหมาะสม การรับฟังความคิดเห็นอย่างเพียงพอและจริงจัง และการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และสังคม ทั้งในฝั่งไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากอันตรายข้ามพรมแดน ก่อนที่จะดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับการจัดซื้อไฟฟ้าจากโครงการเขื่อนไซยะบุรี3. ให้มีคำพิพากษาว่า ให้ยกเลิกมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ ในการอนุมัติให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ดำเนินโครงการสัญญาซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนไซยะบุรีต่อมาเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2556 ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ โดยออกเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 59/2556 ซึ่งผู้ฟ้องคดีทั้ง 37 ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ในวันที่ 21 มีนาคม 2556 เพื่อขอให้ศาลพิจารณารับคำฟ้องคดีไว้พิจารณา โดยศาลปกครองสูงสุดรับเป็นคำร้องที่ คส.11/2556เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2557 ศาลปกครองกลางได้อ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ตามคำสั่งที่ 8/2557ให้มีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจาณาบางส่วน โดยศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยพอสรุปได้ ดังนี้ศาลเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีทั้ง 37 ได้ยื่นฟ้องเป็น 3 ข้อหา จึงพิจารณารายข้อหา ดังนี้ข้อหาที่หนี่ง มติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี ที่เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงพลังงาน ที่อนุญาตให้ กฟผ. ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ. กับบริษัทไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ของประเทศลาว ไม่ชอบด้วยกฎหมายศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การมีมติให้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า เป็นเพียงขั้นตอนการดำเนินการภายในของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อนำไปสู่การทำสัญญา ซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ. กับบริษัทไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด จึงยังไม่มีผลทางกฎหมายออกสู่ภายนอกไปกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ ของผู้ฟ้องทั้ง 37 คน ดังนั้น ผู้ฟ้องทั้ง 37 คนจึงไม่ใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสีย หายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ศาลไม่รับข้อหานี้ไว้พิจารณาข้อหาที่สอง สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ. กับ บริษัทไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ไม่ชอบด้วยกฎหมายศาล พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีทั้ง 37 คน มีความประสงค์อันแท้จริง คือ ต้องการให้ศาลปกครองมีคำบังคับให้เพิกถอนหรือยกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ระหว่าง กฟผ. กับบริษัทไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด แต่ข้อเท็จจริงในสำนวนคดีไม่ปรากฏว่า ผู้ฟ้องทั้ง 37 คนเป็นคู่สัญญาตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ซึ่งเป็นสัญญาทางปกครอง จึงไม่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองที่ผู้ฟ้องคดีทั้ง 37 คน จะมีสิทธิฟ้องคดีขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าวได้ ดังนั้น ผู้ฟ้องคดีทั้ง 37 คน จึงไม่ใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย ที่จะมีสิทธิฟ้องคดีข้อหาที่สองต่อศาลปกครองได้ ตามมาตรา 42 วรรค 1 แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 แม้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 37 คน อุทธรณ์ว่า สัญญาซื้อไฟฟ้าก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ฟ้องคดีทั้ง 37 คน ในฐานะที่เป็นผู้เสียภาษี และผู้รับประโยชน์จากสัญญา แต่ศาลเห็นว่า การเสียภาษีอากรถือว่าเป็นหน้าที่ที่ผู้ฟ้องคดีทั้ง 37 คน จะต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ศาลไม่รับข้อหานี้ไว้พิจารณาข้อหาที่สาม ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 5 ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และมติของรัฐบาล รวมทั้งการแจ้งข้อมูลและการเผยแพร่ข้อมูลอย่างเหมาะสม การรับฟังความคิดเห็นอย่างเพียงพอและจริงจัง และการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ สังคม ทั้งในฝ่ายไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากอันตรายข้ามพรมแดน ก่อนที่จะดำเนินการใดๆเกี่ยวกับการจัดซื้อไฟฟ้าโครงการเขื่อนไซยะบุรีศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ฟ้องทั้ง 37 คน เป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือได้รับผลกระทบโดยตรงและมากเป็นพิเศษกว่าบุคคลทั่ว ไปที่ไม่ได้อยู่อาศัยหรือประกอบอาชีพในพื้นที่ 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขง จึงเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากการงดเว้นการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 5 และการแก้ไขหรือบรรเทาความเดือดร้อน หรือเสียหาย ที่ผู้ฟ้องคดีทั้ง 37 คน ได้รับจำต้องมีคำบังคับโดยสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 5 ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายและมติของรัฐบาล รวมทั้งการแจ้งข้อมูลและการเผยแพร่ข้อมูลอย่างเหมาะสม รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นอย่างเพียงพอและจริงจัง และประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และสังคมตามคำขอของผู้ฟ้องคดีทั้ง 37 คน ตามมาตรา 72 วรรค 1(2) แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 โครงการเขื่อนไซยะบุรีสร้างในแม่น้ำนานาชาติ ต้องปฎิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น PNPCA เนื่องจากเป็นกติกาที่ใช้ในการจัดการแม่น้ำนานาชาติร่วมกัน โครงการไซยะบุรีเป็นโครงการที่กั้นแม่น้ำที่อาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ลาว กัมพูชา และเวียตนาม ซึ่งเป็นผลกระทบข้ามพรมแดน จึงทำให้ผู้ฟ้องคดีที่ฟ้องโดยใช้สิทธิชุมชนในการฟ้องคดีเป็นการใช้สิทธิ เพื่อคุ้มครองไม่ให้ตนได้รับผลกระทบ จึงใช้สิทธิในการฟ้องได้ศาลจึง มีคำสั่งแก้คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้รับคำฟ้องของผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 37 คน เฉพาะข้อหาที่ 3 ในส่วนที่ฟ้อง ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 5 ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และมติของรัฐบาล รวมทั้งการแจ้งข้อมูลและการเผยแพร่ข้อมูลอย่างเหมาะสม การรับฟังความความคิดเห็นอย่างเพียงพอและจริงจัง การประเมินผลกระทบ ด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และสังคม ไว้พิจารณา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้นกระบวนการ ฟ้องศาลปกครองกรณีนี้ ใช้ระยะเวลามานานมากถึง 4 ปี และใกล้ถึงการสิ้นสุดของกระบวนการ โดยศาลปกครองกลาง ได้มีคำสั่งให้มีการนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2558 โดยตุลาการผู้แถลงคดีมีความเห็นยกฟ้อง โดยมีการสรุปประเด็นที่พิจารณาไว้สองเรื่องคือ ประเด็นที่หนึ่ง ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งหมดละเลยต่อหน้าที่ไม่จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่ง แวดล้อม สุขภาพ และสังคม ก่อนที่จะมีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากเขื่อนไซยะบุรี โดยตุลการผู้แถลงเห็นว่า การกระทำดังกล่าวไม่ได้เป็นการทำที่ตรงกับนิยาม โครงการของรัฐ เป็นเพียงการทำสัญญาซื้อไฟฟ้า มีลักษณะเป็นเพียงข้อตกลงระหว่างประเทศ ฉะนั้นจึงมองว่าการลงนามดังกล่าวไม่ใช่โครงการของรัฐ ที่จะต้องดำเนินการตามระเบียบ ซึ่งจะต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน หรือจัดทำรายการผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ตุลาการผู้แถลงจึงเห็นว่า ผู้ถูกฟ้องจึงไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวก่อนลงนามในสัญญาในถึงที่สุดในวันที่ 25 ธ.ค. 2558 เมื่อศาลอ่านคำพิพากษา ยกฟ้อง
ศาลปกครองยกฟ้อง คดีเครือข่ายประชาชน 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขงฟ้อง กฟผ. ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า จากเขื่อนไซยะบุรีผิดกระบวนการ ศาลชี้ กฟผทำถูกขั้นตอนแล้ว ด้านชาวบ้านยันเตรียมยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อ 25 ธ.ค. 2558
คุณภาพชีวิต,สิทธิมนุษยชน,สิ่งแวดล้อม,สังคม
คำพิพากษา,ทรัพยากร,พลังงาน,ศาลปกครอง,เขื่อนไซยะบุรี,เครือข่ายประชาชน 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง
https://prachatai.com/journal/2015/12/63167
[ 0, 259, 106726, 126493, 6582, 26871, 21005, 63917, 260, 229356, 155793, 2091, 12002, 126901, 89088, 195282, 259, 229457, 225240, 1 ]
ปลดล็อกกลางธ.ค. เปิดโอกาสให้หาเสียงได้เต็มที่
ปชป.เปิดทางคนนอกเป็นหน.,รัฐบาลดาหน้าโต้ข่าวปรับ ครม. บิ๊กตู่ ย้ำหนักแน่นไม่มี ไม่ปรับ จี้ถามหาตัวปล่อยข่าว บิ๊กป้อม โยนสื่อคิดเอง เออเอง สมคิด ยันอีกคนไม่มีอะไรทั้งสิ้น วิษณุ แซว สนธิรัตน์ ดอดพบ สมคิด-อุตตม แย้มเดือน ธ.ค.ปลดล็อกหาเสียงได้เต็มที่ กกต.เร่งร่างระเบียบเลือก ส.ว. คาด 10-14 ธ.ค. เปิดรับสมัครได้ คสช.ไฟเขียวพลังประชารัฐจัดประชุม จับตาท่าที ประยุทธ์-รมต.ร่วมวง พิษตกเขียวทำ นอภ.บัวใหญ่เต้นสอบปมเก็บบัตรประชาชน โกศล ปัทมะ แฉซ้ำยังเคลื่อนไหวอยู่ พท.ปูดอีกฝ่ายมั่นคงเดินสายดูดนายก อบจ. ภท.ลั่นเอาแน่ยื่นฟ้อง แรมโบ้ จุติ หนุน อภิสิทธิ์ นั่งหัวหน้าต่อ ซัดเกมปล่อยข่าว ปชป.แตกสามก๊ก สามมิตรเดินสายพบกลุ่มยาสูบ,หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศจะคลายล็อกให้ ฝ่ายการเมืองก็เริ่มเปิดศึกโรมรันพันตูกันพัลวัน ล่าสุดกระแสข่าวการปรับ ครม.เริ่มหนาหู โดยจะดึงกลุ่มการเมืองที่มีแนวโน้มจะมาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเป็นการมัดจำซื้อใจกันไว้ล่วงหน้า,บิ๊กตู่ ย้ำทำงานโยงรัฐบาลหน้า,เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 5 ก.ย. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวระหว่างเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) ครั้งที่ 2/2561 ว่า ต้องทำให้แต่ละภาคเข้มแข็ง สร้างความเชื่อมโยงระหว่างภาคและกลุ่มจังหวัด การทำงานในห้วงเวลาต่อจากนี้ไปโดยเฉพาะแผนการจัดทำงบประมาณ ต้องให้เกิดความง่ายในการบริหาร สอดคล้องกับแผนแม่บทและยุทธศาสตร์ชาติที่วางไว้ ไม่ทำให้เกิดปัญหาภายหลัง นำไปสู่การใช้จ่ายงบฯ ให้สัมฤทธิผล ตรงความต้องการประชาชน สำคัญที่สุดคือเพิ่มศักยภาพของพื้นที่ให้ประชาชนมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิตให้ได้ นำเทคโนโลยีนวัตกรรมมาเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อ,เสียงหนักแน่นยังไม่ปรับ ครม.,ต่อมาเวลา 15.45 น. พล.อ.ประยุทธ์นำคณะ ออกกำลังกายด้วยการเดินออกจากทำเนียบฯไปบนทางเท้าถนนพิษณุโลกมายังบ้านพิษณุโลก จากนั้นปั่นจักรยานโดยใช้จักรยานเสือภูเขา specialized ภายในบริเวณบ้านพิษณุโลก 3 รอบ ถือเป็นการกลับมาออกมากำลังกายอีกครั้งในรอบ 4 เดือน หลังจากปั่นจักรยานเสร็จนายกฯ กล่าวว่า รู้สึกดีกลับมาออกกำลังกาย ความจริงออกกำลังกายตลอดที่บ้านและที่อื่น เดินสายพาน เดินรอบบ้าน แต่ถ้าวิ่งบางทีหมาเห่า โดยนายกฯ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.เพียงสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า ไม่มี ก็บอกอยู่นี่ว่าไม่มี ไม่ปรับแล้วจะถามทำไมอีกเล่า ไอ้แหล่งข่าวทำเนียบของเธอไปนั่งเทียนเขียนที่ไหนมา บอกมาสิใครเป็นคนให้,บิ๊กป้อม บอกสื่อคิดเอาเอง,ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ไม่ทราบ จริงๆ ยังไม่เห็นนายกฯ พูดคุยอะไร มีแต่สื่อที่คิด ยืนยันไม่มีการปรับ ครม.ก่อนเลือกตั้ง คิดว่านายกฯ คงไม่ปรับถ้าไม่มีคนลาออก เมื่อถามว่า คนที่จะลาออกหมายถึงนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ที่มีข่าวว่าไปเดินงานพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ พล.อ. ประวิตรตอบว่า ไม่รู้เรื่องอะไรของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่นักการเมือง เมื่อถามว่าถ้ามีการตั้งกระทรวงการอุดมศึกษาวิจัยและนวัตกรรม ต้องมีการปรับ ครม.หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ยัง กระทรวงใหม่พยายามให้เกิดในรัฐบาลนี้ แต่ยังมีรัฐมนตรีช่วยอยู่ เป็นการคิดเอาเอง ยังไม่ทราบรายละเอียด,จะไปต่อหรือไม่อยู่ที่นายกฯ,เมื่อถามย้ำว่า หากมีรัฐมนตรีลาออก คนที่จะเข้ามารับตำแหน่งใหม่ต้องเป็นคนที่ช่วยงานรัฐบาลในการเลือกตั้งใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า เป็นเรื่องของนายกฯ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง เมื่อถามย้ำว่า จะมีการเกลี่ยคนในส่วนของทหารที่เป็นโควตาของ พล.อ.ประวิตร เพื่อให้คนที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาหรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า ที่อยู่กัน ใครไม่เชี่ยวชาญหรือ เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไปยังจะอยู่ช่วยงานนายกฯ ต่อหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า แล้วนายกฯเขาได้หรือยัง ในอนาคตแล้วแต่นายกฯ ว่าเขาจะเอาหรือไม่ เขายังไม่พูด ผมจะไปบอกได้อย่างไร ต้องรอให้ทุกอย่างชัดเจน ทุกอย่างแล้วแต่นายกฯ เมื่อถามว่า ยังสู้ไหวหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบทีเล่นทีจริงว่า ไม่ไหวแล้วตอนนี้ผมอายุ 74 แล้ว งานของผมถือว่าจบแล้ว ผลงานความมั่นคงสื่อฯ มองว่าทำได้ดีหรือไม่ ส่วนอนาคตจะไปต่อหรือไม่ยังไม่รู้ ที่พูดกันว่าหากไม่ใช่ผมจะเอาทหารตำรวจไม่อยู่นั้น คนอื่นมีเยอะแยะไป,สมคิด ยันไม่มีการปรับ ครม.,นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธถึงกระแสข่าวจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงนี้ ว่า เรื่องดังกล่าวไม่มี ข่าวปรับ ครม.ที่ออกมาขณะนี้ น่าจะมาจากสื่อมวลชน ผู้สื่อข่าวถามว่าข่าวระบุว่าปรับ ครม.เพื่อเปิดโควตานำคนของพรรคการเมืองที่สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐเข้ามารับตำแหน่ง นายสมคิดตอบว่า ไม่รู้จริงๆ ยืนยันว่าไม่มี เห็นมีแต่ข่าวจากสื่อทั้งนั้น ยืนยันว่ายังไม่มีอะไรทั้งสิ้น,บิ๊กฉัตร ให้เป็นอำนาจนายกฯ,พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพิ่งได้ยินจากสื่อถึงกระแสข่าวปรับ ครม. เป็นเรื่องใหม่มาก แต่เรื่องนี้นายกฯคงทำเองไม่จำเป็นต้องปรึกษาใคร เพราะรู้และเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด มีวิสัยทัศน์อยู่แล้ว ตอนนี้ไปถามใครก็เป็นความเห็นคนนั้น แต่ถ้านายกฯตอบจะเป็นของแท้แน่นอน เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะปรับ ครม.เพื่อจัดทัพก่อนเลือกตั้ง พล.อ.ฉัตรชัยตอบว่า ไม่เห็นนายกฯพูดอย่างนั้น ไม่ทราบว่าท่านคิดอย่างไร สำหรับตนทำวันนี้ให้ดีที่สุดอย่างอื่นไม่ได้คิด เมื่อถามย้ำว่าพร้อมจะช่วยงานในอนาคตต่อหรือไม่ พล.อ.ฉัตรชัยตอบว่า ได้รับภาระหน้าที่หลายเรื่อง งานเหล่านี้ทำให้คิดว่างานที่มีอยู่ตรงหน้านั้นพอแล้ว อย่าไปคิดมากไปกว่านั้น,วิษณุ แซว สนธิรัตน์ แชตไลน์,นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปรับ ครม.ที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครมาบอกตน มีเพียงเสียงแว่วจากผู้สื่อข่าวเท่านั้น ล่าสุดสอบถามนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ถึงกระแสข่าวที่จะลาออก และข่าวที่หารือกับนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่ห้องทำงานในทำเนียบฯ นายสนธิรัตน์ก็ได้หัวเราะและบอกว่า เจอกับนายอุตตมโดยบังเอิญที่ห้องทำงานนายสมคิด แต่ตอนนั้นนายสมคิดไม่อยู่ในห้อง ติดภารกิจที่กระทรวงการต่างประเทศ จึงกระเซ้าไปว่าเดี๋ยวก็มีข่าวว่ามีการไลน์คุยกัน ส่วนการคลายล็อกพรรคการเมือง ต้องรอให้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. โปรดเกล้าฯลงมาก่อน ถึงจะประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพรรคการเมือง ส่วนการเตรียมจัดทำนโยบายพรรคและหาเสียงนั้น เมื่อสิ้นสุด 90 วันที่รอร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้ คือประมาณกลางเดือน ธ.ค. กว่าจะไปถึงวันที่ 24 ก.พ. ยังมีเวลาประมาณ 70 วัน ถือว่าเหลือเฟือ เพราะมีเวลาหาเสียงกันเต็มๆกว่า 60 วัน ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา ที่มีเวลาหาเสียงจริงไม่ถึง 40 วัน,ธ.ค.ปลดล็อกหาเสียงได้เต็มที่,เมื่อถามว่ากฎหมายยังเปิดช่องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เล่นการเมืองได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ ครม. ลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้แน่ๆ หากจะเล่นการเมืองต้องไปช่องทางอื่นที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องเอาไว้ เช่น อยู่ในบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอให้เป็นนายกฯ และผ่านการโหวตของสภาฯ กระทั่งถึงทางตันจะมีช่องทาง ของนายกฯคนนอก พล.อ.ประยุทธ์ และ ครม. สามารถเป็นที่ปรึกษาพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรค หรือหัวหน้าพรรคก็ได้ ส่วนการปลดล็อกคาดว่าอย่าง ช้าภายในเดือน ธ.ค. จะสามารถหาเสียงได้ ไม่ว่าจะติดโปสเตอร์เสาไฟฟ้า ตั้งเวทีปราศรัย ยืมสนามหลวงขอเปิดเวที เคาะประตูบ้าน ทั้งหมดจะทำได้ในตอนนั้น,เลือกตั้งท้องถิ่นเดือน พ.ค.62,นายวิษณุยังกล่าวถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นว่า คงมีขึ้นหลังการเลือกตั้ง ส.ส. เพราะกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นเพิ่งผ่านมติ ครม.เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ทั้งนี้ กกต.เห็นว่าควรกำหนดการเลือกตั้งท้องถิ่นให้ห่างจากการเลือกตั้ง ส.ส. 90 วัน ดังนั้นหากเลือกตั้ง ส.ส.ในเดือน ก.พ.2562 การเลือกตั้งท้องถิ่นคงประมาณเดือน พ.ค.2562 โดย กกต.เห็นว่าควรแบ่งการเลือกตั้งท้องถิ่นออกเป็น 2 ช่วง เริ่มจาก อปท.ที่ไม่กระทบต่อการแบ่งเขตเลือกตั้งประมาณ 40 แห่ง ก่อนจะจัดเลือกตั้งในอปท.ที่มีผลกระทบต่อการแบ่งเขตเลือกตั้ง เพราะจัดพร้อมกันหมดคงไม่ได้,กกต.เร่งร่างระเบียบเลือก ส.ว.,พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า การประชุม กกต.เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ได้พิจารณาร่างระเบียบ กกต.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.เสร็จในรอบแรก มีความเห็นให้ปรับแก้เกี่ยวกับการปฏิบัติในบางเรื่อง ขณะนี้ กกต.ได้เร่งพิจารณาร่างระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. เพื่อให้ทันกับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับที่กำลังจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยเฉพาะ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จะมีผลบังคับใช้ทันที ต้องเริ่มกระบวนการสรรหา ส.ว.ทันที,คสช.ไฟเขียวพลังประชารัฐ,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน ชูจันทร์ ผู้ยื่นขอจดจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ ได้มีหนังสือแจ้งขออนุญาตจัดประชุมต่อ คสช. ผ่าน กกต. และ คสช.ได้อนุญาตแล้ว โดยขออนุญาตจัดประชุมในวันที่ 15 ก.ย. เวลา 09.30-14.00 น. ที่ห้องฟินิกซ์ อิมแพค เมืองทองธานี เพื่อประชุมผู้ร่วมก่อตั้งเลือกหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค ก่อนยื่นขอจดทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองดังกล่าวเป็นที่จับตามอง เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าหากจดตั้งเป็นพรรคการเมืองโดยสมบูรณ์แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงรัฐมนตรีบางส่วนเตรียมสมัครเป็นสมาชิกพรรค,คาดเปิดสมัคร ส.ว. 10–14 ธ.ค.,ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตามที่สำนักงาน กกต.ได้ประชุมสัมมนาผู้บริหารไปเมื่อวันที่ 18-19 ส.ค. มีการประมาณการว่าหากร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. มีผลบังคับใช้ในวันที่ 14 ก.ย. กกต.จะพิจารณาให้ความเห็นชอบระเบียบ กกต.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. จากนั้น 12 ต.ค. จะประกาศกำหนดวันลงทะเบียนองค์กรที่มีสิทธิเสนอชื่อผู้สมัคร ส.ว. และแจ้งให้สำนักงาน กกต.จังหวัดทราบ วันที่ 22-31 ต.ค. สำนักงาน กกต.จังหวัด รับลงทะเบียนองค์กร จากนั้นคณะรัฐมนตรีเห็นชอบและนายกรัฐมนตรี นำ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือก ส.ว.ขึ้นทูลเกล้าฯถวาย และคาดว่าจะเปิดรับสมัคร ส.ว. ได้ประมาณวันที่ 10-14 ธ.ค. จากนั้นเป็นขั้นตอนการเลือกระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ และภายในวันที่ 22 ม.ค. กกต.จะแจ้งรายชื่อผู้ได้คะแนนสูงสุดลำดับที่ 1-10 ของแต่ละกลุ่ม รวม 200 คน ให้ คสช.คัดเลือกเป็น ส.ว. 50 คน และคัดเลือกอีก 50 คน เป็นบัญชีสำรอง,สนช.ชี้ ก.ม.ท้องถิ่นเสร็จปลายปี,ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า หลังจาก ครม.ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งทุกระดับจำนวน 6 ฉบับ น่าจะเข้าสู่วาระการพิจารณาของ สนช.ได้ในช่วงสัปดาห์ที่ 2-3 ของเดือน ก.ย. คาดว่าปลายปีนี้กฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น 6 ฉบับ สนช.จะดำเนินการแล้วเสร็จ มีประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ การตั้งคณะ กมธ.วิสามัญเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายทั้ง 6 ฉบับ จะใช้รูปแบบใดระหว่าง ใช้คณะ กมธ.วิสามัญเพียงชุดเดียว หรือตั้งคณะ กมธ.วิสามัญ 6 คณะ พิจารณาเป็นรายฉบับ ทั้งหมดต้องหารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนอีกครั้ง,วิชาญ จี้คิดให้ดีก่อนโละ ส.ข.,นายวิชาญ มีนชัยนันท์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ระเบียบการบริหารราชการกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) ระบุว่ายังคงให้มี ส.ข.อยู่ แต่ขณะนี้ ส.ข.ทุกเขตหมดวาระยังไม่อนุญาตให้เลือกตั้ง ต้องรอการตัดสินใจจากกระทรวงมหาดไทยว่ายังจะให้มี ส.ข.อยู่หรือไม่ เท่ากับเป็นการยกเลิกการมีสภาเขต และสมาชิกสภาเขตโดยปริยาย ส่วนตัวมองว่าระหว่างการรอกระทรวงมหาดไทยตัดสินใจ ควรให้มีการเลือกตั้ง ส.ข.มาทำหน้าที่ก่อน ขอให้รัฐบาลเปิดใจกว้างรับฟังความเห็นจากนักการเมือง ทั้ง ส.ส. และ ส.ข.บ้าง อย่าฟังแต่ข้าราชการ,นอภ.เต้นสอบปมเก็บบัตร ปชช.,อีกเรื่อง หลังจากอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบกรณีการรวบรวมบัตรประชาชนใน จ.นครราชสีมานั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ก.ย. นายประพัทธพงศ์ พราหมณี นายอำเภอบัวใหญ่ มอบหมายฝ่ายความมั่นคง ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.บัวใหญ่ และเจ้าหน้าที่ทหาร ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่บ้านโนนนางาม หมู่ 9 ต.ดอนตะหนิน อ.บัวใหญ่ พบข้อมูลว่านายกำจัด ศรีนอก อดีตผู้ใหญ่บ้านได้เก็บสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ในพื้นที่ที่สมัครใจประมาณ 70 ราย ไปให้มารดาของนายพิเชษฐ์ชัยศรี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา โดยไม่ได้ให้สิ่งตอบแทนใด เพราะรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี เจ้าหน้าที่จึงให้นายกำจัดหยุดการกระทำและชี้แจงให้ทราบว่าขณะนี้อยู่ในช่วงที่ยังไม่สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ นายกำจัดรับทราบและจะนำสำเนาบัตรฯไปคืนให้ประชาชนต่อไป,แฉซ้ำ อ.บัวใหญ่ยังเคลื่อนไหว,นายโกศล ปัทมะ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้วันนี้ทางฝ่ายปกครองได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว แต่ยังมีการกระทำลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีกใน อ.บัวใหญ่ เป็นการกระทำที่เอาเปรียบพรรคอื่นที่ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ อยากให้ กกต.กวดขัดการกระทำที่ส่อไปในทางผิดกฎหมาย เพื่อให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรมตนไม่ได้หวั่นเกรงต่อการกระทำเหล่านี้ เชื่อว่าประชาชนตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกใครเป็นตัวแทนของเขา แต่อยากให้ทุกคนทำตามกฎกติกา เพื่อยกระดับการเมืองตามเจตนารมณ์ปฏิรูปการเมืองของรัฐบาล,ปูดอีกเดินสายดูดนายก อบจ.,นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวเจ้าหน้าที่ด้านความมั่งคงระดับสูง เดินสายดูดนักการเมืองให้เข้ามาร่วมงานการเมืองกับกลุ่มการเมืองในเครือข่ายที่จะสนับสนุนรัฐบาล คสช.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ล่าสุดเดินสายไปพบนายก อบจ. ที่ถูกคำสั่งมาตรา44 ระงับการปฏิบัติหน้าที่ โดยจูงใจว่าหากใครสามารถดูดอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในพื้นที่ภาคอีสาน เช่นที่ จ.นครพนม มาอยู่กับพรรคที่สนับสนุนรัฐบาลคสช.ได้ จะปลดล็อกให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ในการประกาศปลดล็อกครั้งหน้า รวมถึงจะมอบหมายให้เป็นแกนหลักบริหารจัดการเลือกตั้งในจังหวัด และไม่ทราบว่ากระแสข่าวที่ว่าจะมอบให้ดูแลงบประมาณ สัญญาว่าจะแบ่งเขตเลือกตั้งให้ได้เปรียบที่สุด รวมถึงมีการเสนอเงินย้ายพรรคให้กับอดีต ส.ส.งวดแรก รายละ 10 ล้านบาท เป็นจริงหรือไม่ จึงฝากให้ กกต.เข้าไปตรวจสอบด้วย เพื่อให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเป็นไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม ไม่ให้มีการตกเขียวกันทางการเมือง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐหากทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ เท่ากับว่าเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า ขอให้ประชาชนช่วยกันจับตาการปลดล็อกนายก อบจ.รอบหน้าด้วย,ภท.เอาแน่ยื่นฟ้อง แรมโบ้,ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำกลุ่มสามมิตร กรณีใส่ร้ายป้ายสีพรรคภูมิใจไทยซื้อเสียงล่วงหน้า ว่า กำลังรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ คาดว่าจะยื่นฟ้องได้ภายในสัปดาห์หน้า เรื่องนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รับทราบเรื่องและให้เร่งดำเนินการฟ้องคดี เนื่องจากทำให้พรรคเสียหาย ฐานใส่ร้ายป้ายสีและเป็นการแจ้งความอันเป็นเท็จ แน่นอนว่าจะฟ้องนายสุภรณ์และพยานผู้ที่อ้างว่าได้รับเงิน มีหลายสิบคน ถือว่าเป็นพยานเท็จ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 31 คนที่อ้างว่าจะมาเป็นพยานให้นายสุภรณ์ ถือว่ามีความผิดสำเร็จแล้ว ส่วนว่าจะโดนล่อลวงมาหรือไม่ต้องพิจารณากันเป็นรายๆไป เรื่องนี้ กกต.คงต้องดำเนินการเอาผิดบุคคลเหล่านี้ด้วย,จุติ หนุน อภิสิทธิ์ นั่งหัวหน้าต่อ,ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตามที่ คสช.เตรียมคลายล็อกให้พรรคการเมือง เริ่มมีกลุ่มคนปล่อยข่าวลือสร้างกระแสให้เกิดความสับสน จึงขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นหนึ่งเดียวยึดมั่นอุดมการณ์เสรีประชาธิปไตย ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีแนวคิดเสนอเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค โดยให้คนนอกและบุคคลทั่วไปสามารถเสนอตัวลงสมัครตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ และการปฏิรูปการเมือง สำหรับตนในฐานะเลขาธิการพรรคคนปัจจุบัน ยืนยันว่าจะสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคต่อไป เพราะผลงานและความใส่ใจในการพบปะรับฟังปัญหาประชาชนทั่วประเทศตลอดเวลา 4 ปี ของนายอภิสิทธิ์ เป็นผู้ที่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อการบริหารราชการ และการอยู่ดีมีสุขของประชาชนได้ดีที่สุดคนหนึ่ง,ซัดเกมปล่อยข่าว ปชป.สามก๊ก,ส่วนกระแสข่าวว่ามีสามก๊กเกิดขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นเพียงการวิจารณ์และคาดเดา ยืนยันว่าพรรคมีความเป็นเอกภาพ ไม่มีความแตกแยก แม้จะมีความพยายามสร้างความสับสน และวิธีการปล่อยข่าวลักษณะนี้จะไม่สามารถทำลายประชาธิปัตย์ได้ ขอร้องว่าวิธีการปล่อยข่าวผ่านสื่อมวลชนบางสำนักให้เกิดความสับสนแบบนี้ ใช้ไม่ได้ผลกับประชาธิปัตย์ ผมขอยืนยันว่าเราเป็นหนึ่งเดียว นายจุติกล่าว,สามมิตรเดินสายพบกลุ่มยาสูบ,ที่วัดเกาะวงษ์เกียรติ์ ต.ทับผึ้ง อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย สมาคมชาวไร่ยาสูบสุโขทัย ร่วมกับตัวแทนภาคียาสูบประเทศไทย นำโดยนายสุครีพ บุญชุ่ม นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เล่ย์จังหวัดสุโขทัย จัดประชุมชี้แจงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับสมาชิกชาวไร่ยาสูบกว่า 1,000 คน หลังการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ประกาศลดโควตารับซื้อใบยาลงร้อยละ 50 โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร และ พล.ต.สุรพล ตาปนานนท์ ประธานกรรมการ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บอร์ด บขส.) ในฐานะคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปการเมืองเข้าร่วมรับฟัง พร้อมรับเรื่องเพื่อนำเสนอไปยังนายกฯ พิจารณาต่อไป โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ชาวไร่ยาสูบ ที่รายได้น้อยและไม่มีหนทางทำมาหากินอื่น การให้สวัสดิการด้านสุขภาพกับประชาชน เป็นเรื่องที่ดี แต่ทำไมต้องมาเจาะจงเก็บภาษีจากสินค้าบุหรี่เพียงอย่างเดียว อยากให้รัฐบาลยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ไปก่อน หรือไปพิจารณาใช้งบสนับสนุนจากกองทุน สสส. หรือเก็บจากภาษีสินค้าอื่น เช่น เหล้า สุรา แทน จะขอติดตามเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด เพราะถือเป็นความเดือดร้อนของชาวไร่ยาสูบ,มทภ.4 ปัดข่าวยุ่งการเมือง,ช่วงเช้าวันเดียวกันที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ. ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงชี้แจงกรณีนายสุรพล นาควานิช ร่วมเปิดตัวเป็นกรรมการบริหารพรรคประชาชาติ ซึ่งมีนามสกุลคล้ายกับ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.รมน.ภาค 4 ทำให้สื่อบางสำนักนำไปเป็นประเด็นทางการเมืองว่า ได้รับการยืนยันจาก พล.ท.ปิยวัฒน์ และบุคคลในตระกูลนาควานิช ว่าไม่รู้จักนายสุรพลเป็นการส่วนตัว และไม่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติทั้งทางตรงและทางอ้อม,ด้าน พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนและบุคคลในตระกูลนาควานิช ไม่เกี่ยวข้องหรือให้การสนับสนุนกลุ่มการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หากตรวจพบว่ามีการแอบอ้างหรือบิดเบือนให้เกิดความเสียหาย อาจจำเป็นต้องใช้มาตรการตามกฎหมายตามความเหมาะสมต่อไป,พม.ลุยพัฒนาคนแก่–เด็กแรกเกิด,อีกเรื่อง พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึงแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน ว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กําหนดยุทธศาสตร์ 20 ปี ระหว่างปี 2560-2579 มีโครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการเตรียมความพร้อมรองรับสังคมผู้สูงอายุ การยกระดับศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุระดับอำเภอ ตําบล ให้ครอบคลุมทั้งประเทศ เพื่อให้ผู้สูงอายุในชุมชนมีพื้นที่จัดกิจกรรม ปัจจุบันได้สร้างศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิต และส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ 878 แห่ง และมีแผนขยายผลอีก 400 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังดูแลคุณภาพชีวิตเด็กแรกเกิด มีโครงการเงินอุดหนุนเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดถึง 3 ปี แก่ครอบครัวยากจน มีรายได้น้อย โดยให้การอุดหนุนเป็นรายเดือน เดือนละ 600 บาท ต่อเนื่อง 3 ปี ในปี 2561 มีเป้าหมาย 344,123 คน มีผู้ลงทะเบียนและได้รับสิทธิ 427,305 คน,แซะนายกฯ ตัวเลขสวนทางปากท้อง,นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯออกมาปลื้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ว่า แม้ตัวเลขจะดีขึ้นจริง แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่ได้รู้สึกว่าดีตามตัวเลขอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์สำรวจความเป็นจริงจากประชาชนส่วน ใหญ่ ว่าความเป็นอยู่ดีขึ้นหรือมีรายได้เพิ่มขึ้นหรือไม่ หรือรายได้ไปตกอยู่กับคนบางกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาล หากไม่มีการประท้วงชัตดาวน์ กทม. ไม่มีการปฏิวัติ ต้องถามว่าเศรษฐกิจไทยจะโต 4-5 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ปี 57 และ 58 เรื่อยมาใช่หรือไม่ ไม่ใช่มาโต 4 เปอร์เซ็นต์กว่าในปีที่ 4 หลังการปฏิวัติ ถือว่าเสียโอกาสของประเทศอย่างมาก เหมือนเด็กมาเดินได้ตอนอายุเกิน 4 ขวบ เป็นเด็กพัฒนาช้า อยากทวงสัญญากับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ บอกคนจนจะหมดไปในปีนี้ แต่ปรากฏว่า 8 เดือนผ่านไปกลับมีคนจนเพิ่มขึ้น ไม่ได้หมดไปอย่างที่บอก,เลื่อนสั่งคดี โอ๊ค ไปเป็น 10 ต.ค.,เมื่อเวลา 10.30 น.ที่สำนักงานคดีพิเศษ นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีนัดสั่งคดีที่ดีเอสไอ กล่าวหานางกาญจนาภา หงษ์เหิน อดีตเลขานุการของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร นายวันชัย หงษ์เหิน สามี และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ฐานร่วมกันสมคบฟอกเงิน ที่ได้รับโอนเงินจากการทุจริตอนุมัติสินเชื่อ ธ.กรุงไทยฯ กับบริษัทในเครือกฤษดามหานคร ว่า วันนี้พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 นัดนางกาญจนาภา นายวันชัย และนายพานทองแท้ มาฟังการสั่งคดีผู้ต้องหา 1-3 มอบอำนาจให้ทนายความมาฟังคำสั่ง ปรากฏว่าพนักงานอัยการอยู่ระหว่างการพิจารณาสำนวน แต่ยังไม่เสร็จสิ้น เพราะสั่งการให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอไปสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นสำคัญ อัยการไม่อาจสั่งคดีทันในวันนี้ได้ ให้เลื่อนสั่งคดีเป็นวันที่ 10 ต.ค.2561 เวลา 09.00 น.
รัฐบาลดาหน้าโต้ข่าวปรับ ครม. บิ๊กตู่ ย้ำหนักแน่นไม่มี ไม่ปรับ จี้ถามหาตัวปล่อยข่าว บิ๊กป้อม โยนสื่อคิดเอง เออเอง สมคิด ยันอีกคนไม่มีอะไรทั้งสิ้น
ข่าว,การเมือง
ข่าวหน้า1,ปรับ ครม.,ข่าวลือ,ปลดล็อก,หาเสียง
https://www.thairath.co.th/news/politic/1370102
[ 0, 259, 203061, 2091, 169184, 77772, 34904, 10062, 229634, 138658, 259, 204042, 88618, 174961, 35065, 24946, 62793, 259, 49947, 20648 ]
รัฐออกมาตรการปั้นฝันสังคมสูงอายุ
ตั้งศูนย์กลางจ้างงานหลังเกษียณ ให้สิทธิพิเศษลูกกตัญญูดูแลพ่อแม่,นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมออกแพ็กเกจสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้นทั้งด้านภาษี ที่อยู่อาศัย การทำงาน และการดำรงชีวิต โดยในด้านภาษี ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังจัดส่งเสริมให้บริษัทต่างๆว่าจ้างผู้สูงอายุมากขึ้น โดยมีแนวคิดว่าบริษัทนั้นจะได้ลดหย่อนภาษี 2 เท่าจากฐานเงินเดือนของผู้สูงอายุที่จะกำหนดไว้ และให้กระทรวงแรงงานจัดตั้งศูนย์เพื่อให้ผู้สูงอายุที่ยังต้องการมีงานทำมาลงทะเบียนไว้ (พูลลิ่ง) และหากบริษัทใดมีความต้องการแรงงานให้ดูที่ศูนย์นี้ และนำไปสู่การจ้างงานได้,เช่น อาชีพครูหลังเกษียณ หากต้องการสอนหนังสือต่อให้ลงทะเบียนหางานไว้ สถาบันการศึกษาใดสนใจจะจ้างงานผู้สูงอายุก็มาเลือกจากพูลลิ่ง ซึ่งนอกจากสร้างรายได้ ยังทำให้ผู้สูงอายุอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี และมีความสุข,นายสมคิดกล่าวต่อว่า ยังจะมีมาตรการที่ให้สิทธิพิเศษแก่ลูกกตัญญู ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่รัฐมีโครงการสนับสนุนที่อยู่อาศัยจะพิจารณาให้ลูกที่นำพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย มาเลี้ยงดูในบ้าน เป็นอันดับแรกในการเข้าร่วม โดยให้ดอกเบี้ยในอัตราพิเศษ เพราะใครกตัญญูสมควรได้รับสิทธิพิเศษสูงกว่าคนอื่น นอกจากนี้ ยังสั่งให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) คิดถึงบ้านคนชราด้วย โดยมีมาตรการสนับสนุนพิเศษเพื่อจูงใจที่จะสร้างเป็นสังคมให้คนชรา,ส่วนกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ซึ่งจะเหมือนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของลูกจ้างบริษัทเอกชน แต่จะเป็นภาคบังคับนั้น ต้องการผลักดันให้ออกมาใช้ในรัฐบาลชุดนี้ ขณะที่แนวคิดสินเชื่อบ้านเพื่อผู้สูงอายุ ซึ่งจะให้สถาบันการเงินปล่อยกู้ให้ผู้สูงอายุโดยตีค่าจากราคาบ้าน เพื่อผู้สูงอายุมีเงินเอาไว้ใช้จ่ายหลังเกษียณ หรือ Reverse Mortgage ก็จะรีบดำเนินการเช่นกัน ทั้งนี้ รัฐบาลมีเป้าหมายให้คนชราดำรงชีพได้อย่างมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และจะต้องมีสุขภาพที่ดีด้วย โดยกระทรวงสาธารณสุขไปจัดทำแพ็กเกจเรื่องสุขอนามัยเพิ่มเติมด้วย.
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมออกแพ็กเกจสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้นทั้งด้านภาษี ที่อยู่อาศัย การทำงาน และการดำรงชีวิต
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์,ครู,เกษียณ,รายได้,ปู่,ย่า,ตา,ยาย,รัฐบาล,ข่าว,ไทยรัฐฉบับพิมพ์
https://www.thairath.co.th/content/664911
[ 0, 259, 97003, 70433, 23045, 118407, 120456, 48556, 16344, 12005, 17858, 31190, 48263, 28495, 108295, 66125, 17858, 31190, 48263, 1 ]
ฮือฮา นิทรรศการงานศพ สวนแห่งชีวิต พี่จัดให้น้องชายสุดท้อง
เจ้าภาพงานศพ จัด สวนแห่งชีวิต ระลึกถึงเรื่องราวชีวิตของน้องชายคนสุดท้องตระกูลดังเมืองตรัง ไม่อยากให้เวลาและความรู้สึกหายไปไร้ร่องรอยเหมือนเข็มนาฬิกา หลังจากปี 59 เคยจัดนิทรรศการงานศพคุณแม่ 5 แผ่นดินไปแล้ว,ที่วัดศรัทธาธรรม (วัดป่าแก่) หมู่ 4 ต.บางด้วน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ทางคณะเจ้าภาพได้จัดงานบำเพ็ญกุศลศพ นายภาวัต หรือเข้ง แซ่เตียว อายุ 50 ปี เป็นน้องคนสุดท้องของตระกูลชื่อดังเมืองตรัง แซ่เตียว ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคปัจจุบันหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ญาติตั้งศพบำเพ็ญกุศลศพมาครั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. 2561 กำหนดการฌาปนกิจวันที่ 8 ต.ค. 2561 ท่ามกลางแขกเหรื่อและญาติสนิทมาร่วมงานกันเนืองแน่น

,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในงานแตกต่างจากงานศพทั่วไป ทางคณะเจ้าภาพได้จัดสวนจำลองชีวิตของผู้ตายในบางแง่มุม เรียกว่า สวนแห่งชีวิต ท่ามกลางความสนใจของแขกเหรื่อที่มาร่วมไว้อาลัยในงานศพ ซึ่งแนวคิดนี้ภายใต้การรังสรรค์ผลงานของ นายเศวตชัย เตียวปิยกุล พี่ชาย ปัจจุบัน ข้าราชการครู ค.ศ.3 สอนวิชาศิลปะ โรงเรียนย่านตาขาวรัฐชนูปถัมภ์ สังกัด สพม.13 เป็นครูต้นแบบ ของคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ หรือสภาการศึกษา ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านศิลปะ มีความรู้ความสามารถในการสร้างสรรค์งานศิลปะ ประเภทออกแบบ ตกแต่งทุกชนิด,นายเศวตชัย เล่าว่า ความรักความศรัทธาก่อให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะสร้างผลงานหรือสื่อตรงนี้ออกมาให้น้องชายอันเป็นที่รักของเรา พวกเราทั้ง 5 คน มีความคิดเห็นตรงกันว่า น้องชายสุดท้องคือสิ่งที่เรารักมากที่สุด การจากไปครั้งนี้เป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ เราคิดว่าน่าจะสร้างร่องรอยตรงนี้ เพราะเชื่อว่าน้องชายผมไม่ได้เหมือนนาฬิกาที่เดินรอบตัวเองแล้วไม่เหลือร่องรอยอะไรเลย น้องได้สร้างคุณงามความดีไว้มากมาย สิ่งเหล่านี้มันอยู่ในความรู้สึกของพี่ๆ และญาติๆ ทุกคน,ตรงนี้ สวนแห่งชีวิตจึงเกิดขึ้นว่า ตั้งแต่น้องชายเล็กๆ จนเติบโตนั้นได้สร้างอะไรไว้บ้างทุกอย่างที่เป็นตัวตนของน้องชายจะถูกรวมกันไว้ในสวนแห่งนี้เรียกว่า สวนแห่งชีวิต

 มีกิจกรรมหรือสิ่งที่น้องชายได้ทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของละเล่นหรือรีแลกซ์ต่างๆ ตลอดจนอาชีพที่น้องชายทำรวมความรักความผูกพันที่มีต่อครอบครัว ซึ่งน้องชายเป็นคนดูแลคุณแม่ที่ได้เสียชีวิต น้องชายเป็นคนคนหนึ่งที่เชื่อฟังและมีน้ำใจกับพี่ๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามจะคอยช่วยเหลือพี่ๆ เขาคอยดูแลพี่ๆ ทุกคน ดูแลคนอื่นๆ จนลืมดูแลตัวเอง,ความรู้สึกแรกเหมือนหัวใจสลาย จุดแรก เป็นการบ่งบอกถึงชีวิตน้องชายสมัยยังเป็นเด็ก ซึ่งอายุตอนนั้นไล่เลี่ยกับหลานๆ เขาเป็นทั้งเพื่อนเล่นเป็นทั้งครูที่คอยอบรมหลานๆ สอนการบ้าน เล่านิทาน เป็นภาพประทับใจที่ผมไม่เคยลืม หลานๆ ก็ไม่เคยลืม และอีกหลายๆ เรื่องราวมารวมกัน ภาพกอดหอมแก้มแม่ ดูแลแม่ จุดวางเก้าอี้ที่น้องชายนั่งจิบกาแฟตอนเช้า และสวนหย่อมที่จำลองรูปแบบมาจากหลังบ้าน และอีกหลายเรื่องราวตลอดอายุ 50 ปีของน้องชายผู้จากไป

,ส่วนบรรยากาศหน้าโลงศพ ดอกไม้ที่จัด เน้นดอกไม้ที่มีสีสันที่เหมาะกับวัยของคนวัย 50 ปี ใช้ชื่อว่า คืนชีวิตสู่สวรรค์ หมายถึงว่าเราได้น้องชายมาจากสวรรค์เพราะเขาเป็นคนดีเหลือเกิน แล้วก็ลิขิตของสวรรค์นั้นได้นำน้องชายเรากลับไป การตกแต่งตรงนี้ Concept ของเราก็คือว่า เป็นมวลของปุยเป็นมวลแห่งสวรรค์ และเป็นดอกไม้ทุกอย่างนั้นเป็นดอกไม้ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้สอดคล้องมีความหมายไล่สีจากเข้มไปอ่อนและข้างบนนั้นมีมาลัยคล้องมือ เพื่อบ่งบอกว่าสวรรค์รับรู้และรับตัวน้องชายไป เราขมขื่นเหลือเกินที่ต้องจากน้องไป แต่เราหวังว่าน้องชายนั้นกลับสู่สวรรค์ จึงสร้างบรรยากาศทุกอย่างให้เหมือนดอกไม้บนสวรรค์ มีนกสองตัว นกที่อยู่บนสวรรค์ นั่นก็คือนกยูง,ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อช่วงเดือน ธ.ค.ปลายปี 59 ที่วัดศรัทธาธรรมหรือวัดป่าแก่แห่งนี้ บรรดาลูกหลานของ นางปิ่น หรือคุณทวดปิ่น แซ่เตียว อายุ 90 ปี มีลูก 6 คน เป็นผู้ชาย 4 หญิง 2 คน มีนายพิชัย แซ่เตียว หรือ ส.จ.ฮิ เป็น ส.อบจ.ตรัง นายยงยุทธ หรือเรียว แซ่เตียว เป็นนายก อบต.บางด้วน และมีอาชีพรับราชการ ได้ร่วมกันจัดงานศพแบบแปลกแหวกแนว แตกต่างไปจากงานศพในท้องถิ่นทั่วไป โดยการจัดนิทรรศการแสดงรูปภาพ สิ่งของ เครื่องใช้ รวมถึงข้อความ และคติคำสอน ที่คุณทวดปิ่น ผู้ตาย เคยสั่งสอนไว้กับลูกหลานให้ได้จดจำ และเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต
เจ้าภาพงานศพ จัดสวนแห่งชีวิต ระลึกถึงเรื่องราวชีวิตของน้องชายคนสุดท้องตระกูลดังเมืองตรัง ไม่อยากให้เวลาและความรู้สึกหายไปไร้ร่องรอยเหมือนเข็มนาฬิกา หลังจากปี59เคยจัดนิทรรศการงานศพคุณแม่ 5
ข่าว,ทั่วไทย
นิทรรศการงานศพ,สวนแห่งชีวิต,งานศพแปลก,ตรัง,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/south/1392716
[ 0, 259, 66191, 34797, 40438, 259, 36595, 88604, 16485, 127054, 1881, 52973, 53959, 11821, 32921, 89446, 1, 0, 0, 0 ]
พรุ่งนี้102 ปี ดร.ป๋วย เสกสรรค์ พูดที่ท่าพระจันทร์
ภาพจาก : ,100 ปี ชาตกาล ป๋วย อึ๊งภากรณ์,พรุ่งนี้ (วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม 2561) จะเป็นวันคล้ายวันเกิดของท่านอาจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ปูชนียบุคคลที่สมควรแก่การเคารพยกย่องในฐานะผู้ริเริ่มรังสรรค์ผลงานอันเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลแก่ประเทศชาติทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม,หากท่านอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ท่านจะมีอายุครบ 102 ปี ในวันพรุ่งนี้ และคงจะจำกันได้เมื่อช่วงที่ท่านอายุครบ 100 ปีชาตกาลปี 2559 นั้น องค์การยูเนสโกได้ประกาศยกย่องให้ท่านเป็นบุคคลสำคัญของโลก,นับเป็นคนไทยคนที่ 26 ที่ได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ดังกล่าว,แม้ท่านอาจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ จะถึงแก่อนิจกรรมไปตั้งแต่ พ.ศ.2542 นับถึงปัจจุบันนี้ เป็นเวลา 19 ปีแล้วแต่ลูกศิษย์ลูกหาและผู้ที่ให้ความเคารพนับถือก็ยังจัดงานรำลึกถึงท่านในวันคล้ายวันเกิดของท่านอยู่เสมอๆ,โดยเฉพาะ คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะที่ ท่านอาจารย์ยอมเสียสละลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ขันอาสามาเป็นคณบดีให้แก่คณะนี้แบบเต็มเวลาเมื่อปี พ.ศ.2514,นับเป็นการเสียสละที่ใหญ่หลวงจริงๆ ที่บรรดาศิษย์เก่าคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทุกรุ่นรวมทั้งรุ่นเก่าแก่ก่อนหน้า พ.ศ.2514 อย่างพวกผมต่างรู้สึกขอบพระคุณและจะไม่มีวันลืมตราบชั่วชีวิต,ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งคณบดีท่านได้สร้างความเจริญให้แก่คณะเศรษฐศาสตร์เอาไว้หลายต่อหลายประการ โดยเฉพาะการปรับปรุงการเรียนการสอน และการสร้างอาจารย์ต่างๆ ด้วยการหาทุนส่งไปเรียนต่อต่างประเทศ จนพอเพียงแก่ความต้องการของคณะ,ต้องยอมรับว่าจากการเรียนแบบมีอาจารย์ประจำเพียง 4-5 ท่าน นอกนั้นต้องอาศัยอาจารย์พิเศษจากหน่วยงานของรัฐ เช่น กระทรวงการคลัง, สภาพัฒน์, ธนาคารแห่งประเทศไทย, กระทรวงพาณิชย์ ฯลฯ มาช่วยสอนในยุคก่อนที่ท่านอาจารย์ป๋วยจะมาดำรงตำแหน่งคณบดีนั้น,มีส่วนทำให้ความรู้ในวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ของนักศึกษารุ่นเก่าๆย่อหย่อนลงไปบ้าง ไม่มากก็น้อย,ทำให้นักศึกษารุ่นก่อนๆ ต้องช่วยตัวเองด้วยการหาตำราอ่านเพิ่มเติม หรือจับกลุ่มไปขอให้รุ่นพี่ๆ ช่วยติวให้,อาศัยความใจสู้ความทรหดอดทนกัดฟันเรียนจนจบได้แบบเลือดตากระเด็นไปตามๆกัน,ซึ่งมาต่อท่านอาจารย์ป๋วยก็เข้ามาปรับปรุงแก้ไขจน คณะเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ มีอาจารย์ประจำครบทุกวิชา มีติวเตอร์ ช่วยติวให้อีกต่างหาก กลายเป็นหนังคนละม้วนเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ,บัณฑิตเศรษฐศาสตร์รุ่นหลังๆ จึงเปี่ยมไปด้วยความรู้ในวิชาเศรษฐศาสตร์ทุกแขนงไม่ลุ่มๆดอนๆ เหมือนรุ่นเก่าๆ,ไปเรียนนอกก็ต่อยอดได้เลย เข้าทำงานก็มีทั้งไหวพริบปฏิภาณและมีความรู้อย่างลึกซึ้ง นับเป็นการเปลี่ยนแปลงคุณภาพบัณฑิตเศรษฐ– ศาสตร์ในทางที่ดีขึ้นและเข้าสู่มาตรฐานที่ผมอยากจะใช้คำว่าระดับสากล,จากพระคุณของท่านที่มีต่อคณะเศรษฐศาสตร์อย่างใหญ่หลวงเช่นนี้ ผมจึงรู้สึกดีใจและขอบคุณคณะเศรษฐศาสตร์ในปัจจุบันนี้เป็นอย่างยิ่งที่ยังไม่ลืมพระคุณท่านอาจารย์ และได้จัดงานระลึกถึงท่านในวันคล้ายวันเกิดท่านมาโดยตลอด,พรุ่งนี้ (วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม 2561) ตั้งแต่เวลา 08.00 น. จนถึง 12.00 น. จะมีการจัดงานรำลึกถึงท่านอาจารย์ ที่ คณะเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ดังเช่นทุกๆปี นอกจากพิธีทางศาสนาและการรำลึกถึงในด้านต่างๆ แล้วก็จะมีการแสดงปาฐกถาพิเศษที่เรียกว่า ปาฐกถา ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ด้วยแสดงติดต่อกันมาถึง 15 ปีซ้อน ปีนี้จะเป็นปีที่ 16 แล้วครับ,สำหรับการแสดงปาฐกถาพิเศษจะเริ่มในเวลา 09.00 น. ในหัวข้อ ประเทศไทยในความคิด ความคิดในประเทศไทย แค่ชื่อหัวข้อก็น่าฟังแล้วครับ และเมื่อเห็นรายชื่อผู้แสดงปาฐกถาด้วยก็ยิ่งน่าฟังมากขึ้น,เพราะผู้ที่จะแสดงความคิดตามหัวข้อครั้งนี้ก็คือ ดร.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล คนสำคัญคนหนึ่งในประวัติศาสตร์การพัฒนาประชาธิปไตย ของประเทศไทย,ผมขอเชิญชวนท่านที่เคารพนับถืออาจารย์ป๋วยไปแสดงความรำลึกท่านพร้อมทั้งไปฟังปาฐกถาพิเศษเพื่อเป็นเกียรติแก่ท่าน โดย ดร.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ในวันพรุ่งนี้ ตามวันและเวลาที่แจ้งไว้,ย้ำที่ห้องบรรยาย ศ.101 ชั้น 1 คณะเศรษฐศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นะครับไม่ใช่ที่ลานโพธิ์,ซูม
พรุ่งนี้ (วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม 2561) จะเป็นวันคล้ายวันเกิดของท่านอาจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ปูชนียบุคคลที่สมควรแก่การเคารพยกย่องในฐานะผู้ริเริ่มรังสรรค์ผลงานอันเป็นประโยชน์อย่างมหาศาล
ป๋วย อึ๊งภากรณ์,ปูชนียบุคคล,ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย,เหะหะพาที,ซูม
https://www.thairath.co.th/newspaper/columns/1221622
[ 0, 259, 124241, 259, 96187, 260, 9964, 219802, 6200, 26461, 105130, 62919, 5095, 116082, 212275, 259, 38058, 164000, 3682, 88653 ]
สมเด็จเกี่ยว มรณภาพแล้ว สิริอายุ 85 ปี
โดยจะมีพิธีน้ำหลวงสรงศพวันที่ 11 ส.ค. ที่วัดสระเกศมีรายงานว่า เวลา 8.41 น. เช้าวันนี้ (10 ส.ค.) สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ และประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้มรณภาพแล้ว ที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท สิริอายุ 85 ปี 6 เดือน โดยสาเหตุเบื้องต้นคาดว่า ติดเชื้อในกระแสโลหิตโดย รายงานว่า พระวิจิตรธรรมมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ เปิดเผยว่า จะมีพิธีเคลื่อนศพสมเด็จพระพุฒาจารย์ ในเวลา 09.00 น. วันที่ 11 สิงหาคม จากโรงพยาบาลสมิติเวช ไปยังวัดสระเกศฯ จากนั้นเวลา 13.00 น. จะเปิดให้พุทธศาสนิกชนได้สรงน้ำ โดยคาดว่า จะมีพิธีน้ำหลวงสรงศพ เวลา 17.00 น. แล้วจึงมีพิธีสวดพระอภิธรรม โดยอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วันข้อมูลจาก ระบุว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) นามเดิม เกี่ยว โชคชัย เป็นพระสงฆ์มหานิกาย และอดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เคยเป็นผู้รักษาการแทนสมเด็จพระสังฆราช อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นพระเถระที่มีอาวุโสโดยสมณศักดิ์สูงสุดของมหาเถรสมาคม ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดฯ สถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระราชาคณะ ชั้นสุพรรณบัฏ เมื่อปี พ.ศ. 2533 มีนามตามจารึกในสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ ภาวนากิจวิธานปรีชา ญาโณทยวรางกูร วิบูลวิสุทธิจริยา อรัญญิกมหาปริณายก ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัญวาสีสมเด็จพระพุฒาจารย์ เกิดเมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2471 ณ บ้านเฉวง ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดภูเขาทอง อำเภอเกาะสมุย ได้อุปสมบทที่วัดสระเกศ เมื่อปี พ.ศ. 2492สมเด็จพระพุฒาจารย์ ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 9 และเป็นเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เมื่อปี พ.ศ. 2508 เมื่อปี พ.ศ. 2516 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานแต่งตั้งเป็น รองสมเด็จพระราชาคณะ ที่ พระพรหมคุณาภรณ์ และเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม เมื่อปี พ.ศ. 2533 สมเด็จพระพุฒาจารย์ ได้เลื่อนเป็น สมเด็จพระราชาคณะ ที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ในปี พ.ศ. 2540 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการฝ่ายเผยแผ่พระพุทธศาสนามหาเถรสมาคมเนื่องจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกมีพระอาการประชวร และเสด็จเข้าประทับรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2545 ทำให้เข้าร่วมงานพระศาสนาไม่สะดวก มหาเถรสมาคม จึงได้แต่งตั้งให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ในต้นปี พ.ศ. 2547 ต่อมาการแต่งตั้งนั้นได้สิ้นสุดลงเพราะครบระยะเวลาที่กำหนด มหาเถรสมาคมจึงมีมติให้แต่งตั้ง คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เพื่อบริหารกิจการคณะสงฆ์แทนสมเด็จพระญาณสังวรฯ โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ในฐานะมีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ในขณะนั้นทำหน้าที่เป็นประธาน การแต่งตั้งดังกล่าวทั้งสองครั้ง ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากกลุ่มลูกศิษย์ของพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว นายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายทองก้อน วงศ์สมุทร
เช้าวันนี้ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ และประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้มรณภาพแล้ว ที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท สิริอายุ 85 ปี 6 เดือน
สังคม
obituary,ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช,พระพุทธศาสนา,พระสงฆ์,สมเด็จเกี่ยว
https://prachatai.com/journal/2013/08/48126
[ 0, 259, 192634, 168115, 177882, 13094, 215814, 33034, 259, 38058, 20921, 6581, 141944, 57741, 4188, 83361, 10228, 5095, 71453, 33559 ]
ปลัดเกษียณ
ภาพ : นางพัชราภรณ์ อินทรียงค์,การรับราชการมาจนถึงตำแหน่ง ปลัดกระทรวง ก่อนเกษียณอายุราชการนั้นเป็นความพิเศษเฉพาะบุคคลที่มิใช่ใครๆก็ทำได้,สิ้นปีงบประมาณ 2562 นี้ มี ปลัดกระทรวง หลายคนที่ถึงเวลาเกษียณอายุออกไปเป็น ข้าราชการบำนาญ ทิ้งเกียรติประวัติอันน่าภาคภูมิเอาไว้ให้ข้าราชการรุ่นหลังกล่าวขาน,เป็นความจำเป็นที่จะต้องบันทึกชื่อเสียงเกียรติคุณของ ท่านปลัด เหล่านี้ไว้ให้เป็นที่ปรากฏ พร้อมกับ หัวหน้าส่วนราชการ เทียบเท่า ปลัดกระทรวง อีกจำนวนหนึ่งซึ่งทรงคุณวุฒิไม่ด้อยไปกว่าปลัดกระทรวงเช่นกัน,รายแรกนับกันว่าเป็น ข้าราชการพลเรือนหมายเลข 1 เพราะไม่ว่าจะมีงานพิธีอะไรข้าราชการตำแหน่งนี้จะต้องอยู่หัวแถวเป็นคนแรกสุด นั่นคือ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งปีนี้ผู้ดำรงตำแหน่งถึงคราวเกษียณอายุอันได้แก่ นางพัชราภรณ์ อินทรียงค์ ซึ่งเป็น ปลัดหญิง หนึ่งในสามคนที่มีอยู่ในราชการปัจจุบัน,ถัดมาคือ นายวิจารย์ สิมะฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้เติบโตมาจากการเป็นนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม เคยเป็นอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ มา 2 ครั้ง 2 หน เป็นเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผน เป็นรองปลัดกระทรวงทำให้ 3 ปีที่เป็นปลัดกระทรวงผ่านไปได้ราบรื่นและมีคนมาแทนแล้วคือนายจตุพร บุรุษพัฒน์,ลำดับต่อมา นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษา ผู้สูงส่งด้วยวิทยายุทธ์ สามารถรอดพ้นหนามไหน่ในวงการมาได้แบบฉิวเฉียดไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหนในเส้นทางที่ผ่านมา,ตบท้ายด้วย นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ได้รับการยกย่องในความเป็นนักบริหารที่มือสะอาดไร้มลทิน คนขึ้นแทนคือ นายกอบชัย สังสิทธิ์สวัสดิ์,ใน 20 กระทรวงนั้นปีนี้มีปลัดกระทรวงเกษียณอายุราชการเพียง 4 ราย ต้องปีหน้าปี 2563 จึงจะมีปลัดกระทรวงเข้าแถวพาเหรดเกษียณออกไปเกือบ 10 กระทรวง,อย่างไรก็ตามปีนี้ยังมี หัวหน้าส่วนราชการ ที่มีฐานะเทียบเท่า ปลัดกระทรวง เกษียณอายุด้วยหลายราย,ที่อยู่ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี มี 1 ผู้อำนวยการ และ 3 เลขาธิการ คือ นายชูเกียรติ มาลินีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และมีการแต่งตั้งรองผู้อำนวยการขึ้นมาแทนแล้วคือ นายอนุกูล เจิมมงคล และน่าชื่นชมในความแข็งแกร่งของระบบงานที่คนนอกยากที่จะแทรกตัวข้ามห้วยเข้ามาแทน,ไม่เหมือนกับอีกแห่งหนึ่งคือ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่คนนอกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทหาร ผูกปีเข้ามาเป็นใหญ่ เลขาธิการคนปัจจุบันที่กำลังจะเกษียณ คือ พลเอกวัลลภ รักเสนาะ ก็มีทีท่าว่า เลขาธิการคนใหม่ ก็ต้องมาจากทหารอีกนั่นแหละ จะเป็น พลเอก อะไรที่โอนจากทหารมาเป็นพลเรือนเมื่อตอนต้นเดือนในตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีหรือนักเลงดีรายอื่นก็ได้ทั้งนั้น แต่คนในเห็นจะต้องทำหน้าชื่นอกตรมต่อไป,เลขาธิการ ที่สองที่เกษียณคือ นางเมธินี เทพมณี เลขาธิการ ก.พ. ซึ่งเดิมเป็นปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแล้วถูกย้ายมาเป็นผู้ตรวจราชการพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่ระยะหนึ่งภายหลังได้เป็นเลขาธิการ ก.พ. 3 ปี แล้วเกษียณอายุราชการ,สำหรับที่สำนักงาน ก.พ. เข้าใจว่าไม่น่าจะมีคนนอกจากไหนข้ามห้วยมาอีก คนที่จะขึ้นเป็น เลขาธิการ ก.พ.คนใหม่ ก็คงใช่ รองเลขาธิการ ในปัจจุบัน แต่ว่า รองคนไหนล่ะ,เลขาธิการคนสุดท้ายที่เกษียณคือ นางสาวจารุวรรณ เฮงตระกูล เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่ากันไปตามครรลองแล้ว รองเลขาธิการอาวุโสสูงสุด ที่ยังเหลืออยู่คือ นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธ์ ก็ควรจะได้สิทธิเลื่อนขึ้นมา แต่กระนั้นก็ยังมีคนที่มีสิทธิอีกรายและเคยเป็นรองเลขาธิการที่นี่มาก่อนด้วยเพียงแต่ตอนนี้ไปเป็นใหญ่ที่อื่นคือ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ ซึ่งปัจจุบันเป็นเลขาธิการ ก.พ.ร. ซึ่งถ้า เลขาธิการปกรณ์ คัมแบ็กกลับกฤษฎีกา ก็จะมีตำแหน่งว่างให้แต่งตั้งได้อีกคนที่ เลขาธิการ ก.พ.ร. ซึ่งมีคนย้ายมาจ่ออยู่แล้วในฐานะมือรอง,ทั้งหมดนี้เผลอๆพรุ่งนี้อาจจะได้เห็นตัวตนในบางตำแหน่ง.,ซี.12
การรับราชการมาจนถึงตำแหน่ง ปลัดกระทรวง ก่อนเกษียณอายุราชการนั้นเป็นความพิเศษเฉพาะบุคคลที่มิใช่ใครๆก็ทำได้
ปลัดกระทรวง,เกษียณอายุ 63,เกษียณอายุราชการ,ข้าราชการบำนาญ,ข้าราชการ,มุมข้าราชการ,ซี.12
https://www.thairath.co.th/news/politic/1645411
[ 0, 259, 54741, 9211, 142866, 30007, 52854, 179918, 259, 76389, 221075, 6200, 95517, 21191, 52265, 167499, 85350, 259, 132630, 60227 ]
ใบตองแห้ง: ขู่ล็อกดาวน์ ?
ประยุทธ์ขู่ใช้ยาแรง ถ้ามาตรการสกัดกั้นโควิด-19 ยังไม่ได้ผล ถ้าคนยังไม่ลดการเดินทาง ก็จะหยุดให้บริการขนส่งสาธารณะ รถเมล์ รถไฟฟ้าอ้าว ข้ามขั้นไปหรือเปล่า เพราะถ้ายังไม่สั่งหยุดงาน สั่งห้ามคนออกจากบ้าน ประชาชนก็ยังต้องทำมาหากิน ลูกจ้างก็ยังต้องไปทำงาน ไม่ใช่ทุกคนมีรถส่วนตัว จะหยุดรถเมล์รถไฟฟ้าได้อย่างไรรัฐบาลส่งทหารไปนั่งนับ ว่าประชาชนลดการเดินทาง 40% ยังไม่พอใจ อยากให้ลด 90% ทำราวกับคนไทยยังดื้อ ยังเดินทางท่องเที่ยว เที่ยวไหนไม่ทราบ ผับห้างก็ปิดหมด ที่ออกจากบ้านก็เพราะต้องทำงาน เสาร์อาทิตย์ก็ไปซื้อของไปทำธุระจำเป็นบนความกลัวนี้ รัฐบาล หรือผู้ว่าฯ จังหวัดต่าง ๆ ก็เลยงัดสารพัดมาตรการ ที่ไม่รู้จัดการโควิดได้ไหม แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค้าน เช่น นนทบุรีประกาศเคอร์ฟิว ห้าทุ่มถึงตีห้า ก็ไม่กระทบคนส่วนใหญ่เพราะไม่มีใครออกจากบ้าน ที่จริงวิษณุเคยบอก ถ้าจะเคอร์ฟิวต้องห้ามทั้งวัน ฉะนั้น ถามว่าเคอร์ฟิวกลางคืนได้ผลอะไร ในการกำจัดโควิด ก็มีคนบอกเพราะยังมีวัยรุ่นมั่วสุม กินเหล้ากินเบียร์ บางจังหวัดเลยห้ามขายเหล้าเบียร์ กระทบคนเป็นแสน ๆ นอนเซ็งอยู่บ้านถ้าจะทำมากกว่านี้ ก็เหลือแต่มาตรการ ล็อกดาวน์ ห้ามออกจากบ้าน เว้นแต่ไปซื้ออาหารซื้อยา ซึ่งมีหลายคนออกมาชง เช่น สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้า ปชป.เสนอล็อกดาวน์ 14 วัน ใครออกจากบ้านโดยไม่ขออนุญาต ลงโทษทันที เพราะยังมีคน ทำได้ตามใจคือไทยแท้ถ้ามันจำเป็น ก็ไม่ว่ากันนะครับ แต่ต้องตัดสินใจด้วยความรู้ความเข้าใจทางสาธารณสุข ผ่านการปรึกษาหารือ ประเมินอย่างรอบด้าน ไม่ใช่เอาตามกระแสวิตกกังวล ซึ่งหลายคนชอบอ้าง เจ็บแต่จบ อย่างจีนสถานการณ์ของจีนรุนแรงกว่าเรา และโควิด-19 ก็ไม่มีคำว่าจบจริง ๆ คือไม่ใช่คิดว่าปราบมันให้เรียบภายในวันที่ 30 เม.ย. แล้วเราจะกลับมาหลั่นล้า เข้าผับดูหนังฟังเพลง ชาบูปิ้งย่าง กว่าจะถึงวันนั้น อาจใช้เวลา 2 ปีเป้าหมายทางสาธารณสุขขณะนี้ คือต้องหยุดการแพร่ระบาดต่อเนื่องจากสนามมวย ผับ คนเดินทางจากต่างประเทศ โดยหลังจากนั้น เราอาจยังพบผู้ติดเชื้อประปราย แล้วก็กลับมาใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ยังต้องล้างมือ ใส่หน้ากากในพื้นที่เสี่ยง ขึ้นรถไฟฟ้า ดูหนัง ต้องนั่งห่าง ๆ จนกว่าจะมีการค้นพบวัคซีน หรือจนกว่ามันจะหายไป เพราะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่มาตรการทางสาธารณสุขวันนี้ ยังอยู่ในขั้นควบคุมการแพร่ระบาดชั้นที่ 2 จากผู้ใกล้ชิดคนติดเชื้อรอบแรก โดยปิดพื้นที่ กักตัว ติดตาม ฯลฯ แม้ยังพบวันละ 100 กว่าคน แต่ก็ยังไม่พบการติดเชื้อแบบไม่มีที่มาที่ไปในวงกว้าง ยังมีเวลาประเมินอีก 7-10 วัน ถ้าไม่ตื่นตูมกับกราฟ Scenario แบบต่าง ๆ จนเกินไปในทางตรงข้าม ถามว่าการล็อกสนิททำได้ไหม ต่อให้ขายเฉพาะอาหาร ก็ยังมีคนเกี่ยวข้องจำนวนมาก สั่งปิดราชการโรงงานบริษัท ก็ยังมีบางส่วนต้องให้บริการ เช่น ธนาคาร มือถือ กิจการอุปโภคบริโภค ส่วนที่ขายไม่ได้ เขาก็หยุดไปเองแล้วเช่น ประกอบรถยนต์
ประยุทธ์ขู่ใช้ยาแรง ถ้ามาตรการสกัดกั้นโควิด-19 ยังไม่ได้ผล ถ้าคนยังไม่ลดการเดินทาง ก็จะหยุดให้บริการขนส่งสาธารณะ รถเมล์ รถไฟฟ้าอ้าว ข้ามขั้นไปหรือเปล่า เพราะถ้ายังไม่สั่งหยุดงาน สั่งห้ามคนออกจากบ้าน
การเมือง,สิทธิมนุษยชน,คุณภาพชีวิต
ใบตองแห้ง,โควิด-19,ล็อกดาวน์
https://prachatai.com/journal/2020/04/87034
[ 0, 259, 97003, 70851, 121153, 11821, 102309, 13999, 259, 82551, 2091, 82551, 35065, 18169, 112826, 1, 0, 0, 0, 0 ]
ฆ่าเผานั่งยางชาวอิตาลี คาดฝีมือแฟนสาว-กิ๊กฝรั่งเศส ปมชู้สาว-ยาเสพติด
ตร.ได้เบาะแสฆ่าเผานั่งยาง หั่นศพ 2 ท่อนบริเวณป่าละเมาะ ข้างอ่างเก็บน้ำบ้านบึงทับจั่น จ.พิจิตร โดยเบื้องต้นคาดว่าเป็นชาวอิตาลี ปมชู้สาว ที่ฝ่ายหญิงคบแฟนชายต่างชาติ 2 คน หรืออาจพัวพันเรื่องยาเสพติด หลังก่อเหตุอาจหลบหนีออกนอกประเทศ เตรียมประสานด่าน ตม.เฝ้าดู
 ,จากกรณีพบศพคนเสียชีวิตถูกเผานั่งยางเหลือชิ้นส่วนขาด้านล่างและมีรูปรอยสัก ในที่เกิดเหตุยังพบเหรียญเงินสกุลต่างประเทศ และก้นบุหรี่ เหตุเกิดบริเวณป่าละเมาะข้างอ่างเก็บน้ำบ้านบึงทับจั่น หมู่ 3 ต.แหลมรัง อ.บึงนาราง เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยทางตำรวจได้ตั้งเงินรางวัล 2 หมื่นบาทให้กับผู้ชี้เบาะแส,โดยเมื่อวาน (21 ม.ค.) ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.บึงนาราง และชุดสืบสวนภูธร จ.พิจิตร พร้อมด้วยทหารจาก กกล.รส.พิจิตร ได้เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 314 / 2 หมู่ 12 ต.แหลมรัง อ.บึงนาราง เป็นบ้านของนางรุธจิรา เอี่ยมละมัย อายุ 32 ปี ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ โดยทางการสืบสวนพบว่า นางรุธจิรา คบแฟนเป็นชาวต่างชาติ 2 คน คนแรกชื่อนายคูเซปเป้ สเตฟานนี่ อายุ 61 ปี เป็นชาวอิตาลี ได้หายตัวไป โดยแม่ของ นางรุธจิรา แจ้งกับตำรวจที่ไปตรวจค้นว่า นางรุธจิรา ไม่อยู่บ้านเดินทางไป กทม.พร้อมกับแฟนหนุ่ม นายอาโมรี รีโก อายุ 24 ปี ชาวฝรั่งเศส ขณะนี้ตำรวจชุดสืบสวนกำลังประกบติดตามหาตัวนางรุธจิราและแฟนหนุ่มชาวฝรั่งเศส ที่คาดว่าจะเดินทางออกนอกประเทศทางด่านชายแดนภาคเหนือ,สำหรับผลการเข้าตรวจค้น พบหลักฐานต่างๆ ที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต เช่น หนังสือเดินทางของ นายคูเซปเป้ สเตฟานนี่ ชาวอิตาลี รวมทั้งสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ของที่ถูกนำซุกซ่อน อยู่ในเพดานฝ้า นอกจากนี้บริเวณรอบๆ บ้านพักหลังดังกล่าว ยังพบคราบเลือด เศษเส้นผมในกองไฟข้างบ้าน กรรไกร กุญแจ ยางรถยนต์ รองเท้า ถ่านสำหรับก่อไฟ แผ่นรองเท้ารถยนต์ ที่มีรอยคล้ายคราบเลือดตำรวจได้เก็บหลักฐานต่างๆ ส่งตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อหาความเชื่อมโยงทางคดี
,ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 ม.ค. ที่ สภ.บึงนาราง พล.ต.ต.ธวัชชัย มวญนรา ผบก.ภ.พิจิตร เดินทางพร้อมชุดสืบสวนภูธร จ.พิจิตร ได้ประชุมร่วมกับ พ.ต.อ.ชัยเสถียร มณีจักร ผกก.สภ.บึงนารางและตำรวจที่เกี่ยวข้อง โดยมี พ.ต.ท.ชัย แก้วเกตุศรี สว.ท่องเที่ยวนครสวรรค์ ร่วมประชุมคลี่คลายคดีด้วย
,พล.ต.ต.ธวัชชัย เปิดเผยว่า เบื้องต้นคาดว่าผู้ตายจะเป็นชาวอิตาลี เป็นเรื่องชู้สาว ที่ทางผู้หญิงคบชาวต่างชาติ 2 คนเป็นชาวอิตาลีและฝรั่งเศส และอาจจะพัวพันและหักหลังกันในเรื่องยาเสพติดด้วย ขณะนี้ทางตำรวจได้ประสานไปทางด่าน ตม.ที่คาดว่า 2 ผัวเมียที่ก่อเหตุจะหลบหนีไปแต่ยังไม่เจอตัว และแจ้งไปทางกงสุลฯ ของคนตายและคนร้ายที่หลบหนีไปโดยจะดำเนินการตามขั้นตอน โดยขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับแต่อย่างใด แต่ค่อนข้างชัดเจน ต้องรอหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนก่อนจะออกหมายจับ.
ตร.ได้เบาะแสฆ่าเผานั่งยาง หั่นศพ 2ท่อนบริเวณป่าละเมาะ ข้างอ่างเก็บน้ำบ้านบึงทับจั่น จ.พิจิตร โดยเบื้องต้นคาดว่าเป็นชาวอิตาลี ปมชู้สาว ที่ฝ่ายหญิงคบแฟนชายต่างชาติ 2 คน หรืออาจพัวพันเรื่องยาเสพติด หลังก่อเหตุอาจหลบหนีออกนอก
ข่าว,อาชญากรรม
เผานั่งยาง,เผาศพฝรั่ง,ป่าบ้านบึงทับจั่น,คูเซปเป้ สเตฟานนี่,พิจิตร,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/crime/1183433
[ 0, 259, 100233, 41912, 52854, 260, 6581, 120870, 20475, 188389, 259, 46944, 190473, 356, 259, 129182, 4388, 3324, 229826, 24353 ]
มะม่วงหิมพานต์ กับสรรพคุณน่ารู้
มะม่วงหิมพานต์สมัยก่อนนิยมปลูกในประเทศไทยเฉพาะถิ่นทางภาคใต้เท่านั้น, ปัจจุบันมีปลูกทั่วไปเกือบทุกพื้นที่ ,โดยเฉพาะทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ซึ่งมะม่วงดังกล่าวมีชื่อวิทยาศาสตร์คือ ,ANACARDIUM OCCIDENTALE LINN., อยู่ในวงศ์ ANACAR-DIACEAE มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นไม้ยืนต้น สูงประมาณ 8-10 เมตร ใบเดี่ยวออกเรียงสลับหนาแน่นที่ปลายยอด เนื้อใบค่อนข้างหนาและแข็ง ใบเป็นรูปรีหรือรูปไข่กลับ ปลายใบมนโคนใบสอบ ใบแก่สีเขียวสด, ยอดอ่อนสีของใบจะเป็นสีนํ้าตาลแดงชัดเจน,ดอก, ออกเป็นช่อที่ปลายยอด แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมาก มีกลีบเลี้ยงขนาดเล็กสีเขียว ดอกโคนเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็นกลีบดอก 5 กลีบ มีเกสรตัวผู้จำนวนมาก ,ดอกเป็นสีเหลืองนวล มีกลิ่นหอมอ่อนมาก, หลังดอกร่วงจะติดผล ,ผล, รูปทรงกลมคล้ายผลชมพู่ ติดผลเป็นพวง 3-5 ผลห้อยลง ,ผลอ่อนเป็นสีเขียว, ,เมื่อผลสุกเป็นสีแดงอมส้ม เมล็ดเหมือนกับเมล็ดถั่ว งอกติดอยู่บริเวณก้นผล มีเปลือกสีนํ้าตาลเข้มหุ้มเมล็ดอยู่ มีดอกและติดผลตลอดทั้งปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและตอนกิ่ง,สรรพคุณทางสมุนไพร, เมล็ดแก่คั่วสุกกินแก้กลากเกลื้อนและทำให้เนื้อชาบริเวณที่เป็นโรคเรื้อน ยางกัดทำลายเนื้อที่เป็นไตแข็ง เช่น ตาปลาและหูดจึงนิยมใช้ยางกัดหูด น้ำมันสกัดจากเมล็ด มะม่วงหิมพานต์ ใช้รักษากลากเกลื้อน โรคผิวหนังได้ดีมาก ,ในยุคสมัยก่อนเอายางที่กรีดจากเมล็ดสดทาบริเวณที่สักตามร่างกายที่ผู้สักต้องการลบรอยสักออก โดยทาบางๆวันละครั้ง หากทามากยางจะกัดแรงจนเป็นแผลต้องทาบางมากและทาประมาณ 5 วันครั้ง รอยสักตามร่างกายที่ต้องการลบออกจะค่อยๆดีขึ้น,ปัจจุบันมีต้นแท้ขายที่, ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ หลายแผงหลายเจ้า ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ขนาดของต้น ผู้ซื้อต้นไปปลูกจึงต้องเดินสอบถามและดูความแข็งแรงของต้นก่อนตัดสินใจซื้อไปปลูกครับ.,นายเกษตร
เมล็ดแก่คั่วสุกกินแก้กลากเกลื้อนและทำให้เนื้อชาบริเวณที่เป็นโรคเรื้อน ยางกัดทำลายเนื้อที่เป็นไตแข็ง เช่น ตาปลาและหูดจึงนิยมใช้ยางกัดหูด น้ำมันสกัดจากเมล็ด มะม่วงหิมพานต์ใช้รักษากลากเกลื้อน
ข่าว,ทั่วไทย
มะม่วงหิมพานต์,เกษตรกรบนแผ่นกระดาษ,นายเกษตร,โรคเรื้อน,กลากเกลื้อน
https://www.thairath.co.th/news/local/1269974
[ 0, 259, 77694, 3945, 144485, 201280, 3945, 30305, 149595, 113323, 22087, 117203, 140883, 151681, 80046, 199626, 9542, 30931, 89051, 49432 ]
สมาร์ทไลฟ์ : คลอดก่อนกำหนด เรื่องเล็กปัญหาใหญ่
ปัญหาการเจริญเติบโตของเด็ก,คลอดก่อนกำหนด, จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ถ้าดูแลรักษาถูกวิธีตั้งแต่เริ่มต้น ข้อมูลจากชมรมเวชศาสตร์,ทารกแรกเกิด,แห่งประเทศไทย ระบุว่า ประเทศไทยมีอัตรา,เด็กคลอดก่อนกำหนด,มากขึ้นทุกปี เฉลี่ยปีละประมาณ 8-10% หรือประมาณ 80,000 คนต่อปี ซึ่งเมื่อเทียบกับต่างประเทศแล้ว พบว่ายังเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทยอยู่ โดยเด็กที่,คลอดก่อนกำหนด,เหล่านี้ ต้องอยู่ในความดูแลของ,กุมารแพทย์,ที่ดูแล,ทารกแรกเกิด,โดยเฉพาะ คือ ,Neonatologist, และต้องอยู่ในหน่วยดูแล,ทารกแรกเกิด,วิกฤติ (Neonatal In– tensive Care Unit : NICU) อย่างใกล้ชิด 17 พ.ย.ของทุกปี องค์การอนามัยโลกกำหนดให้เป็น,วันทารกเกิดก่อนกำหนดโลก (World Prematurity Day),พญ.อรวรรณ อิทธิโสภณกุล กุมารแพทย์สาขาทารก แรกเกิดและปริกำเนิด หน่วยดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติ รพ.กรุงเทพ, อธิบายว่า การคลอดก่อนกำหนด (Preterm Birth) เป็นภาวะการคลอดก่อนอายุครรภ์ครบ 37 สัปดาห์ ทารกเหล่านี้ถึงแม้ว่าอวัยวะต่างๆ จะครบสมบูรณ์ แต่การทำงานของอวัยวะบางส่วนอาจยังไม่ดีเท่าทารกที่ครบกำหนด ซึ่งช่วงหลังคลอดทารกมักต้องการการดูแลเป็นพิเศษ และต้องอยู่รักษาในโรงพยาบาลนานกว่าปกติ,ปัจจัยที่ทำให้คลอดก่อนกำหนดเกิดได้ทั้งจากมารดาและทารกในครรภ์ ซึ่งยิ่งอายุครรภ์น้อยยิ่งพบปัญหารวมถึงภาวะแทรกซ้อนตามมามาก, คุณหมอ อรวรรณบอก,สำหรับปัจจัยจากมารดา ได้แก่ มารดามีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป หรือต่ำกว่า 16 ปี ล้วนมีความเสี่ยงที่ลูกจะคลอดก่อนกำหนด หรือมารดามีโรคประจำตัว เช่น หัวใจ เบาหวาน หรือเป็นโรคในระหว่างตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ แม่ที่เคยมีประวัติคลอดก่อนกำหนดมาก่อน มีโอกาสที่จะคลอดก่อนกำหนดได้มากกว่าแม่ที่ตั้งท้องโดยไม่มีปัจจัยเหล่านี้ นอกจากนี้การที่มารดามีมดลูกผิดปกติ ปากมดลูกสั้น ดื่มสุราหรือสูบบุหรี่ในขณะตั้งครรภ์ และการติดเชื้อก็เป็นปัจจัยของการคลอดก่อนกำหนดได้ทั้งสิ้น,พญ.อรวรรณ,บอกว่า นอกจากปัจจัยในส่วนของมารดาแล้ว ปัจจัยในส่วนของทารกก็มีผล ถ้าทารกในครรภ์มีความผิดปกติ อาจทำให้ทารกคลอดก่อนกำหนดได้ ปัญหาสำคัญในทารกคลอดก่อนกำหนด คือ เรื่องของการหายใจ โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากการขาดสารลดแรงตึงผิวที่เคลือบอยู่ในปอดและกล้ามเนื้อในการหายใจไม่แข็งแรง ทำให้เด็กหายใจได้ไม่เพียงพอ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจโดยรักษาระดับออกซิเจนให้อยู่ในเกณฑ์ปกติไม่สูงหรือต่ำเกินไป,เด็กที่คลอดก่อนกำหนดส่วนใหญ่จะมีปัญหาซับซ้อนในหลายๆอวัยวะและระบบต่างๆของร่างกาย กุมารแพทย์สาขาทารกแรกเกิดและปริกำเนิด หน่วยดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติ บอกพร้อมกับขยายความว่า เช่น ปัญหาทางด้านหัวใจ อาจมีปัญหาเส้นเลือดเกินทำให้มีโอกาสเกิดหัวใจล้มเหลวได้ สมอง เด็กที่คลอดก่อนกำหนดมีความเสี่ยงที่จะมีเลือดออกในสมอง เนื่องจากเส้นเลือดในสมองค่อนข้างเปราะบาง ภายในช่วงสัปดาห์แรกหลังคลอด แพทย์จึงต้องทำอัลตราซาวนด์เพื่อประเมินภาวะเลือดออกในสมองและตรวจเช็กอีกครั้งก่อนที่เด็กจะกลับบ้าน,พญ.อรวรรณ,บอกว่า ในส่วนของลำไส้ เราพบว่าบางครั้งเด็กที่คลอดก่อนกำหนด มีปัญหาเรื่องของการย่อยและการดูดซึมอาหาร เนื่องจากลำไส้ยังบอบบาง จำเป็นต้องให้สารอาหารทางหลอดเลือดร่วมด้วยในระยะแรก เมื่ออาการคงที่แล้วจึงเริ่มให้นม โดยเฉพาะนมแม่ ซึ่งในช่วงของการเริ่มให้นมแม่นี้ คุณแม่จะเข้ามามีบทบาทอย่างมาก ข้อดีของนมแม่คือย่อยง่าย มีภูมิต้านทานโรค ลดการเกิดภาวะลำไส้อักเสบ และไม่เพียงแต่อวัยวะที่กล่าวมาแล้วเท่านั้น เด็กที่คลอดก่อนกำหนด จำเป็นต้องได้รับการตรวจประเมินจอประสาทตาเป็นระยะโดยจักษุแพทย์ เนื่องจากจอประสาทตายังพัฒนาไม่สมบูรณ์ รวมทั้งรับการตรวจประเมินการได้ยินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน,เด็กที่คลอดก่อนกำหนดจะมีปัญหาในหลายอวัยวะที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ รวมทั้งเฝ้าระวังภาวะการติดเชื้อที่ทารกกลุ่มนี้มีความเสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันยังทำงานได้ไม่เต็มที่ การล้างมือก่อนสัมผัสทารกตลอดจนเทคนิคปราศจากเชื้อต่างๆก็เป็นอีกเรื่องที่มีความสำคัญมาก,กุมารแพทย์สาขาทารกแรกเกิดและปริกำเนิด หน่วยดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติ บอกด้วยว่า การรักษาทารกกลุ่มนี้ เน้นการวางแผนการรักษาร่วมกันของสูตินรีแพทย์และกุมารแพทย์ทารกแรกเกิดและปริกำเนิด รวมทั้งพ่อและแม่ด้วย โดยแพทย์จะแนะนำขั้นตอนการรักษา ให้ข้อมูล อธิบายรายละเอียด ตั้งแต่ก่อนคลอด และหลังคลอด รวมทั้งติดตามอาการของทารกอย่างสม่ำเสมอ,ส่วนใหญ่แล้วเราจะดูแลรักษาเด็กจนมีน้ำหนักตัวไม่ต่ำกว่า 2,000 กรัม มีอาการคงที่ ดูดนมได้ดี จึงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ ซึ่งจะมีการเตรียมความพร้อมให้กับคุณพ่อคุณแม่ก่อนกลับบ้าน หลังจากนั้นจะมีการติดตามอาการเป็นระยะ ทั้งเรื่องการเจริญเติบโตและพัฒนาการ คุณหมออรวรรณบอกและว่า สำคัญที่สุดคือควรปรึกษาแพทย์ในระหว่างการตั้งครรภ์ ซึ่งถ้าทารกคลอดก่อนกำหนด ก็จะต้องได้รับการดูแลที่ถูกต้องตั้งแต่แรกคลอดโดยแพทย์และพยาบาลที่มีความชำนาญในด้านทารกแรกเกิดโดยเฉพาะ เพื่อให้ทารกน้อยปลอดภัยและเติบโตอย่างสมวัยได้ต่อไป.
ประเทศไทยมีอัตราเด็กคลอดก่อนกำหนดมากขึ้นทุกปี เฉลี่ยปีละประมาณ 8-10% หรือประมาณ 80,000 คนต่อปี ซึ่งเมื่อเทียบกับต่างประเทศแล้ว พบว่ายังเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทยอยู่
สมาร์ทไลฟ์,คลอดก่อนกำหนด,ทารกแรกเกิด,วันทารกเกิดก่อนกำหนดโลก,กุมารแพทย์,อรวรรณ อิทธิโสภณกุล,โรงพยาบาลกรุงเทพ
https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/health/1709796
[ 0, 259, 44270, 3755, 208710, 22087, 70944, 35749, 230879, 4348, 180503, 44836, 2091, 185736, 2361, 89402, 10228, 52854, 35872, 1 ]
ทัศนคติที่เปลี่ยนไป
ผมตาม ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย มาศรีลังกาตั้งแต่เช้าวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562 ประสงค์ของอาจารย์นิติภูมิธณัฐก็คือ ต้องการมาพบคนเก่าแก่คนที่เคยคบค้าสมาคมกันสมัยมาจังหวัดรัตนาปุระเมื่อ พ.ศ.2540-2545 สมัยนั้นมีคนไทยมาซื้อพลอยจากศรีลังกานำกลับไปเผา ถนนสายหลักของเมืองรัตนาปุระที่ชื่อปาตูเกดาราเต็มไปด้วยบ้านของคนศรีลังกาที่มีห้องสำหรับให้คนไทยพัก ให้พักฟรี ทานอาหารฟรี เสื้อผ้า ถุงเท้า กางเกงใน ซักให้เสร็จสรรพ,ทุกเช้า เจ้าของบ้านจะจัดโต๊ะปูผ้าขาวไว้ให้คนไทยนั่ง หลังจากนั้นก็จะไปตะโกนก้องร้องบอกให้คนขุดพลอยนำพลอยมาขายให้คนไทย โดยเจ้าของบ้านจะหักคอมมิชชันร้อยละ 5,คนไทยสมัยนั้นมาพักกันโดยเฉลี่ยครั้งละ 30 วัน หากซื้อพลอยได้ในจำนวน 5 ล้านบาท เจ้าของบ้านได้ค่าคอมทันที 2.5 แสนบาท อาจารย์นิติภูมิธณัฐเคยพักที่บ้านของคุณแอสซาริน ครอบครัวนี้ไม่มีอาชีพอื่นใด นอกจากจัดห้องให้คนไทยพักแต่มีรถเก๋งขับ สมัยเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว คนศรีลังกาที่มีรถเก๋งมีน้อยมาก นอกจากนั้น บ้านนี้ยังมีรถตู้ มอเตอร์ไซค์ พร้อมคนขับรับใช้พร้อม,คนไทยมีอิทธิพลต่อผู้คนในรัตนาปุระสูงมาก เพราะเราเข้าไปทำให้เศรษฐกิจเจริญ แม่ครัวในบ้านที่มีคนไทยไปพักจึงฝึกปรุงอาหารรสชาติแบบไทยๆ มีที่ดินว่างนิดหน่อยก็ปลูกขิง ข่า ตะไคร้ เพื่อใช้ทำเครื่องปรุงอาหารไทย,สมัยก่อน บ้านเลขที่ 18 ถนนปาตูเกดารา มีภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำ หลวงพ่อลีวัดป่าคลองกุ้ง พระบรมฉายาลักษณ์ของพระมหากษัตริย์และพระราชินีของไทย มีการทำหิ้งพระบูชาพระพุทธรูปแบบเดียวกับบ้านเรือนของไทยในพุทธศักราชนั้น,ต่อมา คนศรีลังกาเรียนรู้และเจริญรุ่งเรืองในอาชีพอัญมณีและเครื่องประดับแทนคนไทย จนเดี๋ยวนี้แทบไม่มีคนไทยมาปรากฏกายให้เห็นในจังหวัดนี้,พ.ศ.2541-2542 ทั้งผู้เขียนและผู้อ่านคอลัมน์เปิดฟ้าส่องโลกอัญเชิญพระพุทธรูปขนาดใหญ่หลายองค์ไปประดิษฐานตามวัดในศรีลังกา เช่นที่วัดศรีไชลามัดยารามายา ตำบลดาเดลลา เมืองกอลล์ ซึ่งตอนนั้นมีเจ้าอาวาสชื่อพระเทลวัตเต นัทดาเถระ มีการทำพิธีมอบพระพุทธรูปถวายเมื่อมีนาคม 2542 ฝ่ายศรีลังกามอบให้รัฐมนตรีลัคซ์มัน จายาโกดี เป็นประธานฝ่ายรับ และเอกอัครราชทูตไทย ฯพณฯ ฐากูร พานิชย์ เป็นประธานฝ่ายมอบ,ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ศรีลังกา เป็นไปอย่างราบรื่นแน่นแฟ้น โดยมีพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งเชื่อม จำได้ว่าพลเรือโทนรา ซึ้งถาวร เป็นประธานดำเนินการสร้างศาลาไทยพุทธบูชา ต่อมา เจ้านายฝ่ายไทยเสด็จผู้บัญชาการทหารสูงสุดเดินทางไปเยือน พอถึงเดือนธันวาคม พ.ศ.2542 พระลังกา 22 รูป พระไทย 50 รูป สวดพระมหาปริตรตามแบบดั้งเดิมของลังกาที่วัดเบญจมบพิตร กรุงเทพฯ ทั้งคืน,การไปเยือนศรีลังกาของผู้เขียนและคณะผู้อ่านเปิดฟ้าส่องโลกมีทุกปี ทว่าระยะหลัง ความแน่นแฟ้นระหว่างคนไทยและคนศรีลังกาที่เคยทำธุรกิจร่วมกันนับพันคนลดน้อยถอยลงไป ผู้ที่ก้าวเข้ามามีอิทธิพลแทนคนไทยคือ คนจีน,พีกที่สุดก็เมื่อรัฐบาลจีนกับรัฐบาลศรีลังกาลงนามในข้อตกลงมูลค่า 3.67 หมื่นล้านบาท เพื่อพัฒนาท่าเรือน้ำลึกแฮมบันโตตา โดยศรีลังกาให้สิทธิเช่าท่าเรือและพื้นที่ 6 พันไร่เพื่อทำเป็นเขตอุตสาหกรรม โดยมีระยะการเช่านาน 99 ปี,มาศรีลังกาครั้งนี้ เราสามารถสัมผัสได้ถึงทัศนคติของชาวศรีลังกาที่เคยทำงานกับคนไทยเปลี่ยนไปอย่างมาก จากที่เคยชื่นชมว่าไทยแลนด์เป็นตัวอย่างทางการเมือง ไทยแลนด์เป็นประเทศดาวรุ่งพุ่งแรง ไทยแลนด์เป็นตัวอย่างของการพัฒนาประเทศ,ตอนนี้ คนที่นี่จำนวนหนึ่งกลับมองเราว่าเป็นประเทศน่าสงสารใน ความมั่นคงทางการเมือง และน่าสงสัยใน ความสามารถในการพัฒนาประเทศ.,นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย,[email protected]
คนไทยมีอิทธิพลต่อผู้คนในรัตนาปุระสูงมาก เพราะเราเข้าไปทำให้เศรษฐกิจเจริญ แม่ครัวในบ้านที่มีคนไทยไปพักจึงฝึกปรุงอาหารรสชาติแบบไทยๆ มีที่ดินว่างนิดหน่อยก็ปลูกขิง ข่า ตะไคร้ เพื่อใช้ทำ
ศรีลังกา,ทัศนคติ,ความสัมพันธ์ไทย-ศรีลังกา,พุทธศาสนา,พระพุทธรูป,เปิดฟ้าส่องโลก,นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1686253
[ 0, 259, 124241, 217154, 118797, 27987, 20390, 122572, 97264, 57937, 4728, 11103, 13999, 24026, 80209, 4552, 54307, 218410, 259, 50472 ]
ประธานาธิบดีอัฟกัน เซ็นแบ่งเค้กรัฐบาลกับคู่อริ
โฆษกของประธานาธิบดีอัชราฟ กานี แห่งอัฟกานิสถาน เผยเมื่อ 17 พ.ค.ว่า นายกานีกับนายอับดุลลาห์ อับดุลลาห์ คู่อริทางการเมือง ต่างลงนามข้อตกลงแบ่งสรรอำนาจในการบริหารประเทศเพื่อยุติข้อขัดแย้งทางการเมืองที่ยาวนานหลายเดือน ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจทำให้ความพยายามสิ้นสุดสงครามมานานยุติได้อย่างราบรื่น หลังนายอับดุลลาห์ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งเมื่อเดือน ก.ย.ปีกลาย พร้อมประกาศตั้งตัวเป็นประธานาธิบดีคู่ขนานไปกับนายกานีเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ เหนื่อยหน่ายกับความขัดแย้งของสองคน จนประกาศถึงแผนที่จะตัดงบช่วยเหลือ 1000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หากทั้งสองยังไม่ลงรอยกันทั้งนี้ การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีสำคัญยังอยู่ระหว่างการเจรจา โดยนายอับดุลลาห์ต้องการกุมอำนาจกระทรวงสำคัญ เช่น กระทรวงการคลังกับกระทรวงต่างประเทศ ขณะที่นายกานีไม่เห็นด้วยและเสนอให้คุมกระทรวงมหาดไทย ด้านนายไมค์ ปอมปิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ กับนายเยน สตอลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ต่างแสดงความยินดีกับข้อตกลงนี้ ซึ่งนายสตอลเตนเบิร์กยังเรียกร้องให้กลุ่มตาลีบันลดความรุนแรงและให้ทุกฝ่ายเดินหน้าเข้าสู่สันติภาพ.
นายกานีกับนายอับดุลลาห์ อับดุลลาห์ คู่อริทางการเมือง ต่างลงนามข้อตกลงแบ่งสรรอำนาจในการบริหารประเทศเพื่อยุติข้อขัดแย้งทางการเมืองที่ยาวนานหลายเดือน ถือเป็นก้าวสำคัญ
ข่าว,ต่างประเทศ
อัฟกานิสถาน,อับดุลลาห์ อับดุลลาห์,อัชราฟ กานี,คู่อริทางการเมือง,นาโต,ไมค์ ปอมปิโอ,ข่าววันนี้
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1847619
[ 0, 259, 137738, 236041, 231709, 70663, 12682, 30007, 21005, 259, 35709, 92401, 259, 52631, 142319, 3945, 147287, 128181, 3755, 200753 ]
กกต.เดินหน้าเลือกตั้ง 2 ก.พ. แต่ไม่ขยายวันรับสมัคร
ยัน กกต.ทั้ง 5 คน จะไม่ลาออก จังหวัดที่ยังไม่มีผู้สมัครในระบบเขต จะให้ลงคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อเท่านั้น ผู้ไม่สามารถเข้าไปสมัครรับเลือกตั้งได้ให้ฟ้องศาลฎีกา3 ม.ค. 2556 - รายงานว่านายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.แถลงผลการประชุม กกต. วันนี้ ยืนยัน กกต.ทั้ง 5 คน จะไม่ลาออกจากตำแหน่ง และมีมติว่าจะไม่ขยายวันเลือกตั้ง เนื่องจากกฎหมายกำหนดวันไว้ ทำให้ไม่สามารถขยายวันรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ได้อีก เพราะเกรงจะกระทบกระบวนการอื่นๆ พร้อมย้ำว่าการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 จะเดินหน้าต่อไป โดยในส่วนของ 8 จังหวัด มี 6 จังหวัดที่ยังไม่มีผู้สมัครในระบบเขต จะให้ลงคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อเท่านั้น ส่วนจังหวัดอื่นๆ จะมีการเลือกตั้งตามปกติส่วนผู้ไม่สามารถเข้าไปสมัครรับเลือกตั้งได้ เนื่องจากเหตุสุดวิสัย และได้ไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจแล้ว ในกรณีนี้เทียบเคียงมาตรา 39 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. จึงขอให้ผู้ต้องการสมัคร 123 คนที่ไปแจ้งความไว้ ไปฟ้องศาลฎีกา เหมือนลักษณะกรณี กกต.ไม่ประกาศให้เป็นผู้สมัคร ส.ส. หลังไม่สามารถเปิดรับสมัคร ส.ส.ในส่วนกลางหรือ ที่สำนักงาน กกต.ได้ นายภุชงค์ กล่าว
ยัน กกต.ทั้ง 5 คน จะไม่ลาออก จังหวัดที่ยังไม่มีผู้สมัครในระบบเขต จะให้ลงคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อเท่านั้น ผู้ไม่สามารถเข้าไปสมัครรับเลือกตั้งได้ให้ฟ้องศาลฎีกา3 ม.ค. 2556 -
การเมือง
กกต.,การเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57
https://prachatai.com/journal/2014/01/50921
[ 0, 259, 93289, 236041, 3755, 26871, 224650, 260, 6494, 117065, 4188, 17858, 89277, 223116, 68069, 259, 223590, 19895, 67278, 223116 ]
ผัวขี้ยาฆ่าเมียตอนอุ้มลูก ยิงอกตายตาค้างอ้างหึง ญาติซัดติดยาชอบซ้อมเมีย
สลดใจผัวคลั่งจ่อยิงเมียคาบ้าน ขณะอุ้มลูกน้อยวัย 10 เดือนอยู่ในอก จนตายตาค้าง แล้วมอบตัว ตร. อ้างแค้นเมียแอบปันใจให้ชายอื่น ด้านญาติเผยคนร้ายติดยางอม ไม่ทำงาน ชอบหึงหวงทำร้าย ขอเงินไปซื้อยาบ้าเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 11 ก.ค.63 ร.ต.อ.สิโรฒ จริยวิจิตร รอง สว.(สอบสวน) สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง ได้รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายหลังบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 4 บ้านในเหยา ต.ห้วยยอด หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมกำลังชุดสืบสวน ก่อนแจ้งประสานไปยัง ตร.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.ตรัง รุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุบนพื้นดินข้างบ้านพบกองเลือด ใกล้กันมียางผูกผม กระพรวนของผู้ตาย และสร้อยคอสแตนเลสของผู้ก่อเหตุตกอยู่ ส่วนผู้ตายญาติได้นำร่างส่ง รพ.ห้วยยอด ไปก่อนหน้านี้แล้วทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ น.ส.สุพัฒศร สามชุก หรือ ฝน อายุ 31 ปี หมู่ 4 ต.ห้วยยอด อาชีพลูกจ้างร้านปลาเผา แพทย์ชันสูตรพลิกศพถูกจ่อยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองพกสั้นไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 นัด กระสุนเจาะเข้าที่หัวใจ เป็นแผลเหวอะหวะ ส่วนผู้ก่อเหตุคือ สามีของผู้ตาย คือ นายสัมพันธ์ แคล้วคลาด หรือ นุ้ย อายุ 40 ปี ชาวบ้าน หมู่ 4 ต.ห้วยยอด อาชีพรับจ้างทั่วไป หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปรายงานข่าวแจ้งว่า ต่อมา นายสัมพันธ์ ผู้ก่อเหตุได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ รับสารภาพว่า ยิงเมียจริง แต่อ้างว่าโกธรแค้นภรรยาไปทำงานข้างนอกบ้าน และปันใจแอบคุยกับชายอื่นผ่านมือถือ ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุได้โยนทิ้งน้ำในขุมเหมือง หมู่ 1 ต.เขาปูน ในระหว่างหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่ ตร.กำลังอยู่ในระหว่างการค้นหาของกลาง ขณะเดียวกันตรวจปัสสาวะผู้ก่อเหตุพบมีสีม่วงนางสุพิศ ชูด้วง อายุ 50 ปี แม่ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ได้ยินเสียงปืนแต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าลูกเขยจะเล่นปืน เพราะมักจะลองยิงปืนเป็นประจำ แต่เมื่อออกไปดูที่บ้านลูกสาว พบลูกสาวนอนกอดลูกชาย วัย 10 เดือนอยู่ในอ้อมอก สภาพจมกองเลือด มีเลือดออกทางจมูก ปาก ตาเบิกโพลงอยู่ แต่พูดอะไรไม่ได้แล้ว ตนรีบพาลูกสาวมาที่โรงพยาบาลใช้เวลา 10 นาที ถึงโรงพยาบาลแต่ยื้อชีวิตไว้ไม่ได้ ส่วนลูกเขยหลบหนีไป โดยก่อนเกิดเหตุลูกสาวและลูกเขยมีปากเสียงกัน เพราะลูกเขยไม่ให้มาทำงานที่ร้านปลาเผา ในตลาดห้วยยอด เพราะหึงหวงกลัวว่าเมียจะนอกใจ แต่ลูกสาวให้เหตุผลว่า ที่บ้านเงินไม่พอใช้ ลูกก็โตทุกวัน แล้วจะต้องส่งลูกสาวคนโตที่อายุ 12 ปี เรียนหนังสือ ส่วนลูกชายวัย 10 เดือน คนเล็กก็ต้องกินนมเช่นกันแม่ของผู้ตาย กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาทั้งคู่ก็มีปากเสียงทะเลาะเป็นประจำ เพราะลูกเขยมักหวาดระแวงว่าลูกสาวจะนอกใจ ทุกครั้งที่มีปัญหาลูกสาวมักจะมานอนบ้านตนตลอด ตนก็อยากให้ลูกสบายใจก็จะให้มานอนด้วย ใจจริงไม่อยากให้เลิกรากัน ขณะที่ ตนเองมักจะเตือนลูกเขยเสมอให้ทำตัวเป็นคนดี อย่ายุ่งเรื่องยาเสพติด เพราะรู้ว่าลูกเขยเสพยาไม่ยอมทำมาหากิน ไม่สนใจลูกเมีย หลายครั้งที่มักจะขอเงินจากลูกสาวเพื่อมาซื้อยาไปเสพ แต่ลูกสาวมักจะไม่ให้เพราะไม่พอใช้ส่วนที่ลูกเขยให้การกับตำรวจว่า ลูกสาวนอกใจ ตนคิดว่าไม่มีทางที่ลูกตนจะนอกใจ เพราะมีลูกคนเล็กอายุเพียง 10 เดือน เขากินอยู่ด้วยกันมา 12 ปี แล้ว ถ้านอกใจจริงลูกสาวก็ต้องไปแล้ว ตนคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากเรื่องยาเสพติด ที่ลูกเขยมาตื้อขอเงินเพื่อซื้อยาเสพติด แต่ไม่ได้จึงเกิดมีปากเสียกัน ลูกสาวไม่มีให้เพราะรายได้แค่วันละ 350 บาท ต้องจ่ายค่าจ้างเลี้ยงลูก ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในครอบครัวอีก ตนรู้สึกเสียใจมาก ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องของตำรวจทำตามกฎหมายต่อไปนางสุพิศ กล่าวด้วยความโศกเศร้าขณะที่ นายสมชาย บัวทอง อายุ 49 ปี ชาวบ้าน ม.4 บ้านในเหยา ต.ห้วยยอด อ.ห้วยยอด จ.ตรัง น้าผู้เสียชีวิต และมีบ้านพักอยู่ตรงกันข้าม กล่าวว่า ที่ผ่านมามักจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นประจำ ที่ผ่านมาเขาทะเลาะกันบ่อย ตนก็ไม่รู้สาเหตุ ปกติเวลาทะเลาะตนก็มักจะห้ามปรามประจำ อยากให้อยู่กันแบบครอบครัว เพราะมีลูกด้วยกัน 2 คนแล้ว แต่เมื่อตอนเช้าวันนี้ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ตนก็คิดว่าไม่มีอะไร แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุพี่สาวก็ร้องไห้ และเห็นหลานสาวนอนอยู่ ตอนนั้นก็รู้สึกใจคอไม่ดีแล้ว ปกติหลานเขยมีนิสัยดี ตอนเมาก็ไม่เคยระรานใคร แต่มีเสพยาด้วย ตนก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะต้องเสียหลานสาวไปอย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ห้วยยอด ได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต.
สลดใจผัวคลั่งจ่อยิงเมียคาบ้าน ขณะอุ้มลูกน้อยวัย 10 เดือนอยู่ในอก จนตายตาค้าง แล้วมอบตัว ตร. อ้างแค้นเมียแอบปันใจให้ชายอื่น ด้านญาติเผยคนร้ายติดยางอม ไม่ทำงานชอบหึงหวงทำร้าย ขอเงินไปซื้อยาบ้า
ข่าว,ทั่วไทย
ผัวขี้ยา,ผัวฆ่าเมีย,ยิงเมียตาย,ยิงเมียต่อหน้าลูก,คลั่งยาบ้า,สภ.ห้วยยอด,ตรัง,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/south/1887261
[ 0, 259, 35239, 17858, 73765, 21749, 88240, 8084, 218592, 148383, 18433, 174223, 9211, 5405, 106441, 11984, 233393, 1, 0, 0 ]
ตื่นตายุคโลกล้านปี จีโอพาร์คฟอสซิล
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูล,นายณรงค์ฤทธิ์ ทุ่งปรือ นายกอง ต.ทุ่งหว้า อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล เปิดเผยว่า จ.สตูล ร่วมกับกรมทรัพยากรธรณี อบจ.สตูล สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬา จ.สตูล ททท.สนง.หาดใหญ่ ศอ.บต. อุทยานธรณีสตูล และ อบต.ทุ่งหว้า และหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องร่วมจัดงาน สตูลจีโอปาร์ค ฟอสซิลเฟสติวัล ครั้งที่ 4 (มิติใหม่การท่องเที่ยวสู่ Satun Geopark) ระหว่างวันที่ 2-11 ก.พ.60 ที่บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอทุ่งหว้า โดยจะมีการแถลงข่าวในวันที่ 20 ม.ค. ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสตูล (คฤหาสน์กูเด็น),นายณรงค์ฤทธิ์เผยว่า จ.สตูล เป็นแหล่งจังหวัดที่ค้นพบซอสซิลหรือซากดึกดำบรรพ์มากที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งพบฟอสซิลที่มีทั้ง 6 ยุคในมหายุคแรก มหายุคพาลีโอโซอิกที่อายุ 540-280 ล้านปี ที่เดียว ในประเทศไทย และพบฟอสซิลช้างดึกดำบรรพ์สเตโกดอน อายุ 1.8 ล้านปีที่แรกและที่เดียวของภาคใต้ สามารถจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ของนักท่องเที่ยว นักเรียน นักศึกษา นักวิจัย ถือเป็นมิติใหม่การท่องเที่ยวสู่สตูลจีโอปาร์ค ซึ่งรวมฟอสซิลทั่วประเทศยุคโบราณ การท่องเที่ยวดินแดนดึกดำบรรพ์ ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอุทยานธรณีสตูล สนับสนุนการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์แก่นักเรียน ครูและผู้สนใจทั่วไป ในงานประกอบด้วยชมอุทยานไดโนเสาร์และพันธุ์ไม้ดึกดำบรรพ์ เรียนรู้ฟอสซิลทะเลดึกดำบรรพ์ที่เก่าแก่ที่สุดของไทย ตามหาช้างดึกดำบรรพ์ เข้าใจ รู้จักทรัพยากรท้องถิ่น ชมการแสดงศิลปะวัฒนธรรมของชุมชน ไอเดียการผลิตสินค้าเพิ่มรายได้ ประกวดทำอาหารทะเลดึกดำบรรพ์ โดยงานนี้จัดเต็ม เด็กๆขึ้นขี่ไดโนเสาร์เดินได้จริง และชมสัตว์ทะเลดึกดำบรรพ์ในห้องฉายภาพยนตร์แบบสามมิติ.
นายณรงค์ฤทธิ์ ทุ่งปรือ นายกอง ต.ทุ่งหว้า อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล เปิดเผยว่า จ.สตูล ร่วมกับกรมทรัพยากรธรณี อบจ.สตูล สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬา จ.สตูล ททท.สนง.หาดใหญ่ ศอ.บต. อุทยานธรณีสตูล และ อบต.ทุ่งหว้า
สตูลจีโอปาร์ค,สตูลจีโอปาร์ค ฟอสซิลเฟสติวัล,ทุ่งหว้า,สตูล,ซากดึกดำบรรพ์
https://www.thairath.co.th/content/839206
[ 0, 259, 92825, 157631, 66571, 40423, 9964, 228308, 259, 225646, 4552, 48963, 7910, 74633, 165121, 9074, 94449, 259, 129431, 419 ]
มหากาพย์พระราม 2 ใกล้ปิดฉาก
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภาพรวมการก่อสร้างโครงการทางของกรมทางหลวง (ทล.) ว่า ล่าสุด มีโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่า 500-10000 ล้านบาท รวม 308 โครงการ แบ่งเป็นโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ 81 โครงการ และยังไม่แล้วเสร็จ 222 โครงการ จึงได้เร่งรัดการดำเนินการ อาทิ การก่อสร้างถนนพระราม 2 ทางหลวงหมายเลข 35 ทางแยกต่างระดับ บางขุนเทียน-เอกชัย ที่คืบหน้า 69% จึงได้สั่งการให้เร่งก่อสร้างให้เสร็จในเดือน ก.ค.นี้ เพื่อก่อสร้างทางกลับรถ ให้แล้วเสร็จเดือน ก.พ.2564 รวมทั้งจะเริ่มก่อสร้างทางด่วนพระราม 3 (ทางด่วนยกระดับ) ภายในกลางปีนี้นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต ระยะที่ 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน ธ.ค.2564 เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วม โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) ที่จะแล้วเสร็จเดือน ก.พ.2566 ให้เป็นเส้นทางคมนาคมจากกรุงเทพฯ ไปทางภาคตะวันตก ช่วยประหยัดเวลาเดินทางเหลือเพียง 1 ชั่วโมง.
ภาพรวมการก่อสร้างโครงการทางของกรมทางหลวง (ทล.) ว่า ล่าสุด มีโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่า 500-10000 ล้านบาท รวม 308 โครงการ แบ่งเป็นโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ 81 โครงการ
ข่าว,เศรษฐกิจ
พระราม 2,ถนนพระราม 2,กรมทางหลวง,ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง,ทางด่วนพระราม 3,กระทรวงคมนาคม,ข่าววันนี้
https://www.thairath.co.th/news/business/1826094
[ 0, 259, 38860, 9542, 108364, 44700, 50427, 24633, 259, 7960, 7910, 260, 259, 150285, 105185, 6319, 120029, 39525, 26871, 260 ]
ธัญญ่า นำทีมบริจาคโลหิต เผยวิกฤติกำลังขาดแคลนหนัก
การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้เกิดอีกหนึ่งวิกฤติอย่างคาดไม่ถึงนั่นคือการขาดแคลนโลหิต เมื่อวันก่อน ธัญญ่า-ธัญญาเรศ ได้ชวน สินีนารถ เองตระกูล บอสสาวคนเก่งแห่งบีบีคลินิก และเหล่าพนักงาน เดินทางไปบริจาคโลหิต ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อบรรเทาความขาดแคลนและยังขอร่วมรณรงค์ให้ประชาชนมาร่วมบริจาคโลหิตอีกด้วยทั้งนี้ ธัญญ่า เผยว่า พอรู้ว่าสภากาชาดกำลังขาดแคลนโลหิตก็รีบชักชวนกันมาบริจาคค่ะ และมาทราบจากคุณหมอว่า ตั้งแต่วิกฤติโควิด-19 คนบริจาคหายไปจนใจหาย จากเดิมประมาณ 2500 คนต่อวัน ตอนนี้ได้ไม่ถึงครึ่งค่ะ บางวันไม่ถึง 1000 คน แต่จำนวนผู้ป่วยที่ต้องการใช้เลือดไม่ได้ลดลงตามไปด้วย ทีนี้พอมีโรงพยาบาลต่างๆขอเลือดมาสภากาชาดไทยก็สามารถส่งเลือดให้ได้เพียง 50% เท่านั้นสาเหตุที่คนบริจาคลดลงเป็นเพราะว่ามีนโยบาย work from home อีกทั้งรถรับบริจาคโลหิตตอนนี้ก็ออกไปไหนลำบาก เหมือนถูกล็อกในทุกทางเลย พอธัญญ่ามารับรู้ปัญหาแล้วก็พบว่าเรากำลังเผชิญกับอีกวิกฤติที่น่ากลัวจริงๆ ก็อยากจะเชิญชวนผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงให้สละเวลามาช่วยกัน และไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ปลอดภัยนะคะ เพราะสถานที่รับบริจาคโลหิตทุกที่มีมาตรการดูแลอย่างเข้มงวด ขอให้สบายใจได้คนไทยต้องช่วยกันนะคะสนใจบริจาคโลหิต ดูรายละเอียดที่ https://bit.ly/341Xika หรือโทร.0-2256-4300.
การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้เกิดอีกหนึ่งวิกฤติอย่างคาดไม่ถึงนั่นคือการขาดแคลนโลหิต เมื่อวันก่อน ธัญญ่า-ธัญญาเรศ ได้ชวน สินีนารถ เองตระกูล
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
ธัญญ่า ธัญญาเรศ,สินีนารถ เองตระกูล,บริจาคโลหิต,สภากาชาดไทย,ขาดแคลนโลหิต,เชิญชวน,ข่าววันนี้,ดารา
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1815634
[ 0, 259, 40626, 6196, 36595, 5405, 157631, 259, 160960, 4552, 36247, 11821, 135168, 34797, 64531, 64531, 208111, 259, 80267, 259 ]
ลงทะเบียนขอคืนประกันน้ำประปา เริ่มทยอยโอนเงินคืน 15 พ.ค. วันแรก
ลงทะเบียนรับเงินคืนประกันประปากปภ. เริ่มทยอยโอนเงินคืน 15 พ.ค.63 เป็นวันแรก ย้ำลงทะเบียนได้เรื่อยๆ ไม่จำกัดระยะเวลาวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประปานครหลวง (กปน.) ได้เปิดให้มีการลงทะเบียนขอคืนเงินประกันการใช้น้ำ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.63 เป็นต้นไป ให้กับผู้ใช้น้ำประเภทที่ 1 ที่พักอาศัย (R1) รวมถึงคอนโด อาคารชุด ห้องเช่า นิติบุคคล (ผู้วางเงินประกัน) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ใช้น้ำในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยไม่จำกัดระยะเวลาโดย กปภ. จะเริ่มทยอยคืนเงินประกันการใช้น้ำวันแรก พรุ่งนี้ (15 พ.ค. 63) เป็นต้นไป ผ่านช่องทางที่ผู้ใช้น้ำได้ลงทะเบียนไว้ ต่อไปนี้สำหรับผู้ที่ใช้น้ำที่มีการชำระค่าน้ำตามปกติ จะได้รับเงินตามขนาดมาตรวัดน้ำมาตรวัดน้ำขนาด 1/2 นิ้ว คืนเงินประกัน 200-400 บาทมาตรวัดน้ำขนาด 3/4 นิ้ว คืนเงินประกัน 300-600 บาทวิธีลงทะเบียนขอคืนเงินประกันการใช้น้ำประปา คลิกที่นี่
ลงทะเบียนรับเงินคืนประกันประปา กปภ. เริ่มทยอยโอนเงินคืน 15 พ.ค.63 เป็นวันแรก ย้ำลงทะเบียนได้เรื่อยๆ ไม่จำกัดระยะเวลา
ข่าว,เศรษฐกิจ
เงินประกันประปา,คืนเงินประกันประปา,ขอคืนค่าประกันประปา,ลงทะเบียนรับเงินประกันประปา,ลงทะเบียนรับเงินค่าน้ำ,www.pwa.co.th,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/business/1844481
[ 0, 259, 132229, 35650, 55862, 15319, 120562, 68755, 11699, 259, 50472, 65194, 333, 16912, 260, 4215, 260, 259, 71900, 1 ]
ระทึกกันอีก ไฟไหม้โรงแรมที่เมกกะ อพยพผู้แสวงบุญมุสลิมนับพัน
ผู้แสวงบุญชาวมุสลิม ระทึกอีกเกิดไฟไหม้โรงแรมแห่งหนึ่งในนครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จนต้องอพยพผู้แสวงบุญที่มาพักในโรงแรมกว่าพันคนกันจ้าละหวั่น,เมื่อ 18 ก.ย. 58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เกิดเหตุระทึก ไฟไหม้โรงแรมแห่งหนึ่งในนครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ย. ทำให้ต้องมีการอพยพผู้แสวงบุญชาวมุสลิมกว่า 1,000 คน ซึ่งมาพักอยู่ในโรงแรมดังกล่าวกันอย่างเร่งรีบ นับเป็นเหตุการณ์ระทึกครั้งที่ 2 ที่เกิดกับบรรดาผู้แสวงบุญชาวมุสลิม ที่เดินทางมาเพื่อประกอบพิธีฮัจญ์ในปีนี้ หลังจากวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา  หรือ 6 วันก่อน เพิ่งเกิดอุบัติเหตุเครนยักษ์ล้มใส่มัสยิดฮะรอม หรือ แกรนด์ มัสยิด ในนครเมกกะ จนทำให้มีผู้แสวงบุญเสียชีวิตถึง 111 ศพ บาดเจ็บกว่า 390 คน,เจ้าหน้าที่ทางการซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยว่า เหตุเพลิงไหม้ เกิดขึ้นที่ห้องพักห้องหนึ่ง บนชั้น 16 ของโรงแรม สูง 20 ชั้น ตั้งอยู่ย่านอาซิซิยา ในนครเมกกะ จึงทำให้ต้องมีการอพยพผู้แสวงบุญกว่า 1,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชียออกจากโรงแรมอย่างเร่งด่วน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ 2 คน  ขณะที่ เจ้าหน้าที่ทางการซาอุดีอาระเบีย ไม่เปิดเผยชื่อโรงแรมที่เกิดเหตุไฟไหม้ รวมทั้งรายละเอียดของเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้แต่อย่างใด,ทั้งนี้ ผู้แสวงบุญกว่าล้านคนได้หลั่งไหลมายังนครเมกกะ เพื่อร่วมประกอบพิธีฮัจญ์ประจำปี ซึ่งจะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 21-26 ก.ย. นี้
ผู้แสวงบุญชาวมุสลิม ระทึกอีกเกิดไฟไหม้โรงแรมแห่งหนึ่งในนครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จนต้องอพยพผู้แสวงบุญที่มาพักในโรงแรมกว่าพันคน
เมืองเมกกะ,ไฟไหม้โรงแรมที่เมกกะ,นครเมกกะ,อพยพ,ซาอุดีอาระเบีย,ผู้แสวงบุญมุสลิม,พิธีฮัจญ์,เครนล้มทับมัสยิด,มัสยิดฮะรอม,ไฟไหม้,เพลิงไหม้,ไฟไหม้โรงแรม,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวต่างประเทศ
https://www.thairath.co.th/content/526214
[ 0, 259, 80327, 40494, 46519, 21779, 86113, 1549, 80788, 41907, 31870, 259, 17383, 45015, 799, 259, 1881, 72657, 37070, 5405 ]
พระเอกดังสุดงก เคี่ยวเงินอีเว้นท์ แต่เปย์สาวแบบจัดเต็ม
แม่ช่อมะไฟ มาแล้วจ้าา,แม่ช่อมะไฟ พร้อมร่ายมนตร์ รายงานความแซ่บ ณ บัดนาว,อะไรๆ ก็ย่อมเปลี่ยนแปลงกันได้ เหมือนกับชะตาการเป็นผู้จัด ของสาว เมย์-ปทิดา หลังจากบุกเบิกเป็นงานละครช่อง 8 จนงานเข้าตากรรมการมาหลายเรื่อง แต่หลังๆเสนอเรื่องใหม่ไปก็มักโดนหั่นงบ ทำให้เริ่มถอดใจ แว่วๆ เริ่มลังเลอาจเปลี่ยนบ้านย้ายหนี (ตาย) ดีกว่า ทำแล้ว เข้าเนื้อ---ต้องรอลุ้นถ้าไปจริงจะไปโผล่ที่ใด หุหุ,ปกติพรีเซนเตอร์จะเป็นสาวๆ แต่คราวนี้ พรีเซนเตอร์ แบรนด์วีต้า คนใหม่ กลายเป็นพระเอกตาสวย ,เกรท-วรินทร ที่คราวนี้เลือกมาได้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายมาก เพราะเป็นหนุ่มที่ใช้สายตาได้ดี๊ดี ทุกๆเรื่องโดยเฉพาะเรื่องสาวๆ บอกได้เลยว่าไว้ใจ เฮีย ได้เร้ยย์ คริๆ,สมาคมมะเร็งนรีเวชไทย และ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ แถลงข่าวโครงการ Whisper of Ovary เนื่องในวันมะเร็งรังไข่สากล มี หมอก้อง-สรวิชญ์ และ พลอย-ภัทรากร ที่จะมาร่วมรณรงค์พร้อมเผยเคล็ดลับการดูแลสุขภาพ วันอังคารที่ 8 พ.ค.61 เวลา 15.00 น. ณ Lifestyle Hall ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน,มูลนิธิภาคโรตารีไทย ร่วมกับ เศรษฐา ศิระฉายา ศิลปินแห่งชาติ จัดคอนเสิร์ตการกุศล The Lake of Love Charity Concert เพื่อโครงการแก้มลิงหนองโนนต่าย ตามแนวพระราชดำริ จ.สกลนคร แถลงข่าว พุธ 9 พ.ค. 61 บ่ายโมง ที่ ดิ โอเดียม บางกอก-บ้านเรือนไทย รามคำแหง 24,ลาเนจ แบรนด์ ความงามชื่อดังจากเกาหลี เปิดตัวสูตรลับเพื่อผิวชุ่มชื้นกับผลิตภัณฑ์ล่าสุด LANEIGE WATER BANK HYDRO ESSENCE พร้อมเปิดตัวแคมเปญแอมบาสเดอร์ คชา-นนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์ ในแคมเปญเพื่อสังคมโครงการ LANEIGE REFILL ME FOR HEALTHY LIFE ณ ฮอลล์ ออฟ เฟม สยามพารากอน พุธที่ 9 พ.ค.นี้ ห้าโมงเย็น,หลังจากถอดเสื้อโชว์หุ่นล่ำ ทำเอา เก้ง กวางกรี๊ดสลบ บิว-พงค์พิพัฒน์ อาร์สยาม เปลี่ยนลุคใหม่ตัดผมสั้นฉลองยอดวิว ซิงเกิล กูรักมึง ทะลุ 5 ล้านวิว---เห็นลุคใหม่บอกเลยหล่อน่ากิน เอ๊ย หล่อฝุดๆ แหะๆ,เอี๊ยด เอี๊ยดด ไม่ใช่ดังแล้วเปลี่ยนแต่นิสัยของ พระเอกคนดัง ที่ทุกคนเห็นภาพสวยหรู น่าฟัด น่ากอด แต่ถ้าเป็นเรื่องเงินๆ ทองๆ ออกแนวตึ๋งหนืด ยิ่งเรื่องแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้กับคนที่วิ่งหางานอีเวนต์ให้ หลายๆคนต่างเจอความไม่เปย์ ไม่สปอร์ต (อย่างที่คิด) แต่ถ้าเป็นสาวๆ ล่ะบอกได้เลย He เต็มที่มากค่าา นี่แหละหนาา เงินทองไม่เข้าใคร ออกใคร อุ๊บ,แม่ช่อมะไฟ
ไม่ใช่ดังแล้วเปลี่ยนแต่นิสัยของ พระเอกคนดัง ที่ทุกคนเห็นภาพสวยหรู น่าฟัด น่ากอด แต่ถ้าเป็นเรื่องเงินๆ ทองๆ ออกแนวตึ๋งหนืด ยิ่งเรื่องแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้กับคนที่วิ่งหางานอีเวนต์ให้
พระเอกดัง,พระเอกขี้งก,สายเปย์,สี่แยกบันเทิง,แม่ช่อมะไฟ,ดารา
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1274576
[ 0, 259, 35239, 12682, 113249, 77694, 40494, 259, 107226, 57617, 3945, 49678, 39932, 80209, 3945, 194260, 136548, 259, 4215, 57741 ]
สุริยะชู 7 กิจกรรมกู้ชีพโอทอป โควิด-19 พ่นพิษกิจการระส่ำหนัก
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรมเปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ได้จัดทำโครงการบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ผู้ผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป) รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่อาศัยการท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้ จากโควิด-19 เพราะโอทอป ที่ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพากิจกรรมการท่องเที่ยว ที่มีลูกค้าหลัก คือนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้ดำเนินกิจการต่อไป ผ่าน 7 กิจกรรม อาทิ การยกระดับโอทอป สู่ ตลาดโลกด้วยการตลาดออนไลน์ และ อี-คอมเมิร์ซ ด้วยการฝึกอบรมและให้คำปรึกษาแนะนำ ที่สอดคล้องกับการยกระดับศักยภาพโอทอป ผ่านการตลาดดิจิทัล พัฒนาทายาทโอทอป ด้วยการยกระดับ ขีดความสามารถ ให้สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ ขับเคลื่อนธุรกิจ กิจกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ บรรจุภัณฑ์ ที่มีอัตลักษณ์เพื่อเพิ่มมูลค่าในเชิงพาณิชย์ด้วยการพัฒนาโอทอป ระดับ 3-5 ดาว เพื่อค้นหาและสร้างอัตลักษณ์ของตนเอง นำมาประยุกต์ในการออกแบบพัฒนา ต่อยอดเชิงพาณิชย์กสอ.ได้นำร่อง คัดเลือกโอทอป ที่ได้รับผลกระทบที่รุนแรง 1000 ราย มาร่วมโครงการ คาดว่าจะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ 500 ล้านบาท และในอนาคตจะขยายการส่งเสริมให้ครอบคลุมไปยังโอทอปทั่วประเทศ และผลักดันให้เกิดการส่งออกไปในอาเซียน โดยโอทอปรายใดต้องการเข้าร่วมโครงการสามารถติดต่อได้ที่ กสอ..
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรมเปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ได้จัดทำโครงการบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ผู้ผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป)
ข่าว,เศรษฐกิจ
โอทอป,สินค้าโอทอป,หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์,OTOP,สินค้า OTOP,ตลาดออนไลน์,ข่าววันนี้
https://www.thairath.co.th/news/business/1885323
[ 0, 259, 196968, 11740, 260, 2752, 169394, 38860, 139356, 31753, 13094, 135504, 155749, 4395, 96709, 123128, 259, 18095, 47207, 42688 ]
พาณิชย์เปิดประมูลขายข้าวในสต๊อก 4 แสนตัน-สุเทพปัดขวางธนาคารปล่อยกู้
กระทรวงพาณิชย์ เปิดประมูลขายข้าวเป็นการทั่วไปในสต๊อกรัฐบาล กว่า 4 แสนตัน ได้รับความสนใจจากผู้ค้าข้าวจำนวนมากถึง 18 ราย พร้อมเปิดประมูลข้าว 2 แสน 2 หมื่นตัน ผ่านตลาดซื้อชายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.พ.) และเตรียมเปิดประมูลข้าวเพิ่มอีก 5 แสนตัน ในสัปดาห์หน้ากระทรวงพาณิชย์ได้เปิดประมูลข้าวเป็นการทั่วไปในสต๊อกโครงการรับจำนำ เป็นข้าวปีการผลิต 2554/2555 นาปรังปีการผลิต 2555 และปีการผลิต 2555/2556 รอบที่ 1 เพื่อจำหน่ายในประเทศ หรือส่งออกต่างประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 467622 ตัน ให้ภาคเอกชนและผู้ค้าข้าวที่สนใจ ซึ่งเข้าร่วมประมูลจำนวนมาก โดยมีผู้สนใจเข้ายื่นซองเสนอราคาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันนายสุรศักดิ์ เรียงเครือ เปิดเผยว่า การประมูลข้าวครั้งนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้ประกอบการโรงสีข้าวและผู้ส่งออกข้าวมาร่วมประมูลถึง 18 ราย โดยมีผู้ประกอบการ 1 ราย ที่ยื่นเสนอราคาข้าวทั้งสองชนิด แยกเป็นข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 จำนวน 15 ราย และข้าวขาว 5% จำนวน 5 ราย ทั้งนี้เชื่อว่าจะได้เงินจากการประมูลขายข้าวครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 10000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน จะมีการปรับหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการรับมอบและส่งมอบข้าว โดยจะพยายามร่นระยะเวลาให้สั้นลงภายใน 1 - 2 เดือน จากเดิม 3 - 4 เดือน รวมทั้งจะเร่งเปิดประมูลข้าวอย่างต่อเนื่อง โดยจะเปิดประมูล 3 - 4 ครั้งต่อเดือน และในสัปดาห์หน้า จะเปิดประมูลข้าวอีกไม่ต่ำกว่า 5 แสนตัน อีกทั้งวันพรุ่งนี้ (13 ก.พ.57) จะเปิดประมูลข้าวผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย หรือเอเฟท อีกกว่า 2.2 แสนตันด้วยสำหรับการเปิดซองประมูลข้าวในวันพรุ่งนี้ หากผู้ประกอบการ หรือโรงสีรายใด มีการเสนอราคาที่ดีและไม่ผิดหลักเกณฑ์เงื่อนไขต่าง ๆ ก็จะนำเสนอต่อ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พิจารณาอนุมัติขายข้าวให้กับผู้ที่ชนะการประมูล ส่วนรายที่ต้องการข้าวแต่เสนอราคามาต่ำกว่าที่กำหนดไว้เล็กน้อย จะมีการเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด ส่วนการคืนเงินการขายข้าวในช่วง 2 เดือนนี้ คืนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 15000 ล้านบาท และสามารถคืนเงินให้กับกระทรวงการคลังแล้วทั้งสิ้น 1.7 - 1.8 แสนล้านบาทวันที่ 12 ก.พ. 57 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ขึ้นปราศัยบนเวทีสีลม ว่า รัฐบาลทำชาติวิบัติเสียหาย 4-5 แสนล้าน เอาเงินกองกลางของแผ่นดิน ภาษีประชาชนไปซื้อเสียงชาวนาล่วงหน้า การทำอย่างนั้นมันผิดอยู่แล้ว แต่ในที่สุดก็โกงชาวนา 1 ล้านครอบครัว เป็นเงิน 1 .3 ล้านบาทตั้งแต่เดือน ต.ค.ปีที่แล้ว จนถึงวันนี้ก็ไม่ยอมจ่ายค่าข้าวให้กับชาวนาถ้าชาวนาไม่ประท้วง ไม่เดินขบวน ชาวนาไม่เดินมาหาพวกเรา เขาไม่ร้อง เขาไม่พูด เราไม่มีโอกาสทราบเรื่องนี้เลย แต่เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน เป็นประชาชนด้วยกัน เราจึงมีความรักให้กัน พี่น้องประชาชนทุกสาขาอาชีพ ได้รู้ถึงความลำบากชาวนา ก็เห็นใจ สงสาร และอยากหยิบยื่นให้ จึงทำให้เราต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่สีลมวันเดียวได้ 9.3 ล้านบาท ส่วนเอกมัย ทองหล่อ วันเดียว 9 ล้านบาท เดิน 2 วันได้ 19 ล้าน และบริจาคที่เวทีของเราอีก วันนี้รวมแล้วได้ประมาณ 25 ล้านบาท นายสุเทพกล่าวและว่าจะร่วมกับนายกสภาทนายความแห่งประเทศไทย นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นำเงินจำนวนนี้เป็นค่าธรรมเนียมศาลให้ชาวนาทั้งประเทศฟ้องรัฐบาลเลขาธิการ กปปส. กล่าวอีกว่า เราประกาศพร้อมกันเลยว่า โปรดปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์โดยด่วนด้วย และขอประกาศว่า พวกเราปวงชนชาวไทย ไม่มีใครขัดขวางเลย ถ้าจะเอาเงินกู้ไปให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และดูว่าจะพูดยังไงต่อ หรือว่าจะให้ตนทำจดหมายถึงธนาคารทุกแห่งสนับสนุนปล่อยเงินกู้ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอนนี้ถ้าเรายึดอำนาจยิ่งลักษณ์สำเร็จ ยึดทรัพย์ตระกูลชินได้สำเร็จ รับรองเงินเหลือเฟือ และวันที่ 14 15 16 ก.พ. เตรียมระดมพลเตรียมพร้อมเอาไว้ หากประสมโรงกับชาวนาอีก รับรองรัฐบาลไม่รอดแน่ เที่ยวนี้ผมกำลังดูว่า กองทัพชาวนามาขนาดไหน เทศกาลวาเลนไทน์วันมาฆบูชา มีความหมาย ช่วยส่งไลน์ เฟซบุ๊ก 14 ก.พ. มากรุงเทพฯ มาที่ 5 เวที มาเตรียมกำลังบอกรักประเทศไทย แยกทางระบอบทักษิณ บอกเลิกยิ่งลักษณ์ และรอกองทัพชาวนาผสมโรงกับเรา แล้วกระทืบรัฐบาลร่วมกัน นายสุเทพกล่าว
กระทรวงพาณิชย์ เปิดประมูลขายข้าวเป็นการทั่วไปในสต๊อกรัฐบาล กว่า 4 แสนตัน ได้รับความสนใจจากผู้ค้าข้าวจำนวนมากถึง 18 ราย พร้อมเปิดประมูลข้าว 2 แสน 2 หมื่นตัน
การเมือง,เศรษฐกิจ
การประมูล,จำนำข้าว,ชาวนา,สต๊อกข้าว,สุเทพ เทือกสุบรรณ
https://prachatai.com/journal/2014/02/51759
[ 0, 259, 128181, 194445, 34538, 220811, 67641, 95201, 77093, 2361, 92825, 142315, 97003, 259, 23000, 419, 259, 90051, 79876, 259 ]
กลบรอยแผลอย่างแยบยล
สมาคมกีฬาฟุตบอล รับหน้าที่เจ้าภาพจัดการแข่งขัน ฟุตบอล ชิงแชมป์เอเชีย รุ่นยู-23 ปี 2020 แม้คนไทยอาจจะไม่ได้ตื่นเต้นกับข่าวนี้มากนัก เนื่องจากยังจำภาพที่ทีมฟุตบอลชาย ยู23 ชุดนี้ตกรอบแรก แต่เมื่อเอเอฟซี เลือกไทยเป็นเจ้าภาพรายการที่มีตั๋วโอลิมปิกเป็นเดิมพัน นี่คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของการบริหารงานของสมาคมฯ ชุดนี้,จากวันนี้ คือการเริ่มต้นใหม่ ของทีมชาติไทย ชุดยู-23 คือ ทิศทางที่ชัดเจน ว่าจากนี้ ทีมชุดยู-23 ไทย ต้องเดินหน้าอย่างไร,ส่วนตัวผม แม้ไม่ปลื้มกับผลงานในเอเชียนเกมส์ แต่หลังจากที่สมาคมฯ ได้รับความไว้วางใจให้จัดการแข่งขัน ฟุตบอล ชิงแชมป์เอเชีย รุ่นยู-23 ในรอบสุดท้าย นี่คือสิ่งที่ผมชื่นชม ที่ทีมงานนำเอาฟุตบอลรายการที่ดูจะเป็นจุดอ่อนที่สุดในขณะนี้ มาจัดในบ้านเรา ผลดีตกอยู่กับทีมชาติไทยมหาศาล,-ทีมไทย ไม่ต้องกดดันว่า ทัวร์นาเมนต์รอบคัดเลือก จะต้องทำผลงานให้เป็นที่หนึ่งของสายเพื่อการันตีเข้ารอบ เพราะเลวร้ายที่สุดทีมไทยก็ได้พื้นที่ในรอบสุดท้ายอยู่แล้ว จึงมีเวลาไปโฟกัสกับการสร้างเด็ก, สร้างระบบทีม ก่อนที่รอบสุดท้ายจะเริ่มขึ้น,-จากผลงานที่ย่ำแย่ในการแข่งขันที่จีน ทำให้ทีมไทยจะเป็นทีมวางลำดับท้ายๆ แน่นอน แต่เมื่อไทยรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ นี่คือทางลัดที่ทีมไทยจะขยับมาเป็นทีมวางลำดับ 1 ในรอบสุดท้ายทันที และมีโอกาสที่จะไม่พบกับทีมแข็งๆ ในรอบแรก,-เสียงเชียร์, ความคุ้นเคยสนาม คือความได้เปรียบสูงสุดของทีมไทย หากได้เล่นในบ้าน,-ขณะเดียวกัน ก็เป็นการลดกระแสของแฟนฟุตบอลไทย ที่มีต่อทีมชุดนี้ ภายใต้ข้อจำกัดที่ว่า ผลงานของทีมชุดยู-23 ในปีหน้า ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ อย่างเช่น ซีเกมส์ จะต้องทำได้ดีด้วยเช่นกัน,เหตุผลดังกล่าว คือ สิ่งที่สมาคมทำได้อย่างแยบยล และน่าชื่นชม เพื่อการกลบรอยแผลที่เกิดขึ้นกับทีมชุดยู23 และรีเซตสิ่งที่เกิดขึ้นในเอเชียนเกมส์ สู่หนังสือบทใหม่ แม้เส้นทางไปโอลิมปิกของไทยจะหนักหนาสาหัส แต่มันก็ช่วยลดอุปสรรคของทีมชุดนี้ ที่จะไปสู่ฝันได้มากเลยทีเดียว
สมาคมกีฬาฟุตบอล รับหน้าที่เจ้าภาพจัดการแข่งขัน ฟุตบอล ชิงแชมป์เอเชีย รุ่นยู23 ปี 2020 แม้คนไทยอาจจะไม่ได้ตื่นเต้นกับข่าวนี้มากนัก เนื่องจากยังจำภาพที่ทีมฟุตบอลชาย ยู23 ชุดนี้ตกรอบแรก
กีฬา,ไทยรัฐเชียร์ไทยแลนด์
บิ๊กอ๊อด,พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง,สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย,ช้างศึก ยู-23,ทีมชาติไทย
https://www.thairath.co.th/sport/trcheerthai/1367983
[ 0, 259, 172286, 62988, 33312, 259, 28456, 11984, 3682, 33559, 17117, 2361, 87168, 1549, 47187, 3324, 11984, 6494, 18456, 69651 ]
ให้คสช.รีบเคลียร์ ใครช่วยพา ปู หนี
2 พรรคปัดรัฐบาลแห่งชาติ วัฒนากางปีกอุ้มลูกทักษิณ,เสี่ยตือ จี้ คสช.เคลียร์ ให้ชัด ใครช่วย ปู หนี เกาะติดมาตลอด อยู่ๆก็หายไปเฉยๆ องอาจ ไล่บี้ ตร.ล่าตัว หมอโด่ง จิ๊กซอว์สำคัญคดีจีทูจี วัชระ ย้อน ชูศักดิ์ อุ้ม โอ๊ค เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ด้าน วัฒนา ย้ำ โอ๊ค คือเหยื่อการเมืองรายล่าสุด วิษณุ ลั่นแก้ปมอัลไพน์ ไม่มีนิรโทษกรรม-ล้างมลทิน ยกกรณี ยงยุทธ เป็นบทเรียนไม่ทำผิดซ้ำอีก พท.ดักคอจงใจให้เกิดสุญญากาศ ใช้เป็นข้ออ้างเลื่อนเลือกตั้ง ปชป.-ชทพ.ประสานเสียง รัฐบาลแห่งชาติเกิดยาก สมศักดิ์ บอกปรองดองไม่ใช่แค่แบ่งผลประโยชน์,ตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายก รัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม รายงานความคืบหน้าการแกะรอยช่องทางหลบหนีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นระยะ ล่าสุดนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา เรียกร้องรัฐบาลและ คสช. เคลียร์ให้ชัดว่าความผิดพลาดเกิดขึ้นจากส่วนไหน,เมื่อวันที่ 10 ก.ย. นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบช่องทางการหลบหนีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังถูกสังคมตั้งข้อครหาเปิดทางให้หนี ว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และฝ่ายความมั่นคง ต้องรีบพิสูจน์ตัวเองว่าเกิดความผิดพลาดอย่างไร ใครควรต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ถ้ายังปล่อยให้คาราคาซังแล้วโทษคนนั้นคนนี้ โดยที่ยังไม่ดำเนินการใดๆ ผู้คนยิ่งคลางแคลงมากขึ้น ทางที่ดีควรรีบสรุปออกมาให้เร็ว และยอมรับว่าเกิดจากความผิดพลาดของข่าวกรอง ติดตามตัวมาตลอด อยู่ๆก็หายไปเฉยๆ อย่างนี้สังคมเคลือบแคลง ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้หลิ่วตากัน การที่สังคมเคลือบแคลง คสช.คงปฏิเสธไม่ได้ เพราะถืออำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการดูแลรักษาประเทศ,ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อพิจารณาสาระคำพิพากษากลางของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กระทำโดยมิชอบ พบความเชื่อมโยงของจำเลย ทั้งรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูง และพ่อค้านักธุรกิจ ชัดเจนว่าร่วมมือเอื้อประโยชน์ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ทุจริตหลายขั้นตอน คดีนี้มีจำเลยทั้งหมด 28 คน มีหนีคดีไป 2 คน หนึ่งในสองที่หลบหนี คือ พ.ต.นพ.วีรวุฒิ วัจนะพุกกะ หรือหมอโด่ง อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ถือเป็นตัวละครเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่เชื่อมโยงให้เกิดห่วงโซ่การทุจริตระบายข้าวจีทูจี หลังศาลอนุมัติการออกหมายจับแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังไม่มีความพยายามติดตามตัวมาดำเนินคดี จึงขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามตัว มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว,นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ตั้งคำถามว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถูกแทรกแซงใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองให้ดำเนินคดีกับนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีรับเงินจากกลุ่มกฤษดานครที่ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ ว่า เสียดายที่นายชูศักดิ์เคยเป็นครูบาอาจารย์มาก่อน แต่กลับพยายามบิดเบือนว่าดีเอสไอยัดเยียดข้อหาให้นายพานทองแท้ ตอนตั้งอัยการคนหนึ่งที่มีความสนิทสนมกับคนในตระกูลชินวัตร มาทำคดีนี้ ทำไมนายชูศักดิ์ไม่ท้วงติงบ้าง ทำไมจึงเห็นกงจักรเป็นดอกบัว วันนี้ไม่ว่านายชูศักดิ์จะเป็นอะไร แต่อย่าลืมหลักนิติรัฐ นิติธรรม และหลักละเมิดที่เคยสอนลูกศิษย์ลูกหา และถ้านายพาน-ทองแท้ไม่ได้เป็นลูกนายทักษิณ ถามว่านายวิโรจน์ นวลแข ประธานบอร์ดกรุงไทยขณะนั้น จะปล่อยกู้ให้หรือไม่ ดีเอสไอควรถ่ายสำเนาเช็คที่สั่งจ่ายที่นายพานทองแท้ได้รับเงินโอนเข้าบัญชีที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางพลัด รวม 36 ล้านบาทจริงหรือไม่,นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากคำพิพากษาในคดีหวยบนดิน 3 ตัว 2 ตัว มีความเสียหายรวม 3.6 หมื่นล้านบาท โดยศาลมีคำสั่งให้หน่วยงานรัฐดำเนินการตรวจสอบเรียกคืนเอากับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีดังกล่าว จึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย และปลัดกระทรวงการคลัง มีคำสั่งให้ออกหนังสือติดตามทวงคืนค่า เสียหายที่รัฐ หรือประชาชนพึงได้เหล่านี้คืนมา หากไม่มีการทวงคืนเป็นลายลักษณ์อักษรจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาจเป็นเหตุให้ทุกคนที่ดำรงตำแหน่ง ดังกล่าว เข้าข่ายการปล่อยปละละเลย หรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ได้,ด้านนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวถึงการฟังคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันที่ 27 ก.ย.ว่า ไม่ว่าตัวจำเลยจะเดินทางไปฟังคำพิพากษาหรือไม่ ศาลจะอ่านคำพิพากษา ส่วนเรื่องหลักทรัพย์ที่ยื่นประกันตัวไป ศาลปรับไปตั้งแต่วันแรกแล้ว แม้ตัวจำเลยจะมาหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกัน ขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อมาจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์เรื่องคดี ถึงแม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่สั่งการอะไรลงมา ก็เป็นหน้าที่ทนายความที่ต้องดำเนินการอยู่แล้ว และการไปฟังคำพิพากษาลับหลังไม่เกี่ยวกับการอุทธรณ์ เพราะกฎหมายกำหนดให้ต้องมีตัวจำเลยในวันยื่นอุทธรณ์ แม้ในวันฟังคำพิพากษาจะไม่ได้มา แต่ถ้าจะยื่นอุทธรณ์ที่ตามกฎหมายกำหนดไว้ 30 วัน หากมีตัวจำเลยปรากฏต่อหน้าศาล (ในวันยื่น) ก็สามารถยื่นอุทธรณ์ได้,วันเดียวกัน นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า โอ๊คเหยื่อรายล่าสุด จากคดีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อนุมัติเงินกู้ 9,900 ล้านบาท ให้บริษัทเครือกฤษดามหานคร ถูกโยงมาเกี่ยวข้องกับ โอ๊ค นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร แต่ตนเห็นว่านายพานทองแท้ไม่ได้ทำผิด เนื่องจากหากเป็นสินบนหรือฟอกเงิน เหตุใดจึงเพิ่งจ่ายหลังจากได้รับอนุมัติเงินกู้ 6 เดือน และสินบนหรือฟอกเงินเป็นธุรกรรมผิดกฎหมาย ไม่มีใครรับเงินเป็นเช็คให้มีหลักฐาน เงินจำนวน 10 ล้านบาท หรือเท่ากับ 0.1 เปอร์เซ็นต์ของ 9,900 ล้านบาท หากเป็นสินบนถือว่าน้อยมาก ไม่สมเหตุผล อีกทั้งเงินจากบัญชีนายวิชัยถูกจ่ายให้หลายบุคคลและองค์กร ทั้งนายทหารระดับนายพล และบริจาคให้มูลนิธิรัฐบุรุษ เหตุใดจึงเลือกดำเนินคดีเพียงนายพานทองแท้คนเดียว ถ้าว่าตามพยานหลักฐานไม่มีการเมืองมาเกี่ยวข้อง จะไม่เป็นคดีมาแต่แรก แต่เมื่อเป็นการเมือง และเกิดขึ้นหลังการยึดอำนาจ คดีของนายพานทองแท้จึงน่าเป็นห่วง ไม่แปลกที่จะเป็น ชินวัตร รายล่าสุดที่ตกเป็นเหยื่อ,ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ แถลงถึงการตรวจสอบคุณภาพข้าวของ พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานติดตามและกำกับดูแลการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่นำคณะทำงานไปตรวจคลังถาวรโชคชัย อ.เสาไห้ จ.สระบุรี แต่ตรวจสอบเพียงว่ามีปริมาณข้าวอยู่ครบไหม ไม่ได้ตรวจสอบคุณภาพข้าวว่าเป็นอาหารคนหรืออาหารสัตว์ ตามที่เจ้าของคลังสินค้าร้องเรียนให้ตรวจสอบ ทำให้ประชาชนสงสัยถึงความไม่โปร่งใส ว่ากลัวจะพบข้าวคุณภาพดีหรืออย่างไร นอกจากนี้ ยังมีกรณีบริษัท กาญจนาอาหารสัตว์ จำกัด ที่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ซื้อข้าวสารหอมมะลิ 100 เปอร์เซ็นต์ จากโกดังประสิทธิ์ชัย จ.อุบลราชธานี ในราคา 6.10 บาทต่อกิโลกรัม โดย ผวจ.ราชบุรี แจ้งตนว่ามีข้าวสารอยู่ที่ จ.ราชบุรี 9,000 ตัน ที่เหลือ 30,000 ตัน เก็บไว้ที่ จ.สุพรรณบุรี อยากให้ พล.ต.อ.เดชณรงค์ตรวจสอบว่า ข้าวสาร บริษัท กาญจนาอาหารสัตว์ จำกัด อีก 30,000 ตัน ที่ จ.สุพรรณบุรี มีอยู่จริงหรือไม่ เพราะการนำข้าวสารจำนวนดังกล่าวไปเก็บที่ จ.สุพรรณบุรี ทั้งที่โรงงานอยู่ที่ จ.ราชบุรี แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติ และผิดเงื่อนไขในสัญญาอยู่แล้ว,นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้รับหนังสือจากกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เชิญไปให้ถ้อยคำกรณียื่นคำร้องให้สอบรัฐมนตรีจำนวน 9 ราย มีการกระทำเข้าข่ายเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ตามรัฐธรรมนูญหมวด 9 และเข้าข่ายเป็นการขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 264 หรือไม่ เพื่อให้ กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามมาตรา 170 วรรคสาม จึงจะเดินทางไปให้ถ้อยคำกับ กกต.ในวันที่ 13 ก.ย. กรณีนี้เห็นว่ามีรัฐมนตรี 9 คนที่มีปัญหา ประกอบด้วย นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมช.ศึกษาธิการ นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนบริษัท ส่วนอีก 1 คน คือ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร และกรรมการสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์,อีกเรื่อง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ว่า มีการพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ยังต้องรอคำพิพากษาของศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบก่อน จะทำให้เห็นลู่ทางที่ชัดเจนขึ้น โดยให้หลักการไป 2 ข้อ คือ ต้องไม่นิรโทษกรรม ไม่อภัยโทษ ต้องไม่ล้างมลทินให้กับใคร ถ้าผิดให้เดินไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่กับชาวบ้านต้องให้ความช่วยเหลือเขา โดยเฉพาะผู้ที่สุจริต ไปดูว่ามีผู้ได้รับผลกระทบกี่ราย แยกออกจาก 900 กว่าไร่ เป็น 600 กว่าแปลง แปลงใหญ่ 200 ไร่ มีสนามกอล์ฟ และแปลงเล็กๆ 20-50 ตารางวา ต้องดูเป็นรายๆว่าซื้อมาจากใคร เมื่อใด ได้มาฟรีหรือซื้อมา เราตั้งไว้ว่าต้องสุจริต เสียค่าตอบแทน และไม่ผิดกฎหมาย จดทะเบียนถูกต้อง ยังคิดไม่ออกว่าอย่างไร แต่แนวทางมีอยู่ ส่วนการเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับ พ.ร.บ.โอนที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการาม เป็นเรื่องของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) อย่างน้อยต้องอ่านคำพิพากษาก่อน วันนี้รู้กันแต่เพียงว่านายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ผิด แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงผิด จึงต้องอ่านคำพิพากษาก่อน เพื่อให้ไม่ทำผิดซ้ำอีก,ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า วันที่ 11 ก.ย. จะไปยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย รวมทั้ง รมช.มหาดไทย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีต ผวจ.ขอนแก่น กรณีใช้อำนาจหน้าที่อนุมัติให้บริษัทเอกชนที่มีทายาทบริษัทกระทิงแดงเป็นผู้บริหาร เข้าไปใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณประโยชน์ชุมชนบ้านโคกห้วยเม็ก ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น จำนวนกว่า 31 ไร่ ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนเข้ามาหากำไรเฉพาะในกลุ่มผู้ถือหุ้น ไม่ใช่เพื่อประโยชน์สาธารณะ ขัดต่อระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ให้พลเมืองใช้ร่วมกัน ที่นำที่ดินป่าชุมชนมาให้เอกชนใช้ประโยชน์ นอกจากเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ และผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการแล้ว ยังขัดต่อนโยบายบริหารประเทศของรัฐบาลที่มีนโยบายดูแลพื้นที่ป่า แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนถ่มน้ำลายขึ้นฟ้ารดหน้าตัวเอง จึงต้องการให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว,ด้านนายประทีป กีรติเรขา อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวชี้แจงกรณีบริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ยื่นขออนุญาตประกอบกิจการในที่ดินแปลงห้วยเม็กสาธารณประโยชน์ หมู่ที่ 6 ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เนื้อที่ประมาณ 31 ไร่ ว่า จังหวัดขอนแก่นรายงานข้อเท็จจริงว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนและวิธีการ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการอนุญาตกฎหมายที่ดิน ครบถ้วน ดังนี้ 1.สภาพที่ดินแห้งแล้ง ไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติ ราษฎรไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว 2.อบต. และชาวบ้าน ประชุมลงมติเห็นชอบให้บริษัทเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวโดยไม่มีการคัดค้าน 3.คณะกรรมการพิจารณาเรื่องขออนุญาตประกอบกิจการประจำจังหวัดขอนแก่น พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบให้บริษัทประกอบกิจการเพื่อใช้เป็นที่กักเก็บน้ำ 4.บริษัทได้ชำระค่าตอบแทนกฎหมายให้แก่ อบต.บ้านดง 5.ผวจ.ขอนแก่นให้ควบคุมดูแลให้บริษัทปฏิบัติตามเงื่อนไข และกฎหมายอย่างเคร่งครัด และจากการตรวจสอบจากกรมป่าไม้ ปรากฏว่า ป่าชุมชนแปลงดังกล่าว เป็นแปลงป่าช้าสาธารณประโยชน์ เนื้อที่ 65 ไร่ 1 งาน 8 ตารางวา ไม่ใช่ห้วยเม็กสาธารณประโยชน์ และที่ดินทั้ง 2 แปลง มีระยะห่างกันประมาณ 3.5 กิโลเมตร,วันเดียวกัน นายคณิน บุญสุวรรณ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายพรเพชร พิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ระบุว่า การเลือกตั้งน่าจะมีขึ้นช่วงปลายปี 2561 ว่า หากการพิจารณาร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเป็นไปตามกรอบเวลาปกติ การเลือกตั้งควรเกิดขึ้นภายในวันที่ 1 ส.ค.2561 หรือช้าสุดไม่เกินเดือน ก.ย. ไม่ใช่ปลายปี 2561 ยกเว้นกรณี สนช.ลงมติคว่ำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง อาจเป็นข้ออ้างใช้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป ทำให้เกิดปัญหาตามมา คือขั้นตอนหลังจากนั้น ทั้งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และ สนช. จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะจะเกิดสุญญากาศทางรัฐธรรมนูญทันที การเลือกตั้งจะถึงทางตันไปต่อไม่ได้ เป็นกรณีที่น่าสงสัยว่าเกิดขึ้นเพราะความเผอเรอ หรือจงใจให้เกิด หากใครทำเช่นนั้นโดยผ่านอภินิหารทางกฎหมาย หรืออำนาจพิเศษ เท่ากับเป็นการทุบทิ้งบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. หลังจากนั้นสถานการณ์บ้านเมืองจะสับสนวุ่นวายแค่ไหน เป็นเรื่องที่สุดจะคาดเดา,นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีนายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอแนวทางตั้งรัฐบาลแห่งชาติเพื่อให้เกิดความปรองดอง ว่า เรื่องนี้มีคนพูดมานานแล้ว อาทิ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ในทางปฏิบัติเป็นเรื่องยากมาก เพราะในระบบรัฐสภาการถ่วงดุลเป็นเรื่องใหญ่ ที่สำคัญทั้งสองฝ่ายต่างปฏิเสธ พรรคประชาธิปัตย์ปฏิเสธสิ้นเชิงที่จะร่วมสังฆกรรมกับพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยประกาศชัดไม่ร่วมทำงานกับคสช. กลายเป็นศึกสามเส้า ส่วนตัวคิดว่านายพิชัยต้องการเห็นสองพรรคใหญ่มาจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล แล้วไปรวมกับของทหาร รวมเป็นสามพรรค ถ้าเป็นเช่นนั้นพรรคขนาดกลาง และพรรคเล็กพรรคน้อยไปทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ซึ่งยาก ทำให้เสียระบบถ่วงดุล,นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า การปรองดองไม่ได้ขึ้นอยู่ที่การแบ่งปันผลประโยชน์ ถ้าเป็นเช่นนั้นเท่ากับกำลังเอาผลประโยชน์ทางการเมืองมาแบ่งปันกัน การปรองดองมีองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งเรื่องความเป็นธรรม การได้รับบริการจากรัฐ การใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน ทุกคนได้รับการปฏิบัติเหมือนกัน อย่าเลือกปฏิบัติ หรืออย่าทำให้เกิดความรู้สึกว่าทำไมพวกนี้อะไรๆก็รอด ทำไมพวกนี้อะไรๆก็โดน ถ้ายังเกิดความรู้สึกนี้อยู่ คงเป็นเรื่องยากที่จะปรองดอง อย่างไรก็ตาม ไม่มีพรรคการเมืองไหนที่เป็นศัตรูกับทหาร เพราะทหารเป็นสถาบันที่ทำหน้าที่ปกป้องประเทศ อย่าเพิ่งไปมองว่าทหารคือรัฐบาล เพราะถ้ามองว่าทหารคือรัฐบาล ก็ปกครองไม่ได้แล้ว เพราะคนที่เห็นต่างจากรัฐบาล ก็คือศัตรูอย่างนั้นหรือ คิดว่าไม่น่าจะใช่,ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แนวคิดรัฐบาลแห่งชาติของนายพิชัย รัตตกุล คิดว่ายังเร็วเกินที่จะพูดถึงเรื่องนี้ และรูปแบบของรัฐบาลยังไม่สำคัญเท่ากับเรายังไม่ทราบว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่แน่ พรรคการเมือง ประชาชน และสังคม จึงได้แต่ตั้งตารอความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้งมากกว่า ในอนาคตไม่ว่าเราจะได้รัฐบาลออกมารูปแบบใด เราต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน ต้องเคารพในผลการเลือกตั้งที่ออกมา ว่าประชาชนทั้งประเทศได้มอบความไว้วางใจให้พรรคการเมืองใดเข้ามาบริหารประเทศ การมีรัฐบาลแห่งชาติจะเกิดขึ้นหรือไม่ ยังไม่มีใครทราบได้ แต่สิ่งที่เราทราบคือรัฐบาลควรมีความสุจริต โปร่งใส ไม่ใช่เป็นรัฐบาลที่ทำเพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง ต้องไม่มีการทุจริตเชิงนโยบายแบบในอดีต,น.ส.รัชดา ธนาดิเรก อดีต ส.ส.กทม. พรรค ประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการจัดสัมมนา เสียงผู้หญิงต่อการปฏิรูปตำรวจ ที่ผ่านมา มีข้อเสนอที่ฝากไปยังคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) ที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน ดังนี้ 1. ต้องเพิ่มจำนวนตำรวจหญิง ปัจจุบันมีน้อยมาก ประมาณ 1.8 หมื่นคน คิดเป็นแค่ 8 เปอร์เซ็นต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมด และพนักงานสอบสวนหญิงมีเพียง 418 คนเท่านั้น 2. งานสอบสวนที่ต้องแยกออกมาเป็นอิสระ ต้องมีหน่วยงานสอบสวนเฉพาะคดีทางเพศ 3.ตำรวจหญิงต้องได้รับการพิจารณาสอบเข้า แต่งตั้ง เลื่อนขั้น โยกย้ายอย่างเป็นธรรม 4. สร้างความตระหนักแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกระดับ ในเรื่องสิทธิมนุษยชน และความละเอียดอ่อนมิติหญิง ชาย รวมถึงเพศหลากหลาย 5. เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีความทันสมัยในกฎหมาย เพราะเป็นห่วงว่าคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจมี 36 คน เป็นผู้ชาย 35 คน เกรงจะพิจารณาไม่ครอบคลุม ขาดมุมมองที่ผู้หญิงและเด็กได้รับผลกระทบและห่วงใยต่อการทำงานของตำรวจไทย,อีกเรื่อง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในโอกาสปี 2560 ครบรอบ 130 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-ญี่ปุ่น โดยความสัมพันธ์ที่สำคัญและลึกซึ้งที่สุด คือด้านเศรษฐกิจ ญี่ปุ่นมีบริษัทที่ทำธุรกิจในไทยกว่า 7,000 บริษัท ใน หลากหลายอุตสาหกรรม และจากการเดินทางไปประชุม Bilateral กับญี่ปุ่น เมื่อไม่นานมานี้ได้เสนอให้รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของญี่ปุ่น ให้นำคณะประกอบด้วยภาครัฐ ภาคเอกชน สภาธุรกิจบวกกับคณะนักธุรกิจ หรือไคดันเรน มาเยือนประเทศไทย เพื่อเฉลิมฉลอง 130 ปีความสัมพันธ์ด้านธุรกิจและเศรษฐกิจ พร้อมทั้งประกาศ new wave หรือความร่วมมือพัฒนาคลื่นลูกใหม่ เน้นอุตสาหกรรมเป้าหมายในโครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (EEC) และร่วมพัฒนาธุรกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ไปสู่ยุคดิจิทัล เพื่อให้ทั้งโลกได้เห็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งแน่นแฟ้นของไทยกับญี่ปุ่น,นายสมคิดกล่าวอีกว่า ข้อเสนอดังกล่าวได้รับการตอบรับอย่างดีจากรัฐบาลญี่ปุ่น โดยรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมฯ จะนำคณะนักธุรกิจกว่า 500 ชีวิต พร้อมสื่อมวลชนจำนวนมากเดินทางมาเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 11-13 ก.ย.นี้ ซึ่งไม่เคยมีงานใดยิ่งใหญ่กว่านี้มาก่อน โดยวันที่ 11 ก.ย. ตนจะพาคณะใหญ่ของญี่ปุ่นเดินทางเข้าคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จากนั้นวันที่ 12 ก.ย.จะประชุมร่วมครั้งใหญ่ พร้อมจับคู่ธุรกิจครั้งใหญ่สุดกว่าพันคู่ โดยเฉพาะวันที่ 13 ก.ย. จะนำคณะของรัฐมนตรีญี่ปุ่นลงพื้นที่ EEC escort โดยจะมีการ นำเสนอข่าวไปทั้งโลก โดยเฉพาะการเสนอข่าวกลับไปที่ญี่ปุ่น นั่นหมายถึงผลดีต่อยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยที่ได้รับการตอบรับ,นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง กล่าวถึงการเสนอกฎกระทรวงการคลังว่าด้วยภาษีสรรพสามิต เพื่อกำหนดอัตราภาษีสุราและยาสูบ ภายใต้ พ.ร.บ.สรรพสามิตฉบับใหม่ ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 12 ก.ย. ว่า โครงสร้างภาษีใหม่ มีวัตถุประสงค์ใหญ่เพื่อให้เกิดความชัดเจน โปร่งใส เป็นธรรมกับผู้ผลิตและผู้บริการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เริ่มแรกเราไม่ต้องการเอาตัวเม็ดภาษีเป็นหลัก เพราะไม่อยากให้กระทบต่อผู้บริโภค หลักใหญ่ๆในด้านราคาจากราคาขายส่งช่วงสุดท้ายของเหล้า เบียร์ จะเป็นราคาขายปลีกแนะนำ ดังนั้น ผู้ผลิตอยู่บนพื้นฐานเดียวกันหมด คือใช้ราคาขายปลีกแนะนำเป็นหลัก ส่วนที่นายกฯสั่งกำชับให้เฝ้าระวังการกักตุนนั้น ยืนยันจะไม่มีการกักตุนสินค้าแน่นอน เพราะเมื่อประกาศเพดานภาษีใหม่ คาดว่าอย่างน้อยขึ้น 100 บาทต่อขวด เมื่อราคาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปกักตุน,พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่า ภายในปี 2561 รัฐบาลตั้งเป้าสร้างรายได้จากการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 3.03 ล้านล้านบาท โดยยังคงเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ที่มุ่งให้นักท่องเที่ยวใช้เวลาพำนักอยู่ในประเทศไทยนานขึ้น และให้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน หรือ Amazing Thailand year 2018 พร้อมขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ร่วมกันจัดกิจกรรม ใช้ตราสัญลักษณ์ประชาสัมพันธ์การจัดงาน รวมถึงมอบสินค้าและบริการราคาพิเศษ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และอยากให้ทุกจังหวัดดึงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมาเป็นจุดขาย เพื่อเพิ่มรายได้กับชุมชน
เสี่ยตือ จี้ คสช.เคลียร์ ให้ชัด ใครช่วย ปู หนี เกาะติดมาตลอด อยู่ๆก็หายไปเฉยๆ องอาจ ไล่บี้ ตร.ล่าตัว หมอโด่ง จิ๊กซอว์สำคัญคดีจีทูจี วัชระ ย้อน ชูศักดิ์ อุ้ม โอ๊ค เห็นกงจักรเป็นดอกบัว
ข่าว,การเมือง
ข่าวหน้า 1,การเมือง,ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร,สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล,คสช.,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/politic/1065934
[ 0, 259, 48898, 45579, 259, 155031, 196617, 259, 53868, 260, 110279, 8007, 259, 111693, 75623, 55643, 259, 67044, 188000, 148901 ]
ผวจ.พิษณุโลก ยันฝ่าฝืนเคอร์ฟิว ให้ลงโทษตาม ก.ม. หลังสาวอ้างเป็นลูก โวยด่านตรวจ
ผู้ว่าฯ พิษณุโลก โพสต์เฟซบุ๊ก ย้ำลูกใครไม่สำคัญ ถ้าฝ่าฝืนเคอร์ฟิว ให้ลงโทษตามกฎหมาย หลังสาวอ้าง เป็นลูก โวยตำรวจมุกดาหาร ตั้งด่านตรวจเคอร์ฟิวจากกรณี มีข่าวว่าเมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.30 น.(6 เม.ย.63) ในพื้นที่ จ.มุกดาหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม กลุ่มหญิง-ชายฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน การห้ามออกจากเคหสถานเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยสามารถจับกุมได้จำนวน 8 ราย นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบหญิง 2 ราย กล่าวอ้างว่าตนเองเป็นลูกผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่จุดตรวจ 4 แยกไฟแดงเมืองใหม่โดยเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ รถ BMW สีดำ หมายเลขทะเบียน 5 กธ 1986 กรุงเทพมหานคร ก่อนที่คนในรถ ทราบชื่อ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี และน.ส.เปรมประภา เอกภาพันธ์ อายุ 29 ปี มีอาการคล้ายคนเมาสุรา โวยวายด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่พอใจที่ถูกตรวจสอบ โดยอ้างว่าตนเป็นลูกของผู้ว่าฯ พิษณุโลก ซึ่งต่อมา เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 รายฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548จากนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามไปยังนายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทราบว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ติดภารกิจกระทั่งล่าสุด เวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 7 เม.ย.63นายพิพัฒน์ ได้โพสต์ชี้แจงผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ลูกของใครไม่สำคัญ ลูกชาวบ้าน ลูกกำนัน #ลูกผู้ว่า ถ้าผิดกฎเคอร์ฟิว #ให้ลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมอย่างถึงที่สุดไม่มีข้อยกเว้นครับ #กฎหมายต้องเป็นกฎหมายไม่มีข้อยกเว้นสำหรับใครครับซึ่งก็มีประชาชนเข้ามาโพสต์แสดงความเห็นใจ และให้กำลังใจผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกเป็นจำนวนมาก.
ผู้ว่าฯ พิษณุโลก โพสต์เฟซบุ๊ก ย้ำลูกใครไม่สำคัญ ถ้าฝ่าฝืนเคอร์ฟิว ให้ลงโทษตามกฎหมาย หลังสาวอ้างเป็นลูก โวยตำรวจมุกดาหาร ตั้งด่านตรวจเคอร์ฟิว
ข่าว,ทั่วไทย
เคอร์ฟิว,ด่านตรวจ,ผู้ว่าฯพิษณุโลก,ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว,ลูกสาว,มุกดาหาร,โวยตำรวจ,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/north/1814466
[ 0, 259, 18433, 1881, 35468, 9112, 64877, 259, 51523, 19895, 124576, 16053, 70838, 1, 0, 0, 0, 0, 0, 0 ]
คนไทยไร้สถานะปลื้มได้บัตรประชาชน กล้าไป รพ. เพราะใช้สิทธิบัตรทองได้
คนไทยไร้สถานะปลื้ม อายุ45ปีในที่สุดก็มีบัตรประชาชนเสียที เผยได้บัตรแค่2วันเข้าโรงพยาบาลใช้สิทธิบัตรทองรักษาอุบัติเหตุกระดูกแตกเลย โล่งใจไปไหนมาไหนไม่ต้องกลัวโดนตำรวจเรียกตรวจเอกสารอีกต่อไป3 ม.ค. 2563 ข่าวประชาสัมพันธ์สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รายงานว่า หนิง เชื้อแสง ประชาชนเขตทวีวัฒนา กทม. อายุ45ปี ผู้ซึ่งไม่มีบัตรประชาชนมาตลอดชีวิตเนื่องจากผู้ปกครองไม่ได้ไปแจ้งเกิดและเพิ่งผ่านกระบวนการตรวจสอบต่างๆจนสามารถทำบัตรประชาชนได้สำเร็จเมื่อไม่กี่เดือนที่่ผ่านมา เปิดเผยว่า หลังจากได้บัตรประชาชนมาแล้วรู้สึกดีใจเพราะขั้นตอนการขอทำบัตรค่อนข้างยาก ต้องมีการสืบประวัติว่าใครเป็นแม่ ต้องตรวจดีเอ็นเอ ตอนตรวจดีเอ็นเอก็ต้องพาแม่ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงไปเจาะเลือด อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการตรวจก็สูงมาก ดังนั้นพอได้บัตรประชาชนมาแล้วจึงโล่งใจอย่างมากหนิง กล่าวอีกว่า ผลจากการมีบัตรประชาชนแล้ว ทำให้ปัจจุบันสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้โดยไม่ต้องกลัวโดนตำรวจเรียกตรวจเอกสารประจำตัวอีกต่อไป โดยที่ผ่านตนมาไม่ค่อยได้ออกไปไหนเพราะกลัวโดนตำรวจเรียกตรวจแล้วไม่มีเอกสารอะไรมาแสดง กล้าขับจักรยานยนต์ไปได้แค่แถวๆบ้านตอนกลางวันเท่านั้น กลางคืนก็ไม่กล้าออกเช่นกัน แต่ตอนนี้เอาบัตรประชาชนติดตัวไว้ตลอดเวลา สามารถไปไหนมาไหนได้สะดวกแล้วเช่นเดียวกับสิทธิในการรักษาพยาบาล ที่ผ่านมาเวลาไม่สบายก็ไม่กล้าไปโรงพยาบาลเพราะเคยไปแล้วถูกหาว่าเป็นคนต่างด้าว เวลาไปคลินิกแล้วถูกถามถึงบัตรประชาชนก็จะบอกว่าลืมเอาบัตรมา หรือเมื่อตอนที่ตนประสบอุบัติเหตุจักรยานยนต์ล้มขาหักก็ต้องรักษาตัวเอง ไม่กล้าไปโรงพยาบาล แต่ตอนนี้ได้ลองใช้สิทธิบัตรทองแล้ว หลังจากได้บัตรประชาชนมาเพียง2วันก็เกิดอุบัติเหตุเตียงเหล็กล้มใส่จนกระดูกนิ้วแตก ไปโรงพยาบาลทางโรงพยาบาลเช็คประวัติแล้วก็บอกว่ายังไม่ได้มีสิทธิบัตรทอง ตนบอกไปว่าไม่เคยทำ เพิ่งได้บัตรประชาชนมา ทางโรงพยาบาลจึงขึ้นทะเบียนสิทธิบัตรทองให้และได้รักษาฟรี ซึ่งถ้าไม่มีบัตรก็คงเสียเงินอีกเยอะหลังจากนั้นพอไม่สบายก็ไปหาหมอ เพราะที่บ้านน้องเลี้ยงสุนัขไว้ด้วยแล้วมักโดนกัด เมื่อก่อนโดนกัด2ครั้งก็ต้องรักษาเอง ไม่กล้าไปหาหมอ แต่พอได้บัตรก็ได้ไปหาหมอ ฉีดยากันบาดทะยัก กันโรคพิษสุนัขบ้า สรุปคือมีบัตรประชาชนแล้วดีกว่าไม่มี หนิง กล่าวทั้งนี้ หนิง ในวัยเด็กถูกมารดานำตัวไปฝากให้ยายเลี้ยงที่อยู่ จ.ปราจีนบุรี จนกระทั่งอายุประมาณ5-6ขวบ แม่ของเธอจึงค่อยรับตัวมาเลี้ยงอยู่ในกรุงเทพมหานคร แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียให้เข้าโรงเรียนและไม่พาไปทำบัตรประชาชน เมื่อสอบถามจึงทราบว่ายายไม่ได้ไปแจ้งเกิดให้ ให้อยู่ด้วยกันแม่และน้องกันไปอย่างนี้ จนกระทั่งปัจจุบันเธอก็ยังอาศัยอยู่กับน้องและไม่เคยมีชื่อจริงนอกจากชื่อหนิงซึ่งแม่เรียกมาตั้งแต่เด็ก เมื่อมีบัตรประชาชนแล้วชื่อในบัตรประชาชาชนจึงใช้ชื่อว่า น.ส.หนิง
คนไทยไร้สถานะปลื้ม อายุ 45 ปีในที่สุดก็มีบัตรประชาชนเสียที เผยได้บัตรแค่ 2 วันเข้าโรงพยาบาลใช้สิทธิบัตรทองรักษาอุบัติเหตุกระดูกแตกเลย โล่งใจไปไหนมาไหนไม่ต้องกลัวโดนตำรวจเรียกตรวจเอกสารอีกต่อไป3 ม.ค.
การเมือง,สิทธิมนุษยชน,คุณภาพชีวิต
บัตรทอง,สำนักงานหลักประกันสุขภาพ (สปสช.),กฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ,กลุ่มคนไทยไร้สัญชาติ
https://prachatai.com/journal/2020/01/85758
[ 0, 259, 83044, 67074, 259, 170457, 81727, 259, 80267, 118788, 48263, 2715, 24250, 24797, 2752, 73526, 82551, 4728, 24797, 119793 ]
ประสบการณ์และการประท้วงสวนกระแส เสรีนิยมใหม่ ในมหาวิทยาลัยเนเธอร์แลนด์
เป็นเวลามากกว่า 2 สัปดาห์แล้วที่กลุ่มนักศึกษา พนักงานของมหาวิทยาลัย (employed staff) และอาจารย์ของมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัม (Universiteit van Amsterdam-UvA) ในกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ยึดครองอาคารบริหารกลางชื่อ Maagdenhuis ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อแสดงการต่อต้านการบริหารของมหาวิทยาลัยที่กำลังเดินทางไปสู่ความเป็นเสรีนิยมใหม่ในทางการศึกษา (Neoliberal higher education) กลุ่มผู้เคลื่อนไหวดังกล่าวพยายามกดดันผู้บริหารอย่างหนักในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องแนวทางประชาธิปไตยในมหาวิทยาลัย คือผู้บริหารมหาวิทยาลัยในระดับสูงควรมาจาการเลือกตั้ง การบริหารการเงินที่โปร่งใส และการยกเลิกแนวทางการพัฒนามหาวิทยาลัยที่จะนำไปสู่แนวทางเสรีนิยมใหม่ในวงการอุดมศึกษาทั่วประเทศ แม้เป็นระยะเพียง 2 สัปดาห์ แต่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย ทั้งการยึดครองพื้นที่ของมหาวิทยาลัยการเปิดพื้นที่สื่อสังคมในการร่วมลงชื่อเรียกร้อง โดยมีนักวิชาการชื่อดังระดับโลกอย่าง นอม ชอมสกี้ (Noam Chomsky) นักวิชาการและนักเคลื่อนไหวชาวอเมริกัน และ จูดิธ บัทเลอร์ (Judith Butler) นักวิชาการด้านเพศสภาพและสตรีนิยม เข้าร่วมลงชื่อสนับสนุน การจัดเสวนาหรือบรรยายให้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดเสรีนิยมใหม่ ประชาธิปไตยในระดับอุดมศึกษา ปัญหาการเงินของประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ส่งผลกระทบต่อสถาบันการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องการลดหรือตัดทอนงบประมาณบางส่วนที่รัฐเคยให้การสนับสนุน รวมไปถึงการเปิดเวทีเจรจา ทั้งในระดับมหาวิทยาลัยเองที่ผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัย (Centraal Veevoederbureau -CvB) ได้เปิดพื้นที่เจรจา (dialogue) เพื่อหารือตามข้อเรียกร้องดังกล่าวขณะเดียวกันในระดับประเทศ มหาวิทยาลัยอื่นในเนเธอร์แลนด์ก็แสดงท่าทีเห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัม และเสนอแนวคิดร่วมในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยแนวใหม่ (Nieuwe Universiteit) เช่น มหาวิทยาลัยฟรีอัมสเตอร์ดัม (Vrije Universiteit Amsterdam) มหาวิทยาลัยไลเดิ้น (Universiteit Leiden) มหาวิทยาลัยอูเทรค (Universiteit Utrecht) มหาวิทยาลัยทิลเบิร์ก (Tilburg University) มหาวิทยาลัยโครนิงเกิ้น (Rijksuniversiteit Groningen) มหาวิทยาลัยอิรัสมุส ร็อตเตอร์ดัม (Erasmus Universiteit Rotterdam) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดลฟ์ท (Technische Universiteit Delft) มหาวิทยาลัยมาสทริช (Universiteit Masstricht) และมหาวิทยาลัยราดบาวด์ ไนเมเกิ้น (Radboud Universiteit Nijmegen) เป็นต้นส่วนในระดับคณะและภาควิชาของมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัมก็ตื่นตัวในการสร้างพื้นที่ถกเถียงเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหรือปฏิรูประบบการศึกษา ว่าหากต้องการเปลี่ยนแปลงสถาบันการศึกษาให้มีทิศทางตามข้อเรียกร้องข้างต้นควรจะมีแนวคิดและแนวทางอย่างไร และเปิดให้ทุกคนมีส่วนร่วมอย่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยผู้เขียนเองก็เข้าไปสังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วม (participant observation) ในภาควิชามานุษยวิทยาที่ตนเองสังกัดด้วยเช่นกัน จึงอยากถ่ายทอดประสบการณ์จากสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของการประท้วงและเรียกร้องของประชาคมมหาวิทยาลัย และขบวนการที่มีลักษณะ สังคมประชาคม (civil society) โดยการรวมตัวอย่างสร้างสรรค์ของผู้คนที่เกี่ยวข้องและได้รับผลกระทบ และนำไปสู่การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงจากทุกภาคส่วนของมหาวิทยาลัยวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ผู้เขียนได้รับอีเมลล์จากนักศึกษาผู้หนึ่งที่ส่งมาด้วยข้อความว่า เมื่อก่อนหน้านั้น 10วัน มีนักศึกษาและเจ้าหน้าที่ร่วม 40 คนของคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัม เข้าไปนั่งประท้วง (sit-in) ในตึก Bungehuis ซึ่งเป็นอาคารที่อยู่ในแผนของมหาวิทยาลัยได้ขายให้กับภาคเอกชนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเปลี่ยนเป็นสำนักงานของบริษัทเอกชน ที่สำคัญคือเป็นการประท้วงต่อทิศทางของการจัดการเรียนการสอนของภาควิชาที่จะยุบรวมการเรียนวิชาภาษาที่คนเรียนไม่มากเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาเช็ค (Czech) ฮังกาเรียน (Hungarian) และโพลิช (Polish) เพื่อทำให้หลักสูตรกว้างและดึงดูดให้คนมาเรียนมากขึ้น โดยทางผู้บริหารของมหาวิทยาลัยได้ดำเนินการฟ้องร้องการยึดครองพื้นที่ดังกล่าวโดยการปรับเงินเป็นจำนวนสูงถึง 100000 ยูโร หากยังมีคนเข้าไปในพื้นที่ของตึกดังกล่าวโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยอีเมลล์ฉบับนี้เป็นการชักชวนให้ร่วมลงชื่อต่อต้านการดำเนินการของผู้บริหารมหาวิทยาลัยกับผู้ที่เข้าไปยึดตึกที่ต่อมาถูกเจ้าหน้าตำรวจควบคุมตัวออกไปนี่คือปัญหาด้านการจัดการของมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะแก้ปัญหาด้านการเงินที่มหาวิทยาลัยกำลังประสบอยู่ นี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ทางมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัมได้ย้ายและมีแผนในอนาคตอันใกล้ที่จะย้ายคณะและสถาบันวิจัยต่างๆ มารวมกันที่บริเวณคอมเพล็กซ์ของมหาวิทยาลัยในแต่ละพื้นที่ในเมืองซึ่งมีทั้งหมด 4 จุด (campus-based) ซึ่งต่างโครงสร้างแบบดั้งเดิมของมหาวิทยาลัยที่คณะหรือสถาบันต่างๆจะกระจัดกระจายอยู่ในตัวเมืองอัมสเตอร์ดัม และใช้พื้นที่ของอาคารที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมือง เช่น ที่ตั้งสถาบันวิจัยทางสังคมคือตึก Oost-Indisch Huis หรือ East Indian House อาคารในศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัทดัชต์อีสอินเดีย (Dutch East India Company หรือในภาษาดัตช์ Vereenigde Oostindische Compagnie-VOC) หรือตึก Spinhuis อาคารของพนักงานและอาจารย์ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษวิทยา ก็เป็นตึกเก่าสร้างตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 16 ที่ก่อนหน้านี้เป็นโรงเรียนดัดสันดานของผู้หญิง จนช่วงในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ถึงต้นศตวรรษที่ 19 ตึกนี้ได้เปลี่ยนเป็นสำนักงานตำรวจ ก่อนที่จะเป็นอสังหาริมทรัพย์ของมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัมในเวลาต่อมา ในด้านโครงสร้างการเรียนการสอน มหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัมได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะเรื่องการที่เน้นแนวคิดเสรีนิยมคือการมุ่งเน้นให้นักศึกษา นักวิจัย และอาจารย์ทำงานเพื่อมุ่งประสบความสำเร็จในระดับปัจเจกมากกว่าที่สร้างสถาบันการศึกษาให้ผู้เรียนมีความคิดต่อโลกและสังคม นั่นคือการที่ผู้เรียนต้องได้เกรดดี ขณะที่นักวิจัยและอาจารย์ต้องมีผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์จำนวนมาก ขณะเดียวกันก็ต้องทำตัวไม่ต่างกับการเป็นพนักงานบริษัท (corporate company) ที่ต้องทำให้อาจารย์หรือผู้บริหารพอใจกับผลงาน และสร้างสถาบันการศึกษาให้เป็น บริษัทผลิตความรู้ (knowledge company) เนื่องจากโครงสร้างการรับคนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะในระดับปริญญาเอก แนวคิดของสถาบันอุดมศึกษาในเนเธอร์แลนด์ยังผูกติดกับความคิดเกี่ยวกับสวัสดิการทางการศึกษาคือไม่มีการเรียกเก็บค่าเล่าเรียนจากผู้เรียนที่มีสัญชาติดัตช์ รวมถึงจากประเทศอื่นๆ โดยที่สถานนะนักศึกษาปริญญาเอก (PhD student) จะไม่ปรากฏในหลักสูตร แต่จะพิจารณาว่านักศึกษาปริญญาเอกเป็นนักวิจัยระดับปริญญาเอก โดยใช้คำว่า PhD candidate หรือ PhD researcher ขณะเดียวกัน ผู้ทำวิจัยในระดับปริญญาเอกส่วนใหญ่ก็ถือว่าเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย (university employees) ซึ่งอาจจะได้รับเงินเดือนที่จัดสรรผ่านทุนโครงการวิจัยที่เจ้าของโครงการวิจัยเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยได้รับทุนจากองค์กรการศึกษาที่ให้ทุน นักศึกษาบางคนอาจได้รับการว่าจ้างแบบไม่เต็มจำนวนในฐานะอื่นๆ เช่น ผู้ช่วยหัวหน้าภาควิชาหรือภาควิชาเป็นต้น โดยมีสัญญาเงินเดือนที่ได้รับร้อยละ 40 หรือ 50 ของจำนวนเงินเดือนขั้นพื้นฐานที่นักศึกษาปริญญาเอกคนได้รับหากเป็นสัญญาเต็มจำนวน บางคนมีหน้าที่ต้องสอนนักศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโท หรือให้คำปรึกษาการทำโครงงานหรือวิทยานิพนธ์โดยได้ค่าตอนแทนเป็นรายชั่วโมงขณะเดียวกันทางภาควิชาต่างๆอาจว่าจ้างคนมาสอนหรือทำโครงการจ้างคนสอนหรือทำงานวิจัยในรูปแบบแบบพนักงานสัญญาชั่วคราวหรือถาวร เพื่อให้ผู้ที่ได้รับว่าจ้างเหล่านี้จำนวนหนึ่งไปรับภาระหน้าที่การสอน ขณะที่อาจารย์ที่ได้รับตำแหน่งทางวิชาการแล้วจะได้มีเวลาไปทำวิจัยเพื่อที่จะผลิตผลงานวิชาการตีพิมพ์ และนำไปสู่การเลื่อนขั้นในลำดับที่สูงขึ้นในการจัดลำดับมหาวิทยาลัยโลกตามมา และเกิดวงจรที่มหาวิทยาลัยจะสนับสนุนให้อาจารย์เหล่านี้เขียนโครงการขอทุนจากหน่วยงาน เพราะหน่วยงานที่ให้ทุนเองก็พิจารณาให้ทุนกับคนที่มีผลงานทางวิชาการในระดับนานาชาติเป็นจำนวนมาก สิ่งเหล่านี้ทำให้การสอนซึ่งควรจะเป็นภารกิจหลักกลายเป็นภารกิจรองสำหรับอาจารย์ในมหาวิทยาลัย สภาพที่เป็นอยู่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนหรือมั่นคงในอาชีพของพนักงานมหาวิทยาลัยที่มีสัญญาจ้างชั่วคราวหรือระยะสั้นนอกจากนี้ แนวโน้มที่เกิดขึ้นในช่วงของมหาวิทยาลัยในเนเธอร์แลนด์คือการรับจำนวนนักศึกษาชาวต่างชาติที่มีทุนส่วนตัวหรือจากรัฐบาลของประเทศอื่นมาแล้วมากขึ้น เพื่อลดภาระในการลงทุนด้านการศึกษาและวิจัยของมหาวิทยาลัย รวมไปถึงการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษากับนักศึกษาชาวต่างชาติ โดยเฉพาะที่ไม่ได้อยู่ในสหภาพยุโรป ซึ่งไม่ใช่ระบบแนวคิดดั้งเดิมของระบบการศึกษาของเนเธอร์แลนด์ ขณะที่มหาวิทยาลัยไม่ได้ลงทุนในการศึกษามากขึ้น แต่กลับได้ผลงานของนักศึกษาชาวต่างชาติเหล่านี้สะสมไว้เป็นฐานความสามารถและความโดดเด่นของมหาวิทยาลัยเพื่อการจัดลำดับสถานการณ์การยึดตึกของนักศึกษาและบุคลากรคณะมนุษยศาสตร์และข่มขู่เรียกร้องค่าเสียหายด้วยจำนวนเงินที่พวกเขาจะรับผิดชอบได้ ถือเป็นเหตุการณ์ที่ประชาคมมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัมจำนวนประมาณ 1500 คนรู้สึกว่าหมดความอดทน และขึ้นมาต่อต้านการดำเนินการของผู้บริหารโดยการเดินขบวนประท้วงในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เข้าทำการยึดตึก Maagdenhuis (Maagdenhuis besetting) ซึ่งเป็นอาคารที่สร้างในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 ให้เป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าผู้หญิงของเมืองอัมสเตอร์ดัม ก่อนที่จะถูกขายให้กับธนาคารแห่งหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ในปี 1957 และในปี 1962 มหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัมได้ซื้อกรรมสิทธิ์ต่อจากนั้นเป็นต้นมาการยึดตึก Maagdenhuis ของผู้ร่วมประท้วงในปี 2015 นี้มีนัยยะสำคัญที่ไม่ใช่แค่การยึดศูนย์บริหารงานกลางของมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงสัญลักษณ์ของการประท้วงที่เคยเกิดขึ้นหลายครั้งเมื่อนักศึกษาไม่พอใจต่อการดำเนินการหรือการจัดการของผู้บริหารมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะในปี 1969 ที่อาคารแห่งนี้ถูกยึดไป 5 วัน จากวันที่ 16-21 พฤษภาคม เพื่อเรียกร้องขอเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของมหาวิทยาลัย หรือในปี 1978 ที่มีการประท้วงการแก้กฎหมายโครงสร้างของมหาวิทยาลัย ในปี 1980 ประท้วงต่อการการไม่รับอาจารย์ผู้หญิงสองคนเข้าทำงาน ในปี 1986 ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในส่วนของนักศึกษา และต่อมาซึ่งไม่ปรากฏในรายละเอียดในปี 1990 1993 และ 1996การยึดตึกในปัจจุบันที่ผู้ประท้วงตั้งชื่อใหม่ว่า ปรับเปลี่ยน Maagdenhuis หรือ Maagdenhuis Appropriation สร้างความไม่พอใจกับทางผู้บริหารบางส่วนและประกาศให้ออกจากตัวตึก ถึงกระนั้น นักศึกษาประมาณ 30 คน และส่วนใหญ่อยูในระดับปริญญาตรี ก็ยังไม่ยอมสลายตัว ยังนอนค้างคืน และได้จัดมุมบางส่วนไว้กินอาหารอีกด้วยในช่วงรอบปีที่ผ่านมา การเข้ายึดพื้นที่อาคารของมหาวิทยาลัยในอาคารอื่นก็เคยเกิดขึ้น และแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของนักศึกษาและประชาคมของมหาวิทยาลัย เช่น การยึดตึก Spinhuis ในช่วงเดือนกันยายน 2014 ที่อาคารนี้ได้เล่าไปแล้วว่าเป็นที่ทำงานของอาจารย์และพนักงานของภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา เพื่อเป็นการต่อต้านการปิดตัวลงของคอมมอนรูมนักศึกษา (common room) ซึ่งอยู่ชั้นล่างสุดของตึก เพราะพวกเขาเห็นว่าคอมมูนรูมเป็นพื้นที่ที่จัดการโดยนักศึกษาเอง เพื่อให้นักศึกษามีพื้นที่พูดคุย จัดกิจกรรมบรรยาย ฉายหนัง และสามารถเข้าถึงอาหารและเครื่องดื่มในราคาที่เป็นกันเอง และที่สำคัญคือเป็นพื้นที่สลายเส้นแบ่งหรือระยะห่างระหว่างอาจารย์และนักศึกษา การประท้วงและยึดตึกดำเนินไปพร้อมกับกลุ่มผุ้เคลื่อนไหวที่เรียกว่า มหาวิทยาลัยแนวใหม่ (Nieuwe Universiteit) ที่เป็นพื้นที่ให้ต่างมหาวิทยาลัยประชาคมมหาวิทยาลัยร่วมเป็นภาคี โดยมีข้อเสนอหลักทั้งหมด 6 ข้อ 1.การสร้างระบบที่เป็นประชาธิปไตยและการกระจายอำนาจในการจัดการและบริหารมหาวิทยาลัย 2. ยกเลิกการบริการการเงินที่กำลังดำเนินการอยู่ โดยให้เน้นที่คุณภาพการจัดการไม่ใช่เพื่อเป้าหมายด้านปริมาณ 3. ยกเลิกแนวทางการบริหารทิศทางของมหาวิทยาลัยในปี 2558 อย่างเร่งด่วน 4.ควรจัดทำประชาพิจารณ์ในแผนการบริหารของมหาวิทยาลัย 5. สร้างโอกาสทางอาชีพที่ยั่งยืนให้กับเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย และ 6.ห้ามมิให้มีการเก็งกำไรจากกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอกชนต่อทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย ขณะเดียวกันทางกลุ่มภาคี มหาวิทยาลัยใหม่ ก็จัดกิจกรรมในทางวิชาการไปพร้อมๆกัน โดยเฉพาะการจัดบรรยายทางวิชาการโดยอาจารย์ของมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัมหรือรับเชิญจากนอกมหาวิทยาลัยมาให้ความรู้และตระหนักว่า เราประท้วงกันทำไม ตามหัวข้อที่เป็นข้อเรียกร้องข้างต้น เช่น การบรรยายเรื่อง ฮอบบิทและการเมือง: อำนาจและการต่อต้านในสังคมของความตื่นตาตื่นใจ (Hobbits and Politics: Power and Resistance in the Society of the Spectacle) โดยแดน แฮสเลอร์ ฟอร์เรส (Dan Hassler-Forest) อาจารย์ด้านภาษาและวัฒนธรรมอังกฤษ เรื่อง การจัดการด้านการเงินของอุดมศึกษา (The financialization of higher education) โดยเอวัลด์ เองเกเลน (Ewald Engelen) นักภูมิศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัมหรือเชิญเดวิด เกรเบอร์ (David Graeber) นักมานุษยวิทยาและนักเคลื่อนไหวในกระบวนการยึดพื้นที่วอล สตรีท (Occupy Wall Street) ในหัวข้อ การต่อต้านในห้วงยามของการกลายเป็นระบบอมาตยาธิปไตย (Resistance in a Time of Total Bureaucratization) นอกจากนี้ ที่น่าสนใจคือการเปิดพื้นที่ให้กับคนชายขอบของสังคมในประเด็นต่างๆ เพื่อให้ก้าวผ่านความไม่เป็นธรรมและการกีดกันด้านเพศสภาวะ ชาติพันธุ์ชายขอบ และชนชั้น ที่เห็นได้ชัดคือการที่พยายามใช้พื้นที่นี้พูดถึงประเด็นเรื่อง การเหยียดผิว ที่ยังคงมีอยู่ในสังคมดัตช์ เช่น เวที ความหลากหลายในมหาวิทยาลัยใหม่ (Diversity in New University) และอภิปรายปัญหากับเชื้อชาติ (Trouble with Race) ในระบบอุดมศึกษาดัตช์ โดยอมาเดอ เอ็มชาเร็ก (Amade Mcharek) นักมานุษยวิทยาที่เปิดสอนวิชา เผ่าพันธุ์และมานุษวิทยากายภาพ (Race and Physical Anthropology) และคณะ เป็นต้นขณะเดียวกัน มีกลุ่มที่รวมตัวกันในแนวระนาบเรียกว่า การคิดใหม่ (Rethink UvA) ซึ่งเป็นรวมตัวกันทั้งนักศึกษา พนักงาน และอาจารย์ผู้สอนของมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัมในการคิดหาแนวทางเพื่อเสนอแนะการปฏิรูปให้สอดคล้องกับทางมหาวิทยาลัยใหม่ ซึ่งทั้งหมด 10 กลุ่มตามหัวข้อและสภาพปัญหาคือ กระบวนการประชาธิปไตย การสร้างความเป็นนานาชาติ (internationalization) การบริหารการเงิน นักวิจัยระดับปริญญาเอก นักศึกษา พนักงานมหาวิทยาลัยชั่วคราว การวิจัย การศึกษาโดยรวม การสร้างเครือข่าย และสื่อ โดยกลุ่มคิดใหม่ทั้ง 10 หัวข้อนี้จะมีการนัดหารือกันและนำความเห็นมานำเสนอร่วมกับกลุ่มมหาวิทยาลัยใหม่ประมาณ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นการรวมตัวและสอบถามความเห็นร่วมกันในลักษณะสมัชชาทั่วไป (general assembly)จากการสังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วมของผู้เขียนถึงวันที่ 13 มีนาคม ซึ่งเป็นการนัดชุมนุมใหญ่และขบวนได้เดินไปทั่วใจกลางเมืองอัมสเตอร์ดัม โดยเฉพาะการเดินผ่านเส้นทางที่เป็นอาคารสถานที่ที่เคยเป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยและได้ขายให้กับบริษัทเอกชนเพื่อต่อต้านการศึกษาที่มุ่งผลทางกำไรของผู้บริหาร และขบวนได้หยุดที่บริเวณจตุรัสดัม (Dam Square) เพื่อการเป็นส่งสารดังกล่าวให้กับคนทั่วไปให้ตระหนักถึงการครอบงำของลัทธิเสรีนิยมใหม่ในวงการอุดมศึกษา ซึ่งผู้การประท้วงที่เกิดขึ้นนี้จะยังคงมีต่อไป รวมไปถึงการยึดครองตึก และการพูดคุยหารือทั้งในวงย่อยและวงรวมเกิดขึ้นไปพร้อมกันเพื่อให้เกิดกระแสและความเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่อง และกดดันผู้บริหารให้เปิดพื้นที่เจรจาและข้อตกลงให้ได้ในที่สุด ซึ่งทำให้เห็นถึงการต่อสู้สวนกระแสเสรีนิยมใหม่ในมหาวิทยาลัย ที่พอเป็นความหวังอยู่บ้าง ท่ามกลางระบบการศึกษาที่ถูกทำให้กลายเป็นการค้าไปแล้วเกือบทั่วโลก ขณะที่การเดินทางไปสู่เป้าหมายของการสร้าง มหาวิทยาลัยแนวใหม่ และ กระบวนการ คิดใหม่ เริ่มจากการทำงานของกลุ่มคนเล็กๆที่ต้องอดทน เพราะแต่ละคนรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดชั่วข้ามคืน หากต้องใช้เวลาที่อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นในทศวรรษหรือช่วงเวลาที่พวกเขาทำงานอยู่ แต่การเข้าร่วมก็คือกระบวนการเรียนรู้ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง[
การเดินประท้วงของประชาคมมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัมบริเวณใจกลางเมืองเมื่อวันที่ 13 มีนาคม เป็นเวลามากกว่า 2 สัปดาห์แล้วที่กลุ่มนักศึกษา พนักงานของมหาวิทยาลัย (employed staff)
การเมือง,ต่างประเทศ,การศึกษา,ขีดเส้นใต้
Neoliberal higher education,การชุมนุมประท้วง,บุศรินทร์ เลิศชวลิตสกุล,เนเธอร์แลนด์,เสรีนิยมใหม่,เสรีนิยมใหม่ในทางการศึกษา
https://prachatai.com/journal/2015/03/58398
[ 0, 259, 74634, 70663, 3945, 136839, 6088, 91133, 259, 134114, 179923, 41582, 2361, 135630, 48429, 74634, 60634, 11867, 1, 0 ]
ศรีสุวรรณร้อง ป.ป.ช. กรณี 4 ส.ส. ภูมิใจไทย-พลังประชารัฐ เสียบบัตรแทนกัน
ศรีสุวรรณยื่นคำร้องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ 4 ส.ส. กรณีเสียบบัตรแทนกันในการลงมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 63 อาจเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ และฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง27 ม.ค. 2563 รายงานว่า ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติแห่งชาติ(ป.ป.ช.) สอบเอาผิด ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ กรณีมีผู้เสียบบัตรแทนฉลอง เทอดวีระพงศ์ และนาที รัชกิจปราการ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ระหว่างการลงมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ตามที่นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตส.ส.พัทลุงนำข้อมูลมาเปิดเผยต่อสาธารณชน นกระทั่งนำไปสู่การที่ ส.ส. ใช้สิทธิตามมาตรา 148 (1) ของรัฐธรรมนูญ 2560 โดยการเข้าชื่อกันเสนอความเห็นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ว่าร่างกฎหมายดังกล่าวตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่แต่เนื่องจากต้นเหตุของปัญหามาจากกรณีฉลองที่ไปร่วมกิจกรรมวันเด็กที่ จ.พัทลุง ในวันที่ลงคะแนนเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าว ส่วนนาทีปรากฏภาพถ่ายว่าอยู่ที่ประเทศจีน แต่บุคคลทั้งสองกลับมีชื่อร่วมลงมติในที่ประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา นอกจากนั้นยังมีภาพถ่ายของสื่อที่รายงานพฤติการณ์เสียบบัตรลงคะแนนแทนกันของ สมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และน.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐที่นำบัตรมาเสียบลงคะแนนรับร่างกฎหมายดังกล่าวด้วย ศรีสุวรรณ กล่าวศรีสุวรรณ กล่าวว่า พฤติการณ์และการกระทำดังกล่าว จึงอาจเข้าข่ายการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 185 อันถือได้ว่าเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือของผู้อื่น และอาจเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. ทั้งยังเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงในประเด็นที่ต้องถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน ต้องไม่มีพฤติการณ์รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตําแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบถ้า ป.ป.ช. วินิจฉัยว่ามีความผิดอาจนำไปสู่การสิ้นสุดลงของตำแหน่ง ส.ส. ตามมาตรา 101(7) ของรัฐธรรมนูญ 2560 และอาจมีความผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 28(1) และมาตรา 30 วรรคแรก ประกอบมาตรา 172 ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมฯ จึงจำต้องมาร้องเรียนให้ ป.ป.ช. ไต่สวนและวินิจฉัย เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายต่อไป ศรีสุวรรณผู้สื่อข่าวประชาไท รายงานเพิ่มเติมด้วยว่า กรณีการเสียบบัตรประจำตัว ส.ส. เพื่อลงมติแทนกันนั้น ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยไว้ในอดีต 2 กรณีคือ กรณีที่นริศร ทองธิราช อดีต ส.ส. สกลนคร พรรคเพื่อไทย เสียบบัตรประจำตัว ส.ส. แสดงตนและลงคะแนนแทน ส.ส. คนอื่น ระหว่างการประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2556 เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 122 และ 126 ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 2 เห็นว่า ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ ตราขึ้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอีกกรณีหนึ่งคือ การวินิจฉัยให้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาและคุณสมบัติของสว.เป็นการกระทำที่ขัดกับรัฐธรรมนูญพ.ศ.2550 และล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าหนึ่งในประเด็นปัญหาที่ทำให้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญนั้น เป็นจากการที่ นริศร ทองธิราช อดีต ส.ส. สกลนคร พรรคเพื่อไทย เสียบบัตรประจำตัว ส.ส. แสดงตนและลงคะแนนแทน ส.ส.คนอื่น ระหว่างการลงมติ โดยศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า เป็นการกระทำที่มีผลให้การลงคะแนนผิดไปจากความเป็นจริงกรณีย่อมไม่ชอบด้วยเจตนารมณ์และบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทั้งนี้ นริศร ถูกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)พิจารณาถอดถอนออกจากตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2559 โดย สนช.มติเสียงข้างมากถอดถอนด้วยคะแนน 221 เสียง ไม่ถอดถอน 1 เสียง งดออกเสียง 2 ราย จากทั้งหมด 224 เสียง พร้อมกันนั้นยังถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี
ศรีสุวรรณยื่นคำร้องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ 4 ส.ส. กรณีเสียบบัตรแทนกันในการลงมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 63 อาจเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ และฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง27 ม.ค.
การเมือง
การเสียบบัตรแทนกัน,พรรคภูมิใจไทย,พรรคพลังประชารัฐ,ศรีสุวรรณ จรรยา,คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
https://prachatai.com/journal/2020/01/86102
[ 0, 259, 80845, 55801, 177208, 259, 151987, 36903, 135174, 4188, 52265, 260, 9964, 260, 12682, 260, 259, 63015, 419, 41912 ]
มติมหาชนรับร่างรธน.เฉือน61-38 เห็นชอบคำถามพ่วง58-41คนใช้สิทธิ์27ล้าน
ประชาชนชาวไทยคึกคัก แห่ใช้สิทธิลงประชามติร่าง รธน. 27.6 ล้านคน จากยอดผู้มีสิทธิออกเสียง 50 ล้านคน ผลมติมหาชนท่วมท้นรับร่าง รธน.กว่า 15.56 ล้านเสียง มีผู้ไม่รับ 9.78 ล้านเสียง ส่วนคำถามพ่วงมีผู้รับ 13.9 ล้านเสียง ไม่รับ 10 ล้านเสียง อึ้งยอดบัตรเสียถึง 869,043 ใบ คนเด่น-ดังใช้สิทธิพร้อมหน้า บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่-มีชัย นำทีมแม่น้ำ 5 สาย ฝ่ายการเมืองก็พร้อมหน้า ปู-มาร์ค-เทือก ป๋าเปรม-บิ๊กแอ้ด ไม่พลาด เบิร์ด-ธงไชย นำทีมซุปตาร์ร่วมชี้ชะตา กำลังพลหลายหน่วยทหารตบเท้าเข้าแถวพรึ่บพรั่บ 3 จว.ชายแดนใต้คุมเข้ม แต่ไม่วายเกิดเหตุวางบึมรถขนหีบบัตร กลุ่มเอ็นดีเอ็มกล้าลองของฉีกบัตรในหน่วย กกต.ขู่เจอโทษหนัก 3 ข้อหาอย่าคิดว่าสู้คดีได้ พบทั่วประเทศฉีกบัตรอื้อซ่า ส่วนใหญ่คนแก่เห็นรอยปรุแล้วเข้าใจผิด สมชัย ยอมรับหน้าแหกคนใช้สิทธิต่ำกว่าเป้า,วันที่ทุกคนรอคอยเพื่อชี้ชะตาอนาคตประเทศก็เดินทางมาถึง เมื่อประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ พร้อมใจกันออกมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญกันคึกคัก ผลปรากฏว่า ประชาชนส่วนใหญ่ลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงประชามติท่วมท้น ทิ้งห่างกลุ่มผู้ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ,เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 ส.ค. ที่หน่วยออกเสียงที่ 11 แขวงสะพานสอง เขตวังทองหลาง ลาดพร้าว 71 กทม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางมารอใช้สิทธิออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เป็นรายแรกของหน่วย จากนั้น พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงดูแลอย่างดีที่สุด เพื่อความไม่ประมาท เราให้ความสำคัญงานด้านการข่าวด้วย เชื่อว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย สำหรับเหตุระเบิดที่ จ.ยะลา เกิดนอกเขตเมือง มีเจตนาสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ คิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับการทำประชามติ พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 รายงานสถานการณ์แล้ว ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าการลงประชามติครั้งนี้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์และยุติธรรม ขณะนี้ไม่มีสิ่งใด บ่งบอกว่ามีการทุจริต มั่นใจว่าจะไม่มีการทุจริตแน่นอน โดยเฉพาะในส่วนของเจ้าหน้าที่,ต่อมาเวลา 09.10 น. ที่หน่วยออกเสียงที่ 12 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางมาใช้สิทธิออกเสียงลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ โดยรถเก๋งส่วนตัวยี่ห้อบีเอ็มดับบลิวซีรี 7 สีดำเลขทะเบียน ฎน 2498 กรุงเทพมหานคร ลำพังคนเดียว ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้ที่มีสิทธิตามบัญชีรายชื่อลำดับที่ 171 จากจำนวนผู้มีสิทธิในหน่วย 522 คน เป็นที่น่าสังเกตว่ารายชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ถูกแก้ไขด้วยหมึกสีแดงจากยศ พล.ต. เป็นยศ พล.อ. ไปเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังใช้สิทธิ อยากให้ประชาชนมาใช้สิทธิกันมากๆ เพราะเป็นอนาคตประเทศ เพื่อความเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากล ขอให้มากันถล่มทลาย อย่ากลัวฝน ยิ่งฝนตกก็ต้องมา,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ มีหญิงสูงอายุตะโกนแทรกขึ้นมาเสียงดังว่า ขอให้ท่านนายกฯปลอดภัย ขอให้รักษาประเทศ ไทยไว้ให้ได้ นอกจากนี้ยังมีชายคนหนึ่งที่เตรียมจดหมายจะยื่นให้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ เรื่องการแก้ไขปัญหาประเทศชาติอย่างถูกต้อง แต่ไม่ทันได้ยื่น เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางกลับไปก่อน โดยจดหมายดังกล่าวระบุว่า ศัตรูที่มองไม่เห็นขอให้สละเวลาสัก 1 ชั่วโมง เพื่อประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยทำตามขั้นตอนดังนี้ 1.ดูวีซีดี 34 นาที 2.อ่านเอกสารวันที่ 23 พ.ค.2557 3.อ่านเอกสารยกเลิกระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ ขอให้ท่านหยุดวงจรอุบาทว์ คือ รัฐประหาร ร่างรัฐธรรมนูญ และเลือกตั้งใหม่ โดยทำตามพระปฐมพระบรมราชโองการ,ส่วนที่หน่วยออกเสียงที่ 42 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นำครอบครัวออกมาใช้สิทธิโดยพร้อมเพรียง พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ภาพรวมยังไม่ได้ รับรายงานเหตุความวุ่นวาย ทุกพื้นที่ยังเรียบร้อยดี ส่วนพื้นที่เฝ้าระวัง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคอยดูแลสถานการณ์อยู่แล้ว คนไทยรู้ดีว่าความขัดแย้งวุ่นวาย ไม่ได้ช่วยให้ประเทศดีขึ้น สำหรับเหตุระเบิดที่ จ.ยะลา เป็นกระบวนการที่ต้องการสร้างสถานการณ์ กอ.รมน.ภาค 4 ได้ตรวจสอบและดูแลอย่างเข้มงวด,ขณะที่ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. นำ พล.ต.หญิง บุญรักษา นาควานิช ภรรยาและบุตรชาย 2 คน เดินทางมาใช้สิทธิลงประชามติ ที่หน่วยออกเสียงที่ 31 หน้าซอยติวานนท์ 46 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี โดย พล.อ.ธีรชัยกล่าวถึงสถานการณ์การวางระเบิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ขณะนี้ได้มอบให้ พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 ดูแล ซึ่งการลงประชามติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ถือว่าเป็นความท้าทาย แต่ยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด เพราะอาจจะเป็นเรื่องอื่น หรืออาจจะเป็นเรื่องการลงประชามติที่หน่วยออกเสียงที่ 6 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม พร้อมนางพจนีย์ คุ้มฉายา น.ส.อิงฆ์พลัฏฐ์ คุ้มฉายา ภรรยาและบุตรสาว ออกมาใช้สิทธิกันพร้อมหน้า และบริเวณใกล้เคียงกันที่ศูนย์เยาวชนบางเขน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน หน่วยออกเสียงที่ 1-5 มีทหารจากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) และประชาชนราว 500 คน ออกมาใช้สิทธิกันอย่างเนืองแน่น จนต้องต่อแถวยาวล้นทะลักออกมาถึงริมถนน แต่บรรยากาศเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย ท่วมกลางการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด,ที่หน่วยออกเสียงโรงเรียนวัดผาสุกมณีจักร ย่านเมืองทองธานี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เดินทางมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสดชื่น หลังการใช้สิทธินายมีชัยกล่าวว่า การลงประชามตินานๆ จะมีครั้งหนึ่ง มีเฉพาะเรื่องสำคัญๆซึ่งเกี่ยวข้องกับคนทุกคน มองว่าบรรยากาศการใช้สิทธิเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น ขนาดตนที่คลุกคลีมานานยังตื่นเต้น ดังนั้นชีวิตคนเราหาเรื่องตื่นเต้นดีๆได้ยาก นานๆมีสักทีก็ควรออกมาใช้สิทธิกัน แต่ไม่ได้คาดหวังอะไรต่อผลประชามติ จะได้ไม่ผิดหวังภายหลัง,ส่วนนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พร้อมนางอารยา วิชิตชลชัย ภริยา ออกมาใช้สิทธิที่หน่วยออกเสียงที่ 10 โรงเรียนวัดทองนพคุณ เขตคลองสาน,อีกด้าน ที่หน่วยออกเสียงที่ 32 แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาใช้สิทธิ โดยมีนายนิวัฒน์ธํารง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกฯ ร่วมคณะมาด้วย บรรยากาศที่หน่วยมีประชาชนมาใช้สิทธิกันคึกคัก และมีมวลชนจำนวนหนึ่งมอบดอกไม้ให้กำลังใจ จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ว่า ดีใจที่วันนี้ได้มาใช้สิทธิ และยังเหลือสิทธิที่สามารถใช้ได้ในฐานะประชาชน วันนี้เชื่อว่าประชาชนรับรู้เนื้อหาพอสมควรแล้วในการตัดสินใจ ตามกระบวนการประชาธิปไตย ต้องดูผลอีกทีว่าจะเป็นอย่างไร จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์และคณะ เดินทางมาทำบุญที่วัดลานบุญ เขตลาดกระบัง และให้อาหารปลาเพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย ทันทีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางมาถึงวัด มีมวลชนจำนวนมากมารอให้กำลังใจมอบดอกไม้ พร้อมตะโกน ยิ่งลักษณ์สู้ๆ,ที่หน่วยออกเสียงที่ 15 โรงเรียนพิมลวิทย์ แขวง-เขตบางพลัด นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค พร้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อุ๊งอิ๊ง บุตรชายและบุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางมาใช้สิทธิลงประชามติด้วยรถตู้เบนซ์ วีโต้ สีเทา โดยมีคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ นั่งรออยู่ในรถ จากการตรวจสอบรายชื่อที่ติดไว้ที่บอร์ดหน้าหน่วยออกเสียง ปรากฏว่ายังมีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่ในลำดับผู้มีสิทธิที่ 534 เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงสาเหตุที่ยังคงมีชื่อยศ พ.ต.ท.ติดอยู่ เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยแจ้งว่า ทางสำนักทะเบียนเขตบางพลัดส่งมาเช่นนี้ ไม่ทราบรายละเอียด หลังนายพานทองแท้และ น.ส.แพทองธาร ออกเสียงเสร็จ พากันขึ้นรถเพื่อพาคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มารดาไปใช้สิทธิ ที่เขตคันนายาวต่อ,ต่อมาที่หน่วยออกเสียงที่ 16 หมู่บ้านเคหะธานี 3 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยานายทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกฯ เดินทางใช้สิทธิออกเสียง เพราะได้ย้ายทะเบียน บ้านมาอยู่ที่นี่ โดยมีนายพานทองแท้ นางพินทองทา คุณากรวงศ์ ชินวัตร พร้อมนายณัฐพงศ์ สามี และ น.ส.แพทองธาร เดินทางมาด้วย มีประชาชนส่วนหนึ่งมอบดอกไม้ให้กำลังใจกับคุณหญิงพจมานด้วย,ส่วนบรรดาแกนนำพรรคการเมือง และกลุ่มการเมืองต่างๆ ต่างก็ออกมาใช้สิทธิโดยพร้อมเพรียง อาทิ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำกลุ่ม กทม. พรรคเพื่อไทย นำครอบครัวออกมาใช้สิทธิ ที่หน่วยออกเสียงที่ 32 แขวงจอมพล เขตจตุจักร ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เดินทางมาใช้สิทธิที่หน่วยออกเสียงที่ 28 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง โดยนายจตุพรกล่าวว่า แนวร่วม นปช.ร่วมกันลงพื้นที่เพื่อสังเกตการณ์ตามหน่วยต่างๆ หากพบว่ามีการทุจริตจะรายงานมายัง นปช.ทันที ถ้าผลออกมาโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม ประเทศเราจะเดินหน้าต่อไปได้ แต่ถ้าโกง ก็ไม่มีแผ่นดินอยู่กันบ้าง,อีกด้านหน่วยออกเสียงที่ 1 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาใช้สิทธิออกเสียง จากนั้นนายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า อยากให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด เพื่อ ให้ผลที่มีความผูกพันกับอนาคตประเทศ ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งส่งผลดีในแง่ของการยอมรับ ทำให้อนาคตราบรื่น อยากให้ประชาชนตื่นตัว เพราะห่วงว่าจะมาใช้สิทธิกันน้อย ที่ผ่านมาบรรยากาศไม่เหมือนการทำประชามติครั้งก่อนมีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลได้น้อย,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในหน่วยออกเสียงดังกล่าว ยังมีนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรียุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาใช้สิทธิในเขตนี้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีผู้แทนจากสำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ 3 คน เป็นชาว ต่างชาติ 2 คน คนไทย 1 คน มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย,สำหรับบุคคลสำคัญ และบุคคลที่มีชื่อเสียง ต่างออกมาใช้สิทธิ์กันพร้อมเพียง ที่โรงเรียนสุโขทัย เขตดุสิต พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เดินทางมาใช้สิทธิ โดย พล.อ.เปรมมีชื่อ ใช้สิทธิอยู่ในบัญชีผู้มีสิทธิออกเสียงนอกเขตจังหวัด ลำดับที่ 419 ของ จ.นครราชสีมา นอกจากนี้ ในหน่วยดังกล่าวยังมีพลทหารชินวุฒิ อินทรคูสิน นักร้องชื่อดัง เดินทางมาใช้สิทธิเช่นกัน,ส่วนที่หน่วยออกเสียงที่ 21 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เดินทาง มาใช้สิทธิ โดย พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า มาลงคะแนนตามหน้าที่ อยากให้พี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิ์กันมากๆ วันนี้ถ้าเกิดว่าผลออกมาเป็นอย่างไร ก็คงจะทราบถึงอนาคตคร่าวๆได้ เมื่อถามว่า การทำประชามติครั้งนี้ต่างกับครั้งปี 2550 หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวสั้นๆว่า ต่างกันเยอะ,สำหรับคนบันเทิงศิลปินดารา ต่างก็ไม่พลาดที่จะออกไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติในครั้งนี้ โดย ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 66 แขวงบางจาก เขตพระโขนง มีประชาชนออกมาใช้สิทธิกันอย่างคึกคัก ในจำนวนนี้มีคนดังอย่าง นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อดีต รมว.สาธารณสุข และเบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ ศิลปินซุปเปอร์สตาร์คนดัง ค่ายจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มาร่วม ใช้สิทธิออกเสียงตั้งแต่ช่วงเช้า โดยเบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ กล่าวภายหลังใช้สิทธิออกเสียงว่า ภูมิใจที่ได้มาใช้สิทธิตามความคิดตนเอง ได้ทำหน้าที่คนไทยอีกครั้ง เป็นอำนาจในมือเราที่จะกำหนดทิศทางประเทศไทย อยากให้คนทุกคนออกมาใช้สิทธิตามความคิดของตนเองกันมากๆ ว่าอยากจะให้ประเทศไปทิศทางไหน,ส่วน น้ำตาล-ชลิตา ส่วนเสน่ห์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 มาใช้สิทธิที่หน่วยออกเสียงที่ 5 ซอยกิ่งแก้ว 14/1 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ด้านพระเอกหนุ่มชื่อดังช่อง 3 บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ออกมาใช้สิทธิที่หน่วยออกเสียงที่ 23 แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร โดยหลังจากออกเสียงเสร็จพระเอกหนุ่มให้สัมภาษณ์ว่า เราควรออกมาตามหน้าที่ของคนไทย เพราะทุกครั้งที่มีการใช้สิทธิแปลว่าต้องมีอะไรสำคัญ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวเดินต่อไป ตนว่าครั้งนี้มีผลกับคนไทย ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบไหนเพราะเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ เป็นกฎหมายของคนไทย ขณะที่พระเอกร้อยล้านมาดกวน เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี ออกมาใช้สิทธิที่หน่วยออกเสียงที่ 9 กรมสรรพสามิต ถนนนครไชยศรี และกล่าวหลังใช้สิทธิว่า หน้าที่ของเราในฐานะประชาชนคนไทย ถ้าเรา สละเสียงของเราไปเหมือนเราละทิ้งหน้าที่ ทุกเสียงล้วนมีพลังที่ยิ่งใหญ่ เช่นเดียวกับพระเอก ป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ มาใช้สิทธิที่หน่วยออกเสียงที่ 12 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กล่าวว่า ฝากคนไทยว่าเราอยากได้ความเป็นประชาธิปไตย ก็ต้องร่วมมือกันใช้สิทธิใช้เสียง,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหล่าดาราคนดังหลายคนหลังออกไปใช้สิทธิแล้ว พากันแห่แชร์ภาพนิ้วโป้งเปื้อนหมึกลงในเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรมส่วนตัว เพื่อยืนยันการไปใช้สิทธิด้วย อาทิ ณเดชน์ ที่กลับไปใช้สิทธิพร้อมคุณแม่แก้วที่บ้านเกิด จ.ขอนแก่น นอก จากนี้ ยังมีป๋อ-ณัฐวุฒิ คิมเบอร์ลี่ มิ้นต์-ชาลิดา จอย-รินลณี เบลล่า-ราณี โอปอล์-หมอโอ๊ค หญิง-รฐา เต้ย-พงศกร เกรท-วรินทร เป็นต้น แต่หลังจากนั้นไม่นาน ได้มีคำเตือนแจ้งผ่านโลกออนไลน์ที่แชร์ข้อมูลข่าวเมื่อปี 2015 กรณีนักวิจัยจากฟลายอายอิงค์ บริษัททางด้านการป้องกันภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์ ออกมาเปิดเผยในงาน Black Hat USA 2015 ที่ผ่านมาว่า ปัจจุบันแฮกเกอร์มีรูปแบบการโจมตีข้อมูล รูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า Fingerprint Sensor Spying Attack หรือการขโมยข้อมูลลายนิ้วมือผ่านเซ็นเซอร์ได้จากระยะไกล ทำให้สามารถเข้าไปปลอมแปลงการยืนยันตัวตนได้,สำหรับบรรยากาศการใช้สิทธิออกเสียงทั่วประเทศ ในพื้นที่ภาคใต้ ที่อาคารโรงเรียนบ้านบ่อกรัง หน่วยออกเสียงที่ 2 หมู่ 2 ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานกรรมการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย พร้อมนายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชาย และบุตรสาวทั้ง 2 คน รวมทั้งประชาชนในพื้นที่มารอใช้สิทธิกันคึกคัก ซึ่งนายสุเทพได้เข้าคูหาออกเสียงเป็นคนแรก จากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งใจมาใช้สิทธิตั้งแต่เช้า เพราะมีภารกิจที่ กทม. จึงตื่นเช้าไหว้พระ ทำภารกิจ ก่อนชวนกันมาออกเสียง จากนั้นได้เดินทางไปไหว้บรรพบุรุษที่วัดท่าสะท้อน แล้วไปสนามบินนานาชาติสุราษฎร์ธานีเพื่อขึ้นเครื่องเดินทางไป กทม.,ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำกลุ่มกปปส. เดินทางไปลงเสียงประชามติที่หน่วยเลือกตั้งภายในสถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านศรีธรรมราช โดยมีประชาชนออกมาใช้สิทธิ์อย่างบางตาในช่วงเช้า ส่วนที่หน่วยออกเสียงประชามติในโรงเรียนโยธินบำรุง ตั้งอยู่ค่ายทหารวชิราวุธ ต.ปากพูน อ.เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยทหารกองทัพภาคที่ 4 ทหารและครอบครัวพากันออกมาใช้สิทธิลงประชามติอย่างคึกคักตั้งแต่เช้า,ที่ จ.พัทลุง ที่หน่วยออกเสียงที่ 1 ศาลากลาง หมู่บ้าน หมู่ 1 ต.โตนดด้วน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต รมว.วัฒนธรรม และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมภรรยามาใช้สิทธิท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมออกเสียงจำนวนมาก นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ทุกคนต้องยอมรับผลของการลงประชามติครั้งนี้ หากผ่านก็นำไปสู่การเลือกตั้ง หากไม่ผ่านก็ต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมา โดยผู้จัดร่างฯต้องวิเคราะห์หาสาเหตุว่าทำไมประชาชนจึงไม่ยอมรับร่างฯ เพื่อนำไปแก้ไขปรับปรุง หากผ่านประชามติมั่นใจว่าการเมืองจะขาดเสถียรภาพจนอาจนำไปสู่การยึดอำนาจอีกครั้งหนึ่ง แม้รัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงไม่ผ่านการลงประชามติ รัฐบาลก็ยังดูแลและควบคุมสถานการณ์ของประเทศได้อย่างแน่นอน,ที่หน่วยออกเสียงประชามติที่ 60 บริเวณโรงเรียนวัดมัธยมวัดควนวิเศษ อ.เมืองตรัง นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาใช้สิทธิด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมเดินทักทายประชาชนที่มาใช้สิทธิอย่างเป็นกันเอง จากนั้นนายชวนกล่าวว่า เรื่องพรรคประชาธิปัตย์เป็นจุดยืนของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค พื้นฐานความคิดอยู่กับประชาชน เรามาในระบบนี้ได้ก็มาจากประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงพอสมควร แต่สิ่งที่เห็นว่าถอยหลังไปคือความเป็นประชาธิปไตย ส่วนใหญ่นักการเมืองมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป เข้าใจสำหรับทุกคนอยากให้บ้านเมืองสงบสุข แต่ตอนที่เกิดเหตุการณ์ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่สาเหตุของปัญหา แต่ปัญหาที่เกิดนั้นเกิดจากพฤติกรรมของคนส่วนหนึ่ง คนกลุ่มหนึ่งและไม่ใช่คนทั้งหมด สำหรับตนจะยังโลดแล่นอยู่บนเส้นทางการเมือง และไม่รู้สึกเบื่อหน่ายกับการเมือง,ส่วนการใช้สิทธิของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ จ.ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส มีประชาชนพากันออกไปลงประชามติตามหน่วยออกเสียงกันอย่างคึกคักตั้งแต่เช้า ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง มีการตรวจค้นรถทุกชนิดที่ผ่านเข้าออกหน่วยลงประชามติ และลาดตระเวนเส้นทางป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสเข้ามาสร้างสถานการณ์,ส่วนที่ภาคเหนือ ที่ จ.เชียงใหม่ บรรยากาศการออกเสียงเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้คนออกมาใช้สิทธิกันจำนวนมาก โดยเฉพาะบุคคลมีชื่อเสียง อาทิ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ ได้ไปใช้สิทธิที่หน่วยออกเสียงที่ 6 บ้านสันป่าเลียง ต.หนองหอย อ.เมืองเชียงใหม่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ไปใช้สิทธิที่หน่วยออกเสียงที่ 11 วัดลัฏธิวัน ต.ริมใต้ อ.แม่ริม โดยนายสมชายเปิดเผยว่า วันนี้ใช้สิทธิในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ส่วนอนาคตทางการเมืองยังไม่ได้ตัดสินใจ ต้องการให้กฎหมายเป็นที่ยอมรับของประชาชนมากขึ้น ขอให้ทุกคนทำงานอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมาทุกอย่างก็จะได้รับการยอมรับได้ไม่ยาก ขณะที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ไปใช้สิทธิที่หน่วยเลือกตั้ง 11 โรงแรมเก้าโฮเทล ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ส่วนนายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือโหร คมช. ไปใช้สิทธิที่หน่วยเลือกตั้ง 2 วัดชัยมงคล ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่,ขณะที่นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผวจ.เชียงใหม่ ไปใช้สิทธิที่วัดชัยมงคล ต.ช้างคลาน และไปตรวจ เยี่ยมหน่วยออกเสียงที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ โดยมีนายเกรียงไกร พานดอกไม้ ผอ.กกต.ประจำจังหวัดเชียงใหม่ รายงานว่า บรรยากาศทั่วไปปกติดี มีคนออกมาใช้สิทธิกันอย่างคึกคัก มีรายงานว่าช่วงเช้าเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยในพื้นที่ ต.แม่วิน อ.แม่วาง กรรมการหน่วยฯรถตกข้างทางไหลลงไปในลำห้วยลึกกว่า 20-30 เมตร ภายในรถมีนายวิชิต บุญแปง อายุ 54 ปี ผอ.หน่วย พร้อมคณะกรรมการรวม 8 คน กำลังเดินทางไปยังหน่วยในพื้นที่ แต่มีฝนตกหนักและเส้นทางเป็นทางลงเขาลาดชัน ทำให้รถเสียหลักตกข้างทาง ทั้งหมดได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ถูกนำส่ง รพ.แม่วาง ส่วนที่หน่วยออกเสียงมีเจ้าหน้าที่สำรองดำเนินการต่อไปได้,ส่วนที่ จ.ตาก หลังเปิดคูหาให้ลงประชามติตั้งแต่เช้า มีชาวเขาหลายเผ่าหลายชาติพันธุ์ต่างมารอใช้สิทธิ เช่น อ.ท่าสองยาง อ.แม่ระมาด เต็มไปด้วยชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงมาใช้สิทธิจำนวนมาก เช่น เดียวกับ อ.พบพระ มีชาวเขาเผ่าม้ง กะเหรี่ยงเผ่าอิ่วเมี่ยน เผ่าลาหู่ เผ่าลีซอ เผ่ามูเซอจีน และอีก้อ แต่งชุดชนเผ่าสีสันสวยงามพากันมาลงประชามติ ทำให้ตามคูหาต่างๆ เต็มไปด้วยสีสันละลานตา ส่วน จ.แพร่ ประชาชนได้ไปใช้สิทธิอย่างพร้อมเพรียงกัน บรรยากาศโดยรวมในช่วงเช้าแต่ละหน่วยมีผู้ออกไปใช้สิทธิกันบางตา นายปรภล พูตระกูล ผอ.กกต.ประจำจังหวัดแพร่ กล่าวว่า บรรยากาศทั่วไปเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับการก่อกวนแต่อย่างใด,สำหรับภาคอีสาน ที่ จ.นครราชสีมา ประชาชนออกมาใช้สิทธิต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้า โดยเฉพาะหน่วยออกเสียงภายในโรงเรียนโยธินนุกูล หมู่ 1 เขตเทศบาลตำบลหนองไผ่ล้อม อ.เมืองนครราชสีมา ที่มีอยู่ 9 หน่วย ทหารจากกองทัพภาคที่ 2 ออกมาใช้สิทธิต่อเนื่องและคึกคักมากกว่าหน่วยอื่น บางหน่วยประชาชนต้องยืนรอต่อแถวยาวเหยียด เพราะส่วนใหญ่เดินทางมาพร้อมกัน ขณะที่ พล.ท.วิชัย แชจอหอ แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมาใช้สิทธิที่หน่วยที่ 2 พร้อมเปิดเผยว่า ภาพรวมภาคอีสานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติ ส่วนที่หน่วยออกเสียงประชามติภายในวัดหลักร้อย หน่วยที่ 157 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ อดีต ส.ส. เดินทางมาใช้สิทธิโดยได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก,ที่ จ.บุรีรัมย์ นายชัย ชิดชอบ อดีตประธานรัฐสภา และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ บุตรชายคนเล็ก เดินทางมาใช้สิทธิที่หน่วยออกเสียงที่ 18 บ้านศิลาชัย หมู่ 15 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ ส่วนนายเนวิน ชิดชอบ ยังไม่พบว่าเข้าไปใช้สิทธิในหน่วยที่มีชื่ออยู่ ทราบเพียงว่าเดินทางไปกับทีมฟุตบอลเพื่อร่วมแข่งขันกับทีมชัยนาทในวันเดียวกัน ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางมาใช้สิทธิที่หน่วยออกเสียงที่ 6 ศาลากลางหมู่บ้านไทยเจริญ ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์,ที่ จ.อุดรธานี ที่หน่วยออกเสียงที่ 150 ถนนทหาร เขตเทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งเป็นหน่วยออกเสียงของชุมชนค่ายประจักษ์ 3 มทบ.24 มีทหารออกมาเข้าคิวต่อแถวลงประชามติจำนวนมาก คาดว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนหน่วยออกเสียงที่ 133 ชุมชนตำรวจ ถนนศรีสุข เขตเทศบาลนครอุดรธานี มีครอบครัวข้าราชการตำรวจออกมาใช้ลงคะแนนเสียงเรื่อยๆแต่ไม่คึกคัก ขณะที่หน่วยออกเสียงรอบนอกเขตเทศบาลนครอุดรธานี และต่างอำเภอ ประชาชนทยอยมาใช้สิทธิอย่างต่อเนื่อง,ขณะที่ภาคกลาง ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา บรรยากาศการลงประชามติเป็นไปด้วยความคึกคัก ที่หน่วยออกเสียงที่ 1 หมู่ 1 ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา มีคนพิการออกมาใช้สิทธิจำนวนมาก ที่เรียกเสียงฮือฮาเมื่อนายพรชัย ลาภนิล แต่งตัวชุดลิเกเดินทางมาลงคะแนน พร้อมร้องลิเกเชิญชวนอยู่หน้าหน่วย สร้างรอยยิ้มให้กับผู้มาใช้สิทธิออกเสียง ก่อนที่จะไปเปิดร้านขายกาแฟ ที่หน้าวิหารพระมงคลบพิตร,ส่วนที่ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เกิดฝนตกและมีลมกรรโชกแรง ทำให้หน่วยออกเสียงได้รับความเสียหายหลายพื้นที่ เต็นท์ที่กางไว้สำหรับเป็นหน่วยออกเสียง หักโค่นลงมาทับบอร์ดรายชื่อพังเสียหาย บางพื้นที่มีน้ำท่วมขัง เจ้าหน้าที่ต้องเคลื่อนย้ายอุปกรณ์หน่วยเลือกตั้งไว้ที่สูง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มาใช้สิทธิ ที่หน่วยออกเสียงประชามติที่ 23 โรงเรียนคลองบางปิ้ง หมู่ 5 ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.สมุทรปราการ และแกนนำ นปช. พร้อมครอบครัว เดินทางมาออกเสียงลงคะแนน ขณะที่นายประชา ประสพดี อดีต รมช.มหาดไทย เดินทางมาใช้สิทธิออกเสียงที่หน่วยออกเสียงที่ 66 หมู่ 1 ต.บางจาก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ,ที่หน่วยออกเสียงที่ 41 สโมสรหมู่บ้านภัสสร 4 ถนนรังสิต-นครนายก คลอง 3 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ พร้อมนางจินตนา จั่นตอง ภรรยา เดินทางมาใช้สิทธิออกเสียง ที่หน่วยออกเสียงที่ 3 หน้าสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถนนนนทบุรี 1 อ.เมืองนนทบุรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. พร้อม น.ส.สิริสกุล ใสยเกื้อ ภรรยา เดินทางมาใช้สิทธิ,สำหรับเหตุปั่นป่วนในการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ยังพบว่ามีอยู่หลายพื้นที่ โดยเมื่อเวลา 12.00 น. บริเวณหน่วยออกเสียงนอกเขตจังหวัดชุดที่ 3 ที่สำนักงานเขตบางนา นายปิยรัฐ จงเทพ นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ภาคบัณฑิต) นายกสมาคมเพื่อเพื่อน ซึ่งเป็นแนวร่วมกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (เอ็นดีเอ็ม) ได้ฉีกบัตรออกเสียงประชามติ ในหน่วยออกเสียงพร้อมตะโกนคำว่า เผด็จการจงพินาศประชาธิปไตยจงเจริญ จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางนา ควบคุมตัวไปโรงพัก ทั้งนี้นายปิยรัฐ ยังได้เขียนแถลงการณ์ด้วยลายมือส่งถึงสื่อมวลชน ใจความว่า สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ ขอเรียนกับเจ้าหน้าที่ สื่อมวลชน และประชาชน ให้ทราบว่าการกระทำของผม กระทำไปโดยมีสติครบสมบูรณ์ ไม่มีซึ่งอาการป่วยทางจิตใดๆ ไม่ได้เสพติดสุรา และของมึนเมา ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นโดยจิตสำนึกของพลเมือง ที่เพียงต้องการเรียกร้อง และยืนยันต่อสิทธิเสรี อันพึงมีพึงได้ของเราเพียงเท่านั้น หากแม้ว่าผลของมันจะเป็นอย่างไรผมขอรับผิดชอบ กับการกระทำของผม โดยไม่หลีกลี้หนีหาย เพราะความกลัวแต่อย่างใด ผมจะขอสู้คดีนำสืบให้ศาลเห็นถึงการใช้อำนาจอย่างเผด็จการ บิดเบือนกฎหมายจากความชอบธรรม ตามหลักการประชาธิปไตยจับกุมคุมขังประชาชนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ร่างรัฐธรรมนูญ ทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม จนยากจะหาทางแก้ และใช้ซึ่งความมั่นคงในเสรีภาพอิสรภาพของประชาชน,เมื่อเวลา 16.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจ นครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. แถลงผลสรุปการกระทำความผิดการลงคะแนนประชามติในพื้นที่ กทม. ดังนี้ 1.สน.ทุ่งครุ นายพิพัฒน์ แพรสุวรรณรักษ์ อายุ 69 ปี ฉีกบัตรออกเสียงประชามติ ที่หน่วยลงประชามติ ซอยประชาอุทิศ 72 เนื่องจากการเข้าใจผิด 2.สน.ชนะสงคราม ที่หน่วยลงประชามติ โรงเรียนวัดใหม่อมตรส เนื่องจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย ที่บัตรลงคะแนนฉีกขาดตอนฉีกออกจากต้นขั้ว เพื่อให้ประชาชน ซึ่ง น.ส.มณีรัตน์ วิเศษสัตย์ ผอ.ปต. พิจารณาแล้วเป็นบัตรที่ใช้การไม่ได้ 3.สน.บางนา นางมนฤดี อ่ำสกุล อายุ 54 ปี ฉีกบัตรออกเสียงประชามติ ที่โรงเรียนศรีเอี่ยมอนุสรณ์ เขตบางนา เนื่องจากเข้าใจผิด 4.สน.บางพลัด นาย โสภณ ชูติมานนท์ อายุ 75 ปี ฉีกบัตรลงประชามติที่หน่วยลงคะแนนที่ 30 แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด เนื่องจากเข้าใจผิด 5.สน.เตาปูน นางสุพัตรา เกษจรัล อายุ 59 ปี ฉีกบัตรที่โรงเรียนผดุงศิษย์พิทยา เขตบางซื่อ เนื่องจากเข้าใจผิด 6.สน.บวรมงคล นายโกมล แย้มโอฐ ฉีกบัตรลงประชามติที่หน่วยเลือกตั้ง 54 โรงเรียนวัดบวรมงคล เขตบางพลัด เนื่องจากเข้าใจผิด,พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า 7.สน.พระโขนง นายสมเกียรติ เกรียงไกร อายุ 78 ปี ฉีกบัตรลงประชามติ ที่โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต เนื่องจากเข้าใจผิด 8.สน.มีนบุรี นายนภดล รักษาพล อายุ 18 ปี ฉีกบัตร ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 8 หมู่บ้านคาซาลีน่า 2 เขตคลองสามวา เพราะเข้าใจผิด 9.สน.มีนบุรี น.ส.สมศรี เอกตระกูล อายุ 55 ปี ฉีกบัตรที่โรงเรียนสุเหร่ากองดิน 2 แขวงแสนแสบ เนื่องจากเข้าใจผิด 10.สน.บางนา นายปิยรัฐ จงเทพ นายกสมาคมเพื่อเพื่อน สวมเสื้อยืดคำว่า No Coup ตะโกนคำว่า เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ พร้อมฉีกบัตรออกเสียง เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยควบคุมส่งพนักงานสอบสวน สน.บางนา ดำเนินคดี นอกจากนี้ ตำรวจ สามารถจับกุมผู้ฝ่าฝืนจำหน่ายสุรา 6 คดี ท้องที่ สน.พญาไท 3 คดี สน.ชนะสงคราม 2 คดี และ สน.ภาษีเจริญ 1 คดี,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของนายปิยรัฐหลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวเนื่องจากจงใจฉีกบัตรลงประชามติ ที่สำนักงานเขตบางนา ได้ถูกควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สน.บางนา นานกว่า 2 ชั่วโมง เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหานายปิยรัฐ 3 ข้อหา ประกอบด้วย 1.กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ประชามติ โทษจำคุก 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.ทำให้เสียทรัพย์ โทษจำคุก 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท 3.ทำลายเอกสารราชการ โทษจำคุก 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,ขณะที่ภาคอีสาน พบผู้กระทำผิดการลงคะแนนประชามติในหลายจังหวัด อาทิ นายพัด สุวรรณชาติ อายุ 80 ปี ที่หน่วยออกเสียงประชามติที่ 2 หมู่ 2 อ.ภูเรือ จ.เลย ข้อหาฉีกบัตรประชามติ นายสมพงษ์ ทะวิลา อายุ 56 ปี ที่หน่วยประชามติที่ 2 วัดมัชฌิมโพธิการาม ต.กุดแห่ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ข้อหาฉีกบัตร น.ส.แต๋ว ปัดถา อายุ 67 ปี ที่หน่วยที่ 27 ศาลาวัดบ้านหนองตะมะ ต.โพธิ์ จ.ศรีสะเกษ ข้อหาฉีกบัตร ส่วนที่ จ.สุรินทร์ นายสมจิตร กองแก้ว อายุ 67 ปี ฉีกบัตรที่หน่วยลงประชามติที่ 12 อ.ศีขรภูมิ เนื่องจากกาผิด แล้วคิดว่าจะขอบัตรใหม่ได้ และนายสมบัติ บุตรสาลี อายุ 42 ปี เมาสุราและฉีกบัตรที่หน่วยลงประชามติที่ 8 ต.สลักใด อ.เมือง จ.สุรินทร์,ส่วนที่ภาคเหนือ นายสุรพันธ์ บรรจบ อายุ 48 ปี ฉีกบัตรที่หน่วย 16 บ้านดอกบัว ต.ท่าวังทอง จ.พะเยา น.ส.รัตนาภรณ์ เจนจบเอี่ยมลออ อายุ 21 ปี เชื้อสายกะเหรี่ยง ฉีกบัตรที่หน่วยที่ 26 โรงเรียนแม่สลิดหลวงวิทยา อ.ท่าสองยาง จ.ตาก โดยระบุว่า เพิ่งมาใช้สิทธิครั้งแรก ไม่รู้ว่าทำอย่างไรเลยฉีกบัตรในคูหา นายไพบูลย์ ศุภรัตน์ อายุ 54 ปี ฉีกบัตรที่หน่วยที่ 84 ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ นางหงิด คล้ายแป้น อายุ 76 ปี ฉีกบัตรที่หน่วย 9 ต.หนองยาว อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ เนื่องจากนางหงิดสติไม่สมประกอบภาคตะวันออก จ.ชลบุรี มีผู้กระทำผิด 2 ราย คือ นายบุญเด็จ จอมแก้ว อายุ 67 ปี ฉีกบัตรลงประชามติที่หน่วยที่ 44 หมู่ 9 ต.สัตหีบ และนางแวว ยอดขาว อายุ 70 ปี ฉีกบัตรที่หน่วยที่ 40 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา,ภาคกลาง นางเมือง หนุนภักดี อายุ 88 ปี ฉีกบัตรที่หน่วยที่ 8 โรงอาหารวัดถ้ำมังกรทอง ต.เกาะสำโรง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี นายมณี สิทธิ์น้อย อายุ 56 ปี ฉีกบัตรหน่วยที่ 9 ศูนย์การเรียนรู้หมู่ 9 ต.สามโก้ จ.อ่างทอง และ น.ส.เลี่ยม หมันกระโทก อายุ 67 ปี ฉีกบัตรที่หน่วยที่ 17 โรงเรียนวัดตำหรุมิตรภาพ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้กระทำผิดส่วนใหญ่เข้าใจผิด เนื่องจากบัตรลงประชามติมี 2 สี และมีรอยปรุ ทำให้เข้าใจว่าต้องฉีกแบ่งเป็น 2 ส่วน ก่อนหย่อนลงตู้,ภาคใต้ พบผู้กระทำผิดได้แก่ นางทิม เมฆมุสิก อายุ 80 ปี ฉีกบัตรที่หน่วยที่ 44 วัดท่ามิหรำ อ.คูหาสวรรค์ จ.พัทลุง นางวราภรณ์ สุทธินนท์ อายุ 62 ปี ฉีกบัตรที่หน่วยที่ 57 สมาคมแต้จิ๋ว ต.ทับเที่ยง จ.ตรัง และนางวัลลีย์ เงาตระกูล อายุ 81 ปี ฉีกบัตรที่หน่วยที่ 105 วัดโพธิ์นิมิตร ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี,ต่อมาเวลา 17.00 น. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. เป็นประธานประชุมสรุปสถานการณ์ภาพรวมของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการลงประชามติ (ศรส.ปต.ตร.) ภายหลังปิดหีบลงประชามติ โดย พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า หลังปิดหีบบัตร พบการกระทำผิดทั่วประเทศรวม 88 คดี มีการดำเนินคดีร้องทุกข์กล่าวโทษไปแล้ว ร้อยละ 40 แบ่งเป็นการลักลอบจำหน่ายจ่ายแจกสุรา 27 คดี คดีเกี่ยวกับบัตรลงคะแนนประชามติ อาทิ การฉีกบัตรลงคะแนน 60 คดี การขัดขวางการลงประชามติ 1 คดี แต่ไม่พบคดีอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อการลงคะแนน โดยคดีฉีกบัตรพบว่าส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่เข้าใจผิด เป็นอำนาจ กกต.ต้องพิจารณาถึงเจตนาว่าจงใจฉีกบัตรหรือไม่ ก่อนแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ส่วนกรณีเจตนาฉีกบัตรชัดเจนมีเพียง 1 คดี ที่ สน.บางนา ตำรวจจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ การดูแลความสงบเรียบร้อยในภาพรวมทั่วประเทศ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตรวจสอบการข่าวความเคลื่อนไหวกลุ่มการเมืองทุกพื้นที่ เบื้องต้นไม่พบความผิดปกติ,อีกด้าน เมื่อเวลา 17.10 น. พ.ต.ต.นุกูล แก้วปลอด สว.สส.สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี นำกำลังไปตรวจสอบเหตุระเบิดบนถนนในหมู่บ้านแซะโมะ หมู่ 4 ต.ตะบิ้ง พบรถ จยย. 2 คันล้มในที่เกิดเหตุ ผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.สมเด็จพระยุพราชสายบุรี ชื่อนายอารีซี มาหะมะ อายุ 42 ปี ครูโรงเรียนบ้านแซะโมะ ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าหน้าท้อง แขนขวา และใบหน้า อาการสาหัส นำส่งต่อ รพ.ปัตตานี ส่วน ส.ต.ต.กฤษฎา หลวงสนาม ส.ต.ต.นาวิน แสงทองสุข ผบ.หมู่ ป.สภ.สายบุรี ถูกสะเก็ดระเบิดที่ลำตัวบาดเจ็บเล็กน้อย ในที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดริมถนนกว้าง 60 ซม. มีชิ้นส่วนระเบิดกระจายไปทั่วบริเวณ สอบสวนทราบว่า นายอารีซี เป็นเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยออกเสียงประชามติที่ 4 ในโรงเรียนบ้านแซะโมะ หลังนับคะแนนเสร็จไปส่งหีบบัตรยังที่ว่าการอำเภอสายบุรี โดยหีบบัตรอยู่ในรถเก๋งเจ้าหน้าที่หน่วยที่ขับนำหน้า ส่วนนายอารีซี กับตำรวจ 2 นายขี่รถ จยย. 2 คันตามหลัง ถึงที่เกิดเหตุคนร้ายกดชนวนระเบิดขึ้นทำให้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนเจ้าหน้าที่ในรถเก๋งปลอดภัย เชื่อเป็นฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบสร้างสถานการณ์,ช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่ซอยบางกรวย-ไทรน้อย 10 อ.บางกรวย จ.นนทบุรี นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมนางแน่งน้อย สมเจริญ ภรรยา เดินทางมาใช้สิทธิที่หน่วยออกเสียงที่ 17 บริเวณปะรำสนามเปตอง ซอยบางกรวย-ไทรน้อย 10 โดยระหว่างนายศุภชัยใช้สิทธิออกเสียง มีตัวแทนจากประเทศภูฏาน ประเทศติมอร์เลสเต และมูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์ เข้าร่วมสังเกตการณ์และศึกษารูปแบบการใช้สิทธิออกเสียงด้วย หลังจากใช้สิทธิแล้วนายศุภชัยพร้อมคณะตัวแทนจากต่างประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศสังเกตการณ์ตามหน่วยออกเสียงประชามตินอกเขต จ.นนทบุรี บริเวณศาลากลาง จ.นนทบุรี,ขณะที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง เดินเท้าจากคอนโดมิเนียมส่วนตัวย่านราชเทวี โดยใช้แอพพลิเคชั่น ดาวเหนือ ที่สำนักงาน กกต.จัดทำขึ้น เพื่อเป็นแผนที่นำทางมายังหน่วยออกเสียง มาใช้สิทธิที่โรงเรียนกรุงเทพการบัญชีวิทยาลัย เขตราชเทวี โดยนายสมชัยกล่าวภายหลังใช้สิทธิว่า กรณีที่มีการแจกเอกสารรณรงค์เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ที่ จ.ชัยภูมิ ได้รับรายงานว่ามีการแจกเอกสาร 3 ชิ้น มี 1 ใน 3 ชิ้นผิดกฎหมาย คือ เอกสาร 7 เหตุผลไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีเนื้อหาบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ ผิด พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61 วรรคสอง อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้รับรายงานการกระทำผิดกฎหมายประชามติผ่านแอพพลิเคชั่น ตาสับปะรด แล้วกว่า 140 เรื่อง เป็นเรื่องที่ต้องแจ้งความดำเนินคดีกว่า 35 เรื่อง,ต่อมาเวลา 11.00 น.ที่สำนักงาน กกต. นายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม แถลงความคืบหน้าหลังเปิดหีบลงคะแนนออกเสียงประชามติ ว่า การเปิดหีบออกเสียงประชามติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประชาชนทยอยออกมาใช้สิทธิออกเสียงมากพอสมควร จากนั้นนายประวิชเปิดให้สื่อมวลชนสังเกตการณ์การรายงานสถานการณ์การออกเสียงประชามติ ของอาสาสมัครที่เป็นการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ลูกเสืออาสา รด.จิตอาสา จำนวน 57,000 คน ผ่านศูนย์ปฏิบัติการเพื่อกำกับ และสั่งการการออกเสียงประชามติ ระบบสื่อสารผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ECT TALK โดยมีการติดต่อสอบถามไปยังพื้นที่ต่างๆ ผ่านระบบดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่รายงานสถานการณ์เปิดหน่วยลงคะแนนได้เรียบร้อย ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง,ด้านนายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รักษาการเลขาธิการ กกต. ได้สื่อสารผ่านระบบดังกล่าวไปยังผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด (ผอ.กกต.จว.) โดยเน้นย้ำให้ประสานไปยังอนุกรรมการออกเสียงระดับอำเภอ กรรมการประจำหน่วย (กปน.) ว่าการแจกบัตรให้กับผู้มาใช้สิทธิ ขอให้ประชาสัมพันธ์ด้วยว่าเมื่อใช้สิทธิแล้วอย่าได้ฉีกบัตร เพราะผิดกฎหมาย พบบางหน่วยเกิดจากผู้สูงอายุเข้าใจผิด โดยเห็นว่ามี 2 ประเด็น เมื่อกากบาททำเครื่องหมายแล้วต้องฉีกออก แล้วจึงต้องนำไปหย่อนในหีบบัตร เป็นความเข้าใจผิด ขณะนี้ได้รับรายงานจาก ผอ.กกต.จังหวัด พบว่ามีการฉีกบัตรแล้ว 21 หน่วย 14 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ หน่วยที่ 47 ประชาอุทิศทุ่งครุ หน่วยที่ 101 ร.ร.ศรีเอี่ยมอนุสรณ์บางนา และหน่วยที่ 19 เขตวังทองหลาง, จ.นครปฐม หน่วยที่ 4 ต.สามพราน หน่วยที่ 7 ต.บางเลน หน่วยที่ 3 ต.พระประโทน, จ.ฉะเชิงเทรา หน่วยที่ 23 เทศบาลเมือง และหน่วยที่1 ต.บางซ่อน จ.สมุทรสาคร หน่วยที่ 5 ต.บ้านบ่อ, จ.พะเยา หมู่ 13 ต.ท่าวังทอง จ.ปทุมธานี หน่วยที่ 6 ต.สวนพริกไทย, จ.ชลบุรี หน่วยที่ 40 ต.ชากคร้อ, จ.สุรินทร์ หมู่ 12 ต.ยาง และหมู่ 7 ต.สลักได, จ.นครสวรรค์ หน่วยที่ 9 และหน่วยที่ 84, จ.กาญจนบุรี หน่วยที่ 8 ม.7 ต.เกาะสำโรง, จ.อุบลราชธานี หมู่ 7 ต.สมสะอาด, จ.บุรีรัมย์ หมู่ 11 ต.สะเดา, จ.เชียงราย หน่วยที่ 2 บ้านเทิดไทย และ จ.ยโสธร หน่วยที่ 3 ต.ค้อเหนือ,นายบุณยเกียรติกล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นการฉีกออกเป็นสองส่วนเนื่องจากเห็นว่าบัตรมีสีที่แตกต่างกันตรงกลางมีรอยปรุรอยพับ ซึ่งอาจเป็นการเข้าใจผิด ตามมาตรา 59 พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 อย่างไรก็ตามผู้ที่ฉีกบัตรจะตั้งใจหรือไม่นั้นก็จะต้องถูกดำเนินคดี อยู่ที่ดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ยืนยันว่า กกต.ประชาสัมพันธ์มาโดยตลอดว่ามีบัตรใบเดียว สองประเด็น และไม่ได้ให้ฉีกบัตร รวมทั้งการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ผ่านมาก็ไม่เคยให้ฉีกบัตรเป็นสองส่วน แต่เมื่อบัตรถูกฉีกแล้วถือว่าเป็นบัตรเสีย และผู้ที่ฉีกบัตรก็ไม่สามารถรับบัตรเพื่อไปใช้สิทธิใหม่ได้ เพราะถือว่าใช้สิทธิไปแล้ว,นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.กล่าวว่า พบการฉีกบัตรที่แสดงเจตนาทางการเมือง โดยเป็นการกระทำของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในหน่วยออกเสียงเขตบางนา การแสดงออกดังกล่าวอาจเข้าใจว่าเป็นการแสดงออกทางการเมือง ที่สามารถไปสู้ในรูปคดีเพื่อให้หลุดพ้นจากการลงโทษได้ หรืออาจเป็นการเลียนแบบกรณีที่อาจารย์มหาวิทยาลัยท่านหนึ่งเคยฉีกบัตรเลือกตั้ง ที่ถูกดำเนินคดีแล้วเข้าใจว่าศาลชั้นต้นยกฟ้อง แต่ข้อเท็จจริงเป็นความผิดที่ศาลได้ลงโทษเป็นตัวอย่างแล้ว แม้ศาลชั้นต้นจะยกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อ 10 ส.ค.2555 ว่าเป็นความผิดลงโทษจำคุก 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท รอลงอาญา 1 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี และศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อ 3 มิ.ย.2557 ยืนตามศาลอุทธรณ์ ซึ่งแปลว่า ณ วันนี้อาจารย์ที่ฉีกบัตรดังกล่าวไม่สามารถไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง,จากนั้นเวลา 16.15 น. นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. นำ 4 กกต.ร่วมกันแถลงสรุปผลภาพรวมหลังปิดหีบออกเสียงประชามติ โดยนายศุภชัยกล่าวขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาชน หน่วยงานความมั่นคง ตำรวจ ทหาร กอ.รมน. ทำให้การออกเสียงประชามติครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์ป่วนหรือวุ่นวาย ส่วนกรณีที่มีการฉีกทำลายบัตรออกเสียงประชามติในหลายพื้นที่ จากรายงานของ กกต.จังหวัด พบว่าเกิดจากความเข้าใจผิด การกระทำที่เป็นความผิด ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนการฉีกบัตรจากเหตุเข้าใจผิดนั้น กกต.จะนำไปปรับปรุงเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้ใช้สิทธิต่อไป ทั้งนี้หากไม่มีการร้องคัดค้าน กกต.จะประกาศผลการออกเสียง และจำนวนผู้มาใช้สิทธิให้นายกฯทราบโดยเร็ว,นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต. กล่าวว่า กรณีการฉีกทำลายบัตรที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 26 จังหวัด ส่วนใหญ่พบเกิดจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ มีเพียงกรณีเดียวที่มีการจงใจฉีกบัตร เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมือง นอกจากจะผิดตามมาตรา 59 แล้ว ยังผิดฐานก่อความวุ่นวายในการออกเสียงประชามติในมาตรา 60 (9) ด้วย,ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงาน กกต.ว่า สำหรับผลการนับคะแนนเสียงประชามติทั่วประเทศอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อเวลา 19.33 น. นับคะแนนไปแล้ว 94 เปอร์เซ็นต์ ปรากฏว่า มีผู้ออกมาใช้สิทธิ 27,623,126 คน จากผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติทั้งประเทศ 50,585,118 คน แบ่งเป็นผู้ใช้สิทธิลงคะแนนเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ 15,562,327 คน คิดเป็น 61.40 เปอร์เซ็นต์ ไม่เห็นชอบ 9,784,680 คน คิดเป็น 38.60 เปอร์เซ็นต์ มีผู้ลงคะแนนเห็นชอบคำถามพ่วงให้รัฐสภาโหวตเลือกนายกฯเห็นชอบ 13,969,594 คน คิดเป็น 58.11 เปอร์เซ็นต์ ไม่เห็นชอบ 10,070,599 คน คิดเป็น 41.89 เปอร์เซ็นต์ มีบัตรดี 26,688,729 ใบ และบัตรเสีย 869,043 ใบ,กระทั่งเวลา 19.00 น. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. แถลงผลการออกเสียงอย่างไม่เป็นทางการ ว่า ผลคะแนนออกเสียงประชามติอย่างไม่เป็นทางการคงไม่คลาดเคลื่อนมากนัก โดยจากผลการรายงานอย่างไม่เป็นทางการ คาดว่าการทำประชามติครั้งนี้มีประชาชนออกมาใช้สิทธิ ประมาณ 55 เปอร์เซ็นต์ ของผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด ถือว่ามีจำนวนน้อยกว่าการทำประชามติ 2550 และน้อยกว่าที่ กกต.ตั้งเป้าไว้ โดยยอดผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดมีจำนวน 50,261,529 คน เมื่อถามว่ามีผู้มาใช้สิทธิเพียง 55 เปอร์เซ็นต์ จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงฉันทามติหรือไม่ นายสมชัยตอบว่า กติกาก็คือกติกา การออกเสียงประชามตินับเพียงคนที่มาใช้สิทธิ ไม่ว่าผู้มาใช้สิทธิจะมีจำนวนถึงครึ่งหรือไม่ ให้ยึดตามเสียงข้างมากและถือเป็นที่ยุติ เป็นหลักสากล จึงไม่น่าเป็นสาเหตุที่จะมาตั้งคำถามว่าจะเป็นฉันทามติได้หรือไม่ นอกจากจะหาเรื่อง ส่วนตัวเห็นว่าไม่เหลืออะไรให้คิดแล้ว,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากคะแนนที่ออกมาล่าสุด เมื่อเวลา 20.00 น. พบหลายพื้นที่น่าสนใจ อาทิ ภาคใต้ 14 จังหวัด มีผู้เห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญ 2,713,420 คิดเป็น 76.65% ไม่เห็นชอบ 826,504 คิดเป็น 23.35% และเห็นชอบคำถามพ่วง 2,543,542 คิดเป็น 74.35% ไม่เห็นชอบ 877,689 คิดเป็น 25.65% โดยเฉพาะที่ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นฐานเสียงของนายสุเทพ เทือกบรรณ แกนนำกลุ่ม กปปส. มีผู้เห็นชอบ 361,118 คิดเป็น 87.33% ไม่เห็นชอบ 52,395 คิดเป็น 12.67% และเห็นชอบคำถามพ่วง 336,740 คิดเป็น 84.26% ไม่เห็นชอบ 62,925 คิดเป็น 15.74% ขณะที่จังหวัดตรัง ฐานเสียงของนายชวน หลีกภัย ประธานคณะที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ มีผู้เห็นชอบ 230,123 และไม่เห็นชอบ 36,676 และเห็นชอบคำถามพ่วง 214,757 ไม่เห็นชอบ 42,018,แยกเป็นพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ จ.นราธิวาส มีประชาชนเห็นชอบเพียง 84,122 ไม่เห็นชอบ 136,284 คำถามพ่วงเห็นชอบ 79,979 ไม่เห็นชอบ 134,005 จ.ยะลา เห็นชอบ 76,024 ไม่เห็นชอบ 110,995 ส่วนคำถามพ่วงเห็นชอบ 72,447 ไม่เห็นชอบ 109,215 จ.ปัตตานี เห็นชอบ 85,349 ไม่เห็นชอบ 159,341 เห็นชอบคำถามพ่วง 81,633 ไม่เห็นชอบ 157,040,ขณะที่ภาคอีสาน 19 จังหวัด ปรากฏว่าเป็นเพียงภาคเดียวที่มีคะแนนไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญมากกว่าคะแนนรับร่าง เนื่องจากเป็นฐานเสียงใหญ่ของพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง โดยมีคะแนนไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ 51.42% หรือ 4,226,752 คะแนน ขณะที่คะแนนเห็นชอบ 48.58% หรือ 3,993,944 คะแนน ส่วนประเด็นคำถามพ่วงประชามติ มีคะแนนไม่เห็นชอบ 55.43% หรือ 4,267,561 คะแนน คะแนนเห็นชอบ 44.57% หรือ 3,431,849 คะแนน แต่หากเทียบกับผลการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 พบว่าคะแนนไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 มีแนวโน้มลดลงค่อนข้างมาก,สำหรับภาคเหนือ 16 จังหวัด ผลคะแนนออกมา พลิกไปจากที่หลายฝ่ายคาดหมาย โดยมีผู้รับร่างรัฐธรรมนูญ 2,230,245 คน คิดเป็น 57.74% ไม่เห็นชอบ 1,632,013 คน คิดเป็น 42.26% คำถามพ่วง เห็นชอบ 1,952,525 คน คิดเป็น 54.19% ไม่เห็นชอบ 1,650,849 คน คิดเป็น 45.81% โดยผลคะแนนรายจังหวัดพบว่าที่เห็นชอบมี 11 จังหวัด คือ กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ น่าน พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แม่ฮ่องสอน ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ และไม่เห็นชอบ 5 จังหวัดคือ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ลำพูน แพร่,ส่วน กทม.และ 26 จังหวัดภาคกลาง เสียงส่วนใหญ่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ 5,955,874 คน คิดเป็น 69.47% ไม่เห็นชอบ 2,618,017 คน คิดเป็น 30.53% และเห็นชอบคำถามพ่วง 5,451,308 คน คิดเป็น 66.18% ไม่เห็นชอบ 2,786,349 คน คิดเป็น 33.82% โดยเฉพาะเสียงคน กทม.และในพื้นที่ที่เป็นเขตทหาร น่าสังเกตว่าคะแนนเสียงที่ออกมาค่อนข้างทิ้งขาด
ประชาชนชาวไทยคึกคักแห่ใช้สิทธิลงประชามติร่าง รธน. 27.6 ล้านคน จากยอดผู้มีสิทธิออกเสียง 50 ล้านคน ผลมติมหาชนท่วมท้นรับร่าง รธน.กว่า 15.56 ล้านเสียง มีผู้ไม่รับ 9.78 ล้านเสียง ส่วนคำถามพ่วงมีผู้รับ 13.9 ล้านเสียง ไม่รับ 10 ล้าน
ลงประชามติ,ลงประชามติ2559,ประชามติ2559,ประชามติร่างรัฐธรรมนูญ,ประชามติร่าง รธน.,รับร่างรัฐธรรมนูญ,ลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญ,ข่าว,ข่าวหน้า1,ไทยรัฐออนไลน์,ไทยรัฐฉบับพิมพ์,ไทยรัฐ,หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ,thairath
https://www.thairath.co.th/content/684411
[ 0, 259, 203061, 259, 80267, 259, 82551, 11984, 4215, 132105, 4215, 86547, 259, 126561, 15918, 12066, 111173, 23045, 40487, 167509 ]
แหวกฮอลลีวูด : คริส แฮมเวิร์ธ แต่งงานกับภรรยาที่อายุมากกว่า 7 ปี ตอนนี้ลูก 3 ยังชื่นมื่น
ฉลองวันขอบคุณพระเจ้า เซเลบต่างออกมาโพสต์รูป Thankful กับครอบครัวลูกพร้อมหน้า อย่างอดีต ปธน. บารัค โอบามา คิม คาร์เดเชียน ป๋าวิลล์ สมิธ จึงชวนภรรยาแจกอาหารเจให้คนไร้บ้านสายวีแกน,ส่วน เจนนิเฟอร์ อนิสตัน ยังอ้างว้าง เลยอบอาหารเม็กซิกัน Enchiladas แทนไก่งวง,Frozen 2 เบรคเรคเคอร์ในอเมริกา 5 วัน 155 ล้านเหรียญยูเอส ลูกสาววัย 4 และ 6 ของ คริสติน เบลล์ ป๊อปสุดในหมู่เพื่อน เพราะคุณแม่เพื่อนพากย์เสียงเจ้าหญิงแอนนา,เทรนด์ใหม่ของการโพสท่าลงไอจีรับสิ้นปี ตามแบบนางพญาหน้าเฉย วิคตอเรีย เบคแคม นอนตะแคงบนโซฟาหรู ใส่เดรสสวย ยกขาข้างเดียวแหวกชี้ฟ้า ร่างกายต้องยืดหยุ่น ทั้งบัลเล่ต์ ทั้งโยคะ จัดไป ใจต้องกล้า,อายุไม่ใช่ปัญหา เมื่อเทพเจ้าสายฟ้า คริส แฮมเวิร์ธ แต่งงานกับภรรยา เอลซ่า พาทากี ฝ่ายหญิงอายุมากกว่า 7 ปี ตอนนี้ลูก 3 ยังชื่นมื่น เตียงเสริมเหล็กย่างเข้าปีที่ 10 ยังรอดพ้นเงื้อมมือดาราแสดงคู่ อย่าง แองเจลินา โจลี ชาร์ลิซ เธอรอน,พักผ่อนในบาร์ระหว่างถ่ายหนังใหม่ Palmer จัสติน ทิมเบอร์เลค แหวนแต่งงานไม่ใส่ จับมือดาราสาว อลิชา เวนไรด์ ใต้โต๊ะ ส่วนฝ่ายหญิงก็ไม่เบา มือวุ่นวายถูไถตามขา น่าติดตาม.
อายุไม่ใช่ปัญหา เมื่อเทพเจ้าสายฟ้า คริส แฮมเวิร์ธ แต่งงานกับภรรยา เอลซ่า พาทากี ฝ่ายหญิงอายุมากกว่า 7 ปี ตอนนี้ลูก 3 ยังชื่นมื่น เตียงเสริมเหล็กย่างเข้าปีที่ 10 ยังรอดพ้นเงื้อมมือดาราแสดงคู่
แหวกฮอลลีวูด,คิม คาร์เดเชียน,วิคตอเรีย เบคแคม,บารัค โอบามา,แองเจลินา โจลี,ชาร์ลิซ เธอรอน,GossipHollywood,กอสซิป
https://www.thairath.co.th/entertain/inter/1715628
[ 0, 259, 232512, 79160, 419, 259, 1881, 259, 223278, 259, 115841, 3945, 212074, 27987, 259, 169971, 4395, 216464, 101650, 7910 ]
รายงานพิเศษ ยืนยันใช้น้ำประปาหุงข้าวไม่เสี่ยงมะเร็ง
ประปา-หมอโต้ข่าวแชร์มั่ว,จากการที่มีการแชร์ข้อมูลในโซเชียลมีเดียกันอีกครั้งว่า หากนำน้ำประปามาหุงข้าวจะทำให้เกิดสารไตรฮาโลมีเทน หรือสารก่อมะเร็ง เมื่อเร็วๆนี้การประปานครหลวง (กปน.) การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) จึงออกมายืนยันว่าประปาสะอาดและปลอดภัย วอนประชาชนชัวร์ก่อนแชร์,ปริญญา ยมะสมิต ผู้ว่าการ กปน. และนายกสมาคมการประปาแห่งประเทศไทย (สปปท.) ชี้แจงว่า ข้อมูลในโซเชียลมีเดียเรื่องการนำน้ำประปามาหุงข้าวจะทำให้เกิดสารไตรฮาโลมีเทน หรือสารก่อมะเร็งนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะ กปน.ได้นำการบริหารจัดการน้ำประปาปลอดภัย (Water Safety Plan) ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) มาใช้กับการผลิตน้ำประปาทุกขั้นตอน รวมทั้งการเฝ้าระวังสารไตรฮาโลมีเทน พบว่า มีค่าไตรฮาโลมีเทนรวมอยู่ในเกณฑ์น้ำดื่มของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ปริมาณคลอรีน ซึ่งเป็นสารที่ทั่วโลกนิยมใช้เพื่อป้องกันเชื้อโรคและรักษาคุณภาพน้ำ กปน.ได้ควบคุมปริมาณคลอรีนอิสระในทุกขั้นตอนการผลิตน้ำ ซึ่ง WHO กำหนดปริมาณสารคลอรีนในน้ำที่ไม่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย คือ ไม่เกิน 5 มิลลิกรัมต่อลิตร,กปน.ได้นำทีมลงพื้นที่ตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำภายในสถาบันอาหารพบว่า น้ำประปามีค่าสารไตรฮาโลมีเทน เฉลี่ย 0.29 อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน WHO (ไม่เกิน 1) และอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานน้ำดื่มของประเทศสหรัฐอเมริกา (ไม่เกิน 80 ไมโครกรัมต่อลิตร) ซึ่งเป็นการตรวจสอบที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์,สมชาย มนต์บุรีนนท์ รักษาการแทนผู้ว่าการ กปภ. ระบุว่า ขอยืนยันว่า น้ำประปาปลอดภัยใช้หุงข้าวได้ แม้ว่าการเกิดสารไตรฮาโลมีเทนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง จะเกิดได้จากการทำปฏิกิริยาของคลอรีนกับสารอินทรีย์ในน้ำก็ตาม แต่สารอินทรีย์ที่ทำปฏิกิริยาได้ดี คือ กลุ่มที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก เช่น กรดฮิวมิก และกรดฟุลวิก ในขณะที่ข้าวสาร หรือแป้งต่างๆเป็นกลุ่มที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ จึงทำปฏิกิริยาได้ช้ามาก,อีกทั้งคลอรีนต้องอยู่ในรูปของคลอรีนอิสระ ซึ่งในระบบประปามีการควบคุมการจ่ายคลอรีนที่เหมาะสม โดยมีปริมาณคลอรีนอิสระคงเหลือถึงบ้านผู้ใช้น้ำประมาณ 0.2-0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร นอกจากนี้ การนำน้ำประปาไปใช้เพื่อการหุงต้มจะยิ่งทำให้คลอรีนอิสระดังกล่าวระเหยไปได้เร็วขึ้น ดังนั้น โอกาสที่จะเกิดสารไตรฮาโลมีเทนจากการนำน้ำประปาไปประกอบอาหารจึงน้อยมาก,ยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เมื่อปี 2559 สถาบันอาหารได้ทำการทดลอง การทดสอบความปลอดภัยจากการใช้น้ำประปาหุงข้าว โดยวัดปริมาณสารไตรฮาโลมีเทนในน้ำประปา น้ำซาวข้าว น้ำหุงข้าว และข้าวหุงสุก และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าการใช้น้ำประปาหุงข้าวไม่ทำให้ปริมาณของสารไตรฮาโลมีเทนเพิ่มขึ้น และไม่เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง,นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ ผู้อำนวยการศูนย์ธรรมชาติบำบัดเวลเนสแคร์ กล่าวว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่ได้รับความเสียหายจากการถูกนำภาพไปแอบอ้างประกอบข้อความที่เป็นเท็จ จนอาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่าเป็นผู้กล่าวว่าน้ำประปาหุงข้าวเป็นอันตราย ซึ่งขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ที่สำคัญไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับความเสียหายจากการรับข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จ.
จากการที่มีการแชร์ข้อมูลในโซเชียลมีเดียกันอีกครั้งว่า หากนำน้ำประปามาหุงข้าวจะทำให้เกิดสารไตรฮาโลมีเทน หรือสารก่อมะเร็ง
ข่าว,ทั่วไทย
การประปานครหลวง,น้ำประปา,หุงข้าว,สารก่อมะเร็ง,โซเชียลมีเดีย
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1311532
[ 0, 259, 11699, 45173, 58473, 5490, 82245, 259, 63372, 259, 70944, 127515, 47282, 185924, 10228, 86020, 64402, 5490, 229357, 259 ]
คู่เด็ด ศึกวันทรงชัย กุมารดอย เพชรเจริญวิทย์ พบ ขวัญโดม เพชรสี่หมื่น
กุมารดอยมีฮึดตลอดจะชนะขวัญโดมสนุก,เสกสิทธิ์–เฮอคิวลิส–ฟ้าลั่น–ต้องลุ้น,เวทีราชดำเนิน, วันพฤหัสบดีที่ 1 ก.พ. (วันนี้) เป็นรายการมวย ศึกวันทรงชัย จัดโดยโปรโมเตอร์ บิ๊กซ้ง ทรงชัย รัตนสุบรรณ คู่มวยคู่คี่ เก็บค่าดู 380–760–2,000 บาท ชัย ศิษย์ อ.บี้ ขอวิจารณ์ไปตามฝีมือดังนี้,กฤติเดช (ภูทอก) ต.สุรัตน์ มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าศอกรุนแรงมีฮึดตลอดกว่า จะชนะ พรเสน่ห์ ส.ภูมิภัทร 114 ป.,ก้องสนั่น ศักดิ์หอมศีล มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าศอกรุนแรงแต่ยืดเยื้อเข่าในเป็นรอง จะแพ้ ดาวพระศุกร์ (ลูกเขาขวาง) ศิษย์มนต์ชัย 126 ป.,สกัดเพชร เพชรสี่หมื่น มวยแข็งแกร่งเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงมีฮึดตลอดกว่า จะชนะ เพชรหัวหิน ป.เพชรไข่แก้ว 115 ต่อ 116 ป.,ฟ้าลั่น ป.เพชรไข่แก้ว มวยจังหวะฝีมือเตะต่อยหมัดแทงเข่าศอกแม่นยำรุนแรงฉลาด จะชนะ ชาญยุทธ ศักดิ์รุ่งเรือง 108 ต่อ 110 ป.,เฮอคิวลิส เพชรสี่หมื่น มวยแข็งแกร่งเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงมีฮึดตลอดกว่า จะชนะ พลังภพ พ.เมืองเพชร 101 ป.,เสกสิทธิ์ ท.แสงเทียนน้อย มวยทรหดเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงจิตใจสู้มีฮึดตลอดสภาพแวดล้อมแรงเชียร์ดีกว่า จะชนะ คนคร เกียรติพลทิพย์ มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงแต่สภาพแวดล้อมเป็นรองชนิดสนุกพลิกไปมาอีกครั้ง (ฟอร์มหลัง เสกสิทธิ์ ชนะคะแนน คนคร ที่สมุทรปราการ) 112 ป.,กุมารดอย เพชรเจริญวิทย์ (แพ้คะแนน เพชรรุ่ง ศิษย์นายกไก่แปดริ้ว ที่สมุทรปราการ) มวยแข็งแกร่ง เตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงมีฮึดตลอด จะชนะ ขวัญโดม เพชรสี่หมื่น (แพ้คะแนน เด่นเกรียงไกร สิงห์มาวิน ที่ รดน.) มวยแข็งแกร่งเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงจิตใจสู้มีฮึดตลอดชนิดสนุก 119 ต่อ 121 ป.,เพชรสีนิล เกียรติพลทิพย์ มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงกว่า จะชนะ กล้วยฉาบ ลูกมหาธาตุ 100 ป.,ยอดขุนศึก ศิษย์ครูเยี่ยม จะชนะ เพชรเม็ดแรก สัญญายิมส์ 100 ป.,ชัย ศิษย์อาจารย์บี้
เวทีราชดำเนิน วันพฤหัสบดีที่ 1 ก.พ. (วันนี้) เป็นรายการมวย ศึกวันทรงชัย จัดโดยโปรโมเตอร์ บิ๊กซ้ง ทรงชัย รัตนสุบรรณ คู่มวยคู่คี่ เก็บค่าดู 380–760–2,000 บาท ชัย ศิษย์ อ.บี้ ขอวิจารณ์ไปตามฝีมือดังนี้
มวย,มวยคู่เด็ด,เวทีราชดำเนิน,คู่เอก,ชี้มวยเด็ด
https://www.thairath.co.th/sport/boxing-mma/1191868
[ 0, 259, 134028, 23248, 60284, 68437, 259, 146559, 197127, 222507, 11723, 6200, 18604, 212357, 138673, 221214, 9964, 197570, 88065, 203595 ]
คนเชียงของเร่งอนุรักษ์ปลาบึกหวั่นสูญพันธุ์จากน้ำโขง
ศูนย์ข่าวภาคเหนือ-22 เม.ย.48คนเชียงของเร่งหาทางออก หลังจากทำพิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก และพิธีการปล่อยปลาบึกลงแม่น้ำโขง ขณะที่มีการศึกษาวิจัยการผสมพันธุ์ปลาบึก และหาอาชีพเสริมรองรับ เพื่อหันมาร่วมกันอนุรักษ์พันธุ์ปลาบึกแทน ตามที่เทศบาลเวียงเชียงของ ชมรมปลาบึก และกลุ่มรักษ์เชียงของ ได้ร่วมกันทำพิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก และการปล่อยพันธุ์ปลาบึกลงแม่น้ำโขง บริเวณบ้านหาดไคร้ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของประเพณีการล่าปลาบึก และการอนุรักษ์ปลาบึก เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.เชียงรายให้เป็นที่รู้จักกันกว้างขวางยิ่งขึ้นนั้น นางเตือนใจ ดีเทศน์ วุฒิสมาชิก จ.เชียงราย กล่าวว่า อยากให้ชาวบ้านได้เปลี่ยนค่านิยมจากที่เคยชอบทานปลาบึก เนื่องจากมีความเชื่อที่ว่า ทำให้มีอายุยืนนั้น ให้หันมาร่วมกันอนุรักษ์พันธุ์ปลาบึกให้อยู่คู่กับแม่น้ำโขงแทน เพื่อให้มีการแพร่พันธุ์ให้มากขึ้น หรือรอให้มีราคาถูกเท่ากับราคาปลาทั่วๆ ไป ก่อน เพราะการที่ปลาบึกมีราคาสูง ทำให้กลายเป็นแรงจูงใจให้มีการล่าปลาบึกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ กล่าวว่า ชาวบ้านหาดไคร้กำลังเสนอทำอาญาบัตร ต่อกรมประมง เพื่อนำเรือจำนวน 15 ลำ ลงไปในแม่น้ำโขง เพื่อทำการจับปลาบึกตามประเพณีที่ชาวบ้านได้ทำสืบต่อกันมานานแล้ว ในส่วนที่มีการเสนอให้ชาวบ้านหยุดการจับปลาบึก และหันมาช่วยกันอนุรักษ์แทนนั้น ตนก็ได้พูดคุยกับชาวบ้านแล้ว ทุกคนก็เห็นด้วยที่จะมีการอนุรักษ์พันธุ์ปลาบึก และคงมีการพูดคุยกับหลายๆ ฝ่าย ว่าจะหาทางออกร่วมกันอย่างไร และจะหาอาชีพใหม่มาเสริมให้กับชาวบ้าน โดยไม่ต้องมีการจับปลาบึกในอนาคต นายนิวัฒน์ กล่าว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ ทางกลุ่มวิจัยจาวบ้านเชียงของ ก็ได้มีมีการทำวิจัยโดยชาวบ้าน ในเรื่อง ความสมดุลของพันธุ์ปลาในแม่น้ำโขง รวมไปถึงการวิจัยในเรื่องการรีดน้ำเชื้อ และการผสมพันธุ์ปลาบึก ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ทุกคนพยายามหาทางออกร่วมกัน ทั้งนี้ ทุกเดือนเมษายนของทุกปี จะมีปลาบึกว่ายทวนน้ำขึ้นไปวางไข่ ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน คือ มีความเชื่อว่าปลาบึกเป็นปลาเทพเจ้าที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขงเท่านั้น ซึ่งชาวบ้านหาดไคร้ ได้มีการจับปลาบึกเป็นอาชีพเสริมกันมายาวนานหลายร้อยปี โดยก่อนและหลังจากที่มีการล่าปลาบึกนั้น ชาวบ้านจะทำการพิธีเลี้ยงผีหลวง หมายถึง ผีที่อยู่ในแม่น้ำ นอกจากนั้น จะทำการเลี้ยงผีย่านาง หรือผีที่พิทักษ์ลำเรือในขณะที่ออกจับปลา และ ในรายงานวิจัยว่า ปลาบึกในแม่น้ำโขงกำลังใกล้สูญพันธุ์ โดยดูจากสถิติพบว่า ในช่วงปี 2544-2546 ที่ผ่านมา ชาวบ้านจับปลาบึกไม่ได้เลย และเพิ่งมาจับได้ในปี 2547 จำนวน 7 ตัว ซึ่ง รายงานวิจัยจาวบ้าน บอกว่า สาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำโขง อันเกิดจากการระเบิดแก่งแม่น้ำโขง และการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงทางตอนเหนือของประเทศจีน
ศูนย์ข่าวภาคเหนือ-22 เม.ย.48 คนเชียงของเร่งหาทางออก หลังจากทำพิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก และพิธีการปล่อยปลาบึกลงแม่น้ำโขง ขณะที่มีการศึกษาวิจัยการผสมพันธุ์ปลาบึก และหาอาชีพเสริมรองรับ
สิ่งแวดล้อม
https://prachatai.com/journal/2005/04/3757
[ 0, 259, 137738, 36999, 219881, 215069, 5095, 1881, 259, 80267, 259, 51523, 58296, 118781, 64715, 6581, 132105, 4188, 11103, 38089 ]
สยบข้อร้องเรียน ชนไม่มีรถใช้ วางกฎให้เงินชดเชยช่วงรอซ่อม
นายอานนท์ วังวสุ เลขาธิการสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า สมาคมพร้อมดำเนินการจ่ายค่าขาดประโยชน์ให้กับผู้เสียหายจากการที่ไม่มีรถใช้ระหว่างการซ่อมแซมให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ตามที่ได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.),โดยผู้มีสิทธิได้รับการชดใช้ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถคู่กรณีซึ่งเกิดเหตุชนกับรถที่ทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ และรถที่ทำประกันภัยเป็นฝ่ายผิดโดยหากเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง เช่น รถเก๋ง ได้รับการชดใช้ไม่น้อยกว่าวันละ 500 บาท รถยนต์รับจ้างสาธารณะไม่เกิน 7 ที่นั่ง เช่น รถแท็กซี่ ได้ไม่น้อยกว่าวันละ 700 บาท และรถยนต์เกินกว่า 7 ที่นั่ง เช่น รถตู้ ได้ไม่น้อยกว่าวันละ 1,000 บาท โดยคาดว่า คปภ. จะออกคำสั่งเพื่อปรับปรุงเงื่อนไขนี้ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันได้ในต้นปี 62,ที่ผ่านมา ผู้เสียหายสามารถใช้สิทธิเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการที่ไม่มีรถใช้ระหว่างการซ่อมแซมได้อยู่แล้ว แต่การชดใช้ไม่ได้กำหนดอัตราการชดใช้ที่เป็นมาตรฐาน ทำให้เกิดปัญหาข้อร้องเรียนในการชดใช้ ค่าเสียหาย จึงได้หารือและพิจารณาร่วมกับ คปภ.เพื่อแก้ไขเรื่องดังกล่าว.
โดยผู้มีสิทธิได้รับการชดใช้ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถคู่กรณีซึ่งเกิดเหตุชนกับรถที่ทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ และรถที่ทำประกันภัย
ข่าว,เศรษฐกิจ
ประกันภัยรถยนต์,ชนไม่มีรถใช้,เงินชดเชย,อานนท์ วังวสุ,สมาคมประกันวินาศภัยไทย,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/business/1427400
[ 0, 259, 172286, 120562, 32816, 20475, 17958, 109586, 11984, 259, 109370, 59570, 31421, 91061, 82934, 4348, 68755, 18169, 38089, 101103 ]
แนะนักรบชุดขาวฉีดวัคซีนหวัดใหญ่
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในการจัดเสวนาออนไลน์เรื่องวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทางรอดใหม่จากโควิด-19 ว่า ไข้หวัดใหญ่ระบาดในเมืองไทยได้ตลอดปีแต่จะมีช่วงระบาดหนักในฤดูฝน โดยปีนี้มีการรณรงค์ป้องกันโควิด-19 ในเดือน ก.พ.-เม.ย. ซึ่งไม่พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เลย จึงเชื่อว่าอุบัติการณ์ไข้หวัดใหญ่น่าจะน้อยลงกว่าปีก่อน แต่ก็ยังแนะนำให้กลุ่มเสี่ยงไปฉีดวัคซีนก่อนช่วงฤดูฝนคือเดือน มิ.ย. โดยเฉพาะในผู้สูงอายุมีความจำเป็นมาก เพราะถ้าป่วยแล้วลงปอดก็มีโอกาสทำให้เสียชีวิตได้อย่างไรก็ตาม วัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่สามารถป้องกันโควิด-19 ได้นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่กับโรคโควิด-19 มีอาการเริ่มต้นคล้ายกัน กลุ่มเสี่ยงของทั้ง 2 โรคนี้ก็คล้ายกัน วิธีป้องกันโรคก็เหมือนกัน อาการรุนแรงก็คล้ายกันอีก ซึ่งจากมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาก็ทำให้ไข้หวัดใหญ่มีโอกาสระบาดน้อยลงในปีนี้ โดยช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขพบผู้มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่แต่ตรวจไม่เจอเชื้อ กล่าวคือเจอ 0% อย่างไรก็ดี ในช่วงฤดูฝนปีนี้ ถ้ามีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เพิ่มมากขึ้นจะไปสร้างความสับสนในคลินิกโรคติดต่อทางเดินหายใจ แต่หากสามารถลดกลุ่มเสี่ยงลงก็ทำให้การจัดการโควิด-19 ง่ายขึ้น อีกทั้งไม่ไปแย่งชิงทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดของโรงพยาบาลอีกด้วยสปสช.ได้วัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่ในปีนี้เร็ว ทำให้ฉีดได้เร็วก่อนฤดูระบาด และในช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาด การได้รับวัคซีนในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ก็มีความสำคัญเพราะเป็นกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวัง จึงสนับสนุนให้รีบไปรับวัคซีนทุกคน ขณะเดียวกันฝากถึงหน่วยบริการว่าเมื่อฉีดวัคซีนแล้วขอให้บันทึกข้อมูลเข้าระบบโดยเร็ว เพราะจะมีผลระยะยาวในการเป็นข้อมูลสำหรับต่อรองของบประมาณจัดซื้อวัคซีนเพิ่มในอนาคต นพ.ธนรักษ์กล่าวนพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ปีนี้ สปสช.จัดซื้อวัคซีน 4 ล้านโดส รวมเป็นเงินประมาณ 450 ล้านบาท สำหรับ 7 กลุ่มเสี่ยง คือ หญิงมีครรภ์ เด็กอายุ 6-2 ขวบ ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้พิการทางสมอง ผู้ป่วยธาลัสซีเมียและผู้ติดเชื้อเอชไอวี และกลุ่มที่มีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัมส่วนการให้วัคซีนสามารถแบ่งเป็น 2 พื้นที่ใหญ่ๆ คือ กทม.และต่างจังหวัด.
ไข้หวัดใหญ่ระบาดในเมืองไทยได้ตลอดปีแต่จะมีช่วงระบาดหนักในฤดูฝน โดยปีนี้มีการรณรงค์ป้องกันโควิด-19 ในเดือน ก.พ.-เม.ย. ซึ่งไม่พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เลย
ข่าว,ทั่วไทย
ไข้หวัดใหญ่,วัคซีนหวัดใหญ่,บุคลากรทางการแพทย์,โควิด-19,ไวรัสโคโรนา,สปสช.,ข่าววันนี้,การศึกษา
https://www.thairath.co.th/news/local/1842848
[ 0, 259, 191028, 4215, 25851, 4388, 224694, 18604, 44076, 25889, 259, 9542, 176124, 11867, 4348, 227897, 5669, 259, 127120, 84012 ]
ไม่มี1แสน เสียขา1ข้าง หนุ่มเบญจเพสเศร้า แฉรพ.ขอเงินก่อน-ไม่ยอมผ่าตัด
หนุ่มเบญจเพสเพิ่งทำงานเป็นพนักงานสถานีโทรทัศน์ สุดโชคร้ายประสบอุบัติเหตุ จยย.ล้มถูกนำส่ง รพ.เอกชน ก่อนหมดสติได้ยินหมอถามแม่ว่า มีเงิน 1 แสนมั๊ย ฟื้นอีกทีขาหายไป 1 ข้าง นอนอยู่ รพ.อีกแห่งไม่ไกลกันที่มีสิทธิประกันสังคม วอนขอความเป็นธรรม,เมื่อเวลา 08.30 น. ของวันที่ 1 ส.ค. 60 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทนายประชาชน ได้พาผู้สื่อข่าวไปที่บ้านเลขที่ 118/9 หมู่ที่ 12 ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เพื่อพบกับ นายอภิรมย์ แก่นสาร อายุ 25 ปี หนุ่มผู้โชคร้ายที่ประสบอุบัติเหตุ จนต้องถูกตัดขาทิ้งเพราะเพียงแค่ไม่มีเงินจำนวน 1 แสนบาท มาจ่ายให้แพทย์ทันทีในคืนที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ,นายอภิรมย์ หรือ บุ๊ค แก่นสาร เปิดเผยว่าตนเองมีอาชีพเป็นพนักงานของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ตำแหน่ง Electrical Support Officer เงินเดือน เดือนละ 20,000 บาท ทำมาได้เกือบ 1 ปีแล้ว ซึ่งทุกวันตนจะขับรถจักรยานยนต์ไปกลับระหว่างบ้านกับที่ทำงาน จนเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา ตนเข้างานตอนกลางคืน ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่มีฝนตกลงมากอย่างหนัก ตนรอจนกระทั่งฝนหยุดตกจึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากบ้าน พอมาถึงบริเวณถนนบรมราชชนนี ปากทางเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 2 รถจักรยานยนต์ได้ล้มลงเพราะความลื่น โดยไม่มีคู่กรณี ซึ่งตนจำได้เพียงแค่ว่า ตอนนั้นเมื่อรถล้มแล้วรู้สึกเจ็บที่ขาขวามาก และสักพักหนึ่งมีมูลนิธิฯ มาช่วย ก่อนนำส่งโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง พอมาอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ขณะนอนรอดูอาการ ตนก็ยังพอรู้ตัวว่ามีหมอมาตรวจ และทางครอบครัวทั้งพ่อแม่ รวมทั้งภรรยา ก็มาดูอาการด้วย ซึ่งตอนนั้นตนได้ยินแม่ถามหมอว่า ลูกชายเป็นอย่างไรบ้าง และได้ยินหมอคนหนึ่งพูดว่า กระดูกขาหัก 3 ท่อน แม่มีเงิน 1 แสนบาทมั้ย ถ้ามีก็จะผ่าตัดให้เลย ซึ่งแม่ของตนก็บอกหมอว่า ให้ช่วยผ่าตัดให้ก่อนแล้วเช้าจะเอาเงินมาให้ เพราะต้องไปขอยืมญาติมาจ่าย พอหลังจากที่สิ้นคำพูดของแม่แล้ว ตนก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย รู้ตัวแค่ว่าถูกนำเข้าห้องไอซียู มารู้ตัวอีกครั้งก็ถูกย้ายมาอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งที่สองแล้ว คือ โรงพยาบาลมหาชัย 2 ซึ่งเป็นโรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคม และแพทย์แจ้งว่าต้องตัดขาข้างขวาตั้งแต่หัวเข่าลงไปทิ้ง เนื่องจากเส้นเลือดขาดและเซลล์ตายแล้ว ไม่สามารถต่อให้ได้ เพราะมาถึงมือหมอช้าเกินไป หากปล่อยทิ้งไว้อาจจะทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือด จนอาจทำให้เสียชีวิตได้ ทำให้ทางครอบครัวของตนต้องตัดใจยอมให้หมอตัดขาตนเองทิ้ง และนอนพักรักษาตัวอยู่กว่าครึ่งเดือน เพิ่งได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา,หนุ่มโชคร้าย กล่าวอีกว่า ทั้งรู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสียขาจนกลายเป็นคนพิการ และตนเองนั้นก็เป็นเสาหลักของครอบครัว ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เสียความรู้สึกต่อแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกเป็นอย่างมาก ว่าทำไมถึงไม่รักษาให้ตนก่อนแล้วเช้าค่อยให้ที่บ้านนำเงินมาจ่ายให้ หรือเมื่อรับตัวคนไข้เข้ามาแล้ว ก็จะต้องมีการตรวจเช็กประกันสังคม เมื่อพบว่าตนเองมีสิทธิประกันสังคมอยู่ที่โรงพยาบาลมหาชัย 2 ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลแห่งแรกมากนัก ทำไมไม่รีบส่งตัวไปยังโรงพยาบาลตามสิทธิของตน เพราะหากส่งตัวไปได้เร็ว จะทำให้สามารถต่อเส้นเลือดที่ขาได้อย่างทันท่วงที และตนไม่ต้องกลายมาเป็นคนพิการ ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุแล้วตนเองและครอบครัวก็รู้สึกเครียดมาก พยายามหาทางที่จะคุยกับทางแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรก เพื่อให้ได้คำตอบว่าทำไมถึงไม่ผ่าตัดให้ตนก่อนในคืนนั้น ทำไมต้องมีเงินแสนถึงจะทำให้ แล้วแบบนี้คนจนๆ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะทำอย่างไร ไม่มีสิทธิรักษาจนต้องกลายเป็นคนพิการ และทำไมถึงตรวจไม่พบว่าเส้นเลือดที่ขาขาดด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี กลัวไปคุยกันเองแล้วจะเพลี่ยงพล้ำไปหมิ่นประมาทเขา ก็อาจจะทำให้ถูกฟ้องร้องกลับได้ กระทั่งมีเพื่อนแนะนำว่าให้โทรศัพท์ไปขอคำปรึกษาจากทนายตั้ม ตนจึงได้ลองโทรศัพท์ไปถามและได้รับคำแนะนำว่า ทางทนายจะช่วยเดินเรื่องให้ แต่ต้องให้มีการพูดคุยเพื่อรับฟังเหตุผลทางแพทย์ หรือคณะผู้บริหารจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกเสียก่อน,ด้านนางภัทราวดี แก่นสาร อายุ 54 ปี อาชีพรับจ้าง แม่ของนายอภิรมย์ เล่าว่า ในวันเกิดเหตุ ตนเองเดินทางไปดูบุตรชายที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งแรก และก็ได้พูดคุยกับคุณหมอ ซึ่งหมอก็บอกว่าถ้ามีเงิน 1 แสนก็จะผ่าตัดให้เลย พอตนบอกว่าให้ผ่าตัดให้ก่อนแล้วจะนำเงินมาจ่ายให้ตอนเช้า แต่หมอไม่ฟังเสียงที่ตนพูดออกไปเลย หมอเดินหนีไปโดยไม่หยุดฟังสักคำ ส่วนลูกชายก็ถูกเข็นไปในห้องไอซียู และหมอช่วยเพียงแค่ใส่เครื่องรักษาปอด เนื่องจากมีลมออกจากปอด ซึ่งพวกตนก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จนกระทั่งผ่านไปหลายชั่วโมง ทางโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกได้ส่งตัวลูกชายต่อไปที่โรงพยาบาลมหาชัย 2 เมื่อถึงมือแพทย์โรงพยาบาลมหาชัย 2 แพทย์บอกว่า ต้องตัดขาทิ้ง เพราะเส้นเลือดขาขาด และเซลล์ตายแล้ว เนื่องจากมาช้าไป ไม่สามารถต่อได้ ทำให้ทั้งตนและนางสาววรรษมน โพธิ์สาท ลูกสะใภ้ แทบยืนไม่อยู่ แต่ก็ต้องตัดใจให้แพทย์ตัดขา เพื่อรักษาชีวิตที่เหลือเอาไว้ ซึ่งทางบ้านแค่ต้องการอยากรู้ว่าทำไมแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกไม่รักษาลูกชายก่อน แล้วทำไมตรวจไม่พบว่าเส้นเลือดที่ขาลูกชายขาดจนต้องต่อให้ทันภายใน 6 ชั่วโมง อีกทั้งจะเอาตัวลูกชายไว้นานทำไม เหตุใดไม่รีบนำส่งโรงพยาบาลมหาชัย 2 เลย หลังจากที่ตรวจพบสิทธิตามการรักษาของประกันสังคม ,ขณะที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทนายประชาชน กล่าวว่า ในส่วนของทีมงานทนายประชาชน จะต้องขอตรวจสอบข้อมูลทางเอกสารทั้งหมดก่อน และจะต้องมีการรับฟังคำชี้แจงจากทางการแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกด้วย จึงจะสามารถดำเนินการต่อทางด้านกฎหมายได้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย.
หนุ่มเบญจเพสเพิ่งทำงานเป็นพนักงานสถานีโทรทัศน์ สุดโชคร้ายประสบอุบัติเหตุ จยย.ล้มถูกนำส่งรพ.เอกชน ก่อนหมดสติได้ยินหมอถามแม่ว่า มีเงิน 1 แสนมั๊ย ฟื้นอีกทีขาหายไป 1 ข้าง นอนอยู่ รพ.อีกแห่งไม่ไกลกันที่มีสิทธิประกันสังคม
ข่าว,ทั่วไทย
เสียขา1ข้าง,โรงพยาบาลเรียกเงิน,ถูกตัดขา,ร้องโรงพยาบาลเรียกเงิน,สมุทรสาคร,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/central/1023169
[ 0, 259, 107079, 2752, 5269, 118349, 202081, 34797, 31870, 259, 65905, 119870, 44891, 145295, 2091, 23940, 17138, 118349, 202081, 1 ]
ประยุทธ์แซงถนอม ขึ้นแท่น ขอเวลา ยึดอำนาจนานอันดับ 2 ตลอดกาล เป็นรองเพียงสฤษดิ์
แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีประกาศ (อีกครั้ง) ว่าจะเลือกตั้งเดือน พ.ย.61 แต่ คสช. ก็ทุบสถิติ ขอเวลารัฐประหารนานที่สุดเป็นอันดับ 2 กว่าจะมีการเลือกตั้ง แซงจอมพลถนอม ด้วยสถิติ40 เดือน 18 วัน เป็นรองเพียงจอมพลสฤษดิ์แล้ว10 ต.ค. 2560 รายนงานว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่าในเดือน มิ.ย. 61 จะประกาศวันเลือกตั้ง ส่วนในเดือน พ.ย. 61 จะให้มีการจัดการเลือกตั้งทั่วไป ทั้งนี้ขอให้นักการเมืองอยู่ในความสงบเรียบร้อย เพราะจะมีผลต่อการผ่อนปรนมาตรการทั้งนี้ การกล่าวถึงการประกาศเลือกตั้งนั้น เริ่มเป็นกระแสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้บอกกับโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาว่าจะประกาศวันเลือกตั้งในปีหน้าระหว่างหารือที่ทำเนียบประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯเมื่อวันที่ 2 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่นอย่างไรก็ตามการประกาศว่าจะมีการเลือกตั้งช่วงไหนต่อต่างประเทศนั้นไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ 10 ก.พ.58 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวระหว่างการเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ก็ออกมาระบุว่า โดยคาดว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งได้ในช่วงต้นปี 59 หรือ28 ก.ย.58กล่าวในการหารือกับเลขาฯยูเอ็น โดยคาดว่าจะสามารถประกาศการเลือกตั้งทั่วไปได้ภายในกลางปี60 รวมทั้งหลังทราบผลประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่9 ส.ค.59 พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาแถลงยืนยันว่าจะเดินหน้าตามโรดแมป และจัดการเลือกตั้งในปี 60 ให้ได้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหากนับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำรัฐประหารในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อ 22 พ.ค.57 จนถึงปัจจุบัน อยู่ในอำนาจ 3 ปี 4 เดือน 18 วันแล้วที่ผ่านมามีการขยาย สัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน ออกไปเรื่อยๆ และจนขณะนี้ก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะคืนอำนาจและจัดการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อไร และหากนับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบกษัตริย์เป็นระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญเมื่อปี 2475 เป็นต้นมา ไทยมีการรัฐประหารมาแล้ว 13 ครั้ง โดยที่ล่าสุด คสช. อยู่ในอำนาจยาวนานและทิ้งช่วงเวลาจัดการเลือกตั้งยาวนานขึ้นมาเป็นอันดับ 2 แล้ว เป็นรองเพียงแค่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ที่ทำรัฐประหารครั้งที่สอง ในนาม คณะปฏิวัติ ในวันที่ 20 ต.ค. 01 จนกระทั่งจัดการเลือกตั้งในสมัยรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร ในวันที่ 10 ก.พ. 12 รวมระยะเวลา 10 ปี 3 เดือน 21 วัน (123 เดือน 21 วัน )ส่วนอันดับ 3 รองจาก คสช. คือคณะปฏิวัติ ของ จอมพลถนอม ที่ขึ้นกุมอำนาจเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2514 จนกระทั่งรัฐบาลถนอมถูกโค่นหลังเหตุการณ์ 14 ต.ค.16 จากนั้นจึงมีการจัดเลือกตั้งเมื่อ 26 ม.ค.18 รวมใช้เวลา 3 ปี 2 เดือน 9 วัน (38 เดือน 9 วัน)
แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีประกาศ (อีกครั้ง) ว่าจะเลือกตั้งเดือน พ.ย.61 แต่ คสช. ก็ทุบสถิติ ขอเวลารัฐประหารนานที่สุดเป็นอันดับ 2 กว่าจะมีการเลือกตั้ง แซงจอมพลถนอม ด้วยสถิติ 40 เดือน 18 วัน
การเมือง
การเลือกตั้ง,การ์ตูน UP-ปรี,คสช.,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,รัฐประหาร
https://prachatai.com/journal/2017/10/73620
[ 0, 259, 203061, 49883, 49253, 23248, 238131, 93927, 1617, 259, 170163, 203061, 2752, 44109, 4395, 93289, 13094, 26036, 67550, 161155 ]
การละเมิดลิขสิทธิ์วิดีโอออนไลน์ กระทบ ศก.9 หมื่นล้าน ชี้ปม ก.ม.อ่อนแอไป
ผลวิจัยชี้ละเมิดลิขสิทธิ์วิดีโอออนไลน์กระทบเศรษฐกิจกว่า 9 หมื่นล้าน เหตุการบังคับใช้กฎหมายอ่อนแอ เสนอให้บังคับคดีโดยเอกชน แจ้งเตือนผู้ละเมิดให้เอาเนื้อหาออกตลอดจนดำเนินคดีฟ้องร้องได้เองขณะนี้ แพลตฟอร์มออนไลน์กระตุ้นให้เกิดบริการบนอินเทอร์เน็ต ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการสามารถรับชมเนื้อหาวิดีโอบนแพลตฟอร์ม และยังสามารถเผยแพร่วิดีโอของตนเองบนแพลตฟอร์มได้ หรือVSP (Video-sharing platforms)ปัจจุบันมีบริการVSPหลายราย เช่นLINETV Vimeo Facebook DailymotionและYouTubeตลอดจนเว็บไซต์ต่างๆ เป็นต้น ทำให้บุคคลทั่วไปหันมาเป็นผู้สร้างสรรค์สื่อหรือผู้ผลิตเนื้อหาเอง ทั้งการคิดขึ้นใหม่ และรีมิกซ์ พร้อมอัพโหลดเนื้อหาของตนเองขึ้นแพลตฟอร์มต่างๆ ได้อย่างอิสระและง่ายดาย ขณะเดียวกันผู้ผลิตสื่อดั้งเดิมก็ได้ปรับเปลี่ยนมาให้บริการ และเผยแพร่สื่อของตนผ่านทางช่องทางดิจิทัลมากยิ่งขึ้น ส่งผลในเชิงบวก ทำให้เกิดเนื้อหาจำนวนมาก และมีความหลากหลายขึ้น นับเป็นโอกาสใหม่ที่ผู้สร้างสรรค์จะเผยแพร่และหารายได้จากผลงานของตน ขณะเดียวกันก็เกิดผลกระทบเชิงลบอย่างมหาศาลเช่นกัน เมื่อการแบ่งปัน หรือเผยแพร่วิดีโอของตนเองได้ง่าย ทำให้ผู้ใช้บริการอาจละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นได้ง่ายทั้งโดยเจตนาหรือไม่เจตนา อีกทั้งเนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์ยังมีคุณภาพทัดเทียมกับต้นฉบับ ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด เกิดการเสพสื่อและส่งต่อสื่อละเมิดนั้นต่อไปไม่สิ้นสุด และยังเป็นเครื่องมือปั่นยอดวิวสร้างเม็ดเงินมหาศาลให้กับผู้กระทำผิดละเมิดโดยที่ผู้บริโภคไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวต่ออุตสาหกรรมคอนเทนต์และอุตสาหกรรมต่อเนื่องอย่างมากผศ.ดร.พัชรสุทธิ์ สุจริตตานนท์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดเผยถึงการละเมิดลิขสิทธิ์บนVSPก่อให้เกิดผลกระทบกับเศรษฐกิจในภาพรวมได้อย่างมาก โดยจะก่อให้เกิดความเสียหายโดยตรงกับอุตสาหกรรมคอนเทนต์ เพราะรายได้บางส่วนที่ผู้ผลิตเนื้อหาควรจะได้รับจากการรับชม ได้ตกไปอยู่ในมือของผู้ที่ละเมิดลิขสิทธิ์หรืออาจจะหายไปจากระบบเศรษฐกิจเลย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องกับทั้งห่วงโซ่มูลค่าของการผลิตเนื้อหาทั้งในด้านผลผลิตและการจ้างงาน และสุดท้ายยังจะลดแรงจูงใจในการ ผลิตเนื้อหา ส่งผลให้คุณภาพและความหลากหลายของเนื้อหาลดลงจากการศึกษาในโครงการศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจของการละเมิดลิขสิทธิ์ต่ออุตสาหกรรมของสื่อออนไลน์ในไทยและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและกฎหมาย (COPYRIGHT & VIDEO SHARING PLATFORM หรือ VSP) ซึ่งจัดทำขึ้นโดยศูนย์วิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบความเสียหายของการละเมิดลิขสิทธิ์บนVSPต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2017 อยู่ระหว่าง 58575ถึง 92519 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 0.35 ถึง 0.55 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโดยตรง ทั้งอุตสาหกรรมการผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ โรงภาพยนตร์ วิทยุ โทรทัศน์ และบริการที่เกี่ยวข้องอื่นๆ สูงสุดรวมกว่า 44782 ล้านบาท ทำให้การจ้างงานลดลงเป็นจำนวน 24030 ถึง 37956 ตำแหน่งเลยทีเดียว อีกทั้ง การละเมิดลิขสิทธิ์ยังเป็นปัญหาสําคัญที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนได้ นอกจากนั้นอิทธิพลจากการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ในผลงานของตนเอง ยังส่งผลให้ผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์รู้สึกหมดกำลังใจในการผลิตงานออกสู่สาธารณะอย่างมีนัยสำคัญ และยังส่งผลให้แพลตฟอร์มที่มีการดำเนินการซื้อขายคอนเทนต์อย่างถูกต้องได้รับผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากงานอันมีลิขสิทธิ์อาจถูกละเมิดโดยไม่ได้รับการชดเชย หรือมีการนำไปใช้เพื่อการแมชอัป โดยเจ้าของลิขสิทธิ์เองไม่ได้รับส่วนแบ่งด้วยด้าน ผศ.ดร.ปิยะบุตร บุญอร่ามเรือง อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวถึงข้อวิตกกังวลเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์บนVSPโดยเฉพาะในหมู่ผู้สร้างสรรค์งาน ผู้ประกอบการรายใหญ่บางรายก็ได้แสดงความกังวลในเรื่องนี้ออกมาตามสื่อสาธารณะต่างๆ ว่าได้รับความเสียหายจากการไม่บังคับใช้กฎหมายลิขสิทธิ์ที่ดีและชัดเจนพอบนVSPในประเทศไทยควบคู่ไปกับประเด็นถกเถียงเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ เนื่องจากวิดีโอที่นำเข้าสู่ระบบ ได้แก่การโพสต์หรือถ่ายทอดสดวิดีโอของบุคคลอื่นซึ่งเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน รวมทั้งการไลฟ์ อาทิ การโพสต์ หรือถ่ายทอดสดวิดีโอของตนเอง ที่มีงานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นเป็นองค์ประกอบสำคัญ ตลอดจนการโพสต์หรือถ่ายทอดสดวิดีโอของตนเองที่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์งานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่น ยังมีความล่อแหลม และยากต่อการประเมินว่าอาจมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ ซึ่งบางกรณีก็เห็นได้ชัด บางกรณีก็ไม่อาจระบุได้ว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ฯ กล่าวต่อว่า ในขณะเดียวกัน หากย้อนมองกลับมาที่กฎหมายไทยในปัจจุบัน ผศ.ดร.ปิยะบุตร เผยว่า จากการการศึกษาในโครงการฯ ยังพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ขณะนี้ผู้ให้บริการVSPรายใหญ่มีการทำข้อตกลงกับผู้ถือลิขสิทธิ์บริษัทเพลงยักษ์ใหญ่ระดับโลกและในไทยเกี่ยวกับค่าลิขสิทธิ์ที่เจ้าของลิขสิทธิ์จะได้รับด้วยการต่อสัญญาระยะยาว โดยมีตรวจจับลิขสิทธิ์อัตโนมัติอย่างContent IDทำให้สามารถเรียกร้องสิทธิของตนเองผ่านกระบวนการการแจ้งเตือนให้เอาเนื้อหาออก(Notice and Takedown)สามารถทำได้อย่างรวดเร็วแต่สำหรับผู้ประกอบการรายเล็กๆ กลับไม่ได้รับความคุ้มครองแบบเดียวกัน ในขณะที่ข้อกฎหมายและการบังคับใช้ทางกฎหมายก็ยังไม่เอื้ออำนวยให้ผู้ประกอบธุรกิจหรือเจ้าของแพลตฟอร์ม ไม่สามารถจัดการสกัดกั้นกับผลงานที่ละเมิดลิขสิทธิ์ได้ทันทีผศ.ดร.ปิยะบุตร กล่าวอีกว่า แม้จะมีเทคโนโลยีรองรับแล้วก็ตาม โดยจะต้องมีขั้นตอนในการขอหมายศาล ต้องแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายอาญาเสียก่อน จึงเกิดความยุ่งยากให้กับทั้งเจ้าของลิขสิทธิ์ที่จะดำเนินการเอาผิดผู้กระทำละเมิดด้วยเหตุที่กระบวนการบังคับคดีโดยรัฐและการมุ่งเน้นไปที่การบังคับใช้กฎหมายอาญาเป็นหลักนั้น ยังขาดประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เห็นได้ชัดจากกรณีข่าวเด็กทำกระทงละเมิดลิขสิทธิ์โดราเอมอนและคาแรกเตอร์อื่นๆซึ่งต่อมาขยายผลเป็นเรื่องการใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์ เพื่อสร้างรายรับหรือประโยชน์อันไม่ควรได้เข้ากระเป๋าตัวเองจึงควรที่จะพิจารณาเพิ่มทางเลือกในการบังคับคดี โดยเอกชนที่ผู้ประกอบการสามารถใช้กระบวนการในลักษณะเดียวกันกับการแจ้งเตือนให้เอาเนื้อหาออก (notice & takedown)โดยเฉพาะการแจ้งเตือนไปยังVSPหรือเจ้าของแพลตฟอร์มนั้นๆ ที่ควบคุมดูแลเนื้อหาโดยตรง เพื่อกระตุ้นให้VSPมีความรับผิดชอบที่จะต้องเอาเนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์ออก ภายหลังถูกแจ้งว่าละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว (editorial control)และช่วยให้เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่จำเป็นต้องไปดำเนินการบังคับคดีโดยรัฐอีกต่อไปนับเป็นการสร้างระบบนิเวศน์ในการผลิตคอนเทนต์และเผยแพร่ที่ปลอดภัยสมบูรณ์ และสร้างบรรทัดฐานในการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระการจัดการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ควบคู่ไปกับการสนับสนุนให้ภาครัฐออกมาตรการสนับสนุนผู้ผลิตคอนเทนต์ไทย ทั้งในแง่ของภาษีและการลงทุนที่มีประสิทธิภาพอย่างเร็วที่สุด เพื่อยับยั้งการกระทำผิดด้านละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศ และเพิ่มแรงขับเคลื่อนในการสร้างสรรค์ผลงานของนักคิดและผู้ผลิตคอนเทนต์คุณภาพต่อไป.
ผลวิจัยชี้ละเมิดลิขสิทธิ์วิดีโอออนไลน์กระทบเศรษฐกิจกว่า 9 หมื่นล้าน เหตุการบังคับใช้กฎหมายอ่อนแอ เสนอให้บังคับคดีโดยเอกชน แจ้งเตือนผู้ละเมิดให้เอาเนื้อหาออก ตลอดจนดำเนินคดีฟ้องร้องได้เอง
ข่าว,ไอที
ละเมิดลิขสิทธิ์,VSP,วิดีโอออนไลน์,คลิปวิดีโอ,อุตสาหกรรมคอนเทนต์,ศูนย์วิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,กฎหมายลิขสิทธิ์,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/tech/1757873
[ 0, 259, 135504, 11723, 96709, 94314, 31753, 149595, 29443, 17858, 78822, 25314, 15334, 50175, 123714, 2752, 1, 0, 0, 0 ]
สุรพศ ทวีศักดิ์: รัฐไทยไม่มีเสรีภาพทางศาสนา
การอ้างว่าสังคมไทยมีเสรีภาพทางศาสนา เพราะรัฐธรรมนูญรับรองไว้ ก็ไม่ต่างจากการอ้างว่าสังคมไทยมีเสรีภาพทางความคิดเห็นและการแสดงออกทางการเมือง เพราะรัฐธรรมนูญรับรองไว้ แต่หากในความเป็นจริงการบัญญัติ บังคับใช้ และตีความกฎหมายไม่ได้ยึดอุดมการณ์ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และการปกป้องสิทธิของปัจเจกบุคคลเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด เสรีภาพทางความคิดเห็นและการแสดงออกทางการเมืองที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ ก็ไม่สามารถจะมีได้ในความเป็นจริง ดังเห็นได้จากการที่องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนระดับโลกและนานาชาติ ต่างมองว่าสังคมไทยมีการใช้กฎหมายหลายมาตราละเมิดเสรีภาพทางความคิดเห็นและการแสดงออกทางการเมืองของประชาชนมากขึ้นโดยลำดับเช่นเดียวกัน แม้รัฐธรรมนูญจะรับรองเสรีภาพทางศาสนา แต่ภายใต้โครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างศาสนากับรัฐไทยปัจจุบัน ทำให้สังคมไทยไม่สามารถจะมีเสรีภาพทางศาสนาตามรัฐธรรมนูญรับรองได้ แต่เราก็เชื่อกันผิดๆว่า เรามีเสรีภาพทางศาสนามาโดยตลอด ดังที่พระสงฆ์และนักวิชาการพุทธศาสนามักพูดและเขียนกันบ่อยๆ ว่า สังคมไทยมีเสรีภาพทางศาสนามาตั้งแต่ยุคสุโขทัยจวบจนปัจจุบันแต่ เสรีภาพทางศาสนา (freedom of religion) ในความหมายของ รัฐฆราวาส-ประชาธิปไตยสมัยใหม่ ถือเป็นเสรีภาพทางความเชื่อของปัจเจกบุคคลที่รัฐจะแทรกแซง ขัดขวางไม่ได้ ตราบที่การใช้เสรีภาพนั้นไม่เป็นการละเมิดสิทธิหรือก่ออันตรายแก่ผู้อื่น (โดยต้องสามารถระบุการกระทำและตัวบุคคลผู้เสียหายได้ชัดเจน)ตัวอย่างเช่น สมมติในสังคมที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู ที่ห้ามกินเนื้อวัว เดิมทีอาจจะเป็นประเพณีความเชื่อของคนส่วนใหญ่ที่เชื่อว่าการกินเนื้อวัวผิดต่อพระเจ้า แต่ถ้าวันหนึ่งคนส่วนใหญ่อ้างความเชื่อนั้นมาบัญญัติกฎหมายห้ามกินเนื้อวัวที่มีผลบังคับทั่วไปแก่คนที่นับถือศาสนาอื่นๆและไม่นับถือศาสนา นี่ย่อมเป็นการอ้างความเชื่อทางศาสนาตามทัศนะส่วนบุคคลหรือกลุ่มบุคคลมาละเมิดเสรีภาพของปัจเจกบุคคลอย่างชัดแจ้ง เนื่องจากการกินเป็นเสรีภาพส่วนบุคคล ถ้าหากการกินเนื้อวัวเป็นความผิดต่อพระเจ้าก็ เป็นเรื่องของพระเจ้าจะจัดการเอง ไม่ใช่เรื่องของมนุษย์ที่เชื่อเช่นนั้นจะอ้างความเชื่อส่วนตัวมาละเมิดเสรีภาพของคนอื่นได้ (ผู้สนใจประเด็นนี้โปรดดู On Liberty ของ John Stuart Mill)แปลว่า รัฐที่จะมีเสรีภาพทางศาสนาอย่างแท้จริงนั้น ต้องไม่อ้างความเชื่อของศาสนาใดๆ มาบัญญัติกฎหมาย และไม่แทรกแซงศาสนาใดๆ ทั้งในเชิงบวก เช่นให้การสนับสนุนอุปถัมภ์การเผยแผ่ศาสนา กะเกณฑ์ผู้คนมาร่วมกิจกรรมทางศาสนา ออกกฎหมายปกป้องความบริสุทธิ์ของคำสอนของศาสนาใดๆ เป็นต้น และในเชิงลบ เช่นไม่ปิดกั้น หรือเอาผิดการตีความคำสอนศาสนา การเลือกนับถือไม่นับถือศาสนา หรือการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาใดๆ ตราบที่การกระทำเหล่านั้นไม่ละเมิดเสรีภาพและก่ออันตรายแก่ผู้อื่น รัฐเช่นนี้คือรัฐฆราวาส-ประชาธิปไตยสมัยใหม่ที่แยกองค์กรศาสนากับรัฐออกจากกัน รัฐไม่ใช้ความเชื่อทางศาสนาหรือความจริงสูงสุดมาเป็นหลักในการปกครอง ปล่อยให้ศาสนาเป็นเรื่องเสรีภาพของปัจเจกบุคคล องค์กรศาสนาไม่เป็นองค์กรของรัฐหรือเป็นกลไกสนับสนุนอำนาจรัฐ แต่เป็นองค์กรเอกชนภายใต้กฎหมายเหมือนองค์กรเอกชนทั่วไป มีอิสระในการศึกษาตีความและเผยแผ่ศาสนาตามความเชื่อของตนเองแต่รัฐไทยไม่ใช่รัฐฆราวาสประชาธิปไตยสมัยใหม่ เนื่องจากองค์กรปกครองสงฆ์เป็นองค์กรของรัฐและเป็นกลไกสนับสนุนอุดมการณ์และอำนาจรัฐ เพราะเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นโดยรัฐ มีอำนาจรัฐและใช้งบประมาณของรัฐ ภายใต้สัมพันธ์ระหว่างรัฐกับพุทธศาสนาเช่นนี้ทำให้รัฐไทยไม่สามารถจะมีเสรีภาพทางศาสนาได้อย่างแท้จริง แม้รัฐธรรมนูญจะรับรองไว้ก็ตามอันที่จริงธรรมวินัยกำหนดว่า การบวชภิกษุณีต้องบวชใน สงฆ์ 2 ฝ่าย คือ ภิกษุณีสงฆ์กับภิกษุสงฆ์ แต่ไม่ได้ระบุว่าบวชในภิกษุณีสงฆ์หรือภิกษุสงฆ์นิกายนั้นผิด นิกายนี้ถูก เพราะสมัยพุทธกาลยังไม่แยกนิกายปัญหาคือ คณะสงฆ์เถรวาทไทยอ้างว่า ภิกษุณีสงฆ์เถรวาทขายสายไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถบวชภิกษุณีเถรวาทอย่าง ถูกต้องตามธรรมวินัย ขึ้นมาได้อีก เพราะไม่ครบองค์สงฆ์ในการประกอบพิธีบวช และ(พระ/นักวิชาการพุทธจำหนวนหนึ่ง)มองว่า การไปบวชภิกษุณีจากนิกายมหายานไม่สำเร็จเป็นภิกษุณี เพราะไม่ถูกต้องตามธรรมวินัย (หรืออย่างเบาๆ ก็พูดแค่ว่า ไม่สำเร็จเป็นภิกษุณีเถรวาทได้ ถ้าเป็นก็เป็นภิกษุณีนิกายอื่น)แต่ฝ่ายเรียกร้องการบวชภิกษุณีอ้างว่า ก่อนภิกษุณีเถรวาทจะสูญไปจากศรีลังกา ภิกษุณีสงฆ์ศรีลังกาได้ไปบวชให้สตรีชาวจีนเป็นภิกษุณีในนิกายธรรมคุปต์ซึ่งเป็นนิกายย่อยของมหายาน หลังจากภิกษุณีเถรวาทสูญไปจากศรีลังกานานแล้ว จึงมีการฟื้นการบวชภิกษุณีขึ้นใหม่ โดยสตรีศรีลังกาไปบวชมาจากภิกษุณีสงฆ์ในจีน และมาทำพิธีบวชในภิกษุสงฆ์เถรวาทในศรีลังกาอีกที แล้วถือว่าพวกตนเป็นภิกษุณีเถรวาท เพราะถือปฏิบัติตาม ธรรมวินัยในพระไตรปิฎกเถรวาท ฉะนั้น การบวชจึงถูกต้องตามธรรมวินัย เพราะบวชในสงฆ์ 2 ฝ่ายอย่างถูกต้อง แม้จะต่างนิกายก็ไม่ผิด (เพราะธรรมวินัยในพระไตรปิฎกเถรวาทไม่ได้ระบุว่าบวชข้ามนิกายผิด)ข้อขัดแย้งนี้เกี่ยวข้องกับ เสรีภาพทางศาสนา ตรงที่ว่า ถ้าคู่ขัดแย้งแต่ละฝ่ายไม่ได้มีหรือใช้ อำนาจรัฐ ต่างคนต่างยึดถือการตีความของตัวเองว่า ถูกต้อง และสมัครใจจะเลือกยอมรับหรือไม่ยอมรับการบวชภิกษุณีตามการตีความของตัวเอง ย่อมถือว่าไม่ขัดกับหลักเสรีภาพทางศาสนา แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีและใช้อำนาจรัฐกำหนดหรือบังคับให้เป็นไปตามการตีความของฝ่ายตน ย่อมขัดกับหลักเสรีภาพทางศาสนา เพราะเท่ากับเอาทัศนะส่วนตัวหรือทัศนะของฝ่ายตัวไปเป็น หลักการทั่วไป ใช้บังคับให้ทุกคนปฏิบัติตามผ่านอำนาจรัฐในรูปกฎหมาย คำสั่ง หรือระเบียบต่างๆฉะนั้น การที่มหาเถรสมาคมซึ่งเป็นองค์กรของรัฐ ได้อ้าง การตีความธรรมวินัย (ซึ่งเป็นทัศนะ/ความเชื่อส่วนตัวของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล) เพื่อใช้เป็น หลักการทั่วไป ในรูปคำสั่ง ระเบียบใดๆที่มีฐานะเป็น กฎหมาย ซึ่งใช้บังคับเป็นการทั่วไป เช่นห้ามพระทั่วประเทศทำการบวชภิกษุณี และ/หรือห้ามไม่ให้พระชาวต่างชาติมาทำการบวชภิกษุณีในไทย จึงเป็นการ ละเมิดเสรีภาพทางศาสนา หรือเป็นการใช้อำนาจรัฐแทรกแซงขัดขวางเสรีภาพทางศาสนา ด้วยการทำให้ความเชื่อ ทัศนะของฝ่ายตัวเองมีผลเป็นการกีดกัน บังคับ เอาผิดคนอื่นๆที่มีทัศนะ ความเชื่อทางศาสนาต่างจากตนหรือฝ่ายตนอีกตัวอย่างหนึ่ง โครงการหมู่บ้านศีล 5 หากเป็นโครงการที่ริเริ่มจากวัดกับหมู่บ้านหรือชุมชนแต่ละแห่งสมัครใจทำกันเอง อย่างอิสระ โดยไม่เกี่ยวข้องกับทางราชการ หรือไม่ใช่นโยบายของรัฐ หรือนโยบายขององค์กรสงฆ์ที่ใช้อำนาจตามกฎหมายสั่งการลงไป ย่อมไม่ขัดต่อเสรีภาพทางศาสนา แต่หาตรงกันข้ามย่อมขัดกับหลักเสรีภาพทางศาสนาดังกล่าวแล้วฉะนั้น เมื่อพูดในเชิงหลักการอย่างถึงที่สุด ตราบใดที่องค์กรศาสนามีอำนาจรัฐในมือ เสรีภาพทางศาสนาไม่อาจมีได้จริง
การอ้างว่าสังคมไทยมีเสรีภาพทางศาสนา เพราะรัฐธรรมนูญรับรองไว้ ก็ไม่ต่างจากการอ้างว่าสังคมไทยมีเสรีภาพทางความคิดเห็นและการแสดงออกทางการเมือง เพราะรัฐธรรมนูญรับรองไว้ แต่หากในความเป็นจริงการบัญญัติ
วัฒนธรรม,สังคม
ธรรมวินัย,ภิกษุณี,ศาสนา,สุรพศ ทวีศักดิ์
https://prachatai.com/journal/2015/07/60556
[ 0, 259, 89153, 11984, 5490, 232509, 17117, 9542, 195156, 8378, 2361, 238063, 3755, 6581, 141944, 39932, 122572, 39322, 259, 149554 ]
ดีเจระนองแฉ อุตุ ไม่เตือนคลื่นยักษ์
ประชาไท-26 ธ.ค.47นางสาวโรจนา บุญชูวง นักจัดรายการวิทยุ อสมท.จังหวัดระนอง ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ของจังหวัดระนองก่อนเกิดเหตุคลื่นยักษ์ซึนามิถล่มว่า กรมอุตุนิยมวิทยาได้ทำหนังสือแจ้งเตือนมาในช่วงเช้าว่าเกิดแผ่นดินไหวขึ้นตามที่ต่างๆ แต่ก่อนเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์กลับไม่มีการเตือนล่วงหน้า ทั้งที่เวลาการเกิดอาฟเตอร์ช็อค ห่างจากการเกิดคลื่นยักษ์นับชั่วโมง ความผิดพลาดดังกล่าวจึงนำมาซึ่งการสูญเสียจำนวนมาก นางสาวโรจนากล่าวว่า จังหวัดระนองขณะนี้มียอดรวมผู้เสียชีวิตจากคลื่นยักษ์ จำนวน 70 คน ทราบชื่อแล้ว 50 คน ผู้สูญหายประมาณ 100 คน โดยเฉพาะบริเวณบ้านทะเลนอก กิ่งอ.สุขสำราญ จ.ระนอง เกิดความเสียหายอย่างหนักเบื้องต้นทราบว่าโรงเรียนบ้านทะเลนอกหายไปหมด เหลือเพียงธงชาติที่ปลิวบนยอดเสา นักเรียนจำนวน 13 คนพร้อมกับนางสุจารี เถาเล็ก อาจารย์ 2 ระดับ 7 ที่นัดนักเรียนไปฝึกซ้อมรำที่โรงเรียนถูกคลื่นซัดหายไปทั้งหมด ทั้งนี้เจ้าหน้าที่พบศพนักเรียนแล้ว 3 ศพ ฐานปฏิบัติการจุดเฝ้าตรวจชายแดน ตชด.ที่ 4116 ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงเรียนถูกคลื่นซัดหายและเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 2 นาย พบศพแล้ว นอกจากนี้สถานีอนามัยถูกคลื่นถล่มได้รับความเสียหายเช่นกัน ส่วนเจ้าหน้าที่สูญหายยังไม่ทราบชะตากรรม โดยสถานที่ราชการดังกล่าวอยู่ห่างจากชายฝั่งไปประมาณ 2-3 กิโลเมตร มีคนโทรฯ เข้ามาเล่าให้ฟังขณะจัดรายการว่า ขณะที่เขากำลังโทรศัพท์อยู่ห่างจากชายฝั่งไป 3 กิโลเมตรเป็นเวลาประมาณ 10.00-12.00 น. เขาบอกว่าคุยโทรศัพท์อยู่ดีๆ ก็มีคลื่นซัดเข้ามาโดยไม่รู้ตัวมาก่อน นางสาวโรจนากล่าวและว่า คลื่นที่มาเป็นคลื่นมุดใต้น้ำ เพราะก่อนเกิดเหตุการณ์ทะเลราบเรียบมาก จึงไม่มีใครคาดได้เลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว นางสาวโรจนาให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ทุกคนยังหวาดผวากับเหตุการณ์อย่างมาก และระแวงว่าจะมีคลื่นซัดมาอีหรือไม่ ทั้งนี้ตามศูนย์อพยพต่างๆในจังหวัดระนองยังขาดแคลนน้ำ อาหารและเครื่องนุ่งห่มอีกจำนวน นายสุนันท์ เถาเล็ก กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ทำอาหารมื้อเที่ยงอยู่ที่บ้านพักครู หลังจากนั้นได้ยินเสียงดังผิดปกติ จึงออกไปดูพร้อมกับนักเรียน และชาวบ้านเห็นคลื่นยักษ์สูงประมาณ 20 เมตร ทุกคนจึงพยายามวิ่งหนี โดยตนได้วิ่งไปที่รถยนต์ส่วนตัวเพื่อขับหลบหนีแต่ขณะขับรถอยู่นั้น คลื่นยักษ์ได้มาถึงแล้วพัดเอารถลอยอยู่เหนือคลื่นและจมน้ำ ตนได้ตะเกียกตะกายออกมาจากรถ และว่ายน้ำจนรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด ด้านนายณรงค์ คุ้มราษฎร์ ราษฎรหมู่ที่ 2 ต.กำพวน กล่าวว่า ในขณะที่กำลังทำงานอยู่ที่แปลงปลูกแตงโมที่บ้านทะเลนอก ได้ยินเสียงดังสนั่นมาจากทะเล เมื่อหันไปดูเห็นคลื่นขนาดใหญ่ ตนจึงขับรถจักรยานยนต์หนีไปได้ และได้ ย้อนกลับมาอีกครั้งหลังคลื่นสงบ ปรากฎว่าพื้นที่ราบไปหมด ไม่มีอะไรเหลือ ในส่วนของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 415 ระนอง พ.ต.ท.พันธ์ศักดิ์ สมันตรัฐ ผู้บังคับกองร้อย ตชด.ได้นำกำลังและขอสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์จากกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 41 จังหวัดชุมพร 1 ลำ เพื่อออกค้นหาช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามเกาะต่าง ๆ เนื่องจากเรือไม่สามารถออกทะเลได้ โดยเฉพาะที่หมู่เกาะกำ และสามารถช่วยชีวิตไว้ได้ 5 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่นำเรือหางยาวออกไปตกปลาวันก่อนเกิดเหตุ นายทวิส มีสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลวัดอุปนันทาราม จ.ระนอง กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยเพื่อนได้นำเรือหางยาวออกไปตกปลาที่บริเวณหมู่เกาะกำเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยก่อนเกิดเหตุได้ฟังวิทยุประกาศว่ามีคลื่นยักษ์ที่จังหวัดภูเก็ตจึงรีบถอนสมอเพื่อกลับเข้าฝั่ง แต่ขณะนั้นตนเห็นคลื่นความสูงกว่า 10 เมตรประมาณ 3-4 ลูกพัดถล่มเข้าใส่จนเรือแตก หลังจากนั้นตนและเพื่อนอีก 3 คน ได้เกาะขอนไม้ว่ายเข้าเกาะจนได้รับการช่วยเหลือ ส่วนเพื่อนอีก 2 คน ยังไม่ทราบชะตากรรม
ประชาไท-26 ธ.ค.47 นางสาวโรจนา บุญชูวง นักจัดรายการวิทยุ อสมท.จังหวัดระนอง ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ของจังหวัดระนองก่อนเกิดเหตุคลื่นยักษ์ซึนามิถล่มว่า
สิ่งแวดล้อม
https://prachatai.com/journal/2004/12/1944
[ 0, 259, 54741, 36247, 42859, 16344, 20475, 259, 111227, 148312, 49612, 259, 80267, 259, 51122, 119793, 35749, 197744, 6200, 86547 ]
นักบินพลาด ทำAir Asia X ซิดนีย์-กัวลาลัมเปอร์ บินผิดทิศ ไปลงเมลเบิร์น
สำนักงานการบินพลเรือนออสเตรเลีย เผยรายงานการสอบสวนเหตุไม่คาดฝัน เครื่องบินโดยสารแอร์เอเชีย เอ็กซ์ จากซิดนีย์ ปลายทางกัวลาลัมเปอร์ เกิดบินผิดทิศไปลงเมืองเมลเบิร์น เมื่อปีก่อน เกิดจากความผิดพลาดของนักบิน กรอกตัวเลขผิดในระบบนำทาง,เมื่อ 8 ก.ย.59 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงาน สำนักงานการบินพลเรือนของออสเตรเลีย เปิดเผยรายงานการสอบสวน กรณีเกิดเหตุการณ์เครื่องบินโดยสาร แอร์บัส A330 ของสายการบินแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ขณะนำผู้โดยสาร 212 คนทะยานออกจากนครซิดนีย์ ปลายทางกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2558 แต่ปรากฏว่าเครื่องบินเกิดบินผิดทิศทาง จนนักบินต้องรีบนำเครื่องลงจอดที่เมืองเมลเบิร์น ในออสเตรเลีย ว่า ผลการสอบสวน พบเกิดจากความผิดพลาดของนักบิน เนื่องจากนักบินได้พิมพ์ตัวเลขตำแหน่งจุดเริ่มต้นของเครื่องบินผิดลงในระบบนำทาง หรือเนวิเกเตอร์ของเครื่องบิน,รายงานการสอบสวนของสำนักงานการบินพลเรือนของออสเตรเลีย ระบุว่า การพิมพ์ตำแหน่งของเครื่องบินในระบบนำทาง เป็นระบบแบบแมนนวล คือ ใช้นักบินเป็นผู้พิมพ์กรอกข้อมูล โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ แทนที่นักบินจะใส่ตัวเลข 15109.8 east แต่กลับไปใส่ตัวเลข 01519.8 east แทน จึงส่งผลให้ตำแหน่งของเครื่องบินผิดพลาด มีระยะการบินเกินไปเป็น 11,000 กิโลเมตร ทำให้ระบบเนวิเกเตอร์และระบบเตือนบางอย่างบนเครื่องบินส่งสัญญาณแจ้งเตือน,ตามรายงานดังกล่าว ยังระบุว่ากัปตันและนักบิน มีโอกาสที่จะแก้ไขความผิดพลาด แต่กลับไม่สังเกตปัญหา ทั้งที่มีข้อความหรือแมสเสจหลายข้อความ และมีเสียงแจ้งเตือนความผิดพลาด ก่อนเครื่องบินจะ เทค ออฟ ทะยานออกจากสนามบินในนครซิดนีย์ แต่กัปตันและนักบินกลับไม่สนใจคำเตือนเหล่านั้น จนกระทั่ง กัปตันและนักบิน เริ่มตระหนักว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น และพยายามจะแก้ไขระบบ แต่ก็ช้าเกินไปเสียแล้ว,นอกจากนั้นแล้ว ระบบนำทางยังเกิดความผิดพลาดขึ้นอีก เมื่อนักบินขอบินกลับไปยังนครซิดนีย์ และจะลงจอดโดยไม่ใช้ระบบนำทาง แต่ด้วยสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย จึงทำให้นักบินต้องไปลงจอดที่เมืองเมลเบิร์นแทน และต้องเสียเวลาอยู่ที่สนามบินเมลเบิร์น 3 ชั่วโมง ก่อนจะทะยานขึ้นบินมุ่งหน้าไปยังกัวลาลัมเปอร์ (เมืองเมลเบิร์น อยู่ห่างจากนครซิดนีย์ ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 722 กม. และห่างจากกัวลาลัมเปอร์ 6,611กม.)
สำนักงานการบินพลเรือนออสเตรเลีย เผยรายงานสอบสวนเหตุไม่คาดฝัน เครื่องบินโดยสารแอร์เอเชีย เอ็กซ์ จากซิดนีย์ ปลายทางกัวลาลัมเปอร์ เกิดบินผิดทิศ จนไปลงเมืองเมลเบิร์น เมื่อปีก่อน เกิดจากความผิดพลาดนักบิน กรอกตัวเลขผิดในระบบนำทาง
แอร์เอเชีย เอ็กซ์,Air Asia X,นักบินผิดพลาด,ซิดนีย์,เมลเบิร์น,กัวลาลัมเปอร์,กรอกตัวเลขผิด,ระบบนำทาง,เนวิเกเตอร์
https://www.thairath.co.th/content/716230
[ 0, 259, 26420, 141020, 1549, 27605, 213733, 5269, 5405, 176751, 29669, 7910, 91133, 180411, 259, 49922, 9112, 97901, 1, 0 ]
จาตุรนต์ชี้ยกเลิกวันยุบสภาผิดหนัก ถามจะปรองดองจริงก็ต้องประนีประนอม
จาตุรนต์แนะ นายกฯ ต้องเป็นผู้ใหญ่และจริงใจอย่าตุกติก วอนเสื้อแดง ข้อเรียกร้องต้องชัดเมื่อบรรลุก็ต้องยุติการชุมนุมโดยเร็ว13 พ.ค.53 นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานสถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตย กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมือง การเจรจาระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับ นปช.เพื่อหาทางออกจากวิกฤตว่าวิกฤตการเมืองที่ดำรงอยู่ขณะนี้เกิดจากความไม่เป็นประชาธิปไตยและปัญหา 2 มาตรฐานที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา กลุ่มคนเสื้อแดงเสนอทางออกด้วยการเรียกร้องให้ยุบสภาส่วนรัฐบาลได้เลือกใช้วิธีการการสลายการชุมนุมด้วยกำลังอาวุธภายใต้ข้ออ้างว่าขอพื้นที่คืนเหตุการณ์จึงบานปลายมาถึงทุกวันนี้เมื่อรัฐบาลเห็นว่าไม่สามารถใช้กำลังสลายการชุมนุมได้ จึงเปลี่ยนมาเสนอแผนปรองดองตามคำเรียกร้องของหลายฝ่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ การปรองดองจะเกิดขึ้นได้สังคมต้องเดินหน้าสู่การเลือกตั้งเพื่อให้ประชาชนช่วยแก้ปัญหาความไม่เป็นประชาธิปไตยขณะเดียวกันการใช้กฎหมายรักษากฎหมายต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม ต้องทำให้ระบบยุติธรรมของประเทศไม่เป็นสองมาตรฐานแล้วให้ทุกฝ่ายเข้าสู่ระบบยุติธรรมอย่างเท่าเทียมในช่วงวันสองวันนี้มีแนวโน้มว่าสังคมไทยอาจจะถลำลึกสู่วิกฤตที่รุนแรงยิ่งขึ้นซึ่งจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะการแก้ปัญหาที่ถูกทางและการเจรจาประนีประนอมที่มีมาอย่างต่อเนื่องกำลังจะสะดุดหยุดลงเสียแล้วสิ่งที่นายกฯอภิสิทธิ์กำลังทำอยู่จะเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงชนิดที่จะเสียใจตลอดไปอยากเสนอให้นายกฯทบทวนท่าทีล่าสุดของตนเสียใหม่นายกฯต้องแสดงความเป็นผู้ใหญ่และจริงใจ เลิกตุกติกและทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับการปรองดองนายกฯต้องเลิกล้มความคิดที่จะซื้อเวลาให้นานออกไปกว่าที่พูดไว้ โดยควรจะประกาศให้ชัดเจนว่าจะยุบสภาตามที่ได้ประกาศไว้อย่าโยกโย้ บิดพลิ้วต่อไปเลิกล้มแผนตัดน้ำตัดไฟ และการใช้รถถังยานเกราะกับกองกำลังอาวุธเข้าคุกคามหรือสลายการชุมนุมรวมทั้งการเตรียมที่คุมขังแกนนำ นปช.ทั้งๆ ที่ได้รับปากไว้แล้วในการเจรจาว่าจะไม่คัดค้านการประกันตัวสิ่งที่รัฐบาลและ ศอฉ.กำลังทำอยู่มีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีกผมไม่เชื่อว่าทหารจะยอมเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนอีกแต่พฤติกรรมของรัฐบาลและ ศอฉ.ก็กำลังเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความรุนแรงสูญเสียรวมทั้งทำให้เหตุการณ์บานปลายไม่สิ้นสุดสำหรับการชุมนุมของคนเสื้อแดงนั้นเข้าใจว่าข้อห่วงใยที่สำคัญที่สุดของคนเสื้อแดงในขณะนี้คือ ต้องการหลักประกันว่านายกฯและรองนายกฯสุเทพ จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมสิ่งที่ควรทำก็คือ ทำข้อเรียกร้องนี้เป็นข้อสรุปที่ชัดเจนเมื่อบรรลุข้อเรียกร้องนี้แล้วก็ควรยุติการชุมนุมโดยเร็ว ไม่ควรมีข้อเรียกร้องอื่นๆเพิ่มเติมที่จะทำให้การชุมนุมยืดเยื้อต่อไป
จาตุรนต์แนะ นายกฯ ต้องเป็นผู้ใหญ่และจริงใจอย่าตุกติก วอนเสื้อแดง ข้อเรียกร้องต้องชัดเมื่อบรรลุก็ต้องยุติการชุมนุมโดยเร็ว 13 พ.ค.53 นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานสถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตย
การเมือง
การชุมนุมเดือนมีนาคม - พฤษภาคม 2553,การปรองดอง,คนเสื้อแดง,อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
https://prachatai.com/journal/2010/05/29427
[ 0, 259, 196320, 26036, 40477, 147426, 197859, 126856, 20118, 25534, 27968, 4188, 116670, 6581, 156417, 1, 0, 0, 0, 0 ]
ไปเคลียร์นาฬิกาก่อน ทักษิณโต้ ตอกกลับ ป้อม ประวิตรยัวะถึงหลุด ไอ้
ปู นั่งประธานท่าเรือซัวเถา ตู่รับสั่งจับตาทุกพรรค ปปช.ปดขุดคดีชัชชาติ,คสช.เมินเปิดโต๊ะคุยอดีตนายกฯ บิ๊กตู่ ลั่นไม่เจรจาคนหนีคดี ทักษิณ ตอกกลับ ป้อม เคลียร์นาฬิกาตัวเองก่อน หยันกระบวนการยุติธรรมแบบป้อมๆ หมดความน่าเชื่อถือไปแล้ว ประวิตร ฉุนหลุดไล่สื่อไปถาม ไอ้ทักษิณ กร้าวอดีตนายกฯแค่รุ่นน้อง ไม่ใช่น้อง ไร้สายสัมพันธ์กัน ประยุทธ์ ว้ากนักข่าวอย่าเอาต่างชาติมากดดัน พ.ร.ฎ.ลงราชกิจจาฯเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น รับสั่งฝ่ายมั่นคงตรวจสอบฟันผิดทุกพรรค บิ๊กป๊อก แจง มท.ร่อนหนังสือชะลอเตรียมจัดคูหาหลัง กกต.ประสานมา อิทธิพร ปัดส่งซิกรู้กันกับ มท. ยันยังไม่มีตุ๊กตาล็อกวันกาบัตร ณัฏฐ์ พลิกพัลวันบอก พ.ร.ฎ.ยังไม่ลงมาแจ้งกองหนุนเบรกแผนหย่อนบัตร จตุพร อัด มท.ทำเกินหน้าที่ส่อเจตนายื้อ ภูมิธรรม ซัดอำนาจรัฐคุกคาม ตร.รวบว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ชัชชาติ คัมแบ็ก ป.ป.ช. เร่งรื้อคดี วัชรพล ปฏิเสธไล่เช็กบิล โอดเป็นเหยื่อโอชะทางการเมือง,พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องเผชิญกับคำถามและแรงกดดันจากฝ่ายต่างๆ กรณีความไม่ชัดเจนเรื่องการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป โดยนายกฯหงุดหงิดติงสื่อมวลชนอย่าเอาต่างชาติมากดดัน ส่วนข้อเสนอของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา ให้เปิดการเจรจากับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทั้งนายกฯ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ปฏิเสธโดยสิ้นเชิง จนเกิดศึกวิวาทะตอบโต้กันอย่างดุเดือด,นายกฯขอให้เลิกทะเลาะขัดแย้ง,เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนการประชุมที่หน้าตึกบัญชาการ 1 นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ นำคณะนักเรียน นักศึกษา มอบดอกกล้วยไม้วันครูปี 62 และซีดีเพลง เทิดเกียรติคุณครู ให้แก่นายกฯ ปีนี้นายกฯได้มอบคำขวัญวันครูปี 2562 ว่า ครูดี ศิษย์ดี มีพัฒนา ก้าวหน้าสู่เทคโนโลยี และประชาสัมพันธ์โครงการ ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์(National-e-Library) รูปแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Book แห่งแรกของไทย โดยนายกฯกล่าวว่า อนาคตคนรุ่นใหม่ต้องเลิกทะเลาะ ไม่ขัดแย้งกัน รุ่นเก่าขัดแย้งกันเสียเหลือเกิน เรากำลังพัฒนาโครงสร้างอย่ามาติติงทั้งหมด อะไรที่ยังช้าต้องคำนึงว่าได้เกิดขึ้นแล้ว,แขวะสื่อรู้แต่ ลต. ไม่รู้จัก 5 จี,จากนั้นที่ห้องโถงตึกบัญชาการ 1 นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เข้าพบนายกฯ ประชาสัมพันธ์ผลงาน บริการฉับไว จุดเดียวจบ ครบทุกเรื่อง ให้บริการภาครัฐแบบออนไลน์เบ็ดเสร็จที่มีแล้วในศูนย์การค้าเซ็นทรัลหลายสาขา นายกฯขอให้ขยายทำให้ครบทั้ง 77 จังหวัด พร้อมกล่าวว่าโลกกำลังไปที่ 5.0 ไทยกำลังเข้าสู่ตรงนั้นเหมือนกัน วันนี้ไทยได้ทดสอบ 5 จีแล้ว ก่อนถามนักข่าวว่า รู้ไหมอะไรคือ 5.0 ไม่รู้อีก รู้แต่ว่าเลือกตั้งไม่เลือกตั้ง ต่อมาที่ห้องรับรอง 1 รมว.3 กระทรวงคือพาณิชย์ เกษตรฯและทรัพยากรธรรมชาติฯนำคณะกรรมการปราชญ์ชาวบ้านเข้าพบนายกฯ เสนอตั้งคณะกรรมการเพื่อบูรณาการขับเคลื่อนเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน โดยนายกฯกล่าวว่า ต้องเดินหน้าประเทศไปด้วยกันแบบประชารัฐ,สาธุสันติอโศกเชียร์นั่งนายกฯ 3 สมัย,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนายกฯมอบของที่ระลึกให้มีตัวแทนปราชญ์ชาวบ้านจากสำนักสันติอโศกได้กล่าวกับนายกฯว่า สมณโพธิรักษ์ ผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวสันติอโศก ฝากถามนายกฯว่าสบายดีไหม นายกฯตอบว่า สบายดี แล้วถามว่าสมณโพธิรักษ์สบายดีหรือเปล่า สุขภาพแข็งแรงนะ ตัวแทนสันติอโศกระบุอีกว่า ลุงแซมดินฝากมาขอให้เป็นนายกฯอีก 2-3 สมัย นายกฯยิ้มกล่าวว่า สาธุ เดี๋ยวเป็นเรื่องอีก สื่อจ้องกันอยู่แล้ว,ว้ากอย่าเอาต่างชาติมากดดัน ลต.,ต่อเวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวภายหลังการประชุม ครม.กล่าวด้วยอารมณ์หงุดหงิดถึงคำถามความชัดเจนวันเลือกตั้งกับการชี้แจงนานาชาติที่ได้บอกไว้จะเป็นวันที่ 24 ก.พ.62 ว่ายังไม่เคยบอกว่าจะเลื่อนหรือไม่เลื่อน ต่างชาติเขาเข้าใจเราอยู่แล้ว ไปต่างประเทศถามตนเกือบทุกประเทศเสมอว่าพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจะมีขึ้นเมื่อไหร่ ประสงค์มาร่วมได้หรือไม่ แล้วเป็นอะไรกันนักหนา ไม่เข้าใจ กดดันในประเทศยังไม่พอจะเอาต่างประเทศมากดดันกันอีก อยากถามว่าที่นี่คือประเทศอะไร ประเทศไทยใช่หรือไม่ คนไทยใช่ไหม เราควรสำนึกกันบ้างเรื่องเหล่านี้ ไม่ได้ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น อยากให้ทุกอย่างเสร็จสิ้นตามกระบวนการทั้งหมดโดยเร็ว รัฐบาลมีเสถียรภาพ อย่าไปพูดจะขยายอำนาจกันต่อ เรื่องนี้ตนพูดได้เต็มปาก เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่า พ.ร.ฎ.เลือกตั้งลงมาแล้ว นายกฯกล่าวว่าไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น,เลิกสร้างบทลิเกปลุกฆ่าฟันกันเอง,เมื่อถามว่า รัฐบาลและ คสช.จะรับมือกับกลุ่มเคลื่อนไหวอย่างไร หลังมีกระแสต่อต้านเลื่อนการเลือกตั้ง นายกฯกล่าวว่า ปลุกระดมกันเรื่อยๆ มีกี่คนกันที่บอกว่าร่วมกันแน่นขนัด สื่อเขียนกันเข้าไปเถอะกลัวไม่ยุ่งหรืออย่างไร อย่าไปให้ค่าที่โซเชียล อย่าเขียนปลุกระดมมากนัก ผิดถูกรู้กันทุกคนเรื่อง กฎหมาย เพียงแต่วันนี้ถูกครอบงำ อย่าไปขยายกันมากมาย สร้างบทลิเกรบราฆ่าฟันกันไปมาอยู่นั่น ไม่ตายสักคน แต่บ้านเมืองมันปั่นป่วน เสถียรภาพไม่มี งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจะเกิดขึ้น เวลาเกิดอะไรขึ้นนายกฯและหัวหน้า คสช.รับผิดชอบอยู่แล้ว แต่คนไทยทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมด้วย,สั่ง จนท.มั่นคงตรวจสอบคดีทุกพรรค,นายกฯกล่าวถึงกรณีที่ตำรวจบุรีรัมย์จับกุมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 6 พรรคเพื่อไทย ถูกมองเป็นการกลั่นแกล้งว่า ไม่ทราบว่าผู้ที่ถูกจับกุมทำผิดกฎหมายหรือไม่ กฎหมายมีอยู่แล้ว ว่าตามหลักฐาน วันนี้ได้สั่งไปยังฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามตรวจสอบทุกพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคใด ถ้าทำผิดต้องจับกุมดำเนินคดี ถ้าไม่มีเรื่องไม่จับดำเนินคดีเท่านั้นเอง อย่าไปสร้างสังคมให้แบ่งข้างกันอยู่แบบนี้ ไม่อย่างนั้นร่วมกันทำงานไม่ได้ แล้วจะให้ไปเจรจากับคนอื่นอีก คนละเรื่องเลย ส่วนกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมเช็กบิลคดีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กรณีจ่ายเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมและคดีโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.6 หมื่นล้านบาท เหตุเพราะได้รับความนิยมช่วงนี้ เป็นเรื่องที่พูดกันในโซเชียลมีเดีย มีหลักฐานหรือเปล่า เป็นหน้าที่ ป.ป.ช.ตรวจสอบ แปลกดีขยายเรื่องกันไป เสร็จแล้วสื่อก็มาตั้งคำถามว่ากลัวกันหรือเปล่า ถามกันอยู่แค่นี้,โต้แอ็กชันปีนหลังคาตอกตะปู,นายกฯยังกล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เยี่ยมผู้ประสบภัยจากพายุโซนร้อน ปาบึก ว่าเห็นแล้วประชาชนน่าสงสาร จนจะแย่อยู่แล้ว ที่นอนหมอนมุ้งดูได้ที่ไหน เครื่องมือประกอบอาชีพไม่ดีพอ เข้าใจไปว่ารัฐบาลนี้ไม่ค่อยได้ดูแลเขา จึงได้สั่งการไปแล้วให้ดูแล ทนเห็นสภาพนี้ไม่ได้ หลายกระทรวงรับเรื่องไปเร่งรัดแล้ว รวมถึงพี่น้องประมงชายฝั่งและพื้นบ้าน ได้พบเขาก็เข้าใจ หน่วยราชการในพื้นที่ต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย เขาจนอยู่แล้ว หาหนทางปฏิบัติพลิกแพลงช่วยให้ได้ แต่ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ ไม่ใช่ใช้ดุลพินิจ เพราะสิ่งนี้ตนเกลียดมากที่สุด วันนี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ ไปกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เพื่อรับฟังผลการ ปฏิบัติการแก้ปัญหาทำประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) ขอส่งกำลังใจหวังว่าจะเรียบร้อย สุดแล้วแต่คณะกรรมการจะลงมติ ถือเป็นความเป็นความตายของเรา มากกว่าเรื่องที่ทะเลาะอยู่ทุกวันนี้ ทุกครั้งไปต่างจังหวัด ไม่ได้ไปหาเสียง สร้างคะแนนนิยม แต่ไปเพื่อรับฟังเขา ขึ้นหลังคาไม่ใช่เท่ แอ็กหรือสร้างภาพ แต่ต้องการให้กำลังใจคนที่กำลังตอกอยู่ข้างบน ถามว่า เหนื่อยหรือร้อนไหมต้องพูดกับลูกน้องเขาบ้าง ไม่ได้มุ่งหวังทำเก่งกว่าเขา แต่พอทำได้ เด็กๆเคยเรียนมา ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร,ประยุทธ์ ไม่เจรจา ทักษิณ คนหนีคดี,ส่วนกรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา ในฐานะกองเชียร์พรรคเพื่อชาติ ปราศรัยระบุจะพานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯกลับบ้าน พร้อมเสนอให้มีการเปิดโต๊ะเจรจากับนายทักษิณด้วยเหตุผลโดยยึดประโยชน์ของประเทศชาตินั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ข้อเสนอให้ คสช.ตั้งโต๊ะเจรจากับนายทักษิณ เพื่อสร้างความปรองดอง ตนไม่ได้สนใจ ไม่ได้สู้รบ ไม่ได้ทำสงครามทำไมต้องเจรจา และตนยึดมั่นหลักการรัฐบาลจะไม่เจรจากับคนหลบหนีคดี ถ้าคิดว่าไม่มีความผิดก็กลับมาสู้คดี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และกฎหมายที่มีความผิด เป็นกฎหมายปกติ ไม่ใช่เป็นคำสั่งมาตรา 44 ของตนเสียเมื่อไหร่,พี่ใหญ่ปิดประตู คสช.ช่วยไม่ได้,ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ เสนอให้เปิดโต๊ะพูดคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยเอาบ้านเมืองเป็นที่ตั้งว่า เจรจาเรื่องอะไร ถ้าเขาทำตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ทุกอย่างก็จบแล้ว เมื่อถามว่า มีการต่อรองอะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ต่อรองได้อย่างไร เป็นเรื่องของศาล เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เราจะไปทำอะไรได้ ถึงอย่างไร คสช.ไม่สามารถช่วยอะไรได้,พี่ชาย ปู ตอก ป้อม เคลียร์ตัวเองก่อน,เมื่อเวลา 12.44 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความว่า ป้อมบอกให้ผมกลับเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ทั้งๆที่ป้อมส่งคนของป้อมเข้าไปนั่งทั้งนั้น ผมว่าป้อมทำเรื่องของตัวเองให้เคลียร์ดีกว่ามั้ยครับ เอาเด็กหน้าห้องป้อมออกแล้วปล่อยให้คนอื่นเข้ามาพิจารณาเรื่องนาฬิกายืมเพื่อนแทน เพราะกระบวนการยุติธรรมแบบป้อมๆ มันหมดความน่าเชื่อถือไปแล้วครับ,ประวิตร ไล่สื่อไปถาม ไอ้ทักษิณ,ต่อมาเวลา 14.30 น. พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังการประชุม ครม.ถึงกรณีนายทักษิณ ทวิตเตอร์พาดพิงคดีครองนาฬิกาหรูว่าเป็นกระบวนการยุติธรรมแบบป้อมๆว่าการตรวจสอบนาฬิกาเป็นเรื่องของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่วนที่บอกว่าเป็นแบบป้อมๆ เป็นอย่างไร ก็ไปถามไอ้ทักษิณมันสิ ไปถามมันเอง ไปถามเขาเอง เมื่อถามว่า การตอบโต้เช่นนี้จะทำให้กระบวนการปรองดองสะดุดหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะคุยเรื่องอะไร จะคุยอย่างไร ไปคุยกับศาล ไม่ใช่เรื่องของตน เมื่อถามว่าการที่นายทักษิณใช้คำว่ากระบวนการยุติธรรมแบบป้อมๆ รู้สึกว่าเป็นการหมิ่นประมาทหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ จะไปรู้ได้อย่างไร ส่วนจะเอาเรื่องหรือไม่นั้น จะเอาเรื่องอะไรเป็นเรื่องของมันก็ให้เขาอยู่ไป,กร้าวแค่รุ่นน้องแต่ไม่ใช่น้อง,เมื่อถามว่า มองว่าเหตุใดนายทักษิณจึงชอบตอบโต้ พล.อ.ประวิตรบ่อยครั้ง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็เขาอยากพูด จะให้ทำอะไรได้ ตนไม่ทราบเขาคงอยากมาตอบโต้ ที่ผ่านมานายทักษิณไม่เคยพยายามติดต่อเข้ามา เมื่อถามอีกว่าสายสัมพันธ์นักเรียน เตรียมทหารด้วยกัน ขณะนี้ยังสามารถคุยกันได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีสายสัมพันธ์ มันคนละเรื่องกัน เรื่องของพี่น้องคือเรื่องของพี่น้องก็ว่าไป แต่เขาไม่นับถือเราเป็นพี่หรอก เรื่องของการทำงานก็ต้องว่าไป ไม่เกี่ยวกัน เมื่อถามอีกว่า ยังมองนายทักษิณเป็นน้องอยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เขาเป็นรุ่นน้อง แต่ไม่ได้เป็นน้อง เป็นรุ่นหลังและผมไม่มีอะไรอยากจะฝากไปถึงนายทักษิณ ไม่รู้จะพูดอะไร,มท.1 แจงชะลอเตรียมเลือกตั้ง รอ พ.ร.ฎ.,พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงจดหมายเวียนของสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย แจ้งสำนักทะเบียนจังหวัด กทม. อำเภอและท้องถิ่น ชะลอการปฏิบัติตามแผนงานเตรียมการเลือกตั้ง ส.ส.ว่าเนื้อหาในหนังสือที่ระบุให้สำนักทะเบียนจังหวัด กทม. อำเภอ และท้องถิ่น เตรียมการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการเลือกตั้งทั่วไปปี 62 ลงวันที่ 21 ธ.ค.61 เนื่องจากเข้าใจว่าจะมีการเลือกตั้งตามที่สังคมรู้กัน ทุกอย่างต้องเตรียมการทำบัญชี จัดหน่วยเลือกตั้ง การแจ้งเจ้าบ้าน เมื่อ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา กกต.ได้ประสานมายังกระทรวงมหาดไทย เราต้อง แจ้งชะลอการปฏิบัติตามแผนงานเตรียมการ ต้องรอให้ชัดเจนเรื่องวันเลือกตั้งแล้วค่อยดำเนินการต่อ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ยืนยันว่ามีการเลือกตั้งแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ จะเลื่อนหรือชะลอหรือไม่ไปถาม กกต.ว่าอย่างไรก็ต้องจบตามนั้น วิจารณ์กันแล้วไปใส่ความ คสช. รัฐบาลมันไม่ใช่,เสียงแข็งมีกาบัตรล้านเปอร์เซ็นต์,รมว.มหาดไทย กล่าวอีกว่า ขอยืนยันอีกครั้งว่าจะมีการเลือกตั้งล้านเปอร์เซ็นต์ จะวันไหน เร็วกว่าเดิมหรือช้ากว่าเดิมตามที่คิดกันไว้ แต่เรายังไม่เคยเห็น พ.ร.ฎ.เลือกตั้งของคราวนี้ ดังนั้นต้องรอความชัดเจน กระทรวงมหาดไทยพร้อมทำตามที่กกต.ประสานมา ไม่มีนัยอย่างอื่น เมื่อถามว่ามีกลุ่มเคลื่อนไหวค้านไม่ให้เลื่อนการเลือกตั้ง กระทรวงมหาดไทยดูแลอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ถ้าทำตามกฎหมายได้ก็ทำ เราทำตามอำนาจหน้าที่ ไม่ได้สั่งการให้ควบคุมกลุ่มคนที่ออกมาเคลื่อนไหว แต่ฝ่ายมั่นคงดูแลอยู่ หากทำด้วยความสงบเรียบร้อยไม่มีปัญหา,อิทธิพร ปลุกลูกน้องกล้าหาญเลิกกลัว,เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงเพื่อเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง ส.ส.ให้กับ ผอ.สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดทั่วประเทศว่า กกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์เที่ยงธรรม ที่ผ่านมาพบปัญหาอุปสรรคของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ยังมีความรู้และความเข้าใจในกฎหมายและระเบียบต่างๆไม่ชัดเจน ทำให้การปฏิบัติงานขาดตกบกพร่อง ในการปฏิบัติงานขอให้ใช้ความกล้าหาญและซื่อสัตย์ แม้มนุษย์เราอาจมีความกลัวอยู่บ้าง แต่ต้องขจัดความกลัวเพื่อให้เกิดความกล้าหาญ หน้าที่ของเราทำให้ต้องมีความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ เที่ยงธรรมไม่เข้าข้างใคร ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงยึดมั่นหลักนิติธรรม จะเป็นเข็มนำทางให้ปฏิบัติหน้าที่ให้ลุล่วง,ยัน กกต.ยังไม่มีตุ๊กตาล็อกวันเลือกตั้ง,จากนั้นนายอิทธิพรให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการกำหนดวันเลือกตั้งว่า การประชุมเมื่อวันที่ 4 ม.ค. กกต.ได้รับทราบ 3 เรื่อง คือกำหนดวันพระราชพิธี ความพร้อมการจัดการเลือกตั้ง และเมื่อมี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง กกต.จึงจะพิจารณากำหนดวันเลือกตั้งให้เร็วที่สุดและจะประกาศวัน ตอนนี้ยังไม่ได้มีวันอะไรเป็นพิเศษ ขึ้นอยู่ว่าจะได้รับแจ้ง พ.ร.ฎ.จะมีขึ้นเมื่อใด กระแสข่าวว่าจะจัดเลือกตั้งวันที่ 10 มี.ค. ยืนยัน กกต.ไม่ได้กำหนดวันใดขึ้นเป็นตุ๊กตาทั้งสิ้น ส่วนประเด็นต้องประกาศผลภายใน 150 วัน นับแต่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลใช้บังคับหรือไม่ กกต.ได้พูดคุยกันแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป การพิจารณาของ กกต.ยังอยู่บนพื้นฐานว่าเราจะประกาศผลการเลือกตั้งให้ได้ภายใน 60 วัน และคำนึงถึงการจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน,ปัดส่งซิกรู้กันกับ ก.มหาดไทย,เมื่อถามว่าหากต้องการให้ชัดเจนควรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า เป็นช่องทางหนึ่งถ้ามีข้อสงสัยก็ไปศาลได้ ถ้ากรรมการเห็นพ้องต้องกันเรื่องกำหนดวันก็ดำเนินการไปได้ตามที่เห็นพ้อง จึงยังไม่ถึงเวลาจะพิจารณาให้ชัดเจนว่าต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ไม่ได้มองว่าเป็นเผือกร้อนโยนมาให้ กกต. เมื่อประกาศใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน ทุกอย่างอยู่ในหน้าที่และความรับผิดชอบ ส่วนที่มีหนังสือของกระทรวงมหาดไทยไปยังสำนักการทะเบียนอ้างว่า กกต.มีหนังสือแจ้งมาให้ระงับการเตรียมจัดการเลือกตั้ง ส่งสัญญาณว่าการเลือกตั้งจะไม่เกิดขึ้นในเดือน ก.พ.หรือไม่นั้น ไม่ทราบเรื่องเห็นเพียงข่าวจากสื่อ สัญญาณของ กกต.ที่สื่อเห็นขณะนี้มีการเตรียมพร้อมระดับเข้มข้น เมื่อถามย้ำว่า กกต.ไม่ได้ส่งสัญญาณไปยังกรมการปกครองใช่หรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า ยังไม่เห็นหนังสือดังกล่าว ไม่ใช่เรารู้กันกับกระทรวงมหาดไทย กกต.จะไม่ส่งสัญญาณใดๆ ทั้งสิ้น กกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งให้ทันเวลาเรียบร้อย,ณัฏฐ์ พัลวันแจ้งชะลอแผนจัดคูหา,นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต. กล่าวว่า เมื่อยังไม่มี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา สำนักงาน กกต. จำเป็นต้องมีหนังสือฉบับลงวันที่ 4 ม.ค. แจ้งหน่วยสนับสนุนให้ระงับการดำเนินการออกไปก่อน เพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งผูกกันวันเลือกตั้งโดยผู้มีสิทธิอายุ 18 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง หรือการมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน 90 วันนับถึงวันเลือกตั้ง และเพื่อให้หน่วยงานสนับสนุนปฏิบัติงานได้ถูกต้อง หากไม่แจ้งแล้วหน่วยงานสนับสนุนยึดแผนงานเดิมจะมีปัญหาสับสนและมีค่าใช้จ่ายต่างๆตามมา,จตุพร ซัด มท.เกินหน้าที่ส่อเจตนายื้อ,ที่ จ.อุตรดิตถ์ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.และผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ เข้าสักการะอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำ จ.อุตรดิตถ์ ก่อนไป จ.ตาก โดยนายจตุพรให้สัมภาษณ์กรณีการเผยแพร่เอกสารด่วนกระทรวงมหาดไทย สั่งให้ระงับการเตรียมการเลือกตั้งไว้ก่อนว่า รมว.มหาดไทย ต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพราะตามกฎหมายกำหนดให้จัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ 150 วัน หลังกฎหมายลูก 4 ฉบับมีผลบังคับใช้จะครบวันที่ 9 พ.ค. แต่ความหมาย 150 วันของแต่ละคนยังต่างกันอยู่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการเลือกตั้งเป็นโมฆะภายหลัง ควรยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อน โดยต้องวินิจฉัยโดยด่วนไม่ให้กระทบกรอบ 150 วัน แต่การที่หน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งดังกล่าวออกมาส่อเจตนาทำเกินหน้าที่ อย่างที่หลายคนวิตกว่าการเลื่อนคือจะไม่ให้มีการเลือกตั้ง จะทำให้เกิดวิกฤติขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง,บี้ กกต.–คสช.เลิกปัดสวะไปมา,นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า วันเลือกตั้งไม่ชัดเจนประชาชนแสดงความไม่พอใจไม่ว่าทางโซเชียลหรือผ่านการชุมนุม แต่ คสช.และ กกต.ไม่ชัดเจนทำให้ความหวังประชาชนพังทลายลง ขอเรียกร้องให้คุยกันทำให้เกิดความชัดเจน ช่วง 1-2 วันนี้แทบไม่มีคำตอบจาก กกต.รัฐบาลและ คสช.เลย เป็นความเงียบที่ทำให้ประชาชนไม่สบายใจ กกต.และ คสช.ต้องพูดคุยกันไม่ใช่ปัดความรับผิดชอบให้กันไปมา,ไพบูลย์ ชงใช้ ม.44 แก้ ก.ม.เลือกตั้ง ม.171,นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป (ปชช.) กล่าวถึงกรณีนักการเมืองบางพรรคระบุว่า กกต.ต้องประกาศผลการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 9 พ.ค. มิฉะนั้น กกต.จะถูกฟ้องเรียกค่าเสียหาย และทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะว่า แม้ว่าตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. บัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาล มาตรา 171 ให้ กกต.กําหนดวันเลือกตั้งซึ่งต้องไม่ช้ากว่า 150 วันนับแต่วันที่ พ.ร.บ.นี้ มีผลใช้บังคับ มาตรานี้เขียนชัดเจนแล้วว่าให้ระยะเวลาไม่ช้ากว่า 150 วัน ย่อมหมายถึงวันเลือกตั้งไม่ใช่วันประกาศผลการเลือกตั้ง แต่ยังมีความเป็นห่วงหลังประกาศผลหากหลังวันที่ 9 พ.ค.จะมีกระบวนการยื่นฟ้องศาลรัฐธรรมนูญว่าขัดรัฐธรรมนูญให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ จึงขอเสนอ คสช.ให้ใช้มาตรา 44 แก้ไขกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.บท เฉพาะกาล มาตรา 171 ให้เขียนชัดเจนว่าให้ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งไม่ช้ากว่า 150 วัน นับจากกฎหมายประกาศใช้และหลังจากวันเลือกตั้ง ให้ กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แต่ต้องไม่ช้ากว่า 60 วันนับแต่วันเลือกตั้ง คำสั่ง คสช.มาตรา 44 ได้รับรองความชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 279 ไว้แล้ว เป็นทางออกจะไม่มีผู้ใดนำไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้,ภูมิธรรม ซัดอำนาจรัฐคุกคาม,ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีตำรวจบุกจับกุมตัวนายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคเพื่อไทยว่า ขอให้ว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมายไม่มีการปกป้อง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในช่วงเวลาที่ผู้สมัคร ส.ส.กำลังจะขึ้นเวทีปราศรัย กลับเข้าไปจับกุมเชิญตัวออกไป บรรยากาศแบบนี้รัฐบาลและผู้มีอำนาจทำได้ แต่ต้องหลีกเลี่ยงจะทำให้เข้าใจผิดว่าใช้อำนาจรัฐคุกคามนักการเมืองและประชาชน ไม่สร้างบรรยากาศประชาธิปไตยให้เกิดขึ้น อาจทำให้ถูกมองได้ว่ากลั่นแกล้งทางการเมือง,ข้องใจเพิ่งรื้อคดีช่วงกลับมาลุย ลต.,นายภูมิธรรมกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ป.ป.ช.จะรื้อคดีที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย มีส่วนเกี่ยวข้องว่าเป็นอีกปัญหาหนึ่ง ช่วงไปทำธุรกิจไม่มีปัญหาอะไร แต่พอกลับเข้าสู่การเมืองถูกตรวจสอบทันที คดีโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ศาลปกครองสูงสุดมีมติแล้วว่าไม่ผิด ยังไม่มีการจ่ายเงิน ส่วนคดีเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองปี 2548-2553 เยียวยาทุกกลุ่มทุกสีเท่าเทียม ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่เข้าใจว่ามารื้อคดีช่วงที่มีการเลือกตั้ง ไม่อยากให้รัฐบาลใช้อำนาจรัฐคุกคามคนที่เห็นต่าง ไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล ทีคดีความฝ่ายตัวเอง เช่น คดีนาฬิกากลับยืดเยื้อแต่พอเป็นคดีฝ่ายตรงข้ามกลับเร่งทำคดี,สับ รบ.ไม่ดูปากท้องงบฯ ผูกพัน กห.พุ่ง,นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวระหว่างบรรยายเรื่อง เศรษฐกิจและแนวทางการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนว่า วันนี้เครื่องยนต์ 4 ตัวเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจได้รับผลกระทบทั้งการส่งออกและการท่องเที่ยว การบริโภคภายใน การลงทุนภาคเอกชนและการใช้จ่ายจากภาค รัฐ ถ้าละเลยเรื่องใดคงเป็นยากที่เศรษฐกิจจะเติบโต ไปดูงบฯ ผูกพันของกระทรวงกลาโหมกลับพบว่าช่วงปี 61-62 สูงถึง 1 แสนล้านบาท หลายกระทรวงงบฯ เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล แต่กระทรวงดูแลชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนกลับได้งบฯน้อยลง พรรคเพื่อไทยต้องการหยุดความล้าหลังล้มเหลวถดถอย ถ้าเป็นรัฐบาลมั่นใจจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น,เสรี สับ ป.ป.ช.อย่าป้องคนชั่ว,พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พร้อมคณะ ลงพื้นที่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย เปิดศูนย์ประสานงานพรรคเสรีรวมไทยเขต 2 หนองคาย ของ นพ.สรร สุนทรธนากุล นายกเทศมนตรีตำบลโพนพิสัยว่าที่ผู้สมัครเขต 2 หนองคาย โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า การเลื่อนเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมาเป็นการหลอกลวงประชาชนด้วยเหตุผลต่างๆ เพราะต้องการเตรียมพรรคที่จะสืบทอดอำนาจให้มีความพร้อม กกต.และ ป.ป.ช.ต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา อย่าไปอิงรัฐบาลมากนัก แม้ที่ผ่านมาจะเอียงไปบ้างอาจจะติดคุก เหมือน กกต.ชุดเก่า ป.ป.ช.แทนที่จะทำงานป้องกันปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ อย่าให้กลายเป็นคณะกรรมการปกป้องคนชั่ว นาฬิกา 25 เรือน ยังไม่ผิดเลย,วัชรพลปัดเร่งคดีเช็กบิลชัชชาติ,ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว ป.ป.ช. จะรื้อคดีการออก พ.ร.ก.บริหารจัดการน้ำและคดีการจ่ายเงินเยียวยาม็อบเสื้อแดง เพื่อสกัดนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ชิงนายกรัฐมนตรีว่าไม่มีการเร่งคดีนายชัชชาติ ทุกเรื่องที่บรรจุเข้าวาระประชุม ป.ป.ช. ต้องผ่านประธาน ป.ป.ช.ก่อน ยืนยันว่าไม่มี เวลาเลือกตั้งเพียงอีก 2 เดือน ป.ป.ช.รอได้ ไม่อยากเป็นเครื่องมือใคร ตอนนี้ทำงานซ้ายก็โดนขวาก็โดนทั้งหมด ต้องยืนหลักของเราให้ได้ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตรงกันข้ามกับที่เป็นข่าว ป.ป.ช.ระมัดระวังมากเรื่องแบบนี้ การระบุว่า ป.ป.ช.จะหยิบคดีนายชัชชาติมาพิจารณาเพราะเป็นคู่แข่งบางพรรคนั้น เป็นการยกประเด็นขึ้นมาเพื่อให้เกิดการชนกัน ป.ป.ช.จึงต้องระวัง แม้พยายามเร่งคดีในปี 2562 ตามแผนปฏิบัติงาน แต่ไม่ได้บอกว่าจะเร่งก่อนการเลือกตั้ง,โอด ป.ป.ช.เป็นเหยื่ออันโอชะ,พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่าในที่ประชุม ป.ป.ช.มีการพูดกันว่าช่วงเลือกตั้ง ต้องระวังมากอย่าไปเป็นเครื่องมือใคร ไปชี้มูลความผิดให้ฝ่ายใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบ เพื่อดิสเครดิตใคร ป.ป.ช.จะกลายเป็นผู้ถูกใช้เป็นเครื่องมือ ยืนยันว่าไม่มีนโยบายอย่างนั้น ดังนั้นไม่ว่าใครพูดอะไรโดยไม่รู้รายละเอียดก็เป็นการคาดเดา แต่ข้อเท็จจริงจะต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน ส่วนใครจะวิพากษ์วิจารณ์เอาประเด็น ป.ป.ช.ไปหาเสียงเอาสนุกเอามัน ทำให้เกิดความเสียหาย คงห้ามไม่ได้ เป็นสิทธิของเขา ป.ป.ช.เป็นบุคคลสาธารณะต้องยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ เข้าใจว่าช่วงนี้เป็นช่วงจะเลือกตั้ง ทุกคนอยากจะแสดงบทบาท และ ป.ป.ช.น่าจะเป็นอาหารอันโอชะ,มาร์ค ประกันพืชผลหวังเพิ่ม ส.ส.,ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเวลา 15.30 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายอลงกรณ์ พลบุตร นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค แถลงเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ภาคกลาง 6 จังหวัด 14 เขตเลือกตั้ง และจันทบุรี 3 เขต รวม 17 คน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า 6 จังหวัดภาคกลางตอนเหนือพรรคอาจไม่มี ส.ส. แต่ผู้สมัครของพรรคแน่วแน่ เป็นคนรุ่นใหม่พร้อมพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจลุ่มน้ำเจ้าพระยา มั่นใจว่าประชาชนจะหันมาสนับสนุนพรรคเรามากขึ้น เรามีนโยบายระบบประกันรายได้สินค้าเกษตรและประกันภัยมาใช้ แม้ไม่หวือหวาเหมือนพรรคอื่นแต่จับต้องได้ ไม่ก่อให้เกิดการทุจริต ไม่มีปัญหาวินัยการการคลัง,คนคอนบ่นฝากลำบากสุดๆ,ที่ ต.ควนพัง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายชัยชนะ เดชเดโช ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก มอบอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือน ถุงยังชีพกว่า 200 ครัวเรือน นายจุรินทร์กล่าวว่า ได้สอบถามสถานการณ์และสภาพความเป็นอยู่ ได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านว่าใช้ชีวิตลำบากมาก ทั้งราคายาง ราคาปาล์มตกต่ำสุดๆ แย่สุดๆจริงๆ ปาล์มวันนี้กิโลกรัมละแค่ 2.70 บาท ต้นทุนรวมค่ายาค่าปุ๋ย 3.50-3.70 บาท ส่วนปัญหาราคายาง พรรคมีนโยบายชัดเจนว่าถ้าได้เป็นรัฐบาล จะเข้าไปช่วยแก้ปัญหาโดยใช้นโยบายประกันรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนยางกิโลละ 60 บาท ปาล์มกิโลละ 4 บาท โดยประกันรายได้ให้ 25 ไร่ได้ทุกคน,อัด พปชร.ทำลายป่าเซ็งลี้ ส.ป.ก.4–01,นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส.ตรัง ในฐานะเป็นผู้เสนอนโยบายโฉนดสีฟ้า พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายสุชาติ ตันเจริญ กรรมการสรรหาผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุว่าพปชร.จะแก้ปัญหาความยากจน โดยออกนโยบาย เปลี่ยน ส.ป.ก.4-01 กว่า 30 ล้านไร่ ให้เป็นที่ดินทองคำผลักดันให้เห็นผลในรัฐบาลชุดนี้ว่าอันตรายมาก ปัญหาที่ดินเป็นความเหลื่อมล้ำรุนแรงที่สุดในสังคมไทย เจตนาของ ส.ป.ก.4-01 คือปฏิรูปที่ดินเพื่อความเหลื่อมล้ำ แต่นโยบายของพปชร.คือทำให้ที่ดินกลายเป็นสินค้าที่ซื้อขายเปลี่ยนมือได้ ในที่สุดแล้วจะทำให้ที่ดินเหล่านั้นจะตกไปอยู่ในมือนายทุน ตรงกันข้ามกับโฉนดสีฟ้าของพรรคที่จะยกระดับ ส.ป.ก.4-01 ให้ใช้เป็นหลักประกันเข้าถึงแหล่งทุนของสถาบันการเงินและใช้เป็นหลักประกันในชั้นศาลได้ด้วย แต่ไม่ให้ซื้อขายเปลี่ยนมือได้ ทำได้แค่การ เช่า เชื่อว่าไม่ใช่แค่นโยบายหาเสียงเท่านั้น เพราะระบุว่าจะไปแก้กฎหมาย ส.ป.ก.ในรัฐบาลชุดนี้เลย จะขัดกับเจตนาการออกกฎหมาย ส.ป.ก.ปี 2518 ต้องการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ,ฉะเอาที่หลวงไปขายยิ่งกว่าแจก ส.ป.ก.,นายสุชาติสมัยอยู่กลุ่ม 16 เคยอภิปรายรัฐบาลประชาธิปัตย์ เรื่อง ส.ป.ก.มาแล้วว่าแจกที่ดินให้คนรวย แต่การมาทำให้ ส.ป.ก.ขายได้ ไม่ยิ่งกว่าหรือ จะเข้าข่ายเอาแผ่นดินหลวงไปขายหรือไม่ ถ้าปล่อยให้ขายที่ดิน ส.ป.ก.ได้ จะส่งเสริมให้บุกรุกป่าไม้เพิ่มมากขึ้นอีก ที่สุดที่ดินจะตกอยู่ในมือนายทุนหรือกลุ่มทุนหมด ปฏิเสธไม่ได้ว่า พปชร.กับรัฐบาลเป็น อันหนึ่งอันเดียวกัน เนื่องจากไม่ใช่แค่ชูนโยบาย แต่จะลงมือทำเลย และไม่ใช่แค่อาศัยนโยบายรัฐบาลหาเสียง แต่กำลังซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำของประเทศ ทั้งที่ไทยมีความเหลื่อมล้ำอันดับ 1 ในเอเชีย คนเดียวถือครองที่ดิน 6 แสนไร่ ขณะที่คนจำนวนมากถือครอง ที่ดินแค่ 1 ตารางวา และไม่มีที่ทำกินเป็น 10 ล้านคน,อนุชา สวดคน ปชป.เหยียดเชื้อชาติ,นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคกลางและกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรเอาเรื่องละเอียดอ่อนโดยเฉพาะเชื้อชาติมาเป็นวาทกรรมทางการเมือง เพื่อทำให้คู่แข่งดูแย่ แถมพูดเชิงดูถูกเหยียดหยามคำว่า เจ๊กขี้โม้ คำว่าเจ๊กไม่มีใครพูดกันแล้ว ทุกคนไม่ว่าคนไทยเชื้อสายจีนหรือคนไทยต่างล้วนเป็นเนื้อเดียวกันในความเป็นไทย สำนึกรักประเทศไทยเฉกเช่นเดียวกันทั้งทางสายเลือดและความสำนึกในบุญคุณของประเทศ จึงอยากขอให้ผู้พูดของพรรคประชาธิปัตย์สำนึกต่อการกระทำที่ไม่สมควร,โต้ เฉลิม รีบพยากรณ์พลาดอายเด็ก,นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า พรรคพลังประชารัฐจะได้ที่นั่งส.ส.ต่ำกว่า 100 คน และพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง ถล่มทลายว่าไม่เข้าใจ ร.ต.อ.เฉลิมจริงๆ เป็นนัก การเมืองอาวุโส แต่มักออกมาดูถูกดูแคลนพรรคพลังประชารัฐตลอดเวลา การเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้นจะรู้ได้ อย่างไร ไม่อยากให้ ร.ต.อ.เฉลิมรีบทำตัวเป็นยิปซี พยากรณ์ ถ้าผลออกมาไม่เป็นอย่างที่พูด มีแต่จะอายเด็กรุ่นใหม่เปล่าๆ เข้าใจว่าคงไม่อยากให้ลูกทีมเสียขวัญ เลยต้องออกมาปลุกขวัญเป็นระยะ,สุวิทย์ นั่งกุนซือเพื่อแผ่นดิน,เมื่อเวลา 11.00 น. ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี นายพีระ จันทร หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน พร้อมกรรมการบริหารพรรค จัดกิจกรรมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 350 เขต พร้อมเปิดนโยบายพรรค 10 ด้านนายพีระกล่าวว่านโยบายพรรคจะชูนโยบายด้านการกีฬา สร้างฐานการกีฬาให้ประชาชนเข้าถึงได้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และส่งเสริมอุตสาหกรรมการกีฬา เมื่อถามว่านายสุวิทย์ คุณกิตติ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ยังเป็นส่วนหนึ่งของพรรคหรือไม่ นายพีระกล่าวว่าที่ผ่านมาได้พูดคุยกัน นายสุวิทย์ประสงค์จะวางมือทางการเมือง แต่พร้อมให้คำแนะนำอยู่เบื้องหลังในฐานะสมาชิกพรรค กก.บห. ลงความเห็นจะเชิญนายสุวิทย์มาเป็นที่ปรึกษาพรรค,ยิ่งลักษณ์ นั่ง ปธ.บริษัทท่าเรือซัวเถา,วันเดียวกัน เว็บไซต์ไค่ชินโกลบอล รายงานข่าวจากแวดวงธุรกิจจีนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย เข้ารับตำแหน่งประธานและผู้แทนโดยชอบธรรมของบริษัท ซัวเถา อินเตอร์เนชั่นแนล คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัลส์ จำกัด (Shantou International Container Terminal) หรือเอสไอซีที บริษัทบริหารท่าเรือในเมืองซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของประเทศจีน ขณะที่เว็บไซต์เดอะเปเปอร์ระบุเพิ่มเติมว่า ข้อมูลธุรกิจของบริษัทเอสไอซีที มีการเปลี่ยนแปลงชื่อผู้แทนโดยชอบธรรมของบริษัท จากเดิมคือนายหลิน ต้าฉี เป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2561 สำหรับบริษัทเอสไอซีทีนั้น ก่อตั้งขึ้นในปี 2537 ด้วยทุนจดทะเบียนสูงถึง 88 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2,800 ล้านบาท ส่วนท่าเรือซัวเถาเป็น 1 ใน 25 ท่าเรือหลักของจีน และเป็น 1 ใน 5 ศูนย์กลางท่าเรือสำคัญของมณฑลกวางตุ้ง ประกอบด้วยท่าเรือ 7 แห่งและมีโกดังขนาดใหญ่ที่รองรับปริมาณสินค้าได้มากถึง 50 ล้านตัน,รับเชิญโชว์ฝีมือบริหาร–การตลาด,นายวิม รุ่งวัฒนจินดา อดีตเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า บริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านเรือขนส่งสินค้า มีความคุ้นเคยกับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร จึงได้เชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด เพราะเชื่อในศักยภาพการบริหารจัดการและความรู้ด้านการตลาด โดยไม่ได้นำเงินหรือทรัพย์สินใดๆ เข้าไปลงทุนในกิจการดังกล่าว เนื่องจากทรัพย์สินและเงินทองที่หามาได้โดยสุจริตของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ถูกทางการไทยยึดและอายัดไปหมดแล้ว การรับตำแหน่งดังกล่าวเพื่อหาธุรกิจและงานทำตามปกติ,เอารถหลวงไปใช้ปลดลูกเดียว,ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวภายในที่ประชุม ครม.ถึงข้อสังเกตของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เกี่ยวกับการนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจำตำแหน่งว่า มติ ครม.เห็นชอบในเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงในการเอารถราชการไปใช้ส่วนตัวจะต้องถูกลงโทษสถานหนักคือไล่ออกปลดออก ตนได้กำชับและเตือนทุกส่วนราชการไปแล้ว,พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.รับทราบข้อสังเกตของ ป.ป.ช.เกี่ยวกับการนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจำตำแหน่ง หากพบผู้ใดทำผิดตามลักษณะดังกล่าวจะมีความผิดทางวินัยร้ายแรง,ขันนอต ก.ม.ป้ายสกัดทุจริต,พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม.มีมติรับทราบมาตรการป้องกันการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับป้ายโฆษณาบนทางสาธารณะ ที่ยังไม่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พบเจ้าหน้าที่รัฐมีพฤติการณ์ทุจริต เช่น เลือกปฏิบัติในการอนุมัติขออนุญาตติดตั้งป้าย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายติดตั้งป้ายโฆษณาเพื่อเอื้อประโยชน์ตัวเอง ดังนั้นป้ายทุกประเภทต้องมีเลขทะเบียนควบคุมเป็นระบบเดียว จัดให้มีช่องทางแจ้งเบาะแสทุจริตหรือสิ่งที่รุกล้ำทางสาธารณะ และจัดพื้นที่เฉพาะติดป้ายโดยไม่มีค่าธรรมเนียมเพื่อลดโอกาสเรียกรับผลประโยชน์ และกำหนดค่ามาตรฐานความเข้มของแสงบนป้ายไม่ให้เกิดอันตราย,คนอยาก ลต.ชูป้ายหวิดปะทะ,ที่สกายวอล์ก ราชประสงค์ นำโดยนายอานนท์ นำภา ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน นัดมวลชนชุมนุมคัดค้านการเลื่อนเลือกตั้ง โดยมีแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง อาทิ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ นายเนติวิทย์ โชติภัทรไพศาล คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ อดีตประธานสภานิสิตจุฬา นายพริษฐ์ ชิรารักษ์ คณะ รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ประธานสหภาพนักเรียนนิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย และแนวร่วมรวม 150 คน เดินไปบนสกายวอล์กหน้าศูนย์การค้าอัมรินทร์พลาซ่า นำป้ายข้อความ ไม่เลื่อน มาชูและเคาะขวดน้ำเปล่า ตะโกนคำว่าเราไม่เลื่อนเลือกตั้ง ระหว่างนั้นมีนายสมบัติ ไพหารวิจิตรนุช อายุ 67 ปี ชายคนหนึ่งถือป้ายกระดาษข้อความว่า เบื่อ เดินเข้ามากลางวงตะโกนว่า เบื่อการเลือกตั้งเลือกแล้วได้นักการเมืองสกปรกเข้ามา สร้างความไม่พอใจให้มวลชนพากันกรูเข้าไปจะทำร้ายนำขวดพลาสติกฟาดใส่ เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบต้องกันตัวออกจากพื้นที่,แนวร่วมอดข้าวประท้วงจนตาย,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างมวลชนคนอยากเลือกตั้งชุมนุมอยู่หน้าศูนย์การค้าเกสรพลาซ่า ต่อมานายเอกราช อุดมอำนวย อายุ 35 ปี อาชีพพ่อค้า เดินทางมาโกนหัวประท้วงอ้างว่ามีอาชีพค้าขายได้รับผลกระทบจากรัฐบาล คสช. ทำให้ไม่พอใจ ด้านนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว กล่าวปราศรัยโจมตี คสช.ว่าเล่นเกมดึงเวลา ถ้ารัฐบาล คสช.ยังคงไม่ยอมให้จัดการเลือกตั้ง จะยกระดับการชุมนุมขึ้นไปอีก จะนัดรวมตัวแสดงสัญลักษณ์ประท้วงเลื่อนเลือกตั้งอีกครั้งวันที่ 13 ม.ค. ที่หน้าศูนย์การค้าเกสรพลาซ่า จากนั้นจึงยุติการชุมนุม,ต่อมาเวลา 20.00 น. ได้มีนายณราชัย รังโปดก หรือ เสธ.ดำ แนวร่วมกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย นั่งบนรถวีลแชร์ไม่ยอมกลับบ้าน ปักหลักอยู่ที่ใต้ป้ายราชประสงค์ถือภาพ ร.ต.ฉลาด วรฉัตร นักเคลื่อนไหวประท้วงอดอาหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าดูแลใกล้ๆ 2 นาย แต่ไม่ได้ห้ามปราม นายณราชัยกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าตั้งใจปักหลักประท้วงอดอาหารอยู่ที่แยกราชประสงค์ ไม่ไปไหนจนกว่ารัฐบาลจะประกาศ พ.ร.ฎ.และวันเลือกตั้งที่ชัดเจน ยอมตายเพราะขาดอาหาร บ้านเมืองบอบช้ำมามากแล้ว ต้องการรัฐบาลจากการเลือกตั้ง,ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา นายวัสพงศ์ วิทูรเมธา แกนนำพรรคอนาคตใหม่ร่วมกับสมาชิกกลุ่มคนอยาก เลือกตั้งออกมาชุมนุมบริเวณข้างศาลากลางจังหวัด พร้อมถือป้ายรณรงค์ให้ชาว จ.พระนครศรีอยุธยา ไป เลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ. และถือป้ายกระดาษข้อความว่า เลื่อนแม่งมึงสิ
คสช.เมินเปิดโต๊ะคุยอดีตนายกฯ บิ๊กตู่ ลั่นไม่เจรจาคนหนีคดี ทักษิณ ตอกกลับ ป้อม เคลียร์นาฬิกาตัวเองก่อน หยันกระบวนการยุติธรรมแบบป้อมๆ หมดความน่าเชื่อถือไปแล้ว ประวิตร ฉุนหลุดไล่สื่อ
เลือกตั้ง
เลือกตั้ง62,ทักษิณ ชินวัตร,ประวิตร วงษ์สุวรรณ,เลื่อนเลือกตั้ง,ข่าวหน้า1,เลือกตั้ง
https://www.thairath.co.th/news/politic/1465074
[ 0, 259, 203061, 2091, 169184, 77772, 34904, 10062, 229634, 138658, 259, 221926, 156983, 3755, 197753, 4395, 60592, 7960, 86547, 97652 ]
บิ๊กแป๊ะ ถกโผแต่งตั้ง รอง ผบก.-สว.
คนมีเส้น-เด็กนาย ผงาด ข้ามห้วยไปนั่งเก้าอี้สำคัญ,บิ๊กแป๊ะ นัดประชุมบอร์ดกลั่นกรอง เตรียมคลอดโผโยกย้าย ระดับ สว.-รอง ผบก.ทั่วประเทศ โผไม่พลิก ตำรวจใกล้ชิดขั้วอำนาจได้ดียกแถว อาทิ พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก.สภ.เมืองนครปฐม ได้ดีข้ามห้วยมานครบาล เป็นรอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี ผกก.สส. บก.น.8 มือปราบยาเสพติด สาย ผบก.บก.สปพ.ขึ้นเป็นรอง ผบก.บก.สปพ. พ.ต.ท.นเรนทร์ เครื่องสนุก รอง ผกก.สน.ลุมพินี ดาวรุ่งมือทำงาน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็น ผกก.สส.น.8 พ.ต.ท.ทรงพล สุขกลึงมี รอง ผกก.1 บก.ทล. ได้รับแรงหนุนจากสายธุรกิจขยับขึ้นในหน่วยเป็น ผกก.4 บก.ทล. พ.ต.ท.สมเกียรติ สีมาคุป รอง ผกก.ป.สภ.สามโคก จ.ปทุมธานี ขึ้นเป็น ผกก.สภ.สามโคก พ.ต.ท.เจษฎา คุ้มศาสตรา รอง ผกก.จร.สน.ทุ่งมหาเมฆ คุมโรงพักเกรดเอเป็น ผกก.สน.พญาไท พ.ต.ท.เจษฎา ยางนอก รอง ผกก.กก.2 บก.จร. ขึ้นในหน่วยเป็น ผกก. 5 บก.จร. พ.ต.ท.ศักดิเดช กัมพลานุวงศ์ รอง ผกก.สส. สน.มักกะสัน เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. ได้ดีเป็น ผกก.สน.มีนบุรี, ,ผบ.ตร.นัดถกบัญชีโยกย้าย รอง ผบก.-สว. ที่ห้องประชุม 2 ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 16 ก.พ. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เป็นประธานประชุมกลั่นกรองการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.-สว.ประจำปี 2561 โดยมีจเรตำรวจแห่งชาติและรอง ผบ.ตร.ในฐานะกรรมการคณะกรรมการพิจารณารายชื่อข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.และ ผกก.ทั่วประเทศของแต่ละกองบัญชาการ (บช.) เสนอชื่อเข้าที่ประชุมบอร์ดกลั่นกรอง,มีรายงานว่า สำหรับรายชื่อที่เสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณารายชื่อข้าราชการตำรวจหรือ บอร์ดกลั่นกรอง ได้แก่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ผกก.ตม.จันทบุรี นรต.รุ่น 48 รองโฆษก ตร. ที่ทำงานข่าวสร้างภาพลักษณ์ที่ดีกับตำรวจช่วงที่ผ่านมา ได้แรงดัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เป็น รอง ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก.สภ.เมืองนครปฐม นรต.รุ่น 46 ขยับเป็น รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี ผกก.สส.บก.น.8 นรต.รุ่น 44 มือปราบยาเสพติดสมัยอยู่ 191 สาย พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ผบก.บก.สปพ.ขึ้นเป็น รอง ผบก.บก.สปพ. พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผกก.สส.ภ.จ.ปทุมธานี นรต.รุ่น 46 เด็กสาย พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขยับเป็น รอง ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี ขยับ พ.ต.อ.แดนไทย ปลั่งดี ผกก.บางกรวย จ.นนทบุรี เพื่อนร่วมรุ่น นรต. รุ่น 46 สาย พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร.และทีมงานปราบเงินกู้ มาเป็น ผกก.สส.ภ.จ.ปทุมธานี พ.ต.อ.ฤทธินันท์ ปุ้ยพันธวงศ์ ผกก.สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นรต.รุ่น 46 เป็น รอง ผบก.ใน บช.ภ.2 โยก พ.ต.อ.ฐานุพงศ์ แสงซื่อ นรต.รุ่น 49 ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ มือทำงานปราบปรามโต๊ดเถื่อนสนามม้ามาเป็น ผกก.สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี แทน พ.ต.อ.เขมพัทธ์ โพธิ์พิทักษ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นรต.รุ่น 51 ได้รับแรงหนุนสายการเมืองใหญ่เป็น รอง ผบก.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.มานพ น่วมศรีวงษ์ รอง ผบก.น.4 นรต.รุ่น 43 สายการเมืองใหญ่,ข้ามห้วยมาเป็น รอง ผบก.ภ.จ.พระนครอยุธยา พ.ต.อ.อริยะ พันธุ์ฟัก ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี ขยับขึ้นเป็น รอง ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.อาทร ชิ้นทอง ผกก.สภ.นาจอมเทียน จ.ชลบุรี นรต.รุ่น 47 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม.ขยับเป็น รอง ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี พ.ต.อ.เอกกร บุษยาบดินทร์ ผกก.ตม.จ.เชียงราย นรต.รุ่น 45 มือประสานคดีเทพบุตร โซโล ขึ้นเป็น รอง ผบก.ตม.5 พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี ยะปาละ ผกก.สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ สายอดีตนายตำรวจเก่าขยับเป็น รอง ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ พ.ต.อ.พงษ์พันธุ์ จันทรอาภา ผกก.สภ.คอหงส์ จ.สงขลา ขึ้นเป็น รอง ผบก.ภ.จ.ตรัง พ.ต.อ.เลิศชาย จำปาทอง ผกก.สส.ภ.จ.สมุทรปราการ นรต.รุ่น 44 ขึ้นเป็น รอง ผบก.ใน ภ.1 พ.ต.อ.ต่อพงษ์ ตันตระวาณิชย์ ผกก.เมืองสมุทรปราการ นรต.รุ่น 38 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 ขึ้นเป็นรอง ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ ผกก.สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา นรต.รุ่น 47 หน้าห้อง พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร.ขึ้นเป็น รอง ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา โยก พ.ต.ท.พิทักษ์ เต็งถาวร รอง ผกก.ป.สน.บึงกุ่ม เป็น ผกก.สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา แทน พ.ต.อ.อภิรัฐ พุ่มกุมาร ผกก.สน.ท่าข้าม นรต.รุ่น 47 คนสนิท พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 เป็น รอง ผบก.ใน ภ.1 พ.ต.อ.สังคม ตัดโส ผกก.สภ.ปากท่า จ.พระนครศรีอยุธยา นรต.รุ่น 45 อดีตสำนักงาน พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต อดีต รอง ผบ.ตร. ขึ้นเป็น รอง ผบก.ใน บช.ภ.1 พ.ต.อ.ภาคภูมิ โห้ใย ผกก.สภ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ นรต.รุ่น 51 ขยับมาเป็น ผกก.สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ศรีลาภะมาศ ผกก.4 รน.นรต.รุ่น 47 โยกมาเป็น ผกก.สภ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.พรทวี สมวงษ์ รอง ผกก.ป.สน.โชคชัย ดาวรุ่งนรต.รุ่น 55 สายตรงค่ายใหญ่ เป็น ผกก.สน.บางโพ พ.ต.ท.สรพงษ์ นาคะโยคี รอง ผกก.จร.สน.โชคชัย นรต.รุ่น 49 สายตรงการเมืองใหญ่อีกคนเป็น ผกก.สน.สามเสน พ.ต.ท.นเรนทร์ เครื่องสนุก รอง ผกก.สน.ลุมพินี นรต.รุ่น 56 ดาวรุ่งพุ่งแรงมือทำงาน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เป็น ผกก.สส.น.8 พ.ต.ท.ทรงพล สุขกลึงมี รอง ผกก.1 บก.ทล. ได้รับแรงหนุนจากสายธุรกิจ ขยับขึ้นเป็น ผกก.4 บก.ทล. พ.ต.ท.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน นรต.รุ่น 46 ขยับเป็น ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา,พ.ต.ท.พัฒนา รอบรู้ ผู้ช่วย นว.(สบ3) นรต.รุ่น 45 หน้าห้อง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. เป็น ผกก.สภ.หนองโดน จ.สระบุรี พ.ต.ท.พฤติ จำรูญศาสตร์ รอง ผกก.ป สภ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เป็น ผกก.สภ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี พ.ต.ท.ประพจน์ อนุศิริ รอง ผกก.สส.สน.สายไหม ขยับเป็น ผกก.สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พ.ต.ท.เอกนิรุจฒ์ วันสิริภักดิ์ รอง ผกก.4 บก.สส.บช.ภ.1 เป็น ผกก.สภ.คูคต จ.ปทุมธานี พ.ต.ท.สรศักดิ์ ทองมี รอง ผกก.สส.สน.ราษฎร์บูรณะ เป็น ผกก.สน.ประชาชื่น พ.ต.ท.ปพนพัชร์ ใบยา รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เป็น ผกก.สภ.บ่อวิน จ.ชลบุรี พ.ต.ท.วัชรวิชญ์ นิติวรรัชย์ รอง ผกก.สส.สภ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ข้ามห้วยเป็น ผกก.สภ.เสม็ด จ.ระยอง พ.ต.ท.ฐนวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ รอง ผกก.สภ.ป่าแป๋ จ.เชียงใหม่ นรต.รุ่น 46 ขยับเป็น ผกก.สภ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ พ.ต.ท.เจษฎา ยางนอก รองผกก.กก.2 บก.จร. นรต.รุ่น 55 ขึ้นเป็น ผกก.5 บก.จร. พ.ต.ท. นิรุธ ตันวิมล รอง ผกก.ฝอ.1 บก.อก.ภ.2 นรต.รุ่น 55 เป็น ผกก.ฝอ.1 บก.อก.ภ.2 พ.ต.ท.หญิง ลินดา ผุดผ่อง รอง ผกก.ฝอ.ภ.จ.ระยอง เป็น ผกก.ฝอ.ภ.จ.ระยอง,พ.ต.ท.ศักดิเดช กัมพลานุวงศ์ รอง ผกก.สส.สน.มักกะสัน นรต.รุ่น 50 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป.เป็น ผกก.สน.มีนบุรี พ.ต.ท.เจษฎา คุ้มศาสตรา รอง ผกก.จร.สน.ทุ่งมหาเมฆ นรต.รุ่น 45 เป็น ผกก.สน.พญาไท พ.ต.ท.ธงรบ แจ้งจิต รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสมุทรปราการ นรต.รุ่น 51 เป็น ผกก.สส.ภ.จ.สมุทรปราการ พ.ต.ท. ธีรยุทธ เสรีนนท์ชัย รอง ผกก.(สอบสวน) งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิต/ทางพิเศษ กก.2 บก.จร. นรต.รุ่น 51 เป็น ผกก.สภ.เปร็ง จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.กิตติพงษ์ นิลขำ ผกก.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เป็น ผกก.หนองแซง สระบุรี พ.ต.อ.นฤนาท พุทไธสง รอง ผบก.ลพบุรี นรต.รุ่น 42 เป็น รอง ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา และ พ.ต.ท.สมเกียรติ สีมาคุป รอง ผกก.ป.สภ.สามโคก จ.ปทุมธานี เป็น ผกก.สภ.สามโคก
บิ๊กแป๊ะ นัดประชุมบอร์ดกลั่นกรอง เตรียมคลอดโผโยกย้าย ระดับ สว.-รอง ผบก.ทั่วประเทศ โผไม่พลิก ตำรวจใกล้ชิดขั้วอำนาจ
ข่าว,ทั่วไทย
แต่งตั้ง,โยกย้าย,รอง ผบก.-สว.,จักรทิพย์ ชัยจินดา,ข่าวหน้า1,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1498058
[ 0, 259, 137738, 153851, 94819, 183464, 156912, 259, 70433, 208710, 53477, 63917, 90482, 5405, 110823, 259, 34429, 259, 143604, 260 ]
แรงงานข้ามชาติถูกบังคับให้อยู่เฉพาะพื้นที่ชายแดนแม้มีวีซ่า
มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการเรียนรู้ของแรงงานกลุ่มชาติพันธุ์ (MAP Foundation for the Health and Knowledge of Ethnic Labour)ออกแถลงการณ์เรื่อง แรงงานข้ามชาติถูกบังคับให้อยู่เฉพาะพื้นที่ชายแดน ระบุนายจ้างในจังหวัดชายแดนกล่อมเจ้าหน้าที่ให้คุมเข้ม และจำกัดการเดินทางของแรงงานข้ามชาติแม้ว่าแรงงานข้ามชาติที่ถือหนังสือเดินทางชั่วคราว มี VISA ซึ่งควรจะเดินทางได้ทั่วประเทศไทย โดยมีรายละเอียด ดังนี้นายจ้างในจังหวัดตากสามารถกล่อมเจ้าหน้าที่ให้คุมเข้มและจำกัดการเดินทางของแรงงานข้ามชาติจดทะเบียนที่ทำงานใน 5 อำเภอชายแดน ถึงแม้ว่าแรงงานข้ามชาติที่ถือหนังสือเดินทางชั่วคราว มี VISA ซึ่งควรจะเดินทางได้ทั่วประเทศไทยแต่กลับประสบกับการถูกจำกัดการเดินทางส่งผลให้ไม่สามารถออกนอกพื้นที่แม่สอดได้จากสำเนาบันทึกข้อความของสำนักงานจัดหางานจังหวัดตาก วันที่ 5 มิถุนายน 2555 เรื่อง แนวทางปฏิบัติตรวจสอบเอกสารประกอบการเดินทางออกนอกเขตของแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งระบุว่า สภาอุตสาหกรรมจังหวัดตากได้เสนอถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เพราะว่ามีการหลบหนีของแรงงานต่างด้าวเพื่อไปทำงานในจังหวัดชั้นในและปริมณฑลเป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่บันทึกข้อความของสำนักงานจัดหางานและสภาอุตสาหกรรมไม่ได้พูดถึงนั่นคือสภาพการทำงานและค่าจ้างในพื้นที่แม่สอดที่แย่มากจนทำให้แรงงานข้ามชาติต้องดิ้นรนไปหางานที่มีสภาพที่ดีกว่าในพื้นที่ชั้นในแรงงานในพื้นที่แม่สอดได้ร้องเรียนเกี่ยวกับการที่พวกตนต้องถูกจัดให้เป็นคิวสุดท้ายที่จะได้รับเอกสารจากการพิสูจน์สัญชาติและบัตรอนุญาตทำงาน ในขณะที่แรงงานที่ทำงานในพื้นที่อื่นๆของประเทศไทยได้รับเอกสารเหล่านั้นก่อนแรงงานที่อยู่ในพื้นที่แม่สอด ซึ่งขณะนี้แรงงานในแม่สอดได้รับเอกสารเหล่านั้นแล้ว แต่กลับถูกปฏิบัติแตกต่างจากแรงงานที่จดทะเบียนในพื้นที่อื่นๆของประเทศไทย พวกเขาและเธอยังคงถูกจำกัดการเดินทางซึ่งขัดกับกฎหมายและระเบียบระดับชาติที่กำหนดให้แรงงานที่ถือหนังสือเดินทางชั่วคราวสามารถเดินทางได้อย่างเสรี ซึ่งในขณะนี้แรงงานยังได้รายงานอีกว่าพวกเขาถูกเรียกให้หยุดและต้องเดินทางกลับไปแม่สอดในขณะที่พยายามจะเดินทางผ่านด่านห้วยหินฝน ทั้งที่แรงงานเหล่านี้ถือหนังสือเดินทางชั่วคราว ซึ่งมีวีซ่าและบัตรอนุญาตทำงานที่ถูกกฎหมาย ส่วนแรงงานคนอื่นๆ บางคนถูกเรียกเก็บเงินเพื่อที่จะให้ปล่อยผ่านด่านไปได้ การจำกัดการเดินทางเช่นนี้มิได้แค่เป็นการขัดต่อนโยบายระดับชาติเท่านั้น แต่หากยังเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการทุจริตและการพึ่งพานายหน้าเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ณ จุดตรวจด่านห้วยหินฝน ได้รับคำสั่งให้อนุญาตเพียงแต่ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางชั่วคราวที่จะเดินทางได้แต่ต้องมีเอกสารที่จำเป็นในการเปลี่ยนนายจ้าง ด้วยเหตุนี้ทำให้แรงงานที่ถือบัตรหนังสือเดินทางชั่วคราวถูกลดสถานะให้เท่ากับแรงงานที่ถือบัตรอนุญาตทำงานที่หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายอีกครั้ง แรงงานที่ถือหนังสือเดินทางชั่วคราวได้ลงทุนทั้งแรง เวลา และเงินในการเข้าสู่กระบวนการหลายขั้นหลายตอนเพื่อที่จะเปลี่ยนสถานภาพให้ถูกกฎหมาย ถือหนังสือเดินทางชั่วคราว มีวีซ่าที่ถูกต้องและบัตรอนุญาตทำงานที่ถูกกฎหมาย แน่นอนว่าการเกิดกรณีเช่นนี้แรงงานต้องถามตัวเองว่า ทำไม จะทำการเปลี่ยนสถานะภาพให้เสียเวลาทำไม จะต้องให้แสดงอะไรให้เห็นอีกว่าพวกเขาเห็นความสำคัญของการทำให้สถานะถูกกฎหมาย แรงงานข้ามชาติยังคงได้รับค่าจ้างต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย พวกเขาและเธอยังคงทำงานในสภาวะที่ต่ำกว่ามาตรฐานแรงงาน ยังคงไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางได้โดยเสรี ยังคงถูกเรียกว่า แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ทั้งที่ดำเนินการปรับสถานะทางกฎหมายแล้ว ยังคงถูกกล่าวโทษว่าก่อให้เกิดปัญหาชายแดน แทนที่จะได้รับชื่อเสียงว่าเป็นผู้พัฒนาด้านเศรษฐกิจพื้นที่ชายแดนที่เคยไกลปืนเที่ยงอย่างแม่สอด จนกลายเป็นพื้นที่ที่มีการพัฒนาด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศเราขอเรียกร้องให้รัฐยกเลิกการจำกัดเสรีภาพในการเดินทางดังกล่าวของแรงงานที่ถือหนังสือเดินทางโดยชั่วคราวโดยทันที
มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการเรียนรู้ของแรงงานกลุ่มชาติพันธุ์ (MAP Foundation for the Health and Knowledge of Ethnic Labour)ออกแถลงการณ์เรื่อง แรงงานข้ามชาติถูกบังคับให้อยู่เฉพาะพื้นที่ชายแดน
สิทธิมนุษยชน,แรงงาน
มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการเรียนรู้ของแรงงานกลุ่มชาติพันธุ์ (MAP),แถลงการณ์,แรงงานต่างด้าว
https://prachatai.com/journal/2012/07/41358
[ 0, 259, 181851, 122657, 78032, 21749, 149554, 4188, 11103, 80046, 42576, 67395, 219178, 8378, 49922, 21749, 46033, 105462, 1, 0 ]
ชมพู่-น็อตร้อยล้านวิวาห์อลังการ (ชมคลิป)
โชว์เริ่ดหรูซุปตาร์ฤกษ์เข้าหอ10พ.ค.,อลังการงานสร้างสุดๆ งานหมั้นและแต่ง ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ตกับนักธุรกิจไฮโซ น็อต-วิศรุต ฝ่ายเจ้าบ่าวทุ่มไม่อั้นขนสินสอด 108 ล้าน แต่งเมียดารา ซุปตาร์ สุดฮอตของเมืองไทย ท่ามกลางเพื่อนฝูงวงการบันเทิงร่วมยินดีกันเพียบ เจ้าสาวสวมชุดวิวาห์หรูหราเริ่ดเลอเพอร์เฟกต์ในวันสำคัญที่สุดของชีวิต จากแบรนด์ระดับโลก เอลี ซาบ โอต์กูตูร์ ส่วนรองเท้าสั่งทำพิเศษเพียงคู่เดียวจากฝรั่งเศส คริสเตียน ลูบูแตง สมฐานะความเป็นดาราแถวหน้าของเมืองไทย แม่เจ้าสาวอวยพรด้วยคำคม ชีวิตการแต่งงานของจริงไม่เหมือนในละคร ขณะที่แม่เจ้าบ่าวปลื้มปริ่มลูกสะใภ้ ลั่นวลีฮือฮา สินสอดร้อยล้านเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย เพราะน้อยกว่าความรักของทั้งคู่ที่ประเมินค่ามิได้,หรูหราอลังการงานสร้างตามความคาดหมายของสังคม เมื่อนางเอกซุปตาร์ ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต วัย 34 ปี จูงมือน็อต-วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์ แฟนหนุ่มนักธุรกิจหมื่นล้านกลุ่มบริษัทเรเซอร์การไฟฟ้า วัย 39 ปี เข้าสู่ประตูวิวาห์ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 6 พ.ค. ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมเดอะ เพนนินซูล่า แบงค็อก ถนนเจริญนคร หลังทั้งคู่ทำพิธีรับส่งตัวแบบจีน ตามฤกษ์มงคลที่ดีที่สุดของปีไปแล้ว เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่คอนโดมิเนียมหรูย่านเพลินจิต,ทั้งนี้ พิธีแต่งงานของดาราสาวสุดฮอตของวงการบันเทิง ที่ถือเป็นวันอันสำคัญที่สุดในชีวิตของ สาวชม ได้เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 07.39 น. วันที่ 6 พ.ค. โดยเจ้าบ่าวนำขบวนรถเบนซ์ S 300 จำนวน 10 คัน พร้อมด้วยเพื่อนเจ้าบ่าวประมาณ 30 คน มาถึงด้านหน้าโรงแรม เมื่อถึงฤกษ์ดีเวลา 08.09 น. เจ้าบ่าว พร้อมด้วยนางอุไรวรรณ หาญอุดมสุข มารดา และนายเสรี ตันชูเกียรติ ลุงของเจ้าบ่าว ที่ทำหน้าที่เป็นเถ้าแก่ฝ่ายชาย รวมทั้งญาติและเพื่อนเจ้าบ่าวได้ยกขบวนขันหมากผ่านด่านกั้นประตูเงินประตูทองกว่า 18 ด่าน โดยมีเพื่อนสนิททั้งในและนอกวงการของเจ้าสาวมาร่วมกั้นประตู อาทิ ตุ๊กกี้-สุดารัตน์ บูบู้-กำธร ใหญ่-อมาตย์ โมเม-นภัสสร หน่อย- บุษกร เคน-ธีรเดช จ๋า-ยศสินี จิ๋ม-มยุรฉัตร อุ๊-มณฑ์ลัชชา และเอกกี้-เอกชัย,จากนั้นเจ้าบ่าวนำช่อดอกไม้ไปรับเจ้าสาว ที่ห้องพักชั้น 37 โดยก่อนจะฝ่าด่านไปถึงตัวเจ้าสาว มีพลอย-ชวพร พีช-สิตมน คริส หอวัง ใหม่-ดาวิกา ไอซ์-อภิษฎา ดิว-อริศรา เกล้าและหวานเจี๊ยบ ผู้จัดการคนสนิทของชมพู่ ปิดท้ายด้วยเอมมี่-มรกต มาร่วมกั้นประตู สร้างสีสันให้บรรยากาศในงานเป็นไปอย่างสนุกสนานและอบอุ่น ซึ่งเจ้าบ่าวหมื่นล้านต้องโชว์ลีลาร้องเพลงเอาใจเพื่อนเจ้าสาว กว่าจะไปถึงตัวชมพู่ นอกจากนี้ ยังมีเซเลบคนดัง ม้า-อรนภา กฤษฎี เป็นเถ้าแก่ฝ่ายเจ้าสาวอีกด้วย,กระทั่งถึงนาทีสำคัญในเวลา 09.39 น. เจ้าบ่าวได้หยิบแหวนหมั้นเม็ดโตขนาด 8.8 กะรัตสวมเข้าที่นิ้วนางของเจ้าสาว เมื่อสวมแหวนเสร็จ ชมพู่ได้ก้มลงกราบเจ้าบ่าว พร้อมหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปลื้มปีติ โดยสินสอดทองหมั้นที่เจ้าบ่าวขนมาประเคนให้เจ้าสาว ประกอบไปด้วยเงินสด ทองคำ แหวนเพชร 8.8 กะรัต สร้อยคอเพชร ต่างหูเพชร 14 กะรัต รวมเป็นเครื่องประดับเพชรหนักทั้งสิ้น 80 กะรัต มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโฉนดคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นเรือนหอมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท รวมมูลค่าสินสอดทั้งหมด 108 ล้านบาท โดยเจ้าบ่าวตั้งใจให้ลงท้ายด้วยเลขมงคล,หลังจากเปิดสินสอดเรียบร้อยแล้ว นางอุไรวรรณ แม่เจ้าบ่าว กล่าวว่า ถึงสินสอดจะมีค่านับร้อยล้าน แต่ก็ไม่เท่ากับความรักของทั้งคู่ที่ประเมินค่ามิได้ จากนั้นเป็นพิธียกน้ำชา รับไหว้ และหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ โดยมีแม่เจ้าบ่าวและแม่เจ้าสาวคือนางวารี หน่อแก้ว เป็นประธาน โดยนางอุไรวรรณเป็นผู้สวมมงคลและเจิมหน้าผาก นางวารีคล้องพวงมาลัยและอวยพรว่า ให้รักกันนานๆ มีความสุขสมหวัง การแต่งงานในชีวิตจริงกับในละครไม่เหมือนกัน ชีวิตจริงคือชีวิตคู่ที่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น นอกจากนี้ระหว่างงานมี 2 นักร้องคุณภาพ ไมร่า-มณีภัสสร มอลลอย และปาน-ธนพร แวกประยูร มาร่วมขับกล่อมบทเพลงอันไพเราะ เป็นเกียรติแก่คู่บ่าวสาว,ส่วนบรรยากาศในงานตกแต่งยิ่งใหญ่อลังการ สมกับเป็นงานวิวาห์ของนางเอกซุปตาร์แถวหน้าของเมืองไทยที่คนทั้งประเทศจับจ้อง โดยมีการเนรมิตห้องแกรนด์บอลรูม เป็นสวนดอกไม้โทนสีขาว เขียว นับแสนดอก ในคอนเซปต์ ริทึ่ม ออฟ บิวตี้ สำหรับชุดเจ้าสาวที่ทุกคนจับตามอง ชมพู่ได้สวมใส่ชุดเปิดไหล่สีแชมเปญของแบรนด์,เอลี ซาบ โอต์กูตูร์ (ELIE SAAB HAUTE COUTURE) และเพื่อนสนิทได้สั่งทำรองเท้าเจ้าสาวเป็นพิเศษของแบรนด์ คริส เตียน ลูบูแตง (Christian Louboutin) ซึ่งตกแต่งด้วยผ้าลูกไม้ผืนเดียวกับชุดเจ้าสาว ส่งตรงจากประเทศฝรั่งเศส ที่มีเพียงคู่เดียวเป็นของขวัญสำหรับงานวันนี้ ส่วนชุดเพื่อน เจ้าสาวเป็นสีเขียวอ่อนเป็นแบรนด์ วาทนิกา (VATANIKA) ดีไซเนอร์ชื่อดังของไทย นอกจากนี้ น็อตยังได้ลงทุนจ้างออกแบบชุดจานพิเศษ สำหรับมื้อกลางวันที่ใช้สำหรับงานนี้ ซึ่งมีลวดลายคิวปิดและสัญลักษณ์ AV ย่อมาจากชื่อจริงของทั้งคู่ อารยา และวิศรุต มีมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ส่วนของชำร่วยเป็นเทียนหอมที่ดูงดงามอ่อนหวานอลังการ,หลังเสร็จสิ้นพิธี บ่าวสาวป้ายแดง กล่าวความรู้สึกสั้นๆ โดยน็อต-วิศรุต เผยว่า รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เหนื่อยกับการเตรียมงาน เมื่อคืนก่อนมีงานก็นอนหลับดี แต่ยังไม่ได้เข้าห้องหอ คงเป็นวันที่ 10 พ.ค. ด้านชมพู่-อารยา กล่าวความรู้สึกว่า เป็นอีกวันหนึ่งที่รู้สึกอบอุ่น มีญาติสนิทใกล้ชิดมาร่วมยินดี เราก็จะได้ดูแลทั่วถึง รู้สึกตื่นเต้น วันนี้มาถึงเร็วมากๆ ก่อนหน้านี้คิดว่ายังมีเวลาอีกนาน เมื่อคืนก่อนงานก็นอนหลับดี แต่กังวลเรื่องการเตรียมตัว ถึงตอนนี้รู้สึกมีความสุข หลังเสร็จพิธีก็ต่างคนต่างกลับบ้านของตัวเอง วันที่ 10 พ.ค. ถึงจะเข้าห้องหออยู่ด้วยกัน,นอกจากนี้ ในเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน มีการแจกหนังสือพิมพ์เฉพาะกิจ The Good News ของชมพู่-อารยาและน็อต-วิศรุต เป็นของที่ระลึกให้กับประชาชนทั่วไป ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาทุกสาขา ขณะที่ คู่บ่าวสาวมีกำหนดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส ในวันที่ 10 พ.ค. ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี ถนนวิทยุ โดยทั้งคู่เชิญแขกมาร่วมงานกว่า 1,500 คน ตอกย้ำความยิ่งใหญ่อลังการงานช้าง สร้างความอิจฉาริษยาตาร้อนผ่าวๆ ของสาวไทยในสังคมระดับสูง ที่ชมพู่สามารถพิชิตความเป็นผู้หญิงในดวงใจเพียงคนเดียวของน็อตนักธุรกิจหมื่นล้าน จนถึงขั้นครองคู่วิวาห์กันในที่สุด,ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ก็มีนางเอกแถวหน้าเข้าสู่พิธีวิวาห์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นวิวาห์ร้อยล้านกันหลายต่อหลายคน อาทิ ลีเดีย-ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา กับแมทธิว ดีน ที่ทุ่มงบจัดงานอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ถึงจะอุบจำนวนสินสอด แต่คาดว่าคงจัดหนักจัดเต็มแน่นอน ด้านเจ้าสาวตาคม พิงกี้-สาวิกา ไชยเดช กับไฮโซหมื่นล้าน เพชร-อิทธิ ชวลิตธำรง ก็ทุ่มงบจัดงานอย่างอลังการ แหวนเพชรขนาด 8 กะรัตพร้อมทั้งบินไปเลี้ยงฉลองมงคลสมรสที่ชาโตว์ ฝรั่งเศส และสินสอดกว่าร้อยล้าน ฟากนางเอกสาว แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ ที่สละโสดไปกับสงกรานต์ เตชะณรงค์ ทายาทโบนันซ่า เขาใหญ่ โดยจัดงานวิวาห์ยิ่งใหญ่ท่ามกลางขุนเขาแห่งโบนันซ่า แบบโรแมนติกอลังการ ชนิดไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร ถึงจะอุบจำนวนสินสอด แต่คู่นี้ถูกจับตามองว่าสงกรานต์ทุ่มไม่อั้น และที่สร้างความฮือฮากับงานวิวาห์ฟ้าแลบของซินเดอเรลล่าสาว ตั๊ก-บงกช คงมาลัย กับเจ้าสัวบุญชัย เบญจรงคกุล ที่วางของหมั้นเป็นเช็คเงินสดกว่าร้อยล้าน พร้อมที่ดินเรือนหอกว่า 32 ไร่ย่านรามอินทรา ปิดท้ายด้วยคู่รักดัง นุ่น-วรนุช และต๊อด-ปิติ ภิรมย์ภักดี กับงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสที่ต้องปิดห้องจูปิเตอร์ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี เพื่อรองรับแขกกว่า 5,000 คน โดยมีสินสอดมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
อลังการงานสร้างสุดๆ งานหมั้นและแต่ง ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ตกับนักธุรกิจไฮโซ น็อต-วิศรุต ฝ่ายเจ้าบ่าวทุ่มไม่อั้นขนสินสอด 108 ล้าน แต่งเมียดารา ซุปตาร์ สุดฮอตของเมืองไทย
ข่าวหน้า1,ชมพู่แต่งงาน,ชมพู่น็อตแต่งงาน,ชมพู่ อารยา,พิธีวิวาห์,นักธุรกิจหมื่นล้าน,ชมพู่วิวาห์,พิธีแบบจัน,น็อต วิศรุต,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวบันเทิง
https://www.thairath.co.th/content/497261
[ 0, 259, 33559, 6581, 181531, 27605, 212838, 18169, 36445, 196033, 320, 2787, 259, 4728, 89885, 149237, 259, 36247, 50175, 1 ]
ความขัดแย้งทางการเมืองส่วนกลางกับความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนใต้
ในขณะที่คนไทยในส่วนของภาคอื่นของประเทศกำลังต่อสู้กันเพื่อนามธรรมกับคำว่า ประชาธิปไตย คนในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้กำลังต่อสู้กับการที่จะได้มีชีวิตรอดปลอดภัยกันแบบวันต่อวันวินสตัน เชอร์ชิล (Winston Churchill) อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษผู้ล่วงลับได้กล่าวไว้ว่า Healthy citizens are the greatest asset any country can have. นั่นคือ ประชาชนที่ถือว่าสุขภาพสุขสมบูรณ์ดีถือเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดที่ประเทศนั้นพึงจะมี แต่เมื่อหันมามองปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรงที่เกิดขึ้นทางตอนใต้ของประเทศไทยนับตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน หากอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษท่านนี้รู้คงเบะปากพร้อมส่ายหน้าอย่างอิดหนาระอาใจให้กับความไร้ซึ่งประสิทธิภาพในการบริหารแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในเขตพื้นที่ปลายด้ามขวานของรัฐบาลไทยทุกรัฐบาลที่ผ่านมาเนื่องเพราะขณะนี้การเมืองไทยไม่นิ่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่สามจังหวัดนับวันจึงมีแต่จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ ในขณะที่ทางฝ่าย กปปส. นำโดยลุงกำนันกำลังปราศรัยอย่างเผ็ดร้อน รวมพลมวลมหาประชาชนต่อต้านระบอบทักษิณ กับทางฝ่ายรัฐบาลนำโดยนายกรัฐมนตรีหญิงยิ่งลักษณ์ที่ไม่มีทีท่าว่าจะเดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องใดๆ นั้น มีฝ่ายใดบ้างที่ให้ความสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดชายแดนใต้อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่หลายฝ่ายเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ใส่ชุดดำ กับรถที่นั่งกันมาประมาณ 8 คัน กราดยิงหมู่บ้านก่อนที่จะไล่ล่าจับกุมคนในหมู่บ้านไปหนึ่งคน ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่จังหวัดปัตตานีเมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมาหรือจะเป็นเหตุการณ์ที่มีการขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่รัฐที่อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานีก่อนวันเลือกตั้งหนึ่งวัน เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 4 ราย และได้รับบาดเจ็บ 5 ราย และล่าสุด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเศร้าสลดใจให้กับผู้คนที่ได้รับข่าวคือ ท่านกำนันสุเทพ กับท่านนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ สองฝ่ายที่ห้ำหั่นใส่กันต่างอ้างกันว่าสู้เพื่อประชาชน ไฉนเลยจึงแทบจะไม่เคยเอ่ยถึงคนที่ถูกฆ่าตายรายวันในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อยากฝากเรียนถามคุณสุเทพ เทือกสุบรรณว่าขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงภายใต้นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้น ท่านมีผลงานอะไรบ้างในการที่จะพยายามดับปัญหาไฟใต้ นอกเหนือไปจากการที่แค่ได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างต่อเนื่องทุกสามเดือนหรือทางฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทยเอง ที่พยายามจัดให้มีการตั้งโต๊ะเจรจาระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายบีอาร์เอ็นก็เกรงว่าจะล้มไม่เป็นท่า เพราะไม่มีความต่อเนื่องและขาดความจริงใจที่จะสานต่อการเจรจาให้ถึงที่สุด จนถึงตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายควรที่จะยอมรับได้แล้วว่าที่ผ่านมานั้น เพียงแค่อ้างใช้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่สามจังหวัดเป็นเครื่องมือในการสาดโคลนใส่กันและกัน เพียงเพื่อยกหางให้กับฝ่ายของตัวเอง และเพียงแต่คอยที่จะหาทางเพิ่มคะแนนเสียงให้กับฝ่ายของตัวเอง เพราะโดยแท้จริงแล้ว จากผลงานการบริหารจากทั้งทางฝ่ายอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ และนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ไม่มีฝ่ายใดมีความสุจริตใจที่จะแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เลยแม้แต่น้อยไม่อยากจะกล่าวหา แต่จำต้องแสดงความคิดเห็นออกมาว่า รัฐบาลไทยวางบทบาทตนเองที่นับได้ว่าสองมาตรฐานอย่างชัดเจน ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างสุดโต่งคือหรือกรณีปิดศาลากลางจังหวัดปัตตานีโดยกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงปะทะกันของฝ่ายใด แต่ทำไมการชุมนุมอย่างสงบของชาวบ้านมลายูมุสลิมหน้าศาลากลางจังหวัดปัตตานีเมื่อปี 2518 จึงนำไปสู่การตามไล่ล่าสั่งเก็บผู้ชุมนุมปราศรัยบนเวที หรือกระทั่งกรณีการชุมนุมอย่างสงบหน้าที่ทำการอำเภอตากใบเมื่อปี 2547 ถึงนำมาสู่ความหวั่นวิตกของเจ้าหน้าที่รัฐไทยจนนำไปสู่การกวาดล้างผู้ชุมนุมจนเสียชีวิตถึง 85 ศพ? การที่ประชาชนมลายูมุสลิมในพื้นที่สามจังหวัดจับกลุ่มร่วมชุมนุมเรียกร้องความเป็นธรรมอย่างสงบในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมานั้น แตกต่างจากการประท้วงเรียกร้องทางการเมืองกับกลุ่มผุ้ชุมนุม กปปส.ตรงไหน? ทำไมถึงมีการจัดการที่ต่างกันจากทางฝ่ายรัฐ? ทำไมถึงมีชะนักติดหลังกับความคิดที่ว่า ชนมลายูมุสลิมจะอยากแบ่งแยกดินแดนอยู่ท่าเดียว?ประเด็นหลักอีกประเด็นหนึ่งของบทความนี้ มีความประสงค์ที่จะอยากส่งเสียงตะโกนเรียกร้องให้คนทั่วไปในประเทศไทยหันมาให้ความสนใจกับความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดบ้าง อยากจะสวนกระแสสังคมโดยตั้งคำถามว่า ในหลายหลายครั้งผู้เขียนได้ลองนั่งสังเกตการณ์ผ่านสื่อออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นจากข่าวกระแสหลัก และจากการแชร์ข่าวต่างๆ ที่ผ่านตาในช่วงนี้ จนตั้งข้อสังเกตได้ว่า คนในพื้นที่เขตสามจังหวัดกับคนทั่วไปของประเทศไทยมวลรวมอย่างไรก็ยากที่จะปรับความรู้สึก ร่วม ไปในทิศทางเดียวกันได้ ยามที่ทางฟากกรุงเทพฯ ประสบเหตุกับการปาระเบิด อย่างเช่นกรณีที่ถนนบรรทัดทอง คนในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่อื่นๆ ของประเทศไทยจะมีความรู้สึกเป็นส่วนร่วมสูงมาก แต่พอมีเหตุการณ์ระเบิด ฆ่ากัน ยิงกันตายในเขตสามจังหวัดชายแดนใต้ คนในพื้นที่จากส่วนอื่นของประเทศไทยดูเสมือนว่าจะไม่ได้มีส่วนร่วมรับรู้กับความเป็นความตายของคนในแถบพื้นที่ใต้สุดของประเทศเท่าไหร่เช่นนี้แล้วจะไม่ให้คนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้รู้สึกว่าตัวเองเป็นพลเมืองชั้นสองได้อย่างไรประกอบกับขณะนี้มีวาทกรรมว่าด้วยเรื่องการรักชาติหรือไม่รักชาติ กล่าวหาสาดทอใส่กันประหนึ่งว่า ถูกตราหน้าว่าเป็นคอมมิวนิสต์สมัยสงครามเย็น ซึ่งแต่ละคนก็มีความเข้าใจกับคำว่า ชาติ ต่างกันไปหลากหลายรูปแบบ จากเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น จากการเปรียบเทียบประเด็นต่างๆ ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ภายใต้บริบทของคำว่า ชาติ ที่นักเลงคีย์บอร์ดในสังคมออนไลน์ และผู้ปราศรัยบนเวทีทางการเมืองของทั้งสองฝ่ายขณะนี้ กำลังใช้กล่าวหาด่าทอกันอย่างเมามันใส่กันและกัน อยากถามว่าคนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ถือเป็นส่วนหนึ่งของ ชาติ ด้วยหรือไม่ ปัจจุบัน ดวงยิหวา อุตรสินธุ์ เป็น นศ ปริญญาเอก สาขารัฐศาสตร์จาก ANU ออสเตรเลีย
ในขณะที่คนไทยในส่วนของภาคอื่นของประเทศกำลังต่อสู้กันเพื่อนามธรรมกับคำว่า ประชาธิปไตย คนในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้กำลังต่อสู้กับการที่จะได้มีชีวิตรอดปลอดภัยกันแบบวันต่อวัน วินสตัน เชอร์ชิล (Winston
การเมือง,สิทธิมนุษยชน,ความมั่นคง
กปปส.,กรือเซะ,กษัตริย์,ความรุนแรงทางการเมือง,จังหวัดชายแดนใต้,ชาติ,ดวงยิหวา อุตรสินธุ์,ตากใบ,ศาสนา
https://prachatai.com/journal/2014/02/51659
[ 0, 259, 135776, 203061, 62549, 6582, 82551, 1549, 146761, 61349, 98833, 98364, 8357, 259, 146143, 82918, 37362, 221156, 1, 0 ]
อานิสงส์ท่องเที่ยวไทย ดัน ตรุษจีนปีวอก คึกคัก เงินสะพัดกว่า 30 ล้าน
เหลืออีกเพียง 1 สัปดาห์ ก็จะเข้าสู่เทศกาลสำคัญของชาวจีน หรือที่คนไทยทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีว่า ,วันตรุษจีน, ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินจีน ซึ่งในปี 2559 นี้ เทศกาลตรุษจีน ตรงกับวันที่ 6-8 กุมภาพันธ์พอดี นับเป็นช่วงเวลาแห่งการฉลองความสุขและเป็นการต้อนรับสิ่งที่เป็นมงคล และแน่นอนว่า เทศกาลวันตรุษจีนเป็นเทศกาลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุด และเป็นเทศกาลที่กระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมากที่สุด,เมื่อมองย้อนไปในช่วงปี 58 การจับจ่ายใช้สอยในเทศกาลตรุษจีน จัดว่าไม่คึกคักเท่าที่ควร ตรงข้ามกับที่บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เป็นแบบนี้ ก็มาทั้งจากเรื่องของช่วงเวลาของเทศกาลที่ตรงกับวันทำงานของมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ และปัจจัยที่สำคัญอย่างค่าครองชีพในช่วงเวลานั้นที่อยู่ในระดับที่สูง ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับลดลง แต่ราคาเครื่องเซ่นไหว้สิ่งจำเป็นสำหรับเทศกาลนี้กลับปรับขึ้นสวนทาง ทำให้งบประมาณค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะประหยัด ส่วนบรรยากาศตามร้านทองเอง ก็คาดเดาสถานการณ์ราคาได้ยาก เนื่องจากมีความผันผวน ขึ้นลงอยู่ไม่น้อย,แล้วในปี 59 ที่สภาพเศรษฐกิจยังไม่แตกต่างไปจากเดิมนี้ล่ะ ภาพรวมการท่องเที่ยวของไทยในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะเป็นอย่างไร? ร้านทองจะคึกคักหรือไม่? ประชาชนจะแห่จับจ่ายใช้สอยมากน้อยเพียงใด? ,ไทยรัฐออนไลน์, มีคำตอบ,นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), ได้ให้มุมมองเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของไทยในช่วงเทศกาลตรุษจีน เอาไว้ว่า ไทยจะมีเงินสะพัดด้านการท่องเที่ยวรวมแล้วกว่า 29,920 ล้านบาท เติบโต 32% จากปีก่อน โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาประมาณ 1.01 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19% สร้างรายได้ 15,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อน ซึ่งตามรายงานระบุว่า แค่เฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาก็เพิ่มขึ้น 300,000 คน เติบโตถึง 21% สร้างรายได้ 9,795 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 35%,สำหรับจำนวนเที่ยวบินที่บินเข้าประเทศไทยในช่วงตรุษจีน รวมแล้วกว่า 330 เที่ยวบิน เข้ากรุงเทพฯ จำนวน 174 เที่ยวบิน จ.ภูเก็ต 75 เที่ยวบิน จ.กระบี่ 37 เที่ยวบิน และ จ.เชียงใหม่ 44 เที่ยวบิน รวมจำนวนที่นั่งบินทั้งหมด 65,877 ที่นั่ง 
ทั้งนี้ เที่ยวบินส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน แบ่งเป็น 257 เที่ยวบิน มาจากเซี่ยงไฮ้ หังโจว หนานหนิง ฉงชิ่ง ช่านโถว ซัวเถา เฉิงตู คุนหมิง กวางโจว อู๋ฮั่น และเมืองรองอื่นๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เที่ยวบินส่วนใหญ่เริ่มมาจากเมืองรองมากขึ้น ซึ่งตรงกับแนวโน้มการสำรวจของผู้ประกอบการในประเทศจีน ที่พบว่าไทยขึ้นเป็นอันดับ 1 ของแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับคนจีน,ขณะที่ ,นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ, ประเมินบรรยากาศการซื้อขายทองคำในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะถึงนี้ว่า อาจจะไม่คึกคักเท่ากับปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาทองปรับตัวลดลงมาตั้งแต่ช่วงเทศกาลปีใหม่ ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่ดีนัก ทำให้ราคาทองยังขยับไม่ได้มาก โดยราคาทองหลังจากนี้มีโอกาสจะขยับขึ้นไปที่ระดับ 20,000 บาท อย่างแน่นอน โดยมองกรอบราคาทองคำในช่วงเทศกาลตรุษจีนอยู่ที่ 17,500-22,000 บาท,ด้าน ,นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานกรรมการบริหารฝ่ายการพาณิชย์ เทสโก้ โลตัส, กล่าวถึงภาพรวมเทศกาลตรุษจีนในปีนี้เอาไว้ว่า ทางตนเองเชื่อว่าลูกค้าทุกคนยังคงมีภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น อีกทั้งยังเพิ่งผ่านปีใหม่ไทยมาได้ไม่นาน ซึ่งลูกค้าจะชะลอการใช้จ่ายมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันทางฝั่งของภาครัฐเอง ยังคงช่วยผลักดันราคาสินค้าให้ต่ำลง ในส่วนของโลตัสก็ได้ลดราคาสินค้าในแผนกอาหารยกทั้งแผนก ซึ่งราคาจะถูกกว่าตรุษจีนปีที่แล้วเฉลี่ย 20% ก็ได้คาดหวังว่าลูกค้าจะเข้ามาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา กระตุ้นภาพรวมตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้ง,ทั้งหมดนี้ คือภาพรวมในมุมมองทางด้านเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นช่วงเทศกาลตรุษจีนของปีนี้จากบรรดาบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะเป็นไปอย่างไร สิ่งสำคัญสำหรับเทศกาลนี้คงไม่ใช่ความสุขที่มาจากเรื่องตัวเลข เงิน-ทอง แต่เป็นรอยยิ้มที่มาจากการได้ใช้เวลาพบปะสมาชิกในครอบครัว ควบคู่ไปกับการทำสิ่งดีๆ ทบทวนสิ่งที่ผ่านมา เพื่อตั้งต้นเริ่มสิ่งใหม่ๆ ร่วมกัน,ขอให้ทุกท่านจงประสบแต่ความโชคดีตลอดปี 2559 ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้
ในปี 59 สภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่แตกต่างไปจากเดิม ภาพรวมการท่องเที่ยวไทยในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะเป็นอย่างไร? ร้านทองจะคึกคักหรือไม่? ประชาชนจะแห่จับจ่ายใช้สอยมากน้อยเพียงใด? ไทยรัฐออนไลน์ มีคำตอบ
ตรุษจีน,วันตรุษจีน,เทศกาลตรุษจีน,วันปีใหม่จีน,จับจ่ายใช้สอยช่วงตรุษจีน,เงินสะพัด ตรุษจีน,ตรุษจีน 2559,ตรุษจีนปีวอก,ท่องเที่ยวไทยช่วงตรุษจีน,ยุทธศักดิ์ สุภสร,ททท.,จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี,ทอง,ราคาทอง,สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย,ภาพรวมเศรษฐกิจไทยช่วงตรุษจีน,ราคาสินค้า,สินค้าลดราคา,โลตัส,โลตัส ลดราคาสินค้า,สกู๊ปออนไลน์,สกู๊ปเศรษฐกิจ,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/571033
[ 0, 259, 188447, 6196, 108604, 97652, 47187, 259, 86113, 93927, 8377, 259, 103015, 62883, 47187, 1549, 65922, 4728, 259, 50161 ]
จับหนุ่มเฝ้ายาบ้า ค้ายาไอซ์ได้ค่าจ้าง 5หมื่นบ. ต่อเดือน
สืบ 4 จับไอซ์ 5.9 กก. ยาบ้า 140,000 เม็ด หลัง ล่อซื้อจากอดีตพนักงาน ส่งสินค้าบริษัท ได้ที่ปากซอยนวมินทร์ 42 ก่อนขยายผลตามไปยึดที่อพาร์ตเมนต์ในซอยลาดพร้าว 26 สารภาพมีนายทุนมาเปิดห้องเป็นที่พักยาและให้ค่าจ้างในการเฝ้าและส่งลูกค้าเดือนละ 50,000 บาท แถมได้ส่วนต่างจากการขายยาบ้าและไอซ์ด้วย,สืบ 4 รวบหนุ่มตกงานหันมาค้ายานรกครั้งนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 27 พ.ย. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ผกก.สส.บก.น.4 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด กก.สส.บก.น.4 แถลงผลจับกุมนายนพ รัตนวรสุทธิ์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/6 ซอยเสรีไทย 43 แยก 3 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. พร้อมยาบ้า 140,000 เม็ด ไอซ์ 5.9 กิโลกรัม กระเป๋าเดินทางสีดำขนาดใหญ่ 1 ใบ และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง จับกุมได้ที่ปากซอยนวมินทร์ 42 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.,พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.4 จับกุมนายนพ รัตนวรสุทธิ์ หลังล่อซื้อไอซ์ 100 กรัม ที่ปากซอยนวมินทร์ 42 ก่อนขยายผลทราบว่า นายนพยังเก็บยาเสพติดที่เหลือไว้ที่ห้องเลขที่ 410 ชั้นที่ 4 อพาร์ตเมนต์ทองทิพย์ เพลส ซอยลาดพร้าว 26 แขวงจอมพล เขตจตุจักร จากการตรวจค้นพบยาบ้า 70 มัด รวม 140,000 เม็ด ไอซ์ 6 ถุง น้ำหนักรวม 5.9 กิโลกรัม โดยนายนพให้การว่า ยาเสพติดทั้งหมดเป็นของนายบอย (ไม่ทราบชื่อและสกุลจริง) มาเช่าห้องพักในราคาเดือนละ 6,000 บาทไว้เป็นที่พักยา,พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวต่อว่า นายนพยังรับสารภาพด้วยว่า ก่อนนี้เป็นอดีตพนักงานส่งสินค้าของบริษัทแห่งหนึ่ง แต่เพิ่งตกงานเลยหันมาทำครั้งแรก เริ่มมาประมาณ 10 วันก่อนถูกจับ โดยนายบอยให้ค่าจ้างในการส่งยาเสพติดให้กับลูกค้าทั่วไป และเฝ้ายาเสพติดที่ซุกซ่อนไว้ในห้องพักดังกล่าวเดือนละ 50,000 บาท และยังได้รับส่วนแบ่งจากการจำหน่ายยาบ้ามัดละ 1,000 บาท และไอซ์อีกกิโลกรัมละ 2,000 บาทด้วย ก่อนหน้านี้ ได้ขายยาบ้าไป 260,000 เม็ด ไอซ์ 10 กก.แล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงาน สอบสวน สน.บึงกุ่ม ดำเนินคดี
สืบ 4 จับไอซ์ 5.9 กก. ยาบ้า 140,000 เม็ด หลัง ล่อซื้อจากอดีตพนักงาน ส่งสินค้าบริษัท ได้ที่ปากซอยนวมินทร์ 42 ก่อนขยายผลตามไปยึดที่อพาร์ตเมนต์ในซอยลาดพร้าว 26 สารภาพมีนายทุนมาเปิดห้องเป็นที่พักยาและให้ค่าจ้างในการเฝ้าและส่ง
ข่าวหน้า1,เฝ้ายาบ้า,ค้ายาไอซ์,นพ รัตนวรสุทธิ์,เขตบึงกุ่ม
https://www.thairath.co.th/content/795556
[ 0, 259, 85322, 100233, 259, 49947, 142319, 3945, 51083, 195634, 259, 212244, 131886, 209578, 35872, 259, 48263, 1213, 24250, 259 ]
บิ๊กตู่ เผย ครม.ยังไม่ถกซื้อรถเกราะล้อยางจีน งบ 2 พันล้าน วันนี้
นายกฯ เผย ครม.ยังไม่พิจารณาซื้อรถเกราะล้อยาง 34 คัน จากจีน วงเงิน 2 พันล้าน สั่ง มท.-กอ.รมน.ภ.4 ตรวจสอบความโปร่งใสงบฯกว่าพันล้าน ติดตั้งเสาไฟโซลาร์เซลล์ หลังชำรุดเสียหาย เลี่ยงตอบ เนติวิทย์ ถูกข่มขู่ ระบุแม้วันนี้จะเป็นโลกเสรีแต่อย่าลืมอัตลักษณ์ของชาติไทย,เมื่อวันที่ 9 พ.ค.60 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า วันนี้ที่ประชุม ครม.ไม่ได้มีการพิจารณาอนุมัติซื้อรถเกราะล้อยาง vn-1 จากจีน 34 คัน วงเงิน 2 พันล้านบาท แต่อย่างใด ซึ่งทั้งหมดถือเป็นไปตามระเบียบการใช้จ่ายงบประมาณ แต่ถ้าหากจะซื้อตามแผนพัฒนากองทัพก็ให้ว่ามา แต่ขณะนี้ยังไม่มี ซึ่งไม่ใช่ขั้นตอนว่าจะซื้อจากใคร และต้องมีการพิจารณาเยอะแยะไปหมด ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการที่รับผิดชอบ,พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีความโปร่งใส ในการใช้จ่ายงบประมาณของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ในโครงการติดตั้งเสาไฟโซลาร์เซลล์ที่ใช้งบกว่าพันล้าน แต่ชำรุดเสียหายจำนวนมากว่า เดี๋ยวตนจะให้เขาตรวจสอบว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และในการติดตั้งต้องดูว่าชำรุดตรงไหน และต้องไปดูเรื่องการจัดทำโครงการ ทุกขั้นตอนมีกรรมการ มีการตรวจสอบและสัญญา อย่างไรก็ตามจะให้ทางกระทรวงมหาดไทย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ไปตรวจสอบอีกครั้ง,นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อ้างว่าถูกคุกคามถึงในมหาวิทยาลัยว่า เรื่องนี้ผมอยากให้เป็นเรื่องที่เคารพซึ่งกันและกัน ถือว่าสังคมต้องดูแลซึ่งกันและกัน ผมไม่กล่าวอ้างว่ามันผิดหรือถูกอย่างไร เพราะอะไรที่เหมาะที่ควรทุกคนก็ย่อมรู้ดี ต้องดูที่เจตนาวันนี้ถึงแม้ว่าโลกเราจะเป็นโลกเสรี แต่อย่าลืมว่าต้องดูความมีอัตลักษณ์ของไทยไว้ด้วย หรือว่าทุกคนไม่รักความเป็นไทย แต่เชื่อว่าทุกคนรักประเทศ,พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีคนมาท่องเที่ยวจำนวนมากในภูมิภาคแถบนี้ หลายประเทศก็อยากให้ไทยไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทั้งเรื่องการท่องเที่ยว การค้าขาย ซึ่งไทยดีกว่า เพราะถ้าเราไม่ดีจริงเขาก็คงไม่มาร่วมมือ อย่างวันที่ 8 พ.ค.มีนักธุรกิจกว่า 60 บริษัทจากประเทศฮ่องกงให้ความสนใจ และมาพบกับตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีความร่วมมือกับประเทศจีน และให้ความสนใจกับโครงสร้างพื้นฐาน โดยต้องเป็นไปตามกฎกติกาที่วางไว้
นายกฯ เผย ครม.ยังไม่พิจารณาซื้อรถเกราะล้อยาง 34 คัน จากจีน วงเงิน 2 พันล้าน สั่ง มท.-กอ.รมน.ภ.4 ตรวจสอบความโปร่งใสงบฯกว่าพันล้าน ติดตั้งเสาไฟโซลาร์เซลล์ หลังชำรุดเสียหาย เลี่ยงตอบ เนติวิทย์ ถูกข่มขู่
ข่าว,การเมือง
รถเกราะล้อยาง,กองทัพ,อาวุธยุทโธปกรณ์,นายกฯ,ประชุม ครม.
https://www.thairath.co.th/news/politic/936190
[ 0, 259, 203061, 80267, 118788, 43251, 3682, 34989, 232509, 24797, 213998, 70663, 6196, 137828, 211541, 26116, 8084, 1, 0, 0 ]
ในหลวง ร.10 ทรงห่วงใย ติดตามการช่วยเหลือ 13 ชีวิต ติดถ้ำหลวง
นายกฯ เผย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใย ติดตามให้กำลังใจช่วยเหลือ 13 ชีวิต พลัดหลงถ้ำหลวง หวังเติมเสน่ห์ประเทศ รีโนเวตคูคลองไทย ชูโมเดลสุรินทร์นำร่อง แก้ปัญหาภาวะโภชนาเด็กไทยไม่ได้มาตรฐาน ทำโปรแกรมสำเร็จรูปอาหารโรงเรียน ครัวกลาง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เชื่อขจัดโกงเงินค่าอาหารกลางวันเด็กได้,เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.61 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนว่า จากปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือเด็กและโค้ชทีมฟุตบอล หมูป่าอะคาเดมีแม่สาย ทั้ง 13 คน ที่พลัดหลงในถ้ำหลวง จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใย ได้ทรงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งพระราชทานกำลังใจไปยังครอบครัวผู้ประสบภัยทุกคน รวมถึงพระราชทานกำลังใจ จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน อาหาร เครื่องดื่ม แก่จิตอาสาและผู้ปฏิบัติหน้าที่ให้ประสบความสำเร็จโดยสวัสดิภาพ จะเห็นได้ว่าทุกข์สุขของพสกนิกรปวงชนชาวไทยทุกหย่อมหญ้า แม้จำนวนเพียง 13 จากเกือบ 70 ล้านชีวิต ก็อยู่ในพระเนตรพระกรรณของพระองค์ท่าน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ โดยเหตุการณ์นี้สะท้อนอะไรมากมายให้กับพวกเราทุกคน ซึ่งตนไม่อาจจะละเลยหรือปล่อยให้วิกฤตินี้ผ่านเลยไป ขณะที่พี่น้องคนไทย น้ำจิต น้ำใจคนไทย รวมกันเป็นหนึ่งเดียว มีทุกข์มีสุขร่วมกัน ร่วมกันแก้ไข ทุกข์ให้เกิดสุข โดยจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ที่สำคัญเราต้องมีสติ อันจะทำให้เกิดปัญญาในการแก้ปัญหาทุกประการร่วมกันให้แคล้วคลาดและปลอดภัย,นอกจากนี้ขอชื่นชมความพยายามร่วมกัน และความทุ่มเทในการทำงานคนละไม้คนละมือ ตามหน้าที่ ตามความถนัด ความสามารถของแต่ละคน แต่ละหน่วยงาน ด้วยการบูรณาการงานกันอย่างสามัคคีช่วยกันทั้งอาสาสมัคร จิตอาสา เจ้าหน้าที่จากหลากหลายสาขา สหวิทยาการ พลเรือน ตำรวจ-ทหาร ได้มีการระดมทรัพยากร เครื่องมืออุปกรณ์ที่มีศักยภาพมากที่สุด และบุคลากรจากหน่วยงานที่เชี่ยวชาญมากที่สุด ในแต่ละด้านจากทั่วทุกสารทิศของประเทศ มาบูรณาการกันอย่างมีระบบ,โดยปฏิบัติการครั้งนี้ไม่ได้จำกัดแต่เพียงคนไทย หรือหน่วยงานของไทยเท่านั้น ทั่วโลกให้ความสนใจติดตาม ห่วงใย แล้วให้กำลังใจประเทศไทย เห็นคุณค่าของทุกชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน โดยเราได้รับความช่วยเหลือจากทีมกู้ภัยและนักประดาน้ำ ผู้เชี่ยวชาญการดำน้ำในถ้ำระดับโลกเร่งรีบเดินทางเข้าพื้นที่ในทันทีที่ได้รับการประสานจากรัฐบาลไทย รวมทั้งเจ้าหน้าที่พลเรือนและทหารจากกองกำลังสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิกที่เชี่ยวชาญด้านการบรรเทาสาธารณภัย มาพร้อมกับเครื่องมือค้นหาผู้รอดชีวิต หรือ อุปกรณ์ตรวจหาสัญญาณชีพที่ทันสมัย เป็นต้น ทั้งนี้ในฐานะผู้นำประเทศ นายกฯ ของรัฐบาลไทย ขอเป็นตัวแทนแสดงความขอบคุณและชื่นชมทุกคนทุกฝ่ายด้วยใจจริงอีกครั้ง,พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การไปเยือนสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฝรั่งเศสในครั้งนี้ เราประสบความสำเร็จมากในการกระชับความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง และเศรษฐกิจ ระหว่างประเทศในยุโรป และประเทศไทย ส่งผลให้เกิดความเจริญ และกินดีอยู่ดีของคนไทยในวันข้างหน้า อีกทั้งเป็นการสานต่อความ สัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันที่มีมาอย่างยาวนานอีกด้วย,การเดินทางครั้งนี้ ทำให้ตนได้มีโอกาสได้ไปเห็นแนวคิดในการพัฒนาบ้านเมือง ที่เราอาจนำส่วนที่ดีๆ และเหมาะสม มาช่วยสร้างจุดแข็ง-จุดขายในบ้านเมืองของเรา โดยเฉพาะในเรื่องการท่องเที่ยวซึ่งเราก็มีโอกาสอยู่มาก ได้ไปเห็นการปรับปรุงภูมิทัศน์ของชุมชนชานเมือง ที่เป็นเมืองบ้านเกิดของประธานาธิบดีมาครง ชื่อเมือง อาเมียง พัฒนาคูคลองให้สวยงาม ใช้เรือไฟฟ้า เพื่อไม่ให้มีเสียงดังรบกวน และไม่ก่อมลภาวะ ทำให้เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจ มีการปลูกสวนผัก สวนดอกไม้ และปลูกป่าเพิ่มเติม เพื่อให้เป็นร่มเงา และสร้างกิจกรรมให้กับครอบครัว ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อเติมเสน่ห์ให้กับการท่องเที่ยวในบ้านเมืองเรา,สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นก็คือบรรยากาศวิวทิวทัศน์ของบ้านเรานั้น มีความหลากหลาย ทำให้เมื่อถ่ายรูปออกมาก็จะให้อารมณ์ที่หลากหลายออกไป ต่างจากทิวทัศน์ของแหล่งท่องเที่ยวในประเทศอื่นๆ นี่แหละคือจุดเด่นของเราที่สามารถจะนำมาพัฒนา ต่อยอดได้ให้แหล่งท่องเที่ยวของเราที่มีความเป็นเอกลักษณ์ น่าสนใจ สามารถจะสร้างรายได้ให้กับชุมชน ที่ไปดูมานั้น ชุมชนเขาบริหารกันเองเพื่อจะให้เกิดการพัฒนาประเทศได้ในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้มีรายได้น้อยด้วย ซึ่งเป็นเกษตรกร เป็นสวนผัก สวนผลไม้ อะไรก็แล้วแต่ หรือแม้กระทั่งนาข้าว ก็ขอให้มีการทำให้สวยงาม ให้สะอาด เท่านั้นเอง แล้วก็จัดทำเส้นทางที่เหมาะสม,ทั้งนี้ตนได้กลับมาสั่งการใน ครม.สำรวจคูคลองทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อเป็นโครงการนำร่อง เราจะได้ร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองของเราให้สวยงาม และเจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับนานาอารยประเทศที่มีการพัฒนาแล้ว และเขาไม่เคยลืมประวัติศาสตร์ ใช้ประวัติศาสตร์ของเดิมมาทำให้ดีขึ้น รีโนเวตใหม่โดยไม่ทิ้งเอกลักษณ์เดิมเขาไว้,พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดถือว่าเป็นข่าวดี เว็บไซต์ Trading Economics.com และ Index mundi.com แสดงผลการสำรวจ อัตราการว่างงานของ 215 ประเทศทั่วโลก ปรากฏประเทศไทยมีอัตราการว่างงานน้อยที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ว่างงานเพียงร้อยละ 1.2 จากประชากรราว 67 ล้านคน เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลพยายามควบคุมอัตราการว่างงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่งเสริมให้คนไทยมีงานทำ เข้าถึงการจ้างงานที่สะดวกรวดเร็ว เพื่อให้มีรายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว,พร้อมกำชับกระทรวงแรงงานบูรณาการร่วมกับทุกฝ่าย เดินเครื่องแก้ปัญหาว่างงานโดยเฉพาะผู้ที่จบปริญญาตรี ต้องมีงานทำโดยเร็ว เป็นต้น แต่สิ่งสำคัญต้องไม่เกี่ยง ไม่ปฏิเสธงาน หนักนิดเบาหน่อย ขอให้มีอาชีพ มีงานทำตลอดปีพัฒนาตนเอง เพื่อให้มีรายได้มาจุนเจือครอบครัวให้มากขึ้นต่อไป มีทั้งอาชีพหลักและอาชีพเสริมที่เหน็ดเหนื่อยหน่อย และหาช่องทางพัฒนาฝีมือและความรู้ของตนเองอยู่เสมอ,สำหรับอานาคตรัฐบาลเตรียมการ อาทิ เตรียมคนวัยแรงงานให้มีความพร้อม รองรับการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ และ ฃการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ฃในอีก 5 ปีข้างหน้า นักเรียนอาชีวะได้ฝึกการปฏิบัติวิชาชีพจริง ณ สถานประกอบการ ขึ้นบัญชีนวัตกรรม-บัญชีนักเรียนนักศึกษา ที่ผ่านเวทีหรือชนะการประกวดในระดับต่างๆ เพื่อส่งเสริมนไปสู่การผลิต การวิจัยและพัฒนาหรือเป็นข้าราชการ หรือไปอยู่ในบริษัท ห้างร้านใหญ่ๆ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการสร้างนักประดิษฐ์ของประเทศ,พร้อมประมาณการความต้องการแรงงานของประเทศ ฃในอนาคต เพื่อจะป้อนภาคการผลิตใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ในพื้นที่ 3 จังหวัดอีอีซี เช่น ช่างซ่อมอากาศยาน วิศวกรรมซ่อมแซม และควบคุมการเดินรถไฟฟ้า เป็นต้น,ขณะที่นักเรียน นักศึกษา จากข้อมูลสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย เมื่อปี 57 พบว่าภาวะโภชนาการของเด็กไทยจำนวนมากไม่เป็นไปตามมาตรฐาน เช่น กว่า 4 แสนคนเตี้ย เกือบ 5 แสนคนน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ในขณะที่เกือบ 7 แสนคน เป็นโรคอ้วน จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการจัดการอาหารในโรงเรียนและที่บ้านด้วย ด้วยการจัดการอาหารโรงเรียน โดยโปรแกรมสำเร็จรูป และการจัดครัวกลาง สำหรับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กร่วมกับชุมชน อาทิ การจัดหาวัตถุดิบเพื่อประกอบอาหาร โดยรับซื้อผลผลิตเกษตรอินทรีย์จากคนในชุมชน,พร้อมเปิดโอกาสให้ชุมชนคือ พ่อแม่ ญาติพี่น้องเด็กๆ มีส่วนร่วมทั้งที่บ้าน และที่โรงเรียนด้วย สนับสุนนตลาดในชุมชนตนเอง และผลการดำเนินการในพื้นที่นำร่อง จ.สุรินทร์ โดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับ จ.สุรินทร์ ดำเนินการตามหลักการดังกล่าวเบื้องต้น ห้วงปี 58-59 เราก็ได้เห็นผลเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน,โดยทำให้เด็กๆ มีพัฒนาการทางร่างกายที่สมกับวัยตามเกณฑ์ เนื่องจากได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ตามหลักโภชนาการ ยิ่งกว่านั้นช่วยส่งเสริมให้มีการทำเกษตรอินทรีย์ในชุมชน ทำให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีขึ้นด้วย ผลผลิตก็มีตลาดที่แน่นอน และขจัดปัญหาความไม่โปร่งใสในกระบวนการจัดซื้อจัดหาอาหารของนักเรียนทุกโรงเรียนอีกด้วย ซึ่งโมเดลอาหารกลางวันดังกล่าวได้สั่งการให้นำไปขยายผลสู่จังหวัดอื่นๆ ต่อไป.
นายกฯ เผย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใย ติดตามให้กำลังใจช่วยเหลือ 13 ชีวิต พลัดหลงถ้ำหลวง หวังเติมเสน่ห์ประเทศ รีโนเวตคูคลองไทย ชูโมเดลสุรินทร์นำร่อง แก้ปัญหาภาวะโภชนาเด็กไทยไม่ได้มาตรฐาน
ข่าว,การเมือง
รายการศาตร์พระราชาฯ,รายการนายกฯ,นายกฯ,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,13 ชีวิต,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/politic/1322371
[ 0, 259, 203061, 2091, 169184, 77772, 34904, 10062, 229634, 138658, 259, 60284, 162204, 199738, 259, 67995, 223590, 32896, 16379, 134212 ]
ทรัมป์-คิม ถึงลอดช่อง อารักขาเข้ม (คลิป)
รอลุ้นผลเจรจา สันติภาพ2โสม หยุด นิวเคลียร์,พบกันวันนี้ สองผู้นำสูงสุด สหรัฐอเมริกา-เกาหลีเหนือ ทรัมป์-คิม หลังทั้งคู่เดินทางถึงเกาะเซนโตซา ประเทศสิงคโปร์ ล่วงหน้าสองวัน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยสุดเข้มงวด โดยเกาหลีเหนือขนทีมอารักขามานับร้อยชีวิต ใช้เครื่องบินสามลำ จัดมาเองทั้งรถยนต์ อาหารและอาวุธของเจ้าหน้าที่ ส่วนสหรัฐฯใช้รถคุ้มกันผู้นำกว่า 50 คัน รวมถึง เดอะ บีส รถหุ้มเกราะสำหรับประธานาธิบดี ด้านสิงคโปร์ใช้ทหาร กุรข่า สังกัดกองทัพอังกฤษ ประสานมือตำรวจมาดูแลความปลอดภัยตลอด 5 วัน ขณะที่ทั่วโลกลุ้นผลการเจรจายุติ โครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ-ข้อตกลงสันติภาพสงครามเกาหลี,สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเกาะติดบรรยากาศการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ ระหว่างนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในประเด็นโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ และข้อตกลงสันติภาพสงครามเกาหลี ที่โรงแรมคาเปลลา เกาะเซนโตซา ประเทศสิงคโปร์ ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ โดยผู้นำทั้งสองได้เดินทางถึงสิงคโปร์แล้วในวันที่ 10 มิ.ย.ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างหนาแน่น,ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทม์ส สิงคโปร์ รายงานว่า นายคิม จอง อึน พร้อมเจ้าหน้าที่ระดับสูงและคณะผู้ติดตามอย่างน้อย 100 คน ได้เดินทางถึงสิงคโปร์เมื่อเวลา 15.50 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยบินตรงจากกรุงเปียงยาง เกาหลีเหนือ ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 747 สายการบินแอร์ไชน่า จำนวน 3 ลำ ลงจอดที่สนามบินนานาชาติชางงี ก่อนขึ้นขบวนรถมุ่งหน้าสู่โรงแรมเซนต์ รีจิส สิงคโปร์ ย่านถนนออร์ชาร์ด ซึ่งตอนถึงโรงแรมได้มีชุดอารักขาที่เดินทางมาเตรียมพร้อมที่สิงคโปร์ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.วิ่งตามประกบรถที่เชื่อว่านายคิมนั่งอยู่อย่างเหนียวแน่น เหมือนกับคราวประชุมสุดยอดเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ ที่หมู่บ้านปันมุนจอม เส้นขนานที่ 38 ฝั่งเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา,สื่อสิงคโปร์รายงานด้วยว่า ขบวนรถของคณะเกาหลีเหนือครั้งนี้มีอย่างน้อย 35 คัน และก่อนที่นายคิม จอง อึน จะเดินทางมาถึง รัฐบาลเกาหลีเหนือได้ส่งเครื่องบินลำเลียงรุ่นอิลยูชิน-76 ล่วงหน้ามาสิงคโปร์ก่อน บรรทุกทั้งรถยนต์ส่วนตัว อาหารสำหรับรับรองผู้นำ รวมทั้งอาวุธประจำกายของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย,สำหรับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางถึงสิงคโปร์ ที่ฐานทัพอากาศปายา เลปาร์ ทางตะวันออกของเกาะ ด้วยเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ในเวลา 20.35 น. ตามเวลาท้องถิ่น เดินทางมาพร้อมกับนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาความมั่นคงสายเหยี่ยว นายจอห์น เคลลี หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวสหรัฐฯ โดยเข้าพักผ่อนที่โรงแรมแชงกรี-ลา ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมเซนต์รีจิส สิงคโปร์ ไปประมาณ 750 เมตร ขณะที่ขบวนรถของนายทรัมป์ใช้รถส่วนตัวและรถของตำรวจสิงคโปร์รวมกว่า 50 คัน ในจำนวนนี้เป็นรถหุ้มเกราะสำหรับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชื่อ เดอะ บีส 2 คัน ที่ป้องกันได้ทั้งอาวุธเคมีหรือจรวดอาร์พีจี,ต่อมากระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์เผยว่า นายคิม จอง อึน มีกำหนดหารือส่วนตัวกับนายลี เซียน หลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ที่ทำเนียบรัฐบาลอิสตานา ในวันที่ 10 มิ.ย. ขณะที่นายทรัมป์จะเข้าพบเป็นการส่วนตัวกับนายลี เซียน หลุง ในวันที่ 11 มิ.ย. นอกจากนี้ ผู้นำสิงคโปร์ยังแถลงว่า ค่าใช้จ่ายในการเตรียมการประชุมสุดยอดครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 640 ล้านบาท ซึ่งสิงคโปร์ยินดีจ่าย เพื่อช่วยเหลือนานาชาติ และรัฐบาลสิงคโปร์อาจเพิ่มมูลค่าการค้ากับเกาหลีเหนือ หากการเจรจาสามารถนำไปสู่การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือขององค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น,สำหรับการประชุมสุดยอดครั้งนี้ เป็นที่จับตาไปทั่วโลกว่าจะบรรลุผลสำเร็จหรือไม่ หลังนายทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศจุดยืนว่าจะกดดันให้รัฐบาลเกาหลีเหนือ ทำลายโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ พร้อมขู่ว่าจะเดินออกจากโต๊ะเจรจา หากเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะพูดคุยต่อไป แต่ขณะเดียวกันนายทรัมป์ มีการผ่อนคลายท่าทีแข็งกร้าว ระบุว่าอย่างน้อยการเจรจาครั้งนี้ อาจเห็นข้อสรุปของข้อตกลงสันติภาพสงครามเกาหลี ช่วง พ.ศ.2493-2496 ที่จนปัจจุบันนี้ยังไม่ถือว่าจบสงคราม เนื่องจากเป็นเพียงข้อตกลงหยุดยิง,แม้รัฐบาลเกาหลีเหนือมิได้เปิดเผยรายละเอียดการเจรจาของนายคิม จอง อึน แต่ นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยหลังจากหารือเป็นการส่วนตัวกับนายคิม จอง อึน ที่กรุงเปียงยางว่า นายคิม จอง อึน มีท่าทีพร้อมจะปลดอาวุธนิวเคลียร์และโครงการพัฒนาขีปนาวุธ เพราะเข้าใจว่ารูปแบบนี้ใช้ไม่ได้ผลในการต่อรองกับนานาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศมหาอำนาจ และการประชุมครั้งนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ ต้องเห็นร่วมกันในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ,ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างแหล่งข่าวที่ไม่ขอเปิดเผยนามว่า กำหนดการหารือระหว่างนายคิม จอง อึน กับนายทรัมป์จะมีขึ้นในเวลา 09.00 น. ของวันที่ 12 มิ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นนายคิม จอง อึน จะเดินทางออกจากสิงคโปร์ในเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน แต่มิได้ระบุถึงกำหนดการของนายทรัมป์แต่อย่างใด,ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสิงคโปร์ได้ประกาศให้เขตเซ็นทรัล ที่ตั้งโรงแรมที่พักของนายคิม จอง อึน และนายทรัมป์ รวมถึงเกาะเซนโตซา สถานที่ประชุมสุดยอด เป็นพื้นที่กิจกรรมพิเศษตลอดช่วงวันที่ 10-14 มิ.ย.นี้ ทั้งรักษาความปลอดภัยโดยทหารหน่วย กุรข่า สังกัดกองทัพอังกฤษและตำรวจสิงคโปร์ ส่วนองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศหรือไอซีเอโอ แจ้งเตือนการควบคุมน่านฟ้าสิงคโปร์เป็นบางช่วง ระหว่างวันที่ 11-13 มิ.ย. เครื่องบินทุกลำที่มุ่งหน้าสู่สนามบินนานาชาติชางงี ประเทศสิงคโปร์ จะต้องลดความเร็วและถูกจำกัดการใช้รันเวย์ ทั้งมีการแจ้งเตือนให้เครื่องบินหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ฐานทัพอากาศปายาเลปาร์ หากละเมิดก็อาจมีการส่งเครื่องบินรบเข้าประกบ,ต่อมา สำนักข่าวเอพีและหนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทม์ส สิงคโปร์ รายงานเพิ่มเติมว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ได้เข้าพบเป็นการส่วนตัวกับนายลี เซียน หลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ที่ทำเนียบรัฐบาลอิสตานา พร้อมกล่าวว่า ทั้งโลกกำลังจับตาการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ ระหว่างเกาหลีเหนือ กับสหรัฐอเมริกา ขอขอบคุณผู้นำสิงคโปร์ ในการอำนวยความสะดวกทุกๆสิ่ง ทำให้การเตรียมพร้อมการเจรจาครั้งสำคัญเป็นไปอย่างสมบูรณ์ หากการเจรจาประสบความสำเร็จ มั่นใจว่าเหตุการณ์ในสิงคโปร์จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ ขณะที่ นายลี เซียน หลุง กล่าวตอบว่า ขอขอบคุณที่เดินทางมาสิงคโปร์ และขอบคุณที่เลือกจัดประชุมในสิงคโปร์ ขอให้นายคิม จอง อึน ประสบผลสำเร็จในการหารือ,ขณะที่สมเด็จพระสันตปาปา หรือโป๊ปฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ทรงออกแถลงการณ์ว่า พระองค์หวังว่าการเจรจาในสัปดาห์นี้ ระหว่างสหรัฐอเมริกาและเกาหลีเหนือ จะประสบผล สำเร็จและนำไปสู่การวางรากฐานของสันติภาพ
พบกันวันนี้ สองผู้นำสูงสุด สหรัฐอเมริกา-เกาหลีเหนือ ทรัมป์-คิม หลังทั้งคู่เดินทางถึงเกาะเซนโตซา ประเทศสิงคโปร์ ล่วงหน้าสองวัน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยสุดเข้มงวด
ข่าว,ต่างประเทศ
ข่าวหน้า 1,โดนัลด์ ทรัมป์,คิม จอง อึน,สิงคโปร์,ประชุมซัมมิต,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1304462
[ 0, 259, 172335, 74484, 82967, 97410, 259, 7960, 125282, 177476, 259, 73667, 26461, 105130, 4388, 259, 27605, 213733, 85117, 188880 ]
นิธิ เอียวศรีวงศ์: สงครามแย่งชิงอดีต
อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุลโพสต์ในเฟซบุ๊กของท่านว่า ที่จริงแล้วชนชั้นนำไทยเลิกสนใจการปฏิวัติใน 2475 ไปนานแล้ว ดังนั้นหมุดคณะราษฎรจึงไม่มีความหมายอะไร ในความเป็นจริงก็ไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็นด้วยซ้ำ แต่เพราะเสื้อแดง(ส่วนหนึ่ง)ไปรื้อฟื้น 2475 ขึ้นมาเป็นเครื่องมือการต่อสู้ทางการเมืองที่ปลอดภัยกว่า จึงทำให้ 2475 เป็นประเด็นการเมืองที่กลับมีชีวิตขึ้นใหม่ และหมุดเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีใครเห็น กลับทิ่มแทงตาของชนชั้นนำขึ้นมาใหม่ผมเห็นด้วยกับอาจารย์ปิยบุตรทั้งหมด เมื่อมอง 2475 และหมุดคณะราษฎรจากมุมมองความขัดแย้งทางการเมืองในรอบ 10-20 ปีที่ผ่านมา แต่ถ้าไม่มองจากมุมมองนี้ หมุดคณะราษฎรและ 2475 อาจมีความหมายอีกอย่างหนึ่งนับตั้งแต่การรัฐประหารที่ได้รับความร่วมมือจากกลุ่มนิยมเจ้าใน พ.ศ.2490 มาจนถึงทศวรรษ 2520 ประวัติศาสตร์ 2475 ถูกครอบงำด้วยโครงเรื่องที่ฝ่ายสีน้ำเงินผูกขึ้น การยึดอำนาจด้วยวิธีรัฐประหารในวันที่ 24 มิถุนายน กลายเป็นเรื่องร้อนวิชาของนักเรียนนอกไม่กี่คน โดยไม่ตระหนักถึงความไม่พร้อมต่างๆ ของสังคมไทย และแผนการของพระปกเกล้าฯ ที่จะค่อยๆ นำประชาธิปไตยมาสู่บ้านเมืองอย่างเป็นขั้นเป็นตอน การต่อสู้ทัดทานของคนที่เห็นแก่ประโยชน์บ้านเมืองฝ่ายราชสำนัก ทั้งโดยถูกกฎหมายและผิดกฎหมายเช่นยกกำลังทหารออกมาก่อกบฏ ประสบความล้มเหลว จนพระปกเกล้าฯ ต้องกลายเป็นราชันย์ผู้นิราศไปไม่ต้องเตือนก็คงเห็นได้ว่า ประวัติศาสตร์แบบนี้มีส่วนช่วยการฟื้นฟูบทบาททางการเมืองของชนชั้นนำตามประเพณีอย่างไร ยิ่งหลัง 2500 เมื่อคณะทหารที่ยึดอำนาจใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อให้ความชอบธรรมแก่อำนาจเผด็จการของตน ประวัติศาสตร์แบบนี้ยิ่งช่วยเสริมระบอบเผด็จการของผู้นำกองทัพซึ่งเป็นอัครมหาเสนาบดีไปพร้อมกัน และอย่างไม่มีวันสิ้นสุดด้วยในช่วงเดียวกันนี้ งานเขียนที่ไม่อยู่ในกรอบโครงเรื่องของฝ่ายสีน้ำเงินก็มีบ้างเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดอยู่ในภาษาต่างประเทศ เช่นวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ ได้พิมพ์หรือไม่ได้พิมพ์เป็นหนังสือในภายหลัง ส่วนหนังสือที่เขียนมาก่อน 2490 แทบไม่ได้ถูกพิมพ์ขึ้นใหม่ ยกเว้นของนักเขียนที่ขายดีเช่นศรีบูรพาหรือมาลัย ชูพินิจ ดังนั้นจึงเป็นเวลาหนึ่งชั่วอายุคนที่คนไทยถูกประวัติศาสตร์สำนวนของสีน้ำเงินครอบงำ จนทำให้เกิดนวนิยายอิงประวัติศาสตร์การเมือง 2475 อีกหลายเรื่องตามมา นับตั้งแต่ สี่แผ่นดิน จนเรื่องที่เขียนหลังทศวรรษ 2520 ซึ่งก็เล่าเหตุการณ์และพฤติกรรมของตัวละครให้สอดคล้องกับโครงเรื่องที่ฝ่ายสีน้ำเงินผูกขึ้นอย่างไรก็ตาม ในทศวรรษ 2520 ประวัติศาสตร์นิพนธ์ในประเทศไทยได้เปลี่ยนไป นับตั้งแต่การตั้งโจทย์ การอ้างอิงและแหล่งอ้างอิง เนื้อหา และวิธีวิเคราะห์ ซึ่งล้วนมีผลต่อกรอบโครงเรื่องของเนื้อหาประวัติศาสตร์อย่างยิ่งความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากอะไร เราอาจอธิบายว่ามาจากบุคคลก็ได้ (เช่นจิตร ภูมิศักดิ์ ฉัตรทิพย์ นาถสุภา ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ศรีศักร วัลลิโภดม สุจิตต์ วงษ์เทศ ฯลฯ) เพราะในความเป็นจริง บทบาทของนักประวัติศาสตร์เหล่านี้มีความสำคัญแน่ หรืออาจอธิบายว่ามาจากความเปลี่ยนแปลงในตัวเล่นของการเมืองไทยก็ได้ (กองทัพ พคท. มหาวิทยาลัยและปัญญาชน สถาบันพระมหากษัตริย์ และ ฯลฯ) เพราะตัวเล่นเหล่านี้ก็เปลี่ยนบทบาทของตนไปในความเป็นจริงแต่ที่ผมสนใจ เพราะเห็นว่ามีความสำคัญกว่าคือการตอบรับของคนไทยเอง ไม่ว่าจะดูจากปกหนังสือที่ออกมาและขายได้ในแต่ละปี จำนวนของผู้เข้าร่วมการสัมมนาทางประวัติศาสตร์ ซึ่งจัดขึ้นบ่อยครั้งมากในรอบปี (ซึ่งต้องคำนึงถึงความยุ่งยากในการจัด และการหาทุน) และการเกิดขึ้นของสถาบันทั้งวิชาการและกึ่งวิชาการที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ ล้วนแสดงว่าคนไทยหันมาใส่ใจประวัติศาสตร์มากขึ้น อย่างไม่เคยปรากฎมาก่อนและด้วยเหตุดังนั้น ผมจึงอยากมองหาที่มาของความเปลี่ยนแปลงกว้างกว่าตัวบุคคล หรือตัวเล่นของการเมืองไทย และผมคิดว่า 14 ตุลาและ 6 ตุลา ทำให้โครงเรื่องประวัติศาสตร์ที่เล่ากันมาในงานของนักปราชญ์รุ่นก่อน และเป็นหลักในแบบเรียนมานาน พังทะลายลงไปด้วย เพราะอธิบายไม่ได้ว่า เหตุใดในระบอบการุณยภาพของผู้ปกครองซึ่งดำรงมานาน (benevolent despotism) จะเกิดทรราชย์ขึ้นได้อย่างไร และความโหดร้ายป่าเถื่อนกลางเมืองอย่าง 6 ตุลา เป็นผลมาจากอะไร ถ้าเช่นนั้นจะก้าวต่อไปสู่อนาคตได้อย่างไร โดยยังรักษาอัตลักษณ์ของตนไว้ได้ และไม่ต้องฆ่ากันตายลงเป็นเบือภายใต้เงื่อนไขเช่นนี้แหละ ที่คนไทยจำนวนมากกว่าที่เคยมีมาก่อน (แน่นอนไม่ใช่ส่วนใหญ่ และไม่กระทบถึงงานสร้างสรรค์ที่ประชาชนเสพย์ เช่นหนัง ละครทีวี นวนิยาย เพลงป๊อป ฯลฯ ด้วย) พากันเข้ามามีส่วนร่วมในการผูกโครงเรื่องของอดีตขึ้นมาใหม่ ผ่านวิทยานิพนธ์ งานเขียน งานสัมมนา งานสอน และงานวิวาทะ ต่างๆ รวมทั้งการเสพย์งานวิชาการและกึ่งวิชาการ ซึ่งเป็นผลโดยตรงหรือโดยอ้อมของความเปลี่ยนแปลงด้านประวัติศาสตร์นิพนธ์ดังกล่าว2475 เป็นหนึ่งในเรื่องที่ถูกทบทวนในงานวิทยานิพนธ์ประวัติศาสตร์จำนวนมาก นำไปสู่การทบทวนสมบูรณาญาสิทธิราชย์สยาม ซึ่งจู่ๆ ก็สิ้นสุดลงในวันที่ 24 มิถุนายน 2475 เผยให้เห็นจุดอ่อนและเงื่อนไขที่แวดล้อมระบอบนั้นอยู่มากมายหลายประการซึ่งเคยถูกละเลยในการศึกษาประวัติศาสตร์ไทยมาก่อน รัชสมัยหนึ่งที่ใกล้ 2475 เหมือนกันคือรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ก็ถูกทบทวนในวิทยานิพนธ์ที่ดีเยี่ยมฉบับหนึ่ง ว่าด้วยการใช้จ่ายเงินแผ่นดินในรัชสมัย ซึ่งมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ แม้กระนั้นก็อาจคาดเดาได้เลยว่า รัชสมัยนี้จะเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่จะถูกทบทวนมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทศวรรษ 2520 ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ไม่ว่าผลการศึกษาในช่วงนั้นจะมีคุณภาพมากน้อยเพียงไร แต่การที่นักวิชาการจำนวนมากหันไปให้ความสำคัญแก่ท้องถิ่น ได้ดึงเอาผู้คนจำนวนมากที่ถูกลืมไปแล้ว ให้กลับเข้ามามีบทบาทในประวัติศาสตร์ไทยใหม่อีกครั้่งหนึ่ง ทั้งพ่อค้าท้องถิ่น กวีท้องถิ่น จิตรกรท้องถิ่น สถาปนิกท้องถิ่น นักการเมืองท้องถิ่น กบฏท้องถิ่น ฯลฯ ล้วนเป็นคนที่ห่างไกลจากราชสำนักซึ่งเป็นศูนย์กลางของประวัติศาสตร์แบบเดิม อดีตของชาติอีกชนิดหนึ่งกำลังผุดขึ้นมา ซึ่งมีตัวละครที่หลากหลาย ทั้งสูงทั้งต่ำ ทั้งชายทั้งหญิง ทั้งอาจนับได้ว่าเป็นไทยและไม่อาจนับได้ว่าเป็นไทยน่าสังเกตเป็นพิเศษว่า วิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของอาจารย์เนื้ออ่อน ขรัวทองเขียวชื่อรัฐสยามกับล้านนา พ.ศ.2417--2476 ถูกสำนักพิมพ์เปลี่ยนชื่อเป็นเปิดแผนยึดล้านนา เพื่อมุ่งผลการตลาด สอดคล้องกับในช่วงทศวรรษ 2520 นักมานุษยวิทยาท่านหนึ่ง เสนอว่าหากเรามองการขยายอำนาจไปผนวกหัวเมืองประเทศราชเป็นส่วนหนึ่งของพระราชอาณาจักร ในสมัยสมบูรณาญา¬สิทธิราชย์ด้วยทฤษฎีอาณานิคมภายในของเลนิน จะช่วยให้เข้าใจได้ดีขึ้นการทบทวนเรื่องของอาณาจักรสุโขทัยก็เกิดขึ้นในช่วงเดียวกัน และเลยต่อมาจนถึงทศวรรษ 2530 สุโขทัยเคยถูกชนชั้นนำใช้เป็นอุดมคติของการปกครองไทย (จึงคลุมอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตไว้พร้อมเสร็จ) แต่งานศึกษาในรุ่นหลังทำให้อุดมคตินั้นน่าสงสัยทั้งในแง่ความเป็นจริง และในแง่ว่าจะเป็นอุดมคติแก่รัฐสมัยใหม่ได้อย่างไร ยังไม่พูดถึงข้อสงสัยว่ามีการเสกสรรค์ปั้นแต่งหลักฐานโครงเรื่องของอดีตที่ผูกไว้เพื่อจรรโลงรัฐสมัยใหม่ของไทยอันมีมาตั้งแต่สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ กำลังถูกสั่นคลอนอย่างหนัก ซึ่งเท่ากับสถานะ ความศักดิ์สิทธิ์ ความชอบธรรม ฯลฯ ของตำแหน่งต่างๆ ก็ถูกสั่นคลอนไปด้วย กองทัพที่สืบทอดมาจากกองทัพของสมเด็จพระนเรศวร กับกองทัพที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่เมื่อวานนี้และเพื่อรักษาอำนาจภายในเท่านั้นด้วย มีความน่านับถือต่างกันไกลนับตั้งแต่ทศวรรษ 2520 เป็นต้นมา ผู้นำทางการเมืองไทยหลายคน ทั้งที่ผ่านและไม่ผ่านการเลือกตั้ง เรียกร้องและสั่งการให้นำเอาประวัติศาสตร์โครงเรื่องเดิม กลับเข้ามาในหลักสูตรตั้งแต่ชั้นประถมและมัธยม แทนที่จะรวมวิชานี้ไว้ในหมวดสังคมศึกษา ซึ่งทำให้มีแนวโน้มจะมองอดีตจากมุมมองอื่นๆ ได้มากการฟื้นฟูสมเด็จพระเจ้าตากสิน – ในแง่ประวัติศาสตร์ ตำนาน ศาลและลัทธิพิธี ฯลฯ – ทำให้มีมติ ค.ร.ม.ยกพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ขึ้นเป็นมหาราช อันที่จริงมหาราชที่ใช้ในประวัติศาสตร์นิพนธ์ตะวันตก (ซึ่งเราลอกเลียนมา) เป็นเพียงสมญาเท่านั้น เพื่ีอแยกพระเจ้าแผ่นดินชื่อเดียวกันออกจากกัน เช่น Napoleon the Great เป็นจักรพรรดิคนละองค์กับหลาน Napoleon the Little ไม่ใช่ชื่อทางการที่รัฐบาลใดจะแต่งตั้งอดีตกษัตริย์องค์ใดได้ แต่มหาราชในกรณีนี้ เป็นหลักประกันสถานะทางประวัติศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ว่า จะต้องไม่ตกต่ำลงในทางใดเป็นอันขาด ไม่ว่าจะยกย่องสมเด็จพระเจ้าตากสินอย่างไรก็ตามทั้งหมดเหล่านี้ไม่ได้ขัดขวางการศึกษาประวัติศาสตร์ เพียงแต่ต้องศึกษาตามโครงเรื่องที่นักปราชญ์แต่ก่อนผูกไว้ให้เท่านั้น อย่าถามอะไรมากไปกว่าพระเจ้ารามคำแหงเสด็จไปเมืองจีนหรือไม่ อยุธยาตีนครวัดกี่ครั้งกันแน่ เมืองเชลียงเป็นเมืองเดียวกับเชียงชื่นใช่หรือไม่ ฯลฯที่ผมเสนอมาทั้งหมดเหล่านี้ก็คือ ความไม่ลงรอยกันในทรรศนะ (perception) ที่มีต่ออดีต เป็นส่วนหนึ่งของผลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อสังคมไทยเริ่มมีทรรรศนะต่อปัจจุบันและอนาคตแตกต่างกันอย่างหนัก ความไม่ลงรอยนี้เริ่มมาตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลาและ 6 ตุลา ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอันไพศาลที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ และสังคม-วัฒนธรรม ซึ่งล้วนกระทบต่อประเทศไทยโดยตรง ไม่เคยมีครั้งไหนที่คนไทยคิดถึงปัจจุบันและอนาคตแตกต่างหลากหลายต่อกันมากเท่านี้ ต่างฝ่ายจึงต้องหันมานิยามอดีต เพื่อกำหนดให้ปัจจุบันและอนาคตเป็นไปตามจินตกรรมของตนเอง
อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุลโพสต์ในเฟซบุ๊กของท่านว่า ที่จริงแล้วชนชั้นนำไทยเลิกสนใจการปฏิวัติใน 2475 ไปนานแล้ว ดังนั้นหมุดคณะราษฎรจึงไม่มีความหมายอะไร ในความเป็นจริงก็ไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็นด้วยซ้ำ
การเมือง,การศึกษา
คนเสื้อแดง,นิธิ เอียวศรีวงศ์,ประวัติศาสตร์,สถาบันกษัตริย์,หมุดคณะราษฎร
https://prachatai.com/journal/2017/05/71487
[ 0, 259, 140041, 136393, 77772, 30007, 97652, 141204, 10228, 2091, 259, 202003, 259, 199388, 189545, 15789, 11858, 31870, 1, 0 ]
คลายปมหุ้นเสี่ย นัดสอบบรรยิน
ถูกพาดพิง-พยานขัดแย้ง,กองปราบฯเรียก บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ สอบปากคำวันที่ 29 ก.ค. เพื่อตอบข้อสงสัยกรณีมีชื่อถูกพาดพิง นอกจากนี้ยังตรวจพบพิรุธในใบโอนหุ้นมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ของเสี่ยชูวงษ์ไปให้แม่ของโบรกเกอร์สาวคนสนิท ประเด็นแรกการสะกดนามสกุลผิด ที่สำคัญปรากฏชื่อ อุรชา เป็นเจ้าหน้าที่ผู้โอนหุ้นดังกล่าวให้แม่ตัวเอง โดยมีชื่อหัวหน้าฝ่ายการตลาดเป็นผู้อนุมัติ ทั้งๆที่ให้ปากคำไว้ไม่ได้เป็นคนดูแลหุ้น ด้านนครบาล ศรีวราห์ รับถึงตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานโยงไปถึงเป็นคดีฆาตกรรม ดำเนินคดี พ.ต.ท.บรรยินข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตไปแล้ว แต่ถ้ามีพยานหลักฐานเพิ่มเติมสามารถแจ้งข้อหาใหม่ได้,กรณีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 51 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะนั่งรถยนต์เลกซัส สีดำ แอลเอ็กซ์ 470 ทะเบียน ภฉ 1889 กรุงเทพมหานคร ที่มี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ เป็นคนขับและเกิดอุบัติเหตุชนต้นไม้ตรงข้ามซอย61 ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงและเขตสวนหลวง ต่อมาญาติผู้ตายตรวจสอบพบว่า นายชูวงษ์โอนหุ้นมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ให้กับผู้หญิง 2 คนที่ญาติเชื่อว่าเป็นคนใกล้ชิดของ พ.ต.ท.บรรยิน จึงเข้าร้องเรียน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ให้สืบสวนคลี่คลายคดี และเรียก น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล อายุ 26 ปี พริตตี้สาวคนสนิทที่รับโอนหุ้นมูลค่าประมาณ 228 ล้านบาท จากนายชูวงษ์ มาสอบสวน ยอมรับว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ตายและกำลังตั้งท้อง 7 เดือน ส่วนหุ้นเป็นการโอนให้ด้วยความเสน่หา ต่อมา น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล อายุ 26 ปี หรือน้องป้อนข้าว เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์เออีซี จำกัด ผู้รับโอนหุ้นจากนายชูวงษ์ รายที่ 2 ประมาณ 40 ล้านบาท เข้าให้การว่า มีความสัมพันธ์กับผู้ตายเช่นกันและได้รับโอนหุ้นให้โดยไม่ได้ซื้อขาย,ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ก.ค. พ.ต.อ.พลศักดิ์ ชูสมานศิริ พงส.ผทค.สน.อุดมสุข เผยว่า จากการประชุมสรุปคดีที่กองบัญชาการตำรวจ นครบาล (บช.น.) เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ขณะนี้สำนวนคดีคืบหน้าไปแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือยังคงเป็นประเด็นที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ยังคงเคลือบแคลงสงสัย ทั้งในเรื่องของความเร็วรถที่ยังไม่มีความชัดเจนและการชันสูตรพลิกศพ จึงสั่งการให้พนักงานสอบสวนเรียงลำดับเหตุการณ์ใหม่ทั้งหมด และจะเรียกสอบปากคำพยานเพิ่มเติม แต่ยังไม่สามารถเผยรายละเอียดได้ คาดว่าจะใช้เวลาอีก 1-2 วันจะมีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น,รายงานข่าวระบุว่า ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบพยานและกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่พบรถยนต์เลกซัสอีกครั้ง พบเพียงรถ จยย.ของพยานที่เห็นเหตุการณ์ซึ่งขี่ตามหลังมาเท่านั้น ส่วนรายงานข่าวที่ระบุว่า พยานที่ขี่รถ จยย.ตามหลังมาพบชายลึกลับในที่เกิดเหตุนั้น จากการตรวจสอบแล้ว เจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นชาวบ้านที่ขี่ จยย.ผ่านมาเห็นเหตุการณ์ ซึ่งในขณะนั้นมีทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยและทีมปฐมพยาบาลกำลังช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ในที่เกิดเหตุ เป็นไปได้ว่าชายลึกลับตามที่รายงานข่าวระบุเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มที่เข้าไปช่วยเหลือเป็นทีมแรก,มีรายงานอีกว่า การจำลองการเกิดอุบัติเหตุของกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และผลชันสูตรพลิกศพจากสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตร.พบว่า อาจเกิดอุบัติเหตุขณะขับด้วยความเร็ว 80 กม.ต่อชั่วโมง จังหวะที่รถเสียหลักปีนทางเท้าจนมีรอยยางสีดำ พฐ.ได้ตรวจสอบแรงกระดอนของรถตอนปีนทางเท้าพบว่า อาจจะทำให้เกิดแรงเหวี่ยงทำให้ศีรษะนายชูวงษ์ไปฟาดกับเสาบีของตัวรถและหลังคารถ ทำให้พลาสติกที่ปิดช่องเข็มขัดนิรภัยหลุด สอดคล้องกับผลการชันสูตรพลิกศพของแพทย์ที่ระบุว่า เยื่อหุ้มสมองด้านในถูกกระแทกจากของแข็งชนิดแบนและกระดูกต้นคอหัก ก่อนที่รถจะพุ่งเข้าไปปะทะกับต้นไม้ ทำให้ใบหน้านายชูวงษ์ไปชนกับคอนโซลหน้าจนเบ้าตาบวม เกิดจากการกระแทกเพราะแรงส่งของรถที่เกิดจากอุบัติเหตุ ยังไม่มีสิ่งใดบ่งชี้ว่าเกิดจากการฆาตกรรม,ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เผยว่า รวบรวมพยานหลักฐานเกือบชัดเจนทุกส่วน ต้นเดือน ส.ค.จะเรียกดูข้อมูลอีกครั้งเกี่ยวกับเรื่องที่ให้ไปหาเพิ่มเติมตามที่สั่งการไป เป็นเรื่องรายละเอียดของการชันสูตรจะสามารถชี้ชัดได้ว่า เสียชีวิตจากอุบัติเหตุหรือฆาตกรรม แต่ตอนนี้ข้อมูลยังไม่ครบถ้วน การสืบสวนสอบสวนตอนนี้แยกเป็น 2 ส่วนคือ เรื่องการโอนหุ้นและสาเหตุการเสียชีวิต เพราะนายชูวงษ์โอนหุ้นก่อนตาย มันต่างกรรมต่างวาระ ตอนนี้ครอบครัวผู้ตายไปร้องกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ให้ดำเนินการ ส่วนทาง บช.น. ทำเรื่องสาเหตุการตาย ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานไปถึงขนาดเป็นคดีฆาตกรรม แรงจูงใจก็เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งในการบรรยายฟ้อง การให้น้ำหนักการเสียชีวิตยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากหลักฐานเดิม ตอนนี้ก็ฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน คดีขับรถโดยประมาทฯไปแล้ว ภายหลังถ้าเป็นเรื่องฆาตกรรมจะไม่มีการฟ้องซ้ำ ต้องดำเนินคดีข้อหาใหม่ ทั้งนี้ตนให้เวลาเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคถึงต้นเดือน ส.ค.เพื่อจะสรุปสำนวนสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป,ที่กองบังคับการปราบปราม เวลา 12.00 น. รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจาก น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์เออีซี จำกัด พร้อมด้วยนางศรีธรา พรหมา มารดาและนายเดชา ขุนทอง ทนายความ เข้าให้ปากคำในประเด็นรับโอนหุ้นจำนวนกว่า 5 แสนหุ้น มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท จากนายชูวงษ์ หลังจากนี้ทีมสืบสวนอยู่ระหว่างประสานเชิญตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม เพื่อความชัดเจนในคดี ประกอบกับหลังจากสอบปากคำ น.ส.อุรชาและแม่ มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดบริษัทหลักทรัพย์เออีซี จำกัด เดินทางเข้าให้ปากคำในประเด็นบางอย่าง เกี่ยวกับรายละเอียดขั้นตอนการทำธุรกรรมที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนเรื่องของลายเซ็นนายชูวงษ์ที่ปรากฏในเอกสารการโอนหุ้น ขณะนี้กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) อยู่ระหว่างตรวจสอบเทียบเคียงกับลายเซ็นจริงของนายชูวงษ์,เบื้องต้นพบว่า เอกสารลายเซ็นที่ส่งมอบให้กองพิสูจน์หลักฐานนั้น ยังไม่สามารถพิสูจน์เปรียบเทียบได้มาก จึงประสานญาติขอเอกสารที่มีลายเซ็นของนายชูวงษ์หลายๆแบบมาเปรียบเทียบใหม่ เช่นเดียวกับคลิปเสียงของนายชูวงษ์ที่ส่งตรวจพิสูจน์พบว่า คลิปต้นแบบเสียงไม่ชัดเจน จึงต้องหาวิธีการเทียบเคียงเสียงให้ได้มากที่สุด ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ นอกจากนี้ทีมสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณรอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง ตรวจสอบเวลาเข้าและออกสนามกอล์ฟ กรอบระยะเวลา เพื่อหาความเชื่อมโยงนำมาวิเคราะห์ ขณะนี้พบภาพกล้องวงจรปิดบริเวณสะพานกลับรถถนนบางนา-ตราดขาเข้าช่วงเลยห้างสรรพสินค้าเมกา บางนา จับภาพรถยนต์คันที่เกิดเหตุได้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ รวมทั้งเร่งไล่กล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆตามเส้นทางตามคำให้การของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์และพยานแวดล้อมรายอื่น เพื่อหารถคู่กรณีที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้, ,รายงานข่าวแจ้งอีกว่า หลังจากที่ น.ส.อุรชายืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ดูแลหุ้นของนายชูวงษ์ เพียงแต่ทำงานเป็นโบรกเกอร์อยู่ในบริษัทหลักทรัพย์เออีซี จำกัด ก่อนรู้จักกับนายชูวงษ์และเริ่มคบหากัน แนวทางสืบสวนได้ตรวจสอบพบข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดที่ทำหน้าที่เป็นโบรกเกอร์ดูแลหุ้นของนายชูวงษ์แท้จริงเป็นพนักงานชายอีกคน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบพิรุธ เนื่องจากคำให้การของ น.ส.อุรชา ยังขัดแย้งกับเอกสารใบถอนและโอนหลักทรัพย์ของบริษัทที่ทำไว้เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.58 ระบุชื่อนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง แต่สะกดนามสกุลผิดเป็นแซ่ตั๋ง มีความประสงค์โอนหลักทรัพย์ภายในบัญชีบริษัทให้ น.ส.ศรีธรา พรหมา มารดาของ น.ส.อุรชาจำนวน 3 ตัว แบ่งเป็น BBC 50,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 195 บาท CPN 400,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 46 บาท และ PTTEP 60,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 115 บาท รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท การโอนหุ้นทั้ง 3 ตัวมีชื่อ อุรชา ลงนามเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทดูแลหุ้น รวมทั้งมี น.ส.สุรดา เที่ยงธรรม หัวหน้าฝ่ายการตลาดบริษัทเป็นผู้อนุมัติ อย่างไรก็ตาม ทีมสืบสวนได้ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใด น.ส.อุรชาถึงได้เป็นผู้ทำธุรกรรมการโอนหุ้นของนายชูวงษ์เอง ทั้งที่ไม่ได้เป็นโบรกเกอร์ผู้ดูแลหุ้น และเหตุใด น.ส.สุรดา หัวหน้าฝ่ายการตลาดบริษัทผู้ลงนามอนุมัติธุรกรรมถึงไม่ได้ท้วงติงเรื่องนี้ ทั้งนี้ อาจต้องเชิญตัวทั้งหมดมาสอบปากคำเพิ่มเติมในประเด็นดังกล่าว,นอกจากนี้ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.ได้ทำหนังสือเรียกตัว พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์เข้าให้ปากคำที่กองปราบปรามในวันที่ 29 ก.ค.เวลา 09.30 น. ในฐานะพยาน เพื่อตอบข้อสงสัยประเด็นที่พาดพิงจนปรากฏชื่อ พ.ต.ท.บรรยิน เพื่อความชัดเจนในคดีต่อไป
กองปราบฯเรียก บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ สอบปากคำวันที่ 29 ก.ค. เพื่อตอบข้อสงสัยกรณีมีชื่อถูกพาดพิง นอกจากนี้ยังตรวจพบพิรุธในใบโอนหุ้นมูลค่ากว่า 40 ล้านบาทของเสี่ยชูวงษ์ไปให้แม่ของโบรกเกอร์สาวคนสนิท
ข่าว,ทั่วไทย
ข่าวหน้า1,ข่าว,ชูวงษ์ แซ่ตั๊ง,เสียชีวิตแบบมีเงื่อนงำ,โอนหุ้น,บรรยิน ตั้งภากรณ์,สอบปากคำ,ถูกพาดพิง,เสี่ยชูวงษ์,พริตตี้สาว,โบรกเกอร์สาว
https://www.thairath.co.th/news/local/514160
[ 0, 259, 104338, 9211, 260, 6196, 260, 7960, 260, 139356, 6200, 136233, 259, 48429, 116082, 212275, 259, 153393, 189914, 187608 ]
หลวงพ่อคูณ เกิดวันที่เท่าไร ทำไมประวัติ กับบัตรประชาชน เลขเคลื่อน
ภายหลังที่ทางทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ได้เปิดประเด็นเรื่องบัตรประชาชน พระเทพวิทยาคม (คูณ ปริสุทฺโธ) หลวงพ่อคูณไปเมื่อวานนี้ ปรากฏว่า ศิษยานุศิษย์ ที่เคารพศรัทธา และติดตามเรื่องราวของหลวงพ่อคูณมาตลอดมีความสับสน เนื่องจากในบัตรประชาชน ระบุไว้ชัดเจนว่า เป็นวันที่ 5 ตุลาคม 2466 ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นบัตรประชาชนตลอดชีพ ,เพิ่งเคยเห็น บัตรประชาชนตลอดชีพหลวงพ่อคูณ ทำเมื่อ 10 ก.ค. ปี 51,ในขณะเดียวกัน ศิษยานุศิษย์ ที่เคารพเลื่อมใสศรัทธา และประชาชนชาวนครราชสีมา ต่างทราบกันดีว่า หลวงพ่อคูณมีวันเกิดตรงกับวันที่ 4 ตุลาคม 2466 เนื่องจากงานพิธีวันเกิด งานบุญสร้างพระ หรือโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิดหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ จะจัดตรงกับวันที่ 4 ตุลาคม ของทุกปี นอกจากนี้ในสารานุกรมเสรี ยังบันทึกข้อมูลไว้ด้วยว่า ,พระเทพวิทยาคม นามเดิม คูณ ฉัตร์พลกรัง หรือที่รู้จักในนาม หลวงพ่อคูณ (4 ตุลาคม พ.ศ. 2466-15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558) เป็นพระเกจิอาจารย์ อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 และอดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา มรณภาพ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 วัดบ้านไร่จังหวัดนครราชสีมา อายุ 91 ปี 224 วัน และได้อุปสมบท 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2487 พรรษา 71 วัดบ้านไร่ ท้องที่ นครราชสีมา,หลวงพ่อคูณ เกิดในชื่อและนามสกุลทางโลกคือ คูณ ฉัตร์พลกรัง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2466 ตรงกับแรม 10 ค่ำ เดือน 10 ปีกุน ที่บ้านไร่ หมู่ที่ 6 ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรชายคนโตของบุญ (บิดา) และทองขาว (มารดา) ซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกร มีพี่น้องร่วมบิดามารดาสามคนคือ,ต่อมาทางทีมข่าวเจาะประเด็นได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่งานทะเบียนอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้ตอบสงสัยกลับมาว่า ในอดีตนั้นการแจ้งเกิดของคนสมัยก่อนจะล่าช้ากว่าปกติ ยิ่งถ้าบิดา มารดา ใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัดในพื้นที่ไกลปืนเที่ยง การแจ้งเกิดจึงอาจล่าช้ากว่าปกติ และเป็นไปได้ที่ผู้แจ้งซึ่งไม่ใช่ผู้ปกครองโดยตรงอาจจะจำผิดแจ้งเกิดเป็นวันที่ 5 ตุลาคม อย่างไรก็ตามความทันสมัยของการจัดเก็บข้อมูลของอำเภอในยุคนั้นก็ไม่ได้รัดกุมเหมือนสมัยนี้,จะเห็นได้ว่าคนรุ่นเก่าหลายคนทั่วประเทศ บางรายในบัตรประชาชนไม่มีวันเกิด ไม่มีเดือน มีเพียงแค่พ.ศ. ที่เกิดเท่านั้น อาจเป็นเพราะว่าปล่อยระยะเวลานานข้ามเดือนข้ามปีจึงค่อยย้อนมาแจ้งเกิดอีกครั้ง ผู้ปกครองบางรายจึงจำได้เพียงปีเกิดเท่านั้น สำหรับในกรณีหลวงพ่อคูณ ชาวโคราชทราบกันดีว่าท่านเกิดวันที่ 4 ตุลาคม 2466 และจะมีการจัดงานบุญงานสำคัญขึ้นในวันนี้ เนื่องจากหลวงพ่อคูณ ได้ยืนยันด้วยวาจาว่า วันเกิดท่านคือวันที่ 4 ไม่ใช่ 5 ,วัดบ้านไร่ จัดวันกตัญญูบูรพาจารย์ โอกาสวันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อคูณ
ภายหลังที่ทางทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ได้เปิดประเด็นเรื่องบัตรประชาชน พระเทพวิทยาคม (คูณ ปริสุทฺโธ) หลวงพ่อคูณไปเมื่อวานนี้
ข่าว,ทั่วไทย
หลวงพ่อคูณ,หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ,หลวงพ่อคูณวัดบ้านไร่,วันเกิดหลวงพ่อคูณ,ข่าวร้อน,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1478650
[ 0, 259, 175703, 120335, 20390, 259, 165859, 55801, 7960, 164568, 53477, 27987, 259, 35749, 2361, 38389, 2091, 130726, 230796, 9542 ]
กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 1.25 ต่อปี
วันนี้ (18 ธ.ค.2562) นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน ( กนง.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งสุดท้ายของปี 2562 คณะกรรมการมีมติเอกฉันท์ 7:0 ให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.25 ต่อปี หลังจากประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าประมาณการเดิมและต่ำกว่าระดับศักยภาพ จากการส่งออกที่ลดลงซึ่งส่งผลไปสู่การจ้างงานและอุปสงค์ในประเทศ โดย กนง.ปรับลดอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้เหลือเติบโตร้อยละ 2.5 จากเดิมร้อยละ 2.8 และปรับลดจีดีพีปี 2563 เหลือเติบโตร้อยละ 2.8 จากเดิมร้อยละ 3.3 ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ ภาวะการเงินโดยรวมยังผ่อนคลาย ซึ่งเป็นผลจากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งในช่วงที่ผ่านมาขณะที่เสถียรภาพระบบการเงินได้รับการดูแลไปแล้วบางส่วน แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คณะกรรมการฯ เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจและเอื้อให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับสู่กรอบเป้าหมาย คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมครั้งนี้และจะประเมินความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจในอนาคต เพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมในระยะต่อไปเศรษฐกิจโลกเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นคณะกรรมการฯ เห็นว่าแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่งผลให้การส่งออกและการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มทยอยปรับดีขึ้นในปีหน้า อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าระดับศักยภาพและต่ำกว่าที่ประมาณการไว้เดิม โดยการส่งออกสินค้าที่ผ่านมาหดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้และจะมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด ตามปริมาณการค้าโลกที่ชะลอลงจากสภาวะการกีดกันทางการค้า รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในภาคการผลิตที่มีผลต่อความสามารถในการแข่งขันของภาคการส่งออก ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง สำหรับด้านอุปสงค์ในประเทศ การใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ ส่วนหนึ่งจากการเลื่อนการลงทุนของรัฐวิสาหกิจและโครงการร่วมลงทุนของรัฐและเอกชนในโครงสร้างพื้นฐานบางโครงการการบริโภคเอกชนขยายตัวชะลอลงขณะที่การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงจากรายได้ของครัวเรือนและการจ้างงานที่ปรับลดลงโดยเฉพาะในภาคการผลิตเพื่อส่งออก ประกอบกับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงจะเป็นแรงกดดันการบริโภคภาคเอกชนในระยะต่อไป ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่ายังต้องติดตามความเสี่ยงจากสภาวะการกีดกันทางการค้าและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีความไม่แน่นอน รวมทั้งจะติดตามผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและการใช้จ่ายของภาครัฐ ความคืบหน้าของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและผลต่อเนื่องไปยังการลงทุนภาคเอกชน ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในตลาดแรงงานที่จะส่งผลต่อการจ้างงานในระยะต่อไปอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นช้ากว่าในอดีตเลขานุการ กนง.กล่าวอีกว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2562 และปี 2563 มีแนวโน้มต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อจากราคาพลังงานที่ต่ำกว่าคาดตามเศรษฐกิจโลกที่ยังขยายตัวในระดับต่ำและอุปทานพลังงานที่จะเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มทยอยปรับสูงขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้น ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง อาทิ ผลกระทบจากการขยายตัวของธุรกิจ e-commerce การแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้น รวมถึงพัฒนาการของเทคโนโลยีที่ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นได้ช้ากว่าในอดีตกังวลเงินบาทแข็งค่ากว่าคู่ค้าคู่แข่งภาวะการเงินที่ผ่านมาอยู่ในระดับผ่อนคลาย โดยอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอยู่ในระดับต่ำ สภาพคล่องในระบบการเงินอยู่ในระดับสูง ภาคเอกชนสามารถระดมทุนได้ต่อเนื่องแต่สินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงทั้งสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่ออุปโภคบริโภค ด้านอัตราแลกเปลี่ยน แม้เงินบาททรงตัวจากการประชุมครั้งก่อน แต่ในช่วงที่ผ่านมาเคลื่อนไหวทั้งสองทิศทางและสอดคล้องกับสกุลเงินภูมิภาคมากขึ้น คณะกรรมการฯ กังวลต่อสถานการณ์เงินบาทที่ยังแข็งค่าอยู่เมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าคู่แข่ง จึงเห็นควรให้ติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนและเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิดท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านต่างประเทศที่มีอยู่สูง รวมถึงให้ติดตามประสิทธิผลของการผ่อนคลายกฎเกณฑ์กำกับดูแลการแลกเปลี่ยนเงินเพื่อเอื้อให้เงินทุนไหลออกและความจำเป็นในการดำเนินมาตรการเพิ่มเติมระบบการเงินโดยรวมยังมีเสถียรภาพระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงที่อาจสร้างความเปราะบางให้เสถียรภาพระบบการเงินได้ในอนาคต โดยเฉพาะคุณภาพสินเชื่อของธุรกิจ SMEsที่ด้อยลง คณะกรรมการฯ เห็นว่ามาตรการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินที่ได้ดำเนินการไปช่วยดูแลการสะสมความเปราะบางในระบบการเงินได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังต้องติดตามพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นในภาวะดอกเบี้ยต่ำ พฤติกรรมการก่อหนี้และความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและธุรกิจ SMEs การขยายสินทรัพย์และความเชื่อมโยงภายในของสหกรณ์ออมทรัพย์ รวมถึงการก่อหนี้ของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่อาจนำไปสู่การประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควร ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่าควรใช้มาตรการกำกับดูแลสถาบันการเงิน (microprudential) และมาตรการดูแลเสถียรภาพระบบการเงิน (macroprudential) ร่วมกันอย่างเหมาะสมเกาะติด เศรษฐกิจ-เงินเฟ้อ-ระบบการเงินนายทิตนันทิ์ กล่าวว่า มองไปข้างหน้า คณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไป โดยพร้อมใช้เครื่องมือเชิงนโยบายอย่างเหมาะสม รวมทั้งจะติดตามปัญหาเชิงโครงสร้างที่กระทบกับความสามารถในการแข่งขันและแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังจากทุกภาคส่วน
กนง.มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.25 ต่อปีตามคาด ขณะที่ส่งออกต่ำกว่าคาดและภาคเอกชนชะลอลงทุน พร้อมปรับลดจีดีพีปีนี้เหลือเติบโตร้อยละ 2.5
เศรษฐกิจ
กนง.,ดอกเบี้ยนโยบาย,ดอกเบี้ย,อัตราดอกเบี้ย,อัตราดอกเบี้ยนโยบาย
https://news.thaipbs.or.th/content/287177
[ 0, 259, 116131, 115167, 166880, 6494, 62793, 43790, 136755, 112777, 36445, 185228, 115167, 26116, 1549, 200487, 12467, 1, 0, 0 ]
เกรท แพลนควง สาว หนีร้อนช่วงสงกรานต์เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์
แม่ช่อมะไฟ มาแล้วจ้าา,แม่ช่อมะไฟ มาซอกแซก แวดวงบันเทิง ณ บัดนาว,หลังจากสร้างปรากฏการณ์ ออเจ้าฟีเว่อร์ สำหรับละครดังแห่งปี บุพเพสันนิวาส นอกจากจะเรตติ้งทะลุ 20 แล้ว ยิ่งฉากโล้สำเภา ซึ่งเป็นฉาก หวานๆ เข้าห้องหอระหว่างพระนาง โป๊ป และ เบลล่า ทำเอาแฟนๆฟินจิกหมอนขาดกระจุยไม่พอ แถมงานนี้ยังเกิดปรากฏการณ์คำค้น ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ แฮชแท็ก โล้สำเภา ไปเรียบร้อย---มันดี มันเริ่ดด ก็ตรงนี้แหละค่า ผู้ช้ม ผู้ชมขาา,วันจันทร์ที่ 9 เม.ย.นี้ หลุยส์ เฮส นำทีมนักแสดงจากละครชาติลำชี พีพี–พัชญา, ป่าน–คมกฤษณ์, ถังเบียร์–ภูริวัชร์, บูม–ชญาภา เตรียมลงพื้นที่หัวลำโพง เวลา 14.00 น. ชวนแฟนๆที่กำลังจะเดินทางกลับบ้านเพื่อร่วมฉลองเทศกาลสงกรานต์อย่างมีสติ เมาไม่ขับ เดินทางปลอดภัยกันทุกคน อย่าลืมแวะไปพบกันนะจ๊ะ,พระเอกหนุ่มกล้ามโตเมืองไทย บอย–ปกรณ์ มาเบ่งกล้ามแน่นโชว์แอ็กชั่นให้ได้ฮือฮา ในงาน Thailand Gala Premiere Rampage ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของพระเอกหนุ่มกล้ามโต เดอะร็อค หรือ ดเวย์น จอห์นสัน อังคารที่ 10 เม.ย.61 เวลา 18.00 น. ณ โรงภาพยนตร์ควอเทียร์ ซีนีอาร์ต ชั้น 4 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์,สุภาพบุรุษลูกทัพฟ้า บ่าววี อาร์สยาม ทำเซอร์ไพรส์บุกเยี่ยม น้องโพ แฟนคลับแดนใต้ ไกลถึง จ.สงขลา ที่ป่วยเป็นมะเร็งตา พร้อมร้องเพลง ฝากฟ้า และ อกสี่ศอก ให้น้องฟังเพื่อเป็นกำลังใจต่อสู้กับโรคร้าย ทำเอาแฟนคลับกลั้นน้ำตาไม่อยู่---ชื่นชมๆ ปรบมือสิคะจะรออะไร,เอี๊ยด เอี๊ยดด ปกติบ้างาน บ้าพลัง นานๆทีจะมีโอกาสได้หยุดพัก สงกรานต์นี้ พระเอกผิวเข้ม เกรท–วรินทร มีแพลนชาร์จร่าง ด้วยการขอหนีร้อนแป๊บ แถมควง สาว ไปเที่ยวไกลถึงสวิตเซอร์แลนด์ อยากรู้ว่าออเจ้าคือใคร? แฟนๆไปดักรอที่สุวรรณภูมิกันเลยเหอะ อุ๊บ,แม่ช่อมะไฟ
ปกติบ้างาน บ้าพลัง นานๆทีจะมีโอกาสได้หยุดพัก สงกรานต์นี้ พระเอกผิวเข้ม เกรท–วรินทร มีแพลนชาร์จร่าง ด้วยการขอหนีร้อนแป๊บ แถมควง สาว ไปเที่ยวไกลถึงสวิตเซอร์แลนด์
สี่แยกบันเทิง,แม่ช่อมะไฟ,เกรท วรินทร,สงกรานต์,สวิตเซอร์แลนด์,ดารา
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1250477
[ 0, 259, 35239, 12682, 113249, 77694, 40494, 259, 4728, 148901, 5405, 111377, 5405, 259, 139526, 86350, 139799, 259, 20390, 259 ]
สังฆทาน-การเมือง
ปรากฏการณ์พระสงฆ์รูปหนึ่งนำสังฆทานซึ่งประกอบไปด้วยสิ่งของที่ไม่จัดอยู่ในกลุ่มสิ่งของที่ควรถวายในหลักว่าด้วยสังฆาทาน เช่น สากกะเบือ ดอกไม้จันทน์ โดยระบุว่าเป็นปริศนาธรรม ประเด็นคือการนำเรื่องสังฆทานมาใช้เป็นอุบายทางการเมืองเหมาะสมหรือไม่? เป็นการหมิ่นและย่ำยีเจตนาดั้งเดิมตามที่ปรากฏในคัมภีร์พระพุทธศาสนาหรือไม่? และเป็นการทำลายศรัทธาปฏิบัติของชาวพุทธหรือไม่? การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นอาจาระวิบัติ (ความประพฤติที่น่ารังเกียจ ไม่เหมาะสมสำหรับผู้เป็นพระภิกษุสงฆ์) หรือไม่?ควรทำความเข้าใจก่อนว่า สังฆทานตามที่ปรากฏในคัมภีร์พระพุทธศาสนานั้นไม่ปรากฏว่ามีการใช้เพื่อเป็นปริศนาธรรม หรืออุบายวิธีสอนคนแต่อย่างไร ปรากฏแต่หลักฐานว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของการถวายทานเท่านั้น ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสว่าจะมีผลานิสงส์มาก เนื่องจากเป็นการวถวายทานที่ไม่จำเพาะเจาะจงแก่พระภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง แต่เป็นการถวายเพื่อสงฆ์ ซึ่งหากสงฆ์รับก็จะรับเป็นของสาธารณะและจะมีกระบวนการมอบสิทธิให้สำหรับผู้เหมาะสมต่อไป เช่นกรณีที่พระพุทธองค์ตรัสแนะนำให้พระนางมหาปชาบดีถวายผ้าจีวรแก่สงฆ์ ไม่ต้องถวายเป็นการเฉพาะแก่พระองค์ว่าด้วยของควรถวายและไม่ควรถวาย (สัปปุริสทาน-อสัปปุริสทาน ว่าด้วยเป้าหมายและผลคาดหวังจากการถวายสังฆทาน ดู อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต พระไตรปิฎกเล่มที่22 ข้อที่ 147-148 และในสัปปุริสทานว่าด้วยการทำบุญด้วยการถวายสังฆทาน ควรมอบให้ (ถวาย) อย่างสัตบุรุษ คือเลือกและรู้จักให้ตามหลักสัปปุริสทาน 8 ประการ ได้แก่ เลือกสิ่งของที่บริสุทธิ์ ได้มาโดยสุจริตไม่ผิดศีลธรรม หมายถึงให้สิ่งของที่ดี ให้ตามกำลังศรัทธา ดังที่ยึดถือกันว่าถ้าจะถวายของแก่พระสงฆ์ต้องเลือกของที่ดีที่สุด เช่น ถวายข้าวแรกเก็บเกี่ยว เป็นต้น หมายถึง ผู้ให้ย่อมจะรู้กาลเทสะว่าเวลาไหนควรถวายอะไรได้ หรือไม่ได้ เช่น หากถวายภัตตาหารให้เป็นสังฆทาน ก็ต้องถวายในเวลาก่อนเพล หากถวายหลังจากเพลไปแล้วก็ควรเลือกถวายสิ่งของที่เป็นเครื่องใช้ที่เหมาะสม เช่น น้ำปานะ ดอกไม้ธูปเทียน สิ่งของที่ไม่ขัดต่อพระวินัยสงฆ์ หมายถึง สิ่งของที่จะนำไปถวายนั้นต้องพิจารณาว่าเป็นประโยชน์หรือเหมาะแก่ผู้รับ ในที่นี้หมายถึงพระสงฆ์จะนำไปใช้ประโยชน์ได้ เป็นที่เข้าใจได้ทั่วไป เช่น ไม่ถวายสุรา ยาเสพติด เครื่องประดับประดา ซึ่งข้อนี้ควรพิจารณาให้ละเอียด เพราะโดยมากสิ่งของที่ถวายนั้นจะจัดโดยร้านขายสังฆภัณฑ์ที่ยังขาดความรู้อย่างถ่องแท้ หรือแม้เจ้าภาพที่จะจัดสิ่งของถวาย ก็จะจัดตามที่ตนเองเห็นว่าจะทำได้ เช่น ถวายสังฆทานอุทิศให้แก่ญาติพี่น้อง จึงเลือกสิ่งของที่ผู้ตายเคยชอบเคยใช้ แต่ผู้รับคือพระสงฆ์นั้นไม่ได้ใช้ หรือใช้ไม่ได้ ก็เข้าข่ายนี้ คือสิ่งของที่นำมามอบถวายโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์แก่ผู้รับ เป็นการให้โดยแสดงเจตนาจากผู้ให้คือเพื่อต้องการเสียดสี เหยียดเยาะ (5) ข้อนี้สนับสนุนข้อที่ผ่านมา คือจะให้ของก็ต้องให้เกิดประโยชน์ คำว่าประโยชน์ ไม่ได้มีเกณฑ์กำหนดว่าต้องเป็นสิ่งของที่ต้องซื้อมาด้วยราคาแพง แต่ให้ด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ และให้สิ่งของที่บริสุทธิ์สะอาด ไม่ต้องมากอย่าง (6) หมายถึง ชาวพุทธที่นิยมทำบุญก็จะถือว่าการทำบุญถวายทานเป็นเรื่องปกติในชีวิต เพราะเป็นการแสดงถึงคุณธรรมคือจาคเจตนา (7) ข้อนี้ เป็นเหตุและผลในตัวเอง ผู้ถวายทานย่อมเตรียมกุศลเจตนาทั้งก่อนให้ ขณะให้ ไม่ใช่ถวายด้วยจิตใจเต็มไปด้วยอคติ เต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ หากเข้าข่ายนี้ก็ไม่ชื่อว่าสังฆทาน ประการสุดท้าย หมายถึง ผู้ให้ย่อมปล่อยสละอย่างแท้จริง ไม่คิดเสียดายสิ่งของ หรือกังวลใจว่าสิ่งของนั้นจะเหมาะหรือไม่เหมาะ เพราะตนได้พิจารณาไว้เบื้องต้นแล้วเมื่อเป็นความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นตามหลักพระศาสนาแล้ว เรื่องการนำสังฆทานมาใช้เป็นอุบายทางการเมือง โดยมีเป้าหมายผิดแผกไปจากหลักการจึงถือว่าไม่เหมาะสม ทั้งโดยสิ่งของและโดยกิริยาที่มอบให้ คือไม่ได้มอบโดยความเคารพ โดยความศรัทธา พฤติกรรมการถวายสังฆทานของพระสงฆ์รูปดังกล่าวไม่ได้เป็นไปในรูปแบบดังกล่าว ประการต่อมา พฤติการณ์นั้นเท่ากับเป็นการหมิ่นและย่ำยีเจตนาดั้งเดิมตามที่ปรากฏในคัมภีร์พระพุทธศาสนาหรือไม่? และเป็นการทำลายศรัทธาปฏิบัติของชาวพุทธหรือไม่? พิจารณาจากหลักฐานแล้วก็ประจักษ์ในตัวเอง ส่วนจะเป็นการทำลายศรัทธาที่ชาวพุทธเคยปฏิบัติกันมาหรือไม่นั้น อาจถือเป็นเรื่องปัจเจกไป เพราะกรณีนี้ ผู้ให้ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำเป็นสังฆทานแบบที่ชาวพุทธทั่วไปปฏิบัติ กล่าวคือ เมื่อจะมีการถวายสังฆทาน ต้องมีศาสนพิธีประกอบ ตั้งแต่นำสิ่งของไปแล้ว ต้องแสดงเจตนาบริสุทธิ์ มีลำดับตั้งแต่จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย กล่าวคำอาราธนาศีล สมาทานศีล และกล่าวคำถวายสังฆทาน ซึ่งกรณีสังฆทานการเมืองไม่ได้มีพฤติการณ์เช่นนั้น ข้อสังเกตประการสุดท้าย การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นอาจาระวิบัติ (ความประพฤติที่น่ารังเกียจ ไม่เหมาะสมสำหรับผู้เป็นพระภิกษุสงฆ์) หรือไม่? ทั้งนี้อาศัยเหตุที่ผู้นำสังฆทานไป มีฐานะเป็นภิกษุผู้ใต้ปกครอง ที่โดยมารยาทแล้วผู้น้อยจะให้ความเคารพยำเกรงผู้ใหญ่ทั้งโดยวัยวุฒิ คุณวุฒิ และคุณธรรม ยิ่งผู้น้อยมีความเคารพก็จะยิ่งแสดงถึงความมีคุณธรรมของผู้ให้คำว่าอาจารวิบัติ หมายถึง เสียอาจาระ เสียจรรยา มรรยาทเสียหาย ประพฤติย่อหย่อนไม่นำพาศรัทธา ซึ่งอาจปรับอาบัติเล็กน้อยตั้งแต่ถุลลัจจัยลงมาถึงทุพภาสิต แต่พระวินัยได้ระบุโทษเสียหายถึงขั้นที่สงฆ์สามารถจะลง ตัชชะนียกรรม ได้ (ดูรายละเอียดในพระวินัยปิฎก เล่มที่ 6 ข้อที่ 29 เป็นต้นไป) ตัชชะนียกรรม หมายถึง กรรมที่สงฆ์พึงทำแก่ภิกษุอันจะพึงขู่ สังฆกรรมประเภทนิคหกรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งสงฆ์ทำการตำหนิโทษภิกษุผู้ก่อความทะเลาะวิวาท ก่ออธิกรณ์ขึ้นในสงฆ์ เป็นผู้มีอาบัติมาก และคลุกคลีกับคฤหัสถ์ในทางที่ไม่สมควร ) ซึ่งต้องฝากไว้กับฝ่ายศาสนจักรพิจารณาที่กล่าวถึงทั้งหมดนั้น ก็เพื่อกระตุ้นกระตุกปลุกชาวพุทธด้วยกันว่าควรมีท่าทีอย่างไรต่อปรากฏการณ์ดังกล่าว เป็นท่าทีเพื่อสร้างสรรค์ หรือทำลาย เพราะประเด็นได้ขยายลุกลามไปเกินกว่าเรื่องสังฆทาน และกลายเป็นไฟลามทุ่งไปสู่ การเมือง ไปเสียแล้ว พุทธศาสนิกชนหลายคนกำลังงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นในสังคมสงฆ์ว่าสงฆ์กับสงฆ์กำลังทำอะไรกัน สงฆ์กับคนใครกำลังทำอะไรกันอยู่ สังคมกำลังประโคมคนดี ในขณะที่ทั้งพระและคน (บางส่วน) กำลังถูกจัดการโดยคนดี คงจะมี สังฆทานการเมืองภาคสอง ให้เห็นในเร็ววันนี้ปัจจุบัน ผศ.ดร. วุฒินันท์ กันทะเตียน เป็นประธานหลักสูตรปริญญาโท หลักสูตรศาสนากับการพัฒนา มหาวิทยาลัยมหิดล
ปรากฏการณ์พระสงฆ์รูปหนึ่งนำสังฆทานซึ่งประกอบไปด้วยสิ่งของที่ไม่จัดอยู่ในกลุ่มสิ่งของที่ควรถวายในหลักว่าด้วยสังฆาทาน เช่น สากกะเบือ ดอกไม้จันทน์ โดยระบุว่าเป็นปริศนาธรรม
วัฒนธรรม,การศึกษา
พุทธศาสนา,มหาเถระสมาคม,วุฒินันท์ กันทะเตียน,ศาสนา,สังฆทาน
https://prachatai.com/journal/2015/03/58154
[ 0, 259, 171882, 108631, 75263, 3682, 69674, 223270, 9542, 192537, 1549, 198926, 12066, 12005, 44076, 10607, 12002, 226150, 46190, 1 ]
อิสระอีกคน เคลลี่ ธนะพัฒน์ โดดร่วมงาน ช่อง 8 ที่แรก
โบกมือลาจากวิกหลายสีอีกคนสำหรับพระเอกรุ่นใหญ่ เคลลี่ ธนะพัฒน์ งานนี้ช่อง 8 สวมบทมือไวคว้าตัวลงละคร เวราอาฆาต ของผู้จัดมากฝีมือ เอ๊ะ-อิศริยา สายสนั่น ทันที ในบทที่ปังและคุ้มค่ากับการมาเล่นเป็นที่แรกอย่างมาก จึงทำให้หนุ่มเคลลี่ตัดสินใจรับเล่นอย่างรวดเร็ว แถมในเรื่องยังต้องประชันบทบาทกับ โอม-อัชชา นามปาน แบบดุเดือดเผ็ดมันส์เท่านั้นยังไม่พอความเซอร์ไพรส์อีกอย่างคือได้นางเอกที่โบกมือลาจากช่องน้อยสี มิว ลักษณ์นารา มาร่วมงานกับทางช่อง 8 เป็นครั้งแรก และหนุ่ม ซัน พิชยดนย์ ซึ่งหมดสัญญากับทางวิกหลายสีก็มาร่วมเล่นในละครเรื่องนี้อีกเหมือนกัน เท่านั้นยังไม่พอเสริมทัพด้วย แคทรียา อิงลิช โบว์ แวนด้า แพร พรรัมภา เขต ธาราเขต ฟ้าใส อรจิรา กฤตฎ์ อมรชัยฤกษ์ ซึ่งละคร เวราอาฆาต จะทำการเวิร์กช็อปและฟิตติ้งในเร็วๆ นี้ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางหน้าจอช่อง 8 กดเลข 27อ่านเรื่องย่อนิยายไทยรัฐทุกเรื่อง >> คลิกที่นี่
โบกมือลาจากวิกหลายสีอีกคนสำหรับพระเอกรุ่นใหญ่ เคลลี่ ธนะพัฒน์ งานนี้ช่อง 8 สวมบทมือไวคว้าตัวลงละคร เวราอาฆาต ของผู้จัดมากฝีมือ เอ๊ะ-อิศริยา สายสนั่น ทันที
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
เคลลี่ ธนะพัฒน์,ช่อง 8,นิยาย,เวราอาฆาต,อิศริยา สายสนั่น,ละคร
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1885693
[ 0, 259, 212303, 259, 137828, 20475, 30007, 259, 227885, 18520, 2361, 121605, 142409, 30007, 44628, 108631, 215189, 1, 0, 0 ]
ตูนถึงกทม. ได้ 100 ล้าน
ในการบริจาค ที่ คิงเพาเวอร์ สมทบไม่อั้น,,ตูน บอดี้สแลม, วิ่งถึงกรุงเทพฯแล้ว อัศวิน นำทีมไปรอรับ ยกย่องให้เป็น วีรบุรุษ คนกรุงแห่ต้อนรับเนืองแน่น ,คิง เพาเวอร์, ใจปํ้าควักเงินสมทบโครงการก้าวคนละก้าวฯ 53 ล้านบาท ในขณะที่เจ้าของกะทิชาวเกาะมอบ 10 ล้านบาท ส่วนเกจิดัง อาจารย์แป๊ะ เกณฑ์ญาติโยมนำธนบัตรมาติดเชือกยาว 1 กม. มอบให้ตูนระหว่างวิ่งผ่านนครปฐม แอ๊ด คาราบาว ยอมรับตูนคนหัวใจเหล็ก ในขณะที่นักร้องคนดังยังถ่อมตัว กล่าวขอบคุณคนไทย ยืนยันแม้ร่างกายจะบาดเจ็บ แต่ใจยังสู้ พร้อมขอโทษที่ไม่ได้ร่วมเซลฟี่กับทุกคน เตรียมพบนายกฯ 4 ธ.ค.นี้,ร็อกเกอร์หนุ่มขวัญใจชาวไทย ตูน บอดี้สแลม หรือนายอาทิวราห์ คงมาลัย พร้อมแฟนสาว ก้อย-รัชวิน วงศ์วิริยะ และทีมงาน ยังคงออกวิ่งตามโครงการ ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ จุดเริ่มต้นใต้สุดแดนสยาม อ.เบตง จ.ยะลา ไปจดเหนือสุด อ.แม่สาย จ.เชียงราย รวมระยะทาง 2,191 กม. ใช้เวลาวิ่ง 55 วัน เพื่อระดมเงินบริจาคให้ได้ 700 ล้านบาท นำไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์มอบให้กับโรงพยาบาล 11 แห่ง เริ่มออกสตาร์ตเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา ตลอดเส้นทางแม้จะมีปัญหาบาดเจ็บอยู่บ้างจากการที่ต้องวิ่งในระยะไกล แต่สภาพจิตใจที่แข็งแกร่งก็ไม่ทำให้เป็นอุปสรรคกับนักร้องหนุ่ม ได้รับการต้อนรับจากชาวบ้านร่วมกันบริจาคเงินอย่างล้นหลาม,เข้าสู่วันที่ 33 ของโครงการ ก้าวคนละก้าวฯ เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 3 ธ.ค. ตูน บอดี้สแลม พร้อมทีมงานได้ออกวิ่งเซตแรกจากจุดสตาร์ตบริเวณหน้าสหกรณ์โคนมหนองโพธิ์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี มุ่งหน้าไปตามถนนเพชรเกษมเข้าสู่พื้นที่ จ.นครปฐม มีประชาชนมารอต้อนรับและมอบเงินตลอดเส้นทาง มีตำรวจคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร กระทั่งถึงจุดพักแรกบริเวณปั๊มน้ำมันบางจาก กม.61 ต.ลำพยา อ.เมืองนครปฐม มี นพ.วีรศักดิ์ ครองลาภเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม นพ.ชัยพร สุชาติสุนทร สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม ประชาชน จิตอาสา ข้าราชการ ให้การต้อนรับอย่างแน่นขนัด ตูนหยุดพักให้แพทย์ตรวจร่างกาย และรับเงินบริจาคจากประชาชนนานประมาณ 1.30 ชั่วโมง,จากนั้นตูนและคณะวิ่งต่อในเซตที่ 2 ออกจาก ปั๊มน้ำมันบางจาก ต.ลำพยา อ.เมืองนครปฐม มุ่งหน้าไปตามถนนเพชรเกษม ผ่านห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขานครปฐม ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีนครปฐม เข้าสู่จุดพักบริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท. ต.ธรรมศาลา อ.เมืองนครปฐม โดยตลอดเส้นทางที่วิ่ง มีประชาชนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและร่วมบริจาค ตูนมีสีหน้าสดชื่นแจ่มใสทักทายกับแฟนคลับใช้วิธีแตะมืออย่างเป็นกันเอง เมื่อถึงจุดพักมีหัวหน้าส่วนราชการและผู้อำนวยการโรงพยาบาลต่างๆในพื้นที่ร่วมมอบกล่องบริจาค ตูนใช้เวลาพักและรับมอบเงินประมาณ 45 นาที ก่อนจะออกวิ่งต่อในเซตที่ 3 ไปตามถนนเพชรเกษมตัดเข้าถนนบรมราชชนนี มุ่งหน้าไปยังจุดพักที่โรงกษาปณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย ถนนบรมราชชนนี ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว,ระหว่างทางก่อนถึงโรงกษาปณ์ พระครูยติธรรมานุยุต หรือ อาจารย์แป๊ะ เกจิชื่อดัง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พร้อมชาวบ้านนำเชือกติดธนบัตรฉบับละ 1000 บาท 500 บาท 100 บาท และ 20 บาท ยาว 1 กม. เป็นเงินที่ได้รับบริจาคมา จากชาวบ้าน ยังไม่ระบุจำนวน มามอบให้กับตูนเพื่อร่วมสมทบทุนเข้าโครงการก้าวคนละก้าวฯ อาจารย์แป๊ะยังได้นำวัตถุมงคลมาคล้องคอให้กับตูน และมอบพระพุทธรูป พระเงิน พระทอง หน้าตัก 9 นิ้ว รวมทั้งประพรมน้ำมนต์ให้กับตูนเพื่อเป็นสิริมงคลด้วย ก่อนที่ตูนจะออกวิ่งต่อไปยังหน้าโรงกษาปณ์ มีนายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.นครปฐม ให้การต้อนรับ ในจุดนี้มีนางจรีพร เทพผดุงพร เจ้าของโรงงานกะทิชาวเกาะ มอบเงินให้กับตูน 10 ล้านบาท,หลังจากนั้นตูนได้ออกวิ่งในเซตที่ 4 มุ่งหน้า กทม. กระทั่งเวลา 16.20 น. ตูนวิ่งถึงหน้าธนาคาร ทหารไทย สาขาพุทธมณฑล ถนนบรมราชชนนี เขตทวีวัฒนา เป็นจุดแรกที่จะเข้าสู่กรุงเทพฯ มีขบวนกลองยาวของการไฟฟ้านครหลวง และ นพ.พิชญา นาควัชระ รองปลัดกรุงเทพมหานคร รวมถึงประชาชนให้การต้อนรับ พร้อมมอบเสื้อกั๊กที่ติดเงินสด 1 แสนบาท ร่วมสมทบโครงการฯ ระหว่างนั้น ตูนได้เข้าไปรับเงินจากนางยุพา แซ่เตียว อายุ 93 ปี ชาวมีนบุรี ที่นั่งวีลแชร์มารอบริจาค 1,000 บาท ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด จากนั้นตูนออกวิ่งไปตามถนนบรมราชชนนี ก่อนถึงสถานีปั๊มน้ำมัน ปตท. เพ็ชรทวีโชค 500 เมตร พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผบ.มทบ.11 พร้อมกับทหารกองดุริยางค์กองทัพบก ได้เล่นดนตรีดุริยางค์เพลงแสงสุดท้าย ตูนเข้าร่วมร้องเพลงด้วย ก่อนจะออกวิ่งต่อไปยังปั๊มน้ำมัน ปตท. เพ็ชรทวีโชค ท่ามกลางชาวบ้านที่ออกมาต้อนรับจน ขนานขาเข้า กทม. พร้อมตะโกนว่า พี่ตูนสู้ๆ หมอสู้ๆ พยาบาลสู้ๆ,เมื่อถึงปั๊มน้ำมัน ปตท. เพ็ชรทวีโชค พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ กทม.รวมทั้งนักร้องนักแสดง อาทิ นายยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว นักร้องและนักดนตรีเพื่อชีวิตชื่อดัง, ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง อดีตนักร้อง และบรรดาแฟนคลับมารอให้การต้อนรับ โดย พล.ต.อ.อัศวิน มอบเงินจำนวน 1,119,111 บาท ให้กับตูน และมีหน่วยงานภาคเอกชนและกลุ่มประชาชนที่มีจิตศรัทธา มอบเงินอีกประมาณ 3 ล้านบาท พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า มาต้อนรับในฐานะผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะที่เป็นคนสุพรรณบุรี และในฐานะที่ตูนเป็นวีรบุรุษของคนทั้งประเทศ การจะทำแบบนี้ได้ต้องมีความอดทน เสียสละ ทำเพื่อประเทศชาติ ในขณะที่ตูน กล่าวขอบคุณทุกคนที่มาต้อนรับ บอกว่า ในฐานะชายวัยกลางคนวัย 40 ปี พอจะมีอะไรที่สามารถทำได้บ้าง จึงขอใช้โอกาสนี้ร่วมทำกิจกรรมเพื่อการกุศล ในปีที่แล้วร่วมวิ่งเพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลบางสะพาน ได้เงิน 85 ล้านบาท หลังโครงการสิ้นสุดมีทั้งโรงพยาบาลขนาดเล็กและใหญ่ ส่งข้อมูลเข้ามาจึงลงไปพูดคุยสำรวจความจริงทำให้เกิดโครงการก้าวคนละก้าวฯ,ตูนยังกล่าวอีกว่า โครงการนี้ใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ตนอยากทำตัวให้มีประโยชน์ในฐานะศิลปินที่อยู่ในวงการมากว่า 15-16 ปี ตนไม่ได้คิดว่าใครจะรวยหรือจน ตลอดเส้นทางได้รวบรวมเก็บเงินตั้งแต่ 1 บาท 5 บาท 10 บาท ไปจนถึง 1 ล้านบาท เก็บเล็กเก็บน้อยผสมกันไป จนปัจจุบันได้เงินกว่า 400 ล้านบาท จากเงินเพียงเล็กน้อยของประชาชน ไม่อยากให้คนรวยร่วมบริจาคเงินเพียงอย่างเดียว แต่อยากให้คนที่มีฐานะยากจนได้เห็นคุณค่า มีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมบริจาค หากเราร่วมกัน เงิน 400 ล้านบาท ดูเหมือนเยอะแต่หากกระจัดกระจายให้โรงพยาบาลศูนย์ทั่วภูมิภาคเพื่อที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงยังไม่เพียงพอ เพราะแต่ละโรงพยาบาลต้องใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท ดังนั้น เงิน 400 ล้านบาทยังสร้างการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แม้วันนี้จะเจ็บทุกส่วนที่เจ็บได้ แต่ไม่รู้ว่าจะสามารถวิ่งไปถึงไหน แต่มีใจสู้ ตลอดเส้นทางมีประชาชนออกมาต้อนรับ บางครั้งก็ไม่สามารถรับเงินจากมือ ถ่ายรูปเซลฟี่กับทุกคนได้ ตนเสียใจ ความผิดครั้งนี้ตนขอรับไว้เพียงผู้เดียว,อีกสิ่งหนึ่งที่ผมคับข้องใจ คือ ผมไม่ใช่ฮีโร่ ผมไม่ใช่วีรบุรุษ แต่คนที่เป็นฮีโร่ คือ คุณหมอและพยาบาลทุกคนที่ใส่ชุดขาวทำงานในโรงพยาบาลที่ช่วยรักษาพ่อแม่และเรา รวมถึงประชาชนที่เป็นผู้บริจาคเงินเข้ามา ตูนกล่าว หลังจากตูนลงจากเวทีขึ้นไปยังรถบ้านเคลื่อนที่ เพื่อพักผ่อนและทำกายภาพ มีประชาชนยังคงรอให้กำลังใจตูนอยู่รอบรถเป็นจำนวนมาก จากนั้นในเวลา 18.30 น. ตูน และคณะออกจากปั๊มน้ำมัน ปตท. เพ็ชรทวีโชค วิ่งมุ่งหน้าไปตามถนนบรมราชชนนี ข้ามสะพานซังฮี้-ถนนราชวิถี-โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-วนเข้าถนนพญาไท เพื่อร่วมกิจกรรมต้อนรับและรับบริจาค และเข้าลานน้ำพุคิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ โดยมีนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการ และคณะผู้บริหาร บ.คิงเพาเวอร์ ให้การต้อนรับ พร้อมกับมอบเงิน 53 ล้านบาทเพื่อร่วมสนับสนุนโครงการก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาล หลังจากนั้นตูนเข้าพักที่โรงแรมพูลแมนคิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ สำหรับยอดบริจาคล่าสุด ณ เวลา 18.30 น. วันที่ 3 ธ.ค.จำนวน 422,095,497.06 บาท,ส่วนกำหนดการในวันที่ 4 ธ.ค. ตูนจะหยุดวิ่ง 1 วัน และมีกำหนดเข้าพบนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล และจะออกวิ่งอีกครั้งในวันที่ 5 ธ.ค. เวลา 03.00 น. จากโรงแรมพูลแมนคิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ-เข้าถนนพญาไท-เลี้ยวขวาเข้าถนนศรีอยุธยา วิ่งตรงผ่านแยกศรีอยุธยา ข้ามทางรถไฟ ผ่านสนามม้านางเลิ้ง วัดเบญจมบพิตร ลานพระราชวังดุสิต (พระบรมรูปทรงม้า) เลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชดำเนินนอก วิ่งตรงไปบนถนนราชดำเนินกลาง (ร่วมกิจกรรมต้อนรับและรับบริจาคบริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์) จากนั้นเลี้ยวขวาขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้า เลี้ยวซ้ายเข้าถนนอรุณอมรินทร์มุ่งหน้าโรงพยาบาลศิริราช กลับเส้นทางเดิมมุ่งหน้าแยกอรุณอมรินทร์ ตรงเข้าถนนคู่ขนานบรมราชชนนี (ด้านล่าง) (ร่วมกิจกรรมต้อนรับและรับบริจาคบริเวณเดอะเซ้นส์ปิ่นเกล้า) หยุดพัก 10 นาที แล้ววิ่งต่อไปเข้าถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก เพื่อไปยังพื้นที่ จ.นนทบุรี,นายยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว นักร้องนักดนตรีเพื่อชีวิตชื่อดัง กล่าวว่า เดินทางมาในนาม กลุ่มคอมมานเดอร์ซิตี้ หรือกลุ่มคนรักรถจักรยานยนต์สองล้อ ได้รวบรวมเงินเพื่อซื้อรถเข็นวีลแชร์ จำนวน 110 คัน มาร่วมสมทบให้ตูนนำไปมอบให้กับโรงพยาบาลทั้ง 11 แห่ง พร้อมมอบเงินสดที่จะร่วมบริจาคจำนวนหนึ่ง ส่วนการร่วมวิ่งกับตูน ตนจะไปร่วมวิ่งด้วยกันที่ จ.สุพรรณบุรี ได้นัดหมายกันไว้แล้ว ที่ผ่านมาได้ติดตามข่าวสารการวิ่งของตูนมาตลอด พร้อมแต่งเพลงให้กำลังใจชื่อเพลง เดิมพัน 2,000 กิโล ยอมรับว่าเป็นห่วงสุขภาพของตูน เพราะวิ่งเป็นระยะทางอีกยาวไกล เส้นทางไกลขนาดนี้ ต้องเป็นคนหัวใจเหล็กจริงๆ,นายทัช ณ ตะกั่วทุ่ง อดีตนักร้องดัง กล่าวว่า เป็นโอกาสดีที่ได้มีโอกาสร่วมกับกลุ่มคนไทยในอังกฤษนำเงินมาบริจาคให้กับตูนด้วยตนเอง สำหรับยอดเงินที่นำมาบริจาค 2,350 ปอนด์ หรือประมาณ 107,400 บาท วันนี้จะร่วมวิ่งกับขบวนในระยะหนึ่งเนื่องจากไม่ได้เตรียมตัวมาล่วงหน้า ในฐานะคนบันเทิงรู้สึกยินดีกับตูน เพราะทำให้คนไทยสามารถร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวได้ผ่านกิจกรรมก้าวคนละก้าวฯ และขอชื่นชมตูนที่มีจิตใจทำกิจกรรมการกุศลด้วยใจอันแรงกล้า ท้ายสุดขอให้คนไทยช่วยกันร่วมบริจาคเงินให้กับกิจกรรมก้าวคนละก้าวฯ วันนี้ได้มาถึงครึ่งทางแล้ว,พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีตูน บอดี้สแลม จะนำคณะเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อนการประชุม คสช. และการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 4 ธ.ค. ว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบว่านายกฯ และ ครม.จะมอบอะไรให้กับตูนหรือไม่ แต่คิดว่านายกฯน่าจะร่วมสมทบทุนในโครงการก้าวคนละก้าวฯ แต่จะเป็นในนามส่วนตัว หรือในนามรัฐบาลยังไม่แน่ใจ รวมถึงจะได้ถามสารทุกข์สุกดิบของตูนด้วย เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ เพราะยังต้องวิ่งในระยะทางอีกไกลกว่าจะถึง คงจะมีข้อแนะนำ,ต่อมานายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า ในวันนี้นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ มอบเงินให้กับตูน 53 ล้านบาท เพิ่มจากเดิมที่เคยมอบให้ก่อนหน้านี้ 24 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 77 ล้านบาท เพราะเป็นตัวเลข ตรงกับประเทศไทยมี 77 จังหวัด และกิจกรรมโครงการก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาล เป็นการรวมพลังของคนไทยทั้งประเทศ เนื่องจากตูนได้วิ่งจากใต้สุดของประเทศ ไปยังเหนือสุดของประเทศ เรามองว่าเป็นเรื่องที่ดี เป็นกิจกรรมโครงการที่คนไทยสามัคคีซึ่งกันและกัน ด้วยการร่วมบริจาคเงินคนละเล็กคนละน้อย เพื่อช่วยโรงพยาบาล และโรงพยาบาลก็นำไปช่วยผู้ป่วยต่อ เป็นการสร้างความสุขให้กับคนไทย สำหรับตัวเลขมอบให้ 53 ล้านบาท ยังไม่นิ่ง อาจจะมีการบริจาคเพิ่มอีกต้องรอในวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งบริษัทคิง เพาเวอร์ จะมีกิจกรรมส่งต่อพลังและให้กำลังใจให้ตูน และทีมงานก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาล โดยวิ่งออกลานเรารักพระเจ้าอยู่หัวคิง เพาเวอร์ ซอยรางน้ำ ส่วนในคืนนี้ตูนจะเข้าพักที่โรงแรมพูลแมน เป็นกลุ่มในเครือ คิงเพาเวอร์ โดยจัดห้องพิเศษให้กับตูน และทีมงาน พร้อมกับอำนวยความสะดวกเต็มที่,ผู้สื่อข่าวยังรายงานถึงบรรยากาศการวิ่งของตูนเพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อช่วงเวลา 21.30 น. ขณะตูนวิ่งขึ้นสะพานซังฮี้ มีประชาชนจำนวนมากที่มารอตั้งแต่ช่วงเย็นจนเต็มพื้นที่ทางเท้าสะพานซังฮี้ขาเข้า กทม.ต่างตะโกนเชียร์ พี่ตูนสู้สู้ พร้อมกับมอบเงินให้กับตูน และทีมงาน ส่วนบริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และมหาวิทยาลัยสวนดุสิต มีนักศึกษาและชาวบ้านในย่านดังกล่าวออกมาต้อนรับตูน จำนวนมาก บางคนเขียนป้ายข้อความ ตูนสู้ๆ ตูนได้กล่าวขอบคุณนักศึกษาและประชาชนที่มาให้กำลังใจ และร่วมบริจาคเงิน ส่วนด้านหน้าสวนสัตว์ดุสิต พนักงานสวมชุดมาสคอตเป็นสัตว์นานาชนิด ออกมาร่วมบริจาคเงินเช่นกัน รวมถึงฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นโรงเรียนวชิราวุธ ครู อาจารย์ และนักเรียน ออกมาร่วมให้กำลังใจตูน พร้อมนำกล่องเงินที่นักเรียนรวบรวมสมทบทุนกันมาให้กับตูน โดยตูนได้จับมือกับนักเรียน พร้อมขอบคุณที่ออกมาให้กำลังใจ จากนั้นตูนวิ่งไปตามถนนราชวิถีมาหยุดพักที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มีแพทย์และพยาบาลรวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ออกมาต้อนรับจำนวนมาก เนื่องจากย่านดังกล่าวเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลหลายแห่ง,หลังเสร็จกิจกรรมและรับมอบเงินที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าแล้ว ตูนได้ขึ้นเวทีกล่าวขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน และยืนยันอีกครั้งว่าตนไม่ใช่ฮีโร่ คนที่เป็นฮีโร่คือคนที่ใส่ชุดขาวในโรงพยาบาล จากนั้นตูนพร้อมก้อย-รัชวิน วงศ์วิริยะ แฟนสาว และนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ ได้ออกวิ่งจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าไปยังลานน้ำพุคิง เพาเวอร์ ซอยรางน้ำ มีนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และพนักงาน ให้การต้อนรับ โดยจุดดังกล่าวมีประชาชนที่มาเฝ้ารอรับตั้งแต่บ่ายสามโมงพากันส่งเสียง พี่ตูนสู้สู้ ดังกึกก้องตลอดเวลา ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีวงโยธวาทิตจากโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี มาร่วมเล่นเพลง ยาพิษ ของวง บอดี้สแลม ตูนได้ขึ้นกล่าวบนเวที ขอบคุณประชาชนและเชิญชวนให้ร่วมบริจาค จากนั้นจึงมีพิธีมอบเงินบริจาคจากภาคส่วนต่างๆเพื่อสนับสนุนโครงการ ก้าวคนละก้าว ซึ่งในวันนี้ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ร่วมบริจาคอีก 53 ล้านบาท จากเดิมที่ร่วมสนับสนุนแล้ว 24 ล้านบาท รวมเป็น 77 ล้านบาท,บรรยากาศในการต้อนรับตูนของบริษัทคิงเพาเวอร์เป็นไปอย่างอบอุ่นและยิ่งใหญ่ นอกจากนายวิชัยจะมอบเงินให้กับตูนจำนวน 53 ล้านบาทแล้ว ยังมีนักธุรกิจและเจ้าของบริษัททยอยกันมอบเงินให้กับตูนด้วยรวมแล้วกว่า 89 ล้านบาท ต่อมานาย อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ ลูกชายนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ ประกาศจะบริจาคเงินสมทบอีกส่วนที่เหลืออีกเพื่อให้ครบ 100 ล้านบาท ท่ามกลางเสียงปรบมือดังกึกก้อง ก่อนที่นายอัยยวัฒน์จะขึ้นเวทีจับมือแสดงความดีใจกับนักร้องหนุ่ม
ตูน บอดี้สแลม วิ่งถึงกรุงเทพฯแล้ว อัศวิน นำทีมไปรอรับ ยกย่องให้เป็น วีรบุรุษ คนกรุงแห่ต้อนรับเนืองแน่น คิง เพาเวอร์ ใจปํ้าควักเงินสมทบโครงการก้าวคนละก้าวฯ 53 ล้านบาท
ข่าว,ทั่วไทย
ข่าวหน้า 1,ตูน บอดี้สแลม,ตูน บอดี้สแลม วิ่ง,ก้าวคนละก้าว,อาทิวราห์ คงมาลัย,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1143268
[ 0, 259, 70663, 17958, 131830, 259, 27605, 35835, 5269, 49259, 15334, 259, 63388, 181024, 5095, 137751, 259, 48266, 10228, 128721 ]
การตลาดยุคใหม่ CGI อินฟลูเอนเซอร์มาแรง คู่แข่งมนุษย์
รู้จัก CGI อินฟลูเอนเซอร์ เทรนด์มาแรงในโลกการตลาด แบรนด์ควบคุมได้ดั่งใจ ผู้ติดตามเป็นล้านเรียกได้ว่าการแข่งขันการตลาดยุคใหม่ ทำให้แต่ละแบรนด์ต้องมีความโดดเด่นทางการตลาด หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นการเฟ้นหาอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งจะกลายมาเป็นหน้าตาของแบรนด์ แต่ในวันที่โลกอินเทอร์เน็ตก้าวไกลไร้พรมแดน มีอินฟลูเอนเซอร์มากหน้าหลายตาแจ้งเกิดไม่เว้นวัน ทำให้แบรนด์ต้องหาความแตกต่างที่เอื้อประโยชน์ทั้งการตลาดและประหยัดเวลา จึงเป็นที่มาของ CGI อินฟลูเอนเซอร์ หรือ อินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริง ที่ถูกสร้างขึ้นจากการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีเสมือนจริงที่ทางแบรนด์สามารถสร้างสรรค์ตัวตนและควบคุมไลฟ์สไตล์ทุกอย่างได้(ภาพประกอบจากจาก Instagram:@lilmiquela)อย่างที่กล่าวไปข้างต้น CGI อินฟลูเอนเซอร์นั้นเกิดขึ้นโดยเทคโนโลยีจากคอมพิวเตอร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ มีหน้าตาและร่างกายเหมือนมนุษย์เกือบทุกประการ โดยลักษณะนิสัยและบุคลิกของ CGI อินฟลูเอนเซอร์ถูกกำหนดโดยผู้สร้างทั้งหมด ซึ่งเอื้อประโยชน์ให้แก่แบรนด์ เนื่องจากสามารถสร้างอินฟลูเอนเซอร์ที่ตรงใจ และยังสามารถควบคุมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคำพูด ท่าทาง และการแสดงออกได้ นอกจากจะประหยัดเวลาไม่ต้องเฟ้นหาบุคคลที่ตรงใจแล้ว CGI อินฟลูเอนเซอร์ยังสามารถทำงานได้ทุกเวลาอีกด้วย(ภาพประกอบจาก Instagram: @lilmiquela)ถ้าพูดถึง CGI อินฟลูเอนเซอร์ คงต้องกล่าวถึง Miquela หนึ่งใน CGI อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังที่มียอดติดตามในอินสตาแกรม @lilmiquela ของเธอมากถึง 2.5 ล้านคน เธอได้ปรากฏตัวครั้งแรกในปี 2016 โดยมีไลฟ์สไตล์ที่คล้ายคลึงกับอินฟลูเอนเซอร์มนุษย์จนหลายคนถึงกับอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า Miquela มาจากเทคโนโลยี CGI หรือเป็นมนุษย์จริงๆ กันแน่ โดยในปี 2018 นิตยสารไทม์ ได้ยกให้เธอเป็นหนึ่งใน 25 บุคคลที่มีอิทธิพลบนโลกอินเทอร์เน็ต เธอจะมีทั้งงานเพลงและถ่ายแบบให้แก่แบรนด์แฟชั่น จนไม่น่าเชื่อว่าแท้ที่จริงแล้วเธอเป็นเพียงภาพดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นมาเท่านั้น(ภาพประกอบจาก Instagram: @KFC)อินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริงยังปรากฏในการตลาดของอาหารฟาสต์ฟู้ดชื่อดังอย่าง KFC ที่ได้สร้างตัวตน ผู้พันแซนเดอร์ส โดยเปลี่ยนภาพลักษณ์จากคุณลุงรอยยิ้มสดใสที่ยืนอยู่หน้าร้านอย่างที่เราๆ คุ้นตา กลายมาเป็นหนุ่มฮอตสุดหล่อด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริงในอินสตาแกรมของ KFC ที่มีผู้ติดตามมากถึง 1.3 ล้านคนจากผลสำรวจของ InfluencerDB พบว่ามีการทุ่มเงินถึง 5000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในตลาดอินฟลูเอนเซอร์บนอินสตาแกรม และคาดว่าจำนวนเงินจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยคาดการณ์ว่า ร้อยละ 39 ของบัญชีผู้ใช้อินสตาแกรมนั้นเป็นของอินฟลูเอนเซอร์ ด้วยตลาดที่ใหญ่และมีมูลค่ามหาศาล ทำให้ CGI อินฟลูเอนเซอร์มีโอกาสแจ้งเกิดในแพลตฟอร์มดังกล่าวได้ไม่ยากโดยรายงานจาก Insider ได้ยกบทสัมภาษณ์ของ Buzz Carter นักการตลาดดิจิทัล จาก Bulldog Digital Media ที่ระบุว่า CGI อินฟลูเอนเซอร์เป็นเหมือนกับการเสียดสีความจอมปลอมในสังคมออนไลน์ได้อย่างเจ็บแสบ ทำให้ CGI อินฟลูเอนเซอร์ที่มีภาพลักษณ์ที่สวยหรูกับผู้เล่นสื่อสังคมออนไลน์ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ถ้าเกิดการแลกเปลี่ยนและความเชื่อ แคมเปญที่ใช้ Miquela (CGI อินฟลูเอนเซอร์) ก็จะมีประสิทธิภาพไม่แตกต่างจากอินฟลูเอนเซอร์คนอื่นๆขณะที่ Harry Hugo ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Goat Agency ให้ความเห็นว่าอินฟลูเอนเซอร์จากเทคโนโลยีเสมือนจริงเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากแบรนด์ต่างๆ สามารถควมคุมและเนรมิตให้อินฟลูเอนเซอร์นั้นเพรียบพร้อมในแบบที่ตนต้องการ.ที่มา: Insider Entrepreneur Time
รู้จัก CGI อินฟลูเอนเซอร์ เทรนด์มาแรงในโลกการตลาด แบรนด์ควบคุมได้ดั่งใจ ผู้ติดตามเป็นล้าน
ข่าว,เศรษฐกิจ
เทคโนโลยี
https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/1901897
[ 0, 259, 40626, 3682, 76389, 21005, 84306, 30356, 4388, 65665, 1549, 41127, 14785, 71077, 4348, 69829, 101196, 180411, 149559, 41071 ]
หวั่นเด็กทั่วโลกเกือบ 10 ล้าน ไม่ได้กลับเข้าชั้นเรียน
รายงานของกลุ่ม เซฟ เดอะ ชิลเดรน องค์กรการกุศลในอังกฤษ อ้างข้อมูลจากองค์การยูเนสโก ระบุตั้งแต่เดือน เม.ย.เด็กนักเรียนนักศึกษาทั่วโลกมากกว่า 1600 ล้านคน ต้องเผชิญสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการศึกษา เพราะไม่ได้เข้าชั้นเรียนเนื่องจากผลกระทบจากการระบาดของโคโรนาไวรัส โควิด-19 ถือเป็นครั้งแรก ในประวัติศาสตร์แห่งมวลมนุษย์ ซึ่งนักเรียนนักศึกษาในจำนวนนี้มากราว 9.7 ล้านคน อาจไม่มีโอกาสกลับเข้าชั้นเรียนอีกนอกจากนั้น ผลกระทบจากโควิด-19 ยังก่อให้เกิดความเสียหายด้านงบประมาณการศึกษาในกลุ่มประเทศรายได้ต่ำและปานกลางมากถึงกว่า 77000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งอาจผลักดันให้เด็กๆต้องเผชิญกับความยากจนได้มากถึงกว่า 90-117 ล้านคน กลุ่มเซฟ เดอะ ชิลเดรน เรียกร้องผ่านถึงรัฐบาลทั่วโลกควรต้องเพิ่มการลงทุนด้านการศึกษาให้แก่เด็กๆ ทั้งต้องพยายามลดช่องว่างระหว่างกลุ่มเด็กในชาติร่ำรวยกับชาติยากจนและกลุ่มเด็กชายกับเด็กหญิง อีกทั้งต้องยกระดับเครดิตด้านการศึกษาสำหรับกลุ่มเด็กๆในชาติรายได้ต่ำด้วย มิเช่นนั้น เป้าหมายของสหประชาชาติเพื่อสร้างคุณภาพเท่าเทียมด้านการศึกษาทั่วโลกภายในปี 2573 จะต้องล่าช้าออกไปอีกหลายปีส่วนกลุ่มชาติที่เผชิญสถานการณ์เลวร้ายด้านการศึกษามากที่สุดของโลก 12 ประเทศ คือ ไนเจอร์ มาลี ชาด ไลบีเรีย อัฟกานิสถาน กินี มัวริทาเนีย เยเมน ไนจีเรีย ปากีสถาน เซเนกัลและไอวอรี โคสต์ ขณะที่สถานการณ์วิกฤติด้านการศึกษาก่อนโควิด-19 ระบาดทั่วโลกเด็กนักเรียนถูกผลกระทบไม่ได้เข้าชั้นเรียนมากกว่า 258 ล้านคนขณะเดียวกัน รายงานอีกฉบับสำรวจกลุ่มบริษัทธุรกิจรายใหญ่ของโลก 900 แห่ง พบว่าต่างเผชิญสถานการณ์หนี้สินล้นพ้นรวมกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สืบเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 และยังมีแนวโน้มหนี้สินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆถึงกว่า 9.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยบริษัทในสหรัฐฯมีหนี้สินมากที่สุดราว 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามด้วยเยอรมนีมีหนี้สินรวมราว 762000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯก่อนหน้านี้ รายงานระบุผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ผู้คนในสหรัฐฯต้องตกงานทั่วประเทศแล้วมากหลายสิบล้านคน ตัวเลขผู้คนตกงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับภูมิภาคยุโรป ซึ่งผู้คนตกงานแล้วมากกว่า 1 ล้านคน.
ตั้งแต่เดือน เม.ย.เด็กนักเรียนนักศึกษาทั่วโลกมากกว่า 1600 ล้านคน ต้องเผชิญสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการศึกษา เพราะไม่ได้เข้าชั้นเรียนเนื่องจากผลกระทบจากการระบาดของโคโรนาไวรัส โควิด-19
ข่าว,ต่างประเทศ
ผลกระทบโควิด-19,โควิด-19,ไวรัสโคโรนา,นักเรียน,นักเรียนหยุดเรียน,ข่าววันนี้,ไฮไลต์ไวรัสโคโรน่า,การศึกษา
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1888716
[ 0, 259, 135504, 4348, 227897, 29443, 75194, 121387, 81149, 12848, 50161, 774, 111034, 11821, 1, 0, 0, 0, 0, 0 ]
สปีดโบ๊ต ล่ม 25 ชีวิต ลอยคอทะเล นักท่องเที่ยวจีน กลับ-จาก เสม็ด (คลิป)
นักท่องเที่ยวจีน กลับ-จาก เสม็ด สงสัยพุ่งชนหิน ท้องเรือถึงทะลุ,นักท่องเที่ยวชาวจีน 25 ชีวิตหวิดสังเวยหมู่กลางทะเล หลังนั่งเรือนำเที่ยวจากเกาะเสม็ดจะเข้าฝั่ง ระหว่างทางเรือไปพุ่งชนกับหินใต้น้ำจนเรือทะลุน้ำทะลัก บางคนต้องลอยคอกลางน้ำ คนขับเรือรีบวิทยุขอเรือ 3 ลำช่วยลำเลียงทัวร์จีนทั้งหมดกลับเข้าฝั่งอย่างปลอดภัย มีเพียง 2 คนสำลักน้ำบาดเจ็บนำส่ง รพ. ส่วนคดียังไม่ตั้งข้อหาใคร,อุบัติเหตุเรือนักท่องเที่ยวจีนชนหินโสโครกล่มครั้งนี้เวลา 13.30 น. วันที่ 7 ก.พ. ร.ต.อ.จีรเดช หุ่นทอง รอง สว. (สอบสวน) สภ.เพ อ.เมืองระยอง รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างพรกุศลจุดบ้านเพว่ามีเหตุเรือนักท่องเที่ยวล่มที่บริเวณแหลมใหญ่ เกาะเสม็ด หมู่ 4 ต.เพ รีบรายงาน พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จ.ระยอง ทราบและเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมนายไพรัตน์ อรุณเวสสะเศรษฐ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านเพ พ.ต.ท.เอก มหาสวัสดิ์ สว.ตำรวจท่องเที่ยวระยองและหน่วยกู้ภัย,พบแต่ซากเรือลำที่เกิดเหตุพลิกลอยเหนือน้ำ ส่วนนักท่องเที่ยวทั้งหมดมีเรือจากท่าเรือนวลทิพย์ช่วยเหลือนำไปขึ้นฝั่งที่ท่าเรือนวลทิพย์ ต.เพ ตามไปตรวจสอบพบนักท่องเที่ยวชาวจีนทั้งชายหญิงและเด็กนั่งรวมตัวกัน ยังอยู่ในอาการตกใจ ทราบมี ผู้บาดเจ็บเนื่องจากสำลักน้ำ 2 คน นำส่ง รพ.ระยอง ไปแล้ว ทราบชื่อ Mr.LIAN KAIKAI กับ Mrs.ZHANC CUEHUA,สอบสวนนายณัฐวุฒิ พึ่งกุศล อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/7 หมู่ 1 ต.เพ คนขับเรือให้การว่า เรือที่จมชื่อ แบลคมารีน 8888 เป็นเรือนำเที่ยวโดยก่อนเกิดเหตุนำนักท่องเที่ยวชาวจีน 25 คนซึ่งพักที่ แบลคมารีน เกสต์เฮาส์ ต.เพ จากอ่าววงเดือนบนเกาะเสม็ดเพื่อจะกลับเข้าฝั่ง ก่อนออกเรือ ได้ให้ทุกคนใส่เสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัย ขณะที่ เรือแล่นมาถึงบริเวณโค้งแหลมใหญ่จะผ่านหน้าท่าเรือเกาะเสม็ด ปรากฏว่าท้องเรือด้านหัวไปพุ่งชนกับหินโสโครกใต้น้ำทำให้เรือรั่วเป็นรู ทำให้น้ำทะลักเข้าใต้ท้องเรือ นักท่องเที่ยวบางคนพลัดตกน้ำ ลอยคอกลางทะเล รีบวิทยุแจ้งขอความช่วยเหลือไปยังฝั่ง กระทั่งมีเรือจากท่าเรือนวลทิพย์ 3 ลำมาลำเลียงนักท่องเที่ยวทั้งหมดกลับฝั่ง ส่วนเรือค่อยๆจมลงทะเลก่อนพลิกลอยเหนือน้ำ,ส่วนนายไพรัตน์ อรุณเวสสะเศรษฐ กล่าวว่า สำหรับผู้บาดเจ็บผู้หญิง 1 ใน 2 แพทย์ต้องให้นอนรอดูอาการ ส่วนอีกคนแพทย์ให้กลับที่พักได้ ขณะที่ พล.ต.ต.ชุมพลเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้นำตัวคนขับเรือไปสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากอะไร ถ้าเป็นความประมาทของคนขับเรือต้องถูกดำเนินคดี เบื้องต้นพบว่ามีร่องรอยแตกที่ท้องเรือ คาดว่าคงไปชนหิน,ด้าน พ.ต.อ.ณรงค์เดช ทัพพะจายะ ผกก.สภ.เพ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเรือมีใบอนุญาตถูกต้อง และคนขับเรือมีใบอนุญาตเช่นกัน จำนวนผู้โดยสารที่บรรทุกมาบนเรืออยู่ในเกณฑ์ไม่เกินที่กฎหมายกำหนด และทุกคนสวมใส่เสื้อชูชีพ ส่วนสาเหตุอาจเกิดจากเหตุสุดวิสัย จึงยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับคนขับเรือแต่อย่างใด แต่จะต้องนำเรือตรวจสอบสภาพอีกครั้ง
นักท่องเที่ยวชาวจีน 25 ชีวิตหวิดสังเวยหมู่กลางทะเล หลังนั่งเรือนำเที่ยวจากเกาะเสม็ดจะเข้าฝั่ง ระหว่างทางเรือไปพุ่งชนกับหินใต้น้ำจนเรือทะลุน้ำทะลัก บางคนต้องลอยคอกลางน้ำ
ข่าว,ทั่วไทย
นักท่องเที่ยวจีน,อุบัติเหตุเรือล่ม,สปีดโบ๊ต,ระยอง,ข่าวหน้า1
https://www.thairath.co.th/news/local/east/1491008
[ 0, 259, 76917, 1549, 16344, 3945, 38389, 259, 82397, 7910, 159706, 219763, 4388, 259, 216081, 21191, 76917, 27605, 75686, 1549 ]
เพลง จะไม่ลืม อาลัยเจ้าสัววิชัย ผลงาน บอย โกสิยพงษ์
รำลึกความดีที่สร้างไว้ให้ เอมิล เฮสกีย์บินกราบศพ,พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จทรงเป็นประธานพิธีสวดพระอภิธรรม เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา ยังความปลาบปลื้มแก่ครอบครัวศรีวัฒนประภาเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่เหล่าคนดังเดินทางเคารพศพด้วยความอาลัยต่อเนื่อง รวมถึงสามีภรรยาชาวอังกฤษที่บินมาเคารพศพเจ้าสัว นำเสื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ มาวางไว้ที่หน้าโกศก่อนร่ำไห้ด้วยความอาลัย และมาแสดงความเสียใจกับ ต๊อบ-อัยยวัฒน์ บุตรชาย จนสุดกลั้นน้ำตา ส่วนที่งานศพ จุ๋ม-นุสรา สุดเศร้า กลุ่มเพื่อนสนิทนำเค้กวันเกิดครบ 33 ปี มาอวยพรหน้าโลงศพ ด้านเมีย กอล์ฟ-กวีพร เผย ลูกสาววัย 3 ขวบเริ่มถามถึงพ่อ หนำซ้ำเจอตื่นมานั่งเล่นหัวเราะคนเดียวกลางดึกเหมือนครั้งที่สามียังอยู่,บรรยากาศพิธีบำเพ็ญกุศลศพนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ที่ศาลากวีนิรมิต หรือศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ซึ่งจัดเป็นวันที่สี่ เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตั้งแต่ช่วงเช้ามีประชาชน พนักงานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ทยอยเดินทางมาร่วมเคารพศพเจ้าสัววิชัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีพนักงานบริษัท คิง เพาเวอร์ คอยต้อนรับและแนะนำขั้นตอน เริ่มจากเดินผ่านเครื่องตรวจโลหะของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วเดินข้ามสะพานไปยังบริเวณด้านหน้าโกศในศาลา 11 กวีนิรมิต นอกจากนี้ ที่บริเวณซุ้มดอกไม้ด้านหน้าทางเข้าศาลากวีนิรมิต พนักงานคิง เพาเวอร์ ได้ตั้งโต๊ะให้บุคคลทั่วไปได้ลงนามไว้อาลัยด้วย,ขณะที่ศาลา 1 เตชะอิทธิพร พนักงานบริษัท คิง เพาเวอร์ ประมาณ 10 คน นำอุปกรณ์ช่างและอุปกรณ์ทาสี มาปรับพื้นที่ภายในศาลา เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับเก็บศพเป็นเวลา 100 วัน หลังจากพิธีสวดพระอภิธรรมเสร็จสิ้นในวันที่ 9 พ.ย. นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังได้เข้ามาสำรวจพื้นที่ภายใน เพื่อนำไปสรุปวางแผนในการจัดตั้งโกศและพวงมาลาพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์,จากนั้นพระเทพโมลี ผู้ช่วยอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส เข้ามาตรวจความพร้อมในการจัดเตรียมพื้นที่ตั้งโกศเจ้าสัววิชัย และกล่าวเพียงสั้นๆว่า มาดูพื้นที่ในการจัดเตรียมสถานที่ในการตั้งศพบำเพ็ญกุศลเจ้าสัววิชัย หลังจากเสร็จพิธีสวดพระอภิธรรมก็จะเคลื่อนย้ายจากศาลากลางน้ำมาไว้ที่ศาลาแห่งนี้ ส่วนรายละเอียดการเคลื่อนย้ายนั้นต้องสอบถามทางเจ้าภาพ,ส่วนที่บริเวณศาล 15 สหัทหงส์ มหาคุณ ซึ่งใช้เป็นสถานที่รับรองผู้ที่เดินทางมาร่วมไว้อาลัยได้นั่งพักผ่อนรับประทานอาหาร โดยทางบริษัท คิงเพาเวอร์ ได้จัดอาหาร น้ำดื่มมาบริการ โดยได้ร้านอาหารชื่อดังหลายร้าน นำอาหารมาจัดเลี้ยง อาทิ ร้านนายชาติหมูตุ๋นพระนคร ทอดมันปลาหมึกท่าพระจันทร์ ข้าวแกงปากหม้อจากโรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ ร้านเจินเจิน ปอเปี๊ยะสดห้าแยกคลองเตย ร้านขนมไต้หวัน คิวคิว ดิเสิร์ท น้ำตาลสดโบราณ ตลาดสามชุก ขนมครกสิงคโปร์ และอาหารจากโรงแรมพูลแมน เป็นต้น โดยรอบบริเวณได้มีการเปิดเพลง คนดีไม่มีวันตาย ขับร้องโดยธีร์ ไชยเดช ให้ผู้ที่มาร่วมอาลัยได้ฟังตลอดทั้งวันด้วย,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน มีสองสามีภรรยาชาวต่างชาติ เดินทางมาจากประเทศอังกฤษ เข้าไปเคารพศพนายวิชัย พร้อมกับนำเสื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ มาวางไว้ที่หน้าโกศ พร้อมกับยืนสงบนิ่ง และทั้งสองได้หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจ โดยทั้งสองกล่าวกับต๊อบ-อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ลูกชายเจ้าสัววิชัยว่า ได้ไปชมแมตช์ที่เลสเตอร์เตะกับคาร์ดิฟ เมื่อวันเสาร์ที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา บรรยากาศวันนั้นทำให้เสียใจที่ต้องเสียประธานสโมสรฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่ดีที่สุดของอังกฤษไป จากนั้นต๊อบ-อัยยวัฒน์ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาแล้วต้องรีบเดินออกไปด้านนอกศาลา ก่อนที่จะเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง ซึ่งต๊อบ-อัยยวัฒน์ มีความตั้งใจจะมอบพระพุทธรูปให้กับสองสามีภรรยาไว้เป็นที่ระลึก แต่ไม่ทันสองสามีภรรยาเดินออกไปจากศาลาแล้ว,ด้านนายกนกศักดิ์ ปิ่นแสง เพื่อนสนิทนายวิชัยกล่าวว่า แม้ ต๊อบ-อัยยวัฒน์ จะรักษาอารมณ์ไม่ให้หวั่นไหวกับเรื่องราวต่างๆ ของแขกที่มาได้ค่อนข้างดีแล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อเจอสองสามีภรรยาคู่นี้ถึงกับต้องเดินออกไปนอกศาลาด้านหลัง แล้วไปแอบร้องไห้คนเดียวอยู่พักใหญ่,ต่อมาเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริษัท คิง เพาเวอร์ กระจายกำลังตามจุดต่างๆ เพื่อคัดกรองบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาในพื้นที่ใกล้ศาลากลางน้ำ โดยผู้ที่มาร่วมงานต้องจอดรถลงเดินจากประตูทางเข้าวัดเทพศิรินทราวาสฯเท่านั้น ขณะที่ญาติ เพื่อนสนิทของนายวิชัยพร้อมกับคนในวงการการเมืองนักธุรกิจ และคนบันเทิง ที่เคยร่วมงานกับนายวิชัยทยอยเดินทางมาร่วมสวดพระอภิธรรมอย่างต่อเนื่อง อาทิ นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา องคมนตรี นายเนวิน ชิดชอบ นายกนกศักดิ์ ปิ่นแสง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ไอซ์-อภิษฎา เครือคงคา นิหน่า-สุฐิตา ปัญญายงค์ นายสาธิต กรีกุล บอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ ชมพู่-อารยา ที่มาพร้อม น็อต-วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์ สามี ฯลฯ,นอกจากนี้ ภายในงานยังได้เปิดเพลง จะไม่ลืม ของบอย โกสิยพงษ์ นักร้องนักแต่งเพลงชื่อดัง เป็นผู้แต่งเพื่อไว้อาลัยแด่เจ้าสัววิชัย มีเนื้อหาเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าสัววิชัยที่ได้สร้างประโยชน์ต่างๆให้กับสังคม และไม่ลืมเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น,ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเพื่อนสนิทของนายวิชัยที่เดินทางมาร่วมงานสวดพระอภิธรรมว่า สำหรับศพของนายวิชัยจะมีการสวดพระอภิธรรมในวันที่ 9 พ.ย.นี้เป็นคืนสุดท้าย รวม 7 วัน จากนั้น จะมีการเคลื่อนโกศมายังศาลา 1 เตชะอิทธิพร เพื่อบำเพ็ญกุศลต่ออีก 100 วัน อาจจะเป็นคืนที่สวดพระอภิธรรมวันสุดท้าย แต่ต้องดูความเหมาะสมเรื่องของสถานที่หรือความพร้อมต่างๆด้วย และจะมีการสวดพระอภิธรรมศพนายวิชัยทุกวันศุกร์ ซึ่งครอบครัวศรีวัฒนประภาจะเป็นเจ้าภาพหลัก ส่วนบุคคลที่จะมาร่วมเป็นเจ้าภาพร่วมอาจจะเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทนายวิชัย โดยการสวดพระอภิธรรมแต่ละครั้ง ประชาชนที่รักและเคารพนายวิชัยสามารถร่วมรับฟังสวดพระอภิธรรมได้,เพื่อนสนิทของนายวิชัยยังกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องอนาคตเลสเตอร์ ซิตี้ นายอัยยวัฒน์บอกว่า จะยังคงสานต่อเจตนารมณ์ของนายวิชัย ที่จะสร้างให้เลสเตอร์มีความแข็งแกร่งต่อไป เพราะเดิมทีนายวิชัยซื้อทีมเลสเตอร์ ซิตี้เป็นการลงทุนทางธุรกิจ ในช่วงแรกได้กำไร 100 ล้านปอนด์ แต่ด้วยความที่นายวิชัยได้ใช้นิสัยความเป็นไทยที่มีความอ่อนโยน ให้เกียรติกับเพื่อนร่วมงาน จนกลายเป็นความรักและความผูกพันเหมือนครอบครัวเดียวกัน จึงจะยังคงสานต่อความฝันของพ่อ สนับสนุนส่งเสริมทีมเลสเตอร์ต่อไปแน่นอน นอกจากนี้ นายวิชัยยังได้เข้าซื้อทีมสโมสรโอเอช ลูเวิน ทีมในลีกระดับ 2 ของเบลเยียม โดยจะพัฒนาให้เป็นทีมที่มีชื่อเสียงระดับโลกต่อไป,จากนั้นในเวลา 18.20 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ ทรงเป็นประธานในพิธีสวดพระอภิธรรมศพนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการบริษัท กลุ่มคิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ที่ศาลากลางน้ำ นับเป็นครั้งที่ 2 แล้ว สร้างความปลาบปลื้มให้กับครอบครัวศรีวัฒนประภา เป็นอย่างยิ่ง,อีกด้านหนึ่งในช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่ศาลาแสงทอง-เชาวน์ วรรณพิบูลย์ วัดเพิ่มทาน ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นายวีรโรจน์ และนางสำเริง สุขหน้าไม้ พ่อแม่ของน้องจุ๋ม-น.ส.นุสรา สุขหน้าไม้ 1 ใน 5 ผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมเฮลิคอปเตอร์ตกนอกสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดียม ประเทศอังกฤษ พร้อมญาติพี่น้องและเพื่อนๆร่วมกันทำบุญถวายอาหารเช้าแด่พระสงฆ์ ซึ่งวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของน้องจุ๋มอายุครบ 33 ปี กลุ่มเพื่อนสนิทนำเค้กมาจุดเทียนพร้อมร้องเพลงอวยพรวันเกิดต่อหน้าโลงศพ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า พ่อแม่ ของน้องจุ๋มยังน้ำตาคลอตลอดเวลา หลังร้องเพลงอวยพรวันเกิดเสร็จ ได้ให้หลานของจุ๋มเป่าเค้กให้ จากนั้นเพื่อนๆนำเค้กและตุ๊กตาหมีสีเหลืองเป็นของขวัญให้จุ๋มไปวางไว้หน้าโลงศพ,ส่วนช่วงค่ำ ที่ศาลารุ่งเรือง ศาลา 2 วัดบางนาใน เขตบางนา กทม. สถานที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศล นายกวีพร หรือกอล์ฟ พันธุ์แพ อายุ 33 ปี ผู้ติดตาม คนสนิทของนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ที่เสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกข้างสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดียม เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ มีการสวดพระอภิธรรมเป็นคืนที่ 3 ตามกำหนดสวดทั้งหมด 5 วัน และฌาปนกิจวันที่ 10 พ.ย. เวลา 17.00 น. สำหรับบรรยากาศเต็มไปด้วย ความหดหู่ เสียใจต่อการเสียชีวิตครั้งนี้ โดยมีคนในครอบครัว กลุ่มเพื่อน เพื่อนร่วมงานโรงแรมพูลแมน และกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ มาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก คืนนี้มีกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ เป็นเจ้าภาพ ด้านนางพิชชากร พันธุ์แพ ภรรยาของนายกวีพร กล่าวด้วยความเสียใจว่า วันนี้เป็นการสวดคืนที่ 3 ยังรู้สึกตกใจและเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้ น้องพอใจ อายุ 3 ขวบ ลูกสาวของตนมีการ ถามถึงสามี และบางครั้งเห็นลูกสาวตื่นมานั่งเล่นหัวเราะคนเดียวตอนกลางคืนเหมือนตอนที่เล่นกับสามีก่อนเสียชีวิตด้วย,นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วย ที่สนามคิง เพาเวอร์ นครแม่สอด อารีนา เมื่อช่วงค่ำวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา นายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายก เทศมนตรีนครแม่สอด จ.ตาก นำนักฟุตบอลสโมสรนครแม่สอด ยูไนเต็ด นักฟุตบอลอะคาเดมีนครแม่สอด ชาวบ้านและนักเรียนกว่า 200 คน ร่วมแสดงความไว้อาลัยต่อนายวิชัย ศรีวัฒนประภา โดยเดินวนรอบสนามฟุตบอล 3 รอบ วางพวงหรีดดอกไม้สีขาวกลางสนาม ก่อนยืนสงบนิ่งไว้อาลัย,สำหรับสนามแห่งนี้ นายวิชัยมอบให้กับเทศบาลนคร แม่สอดเพื่อให้ประชาชนในชุมชนได้ออกกำลังกายพัฒนาทักษะเทคนิคการเล่นฟุตบอล ก่อสร้างตามโครงการ KING POWER THAI POWER ด้วยงบประมาณกว่า 2.1 ล้านบาท เป็นสนามหญ้าเทียมมาตรฐานฟีฟ่าขนาด 33×53 เมตร สร้างประโยชน์ให้กับชาวแม่สอดเป็นอย่างมาก,ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากบอย โกสิยพงษ์ ฉายาเจ้าพ่อเพลงรัก ที่แต่งเพลง จะไม่ลืม เพื่อร่วมแสดงความไว้อาลัยแด่นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ว่า เพลงนี้ตนตั้งใจแต่งขึ้นมาเพื่อแทนความรู้สึกของครอบครัวและทีมงานคุณวิชัย เพราะถ้าตนเองต้องโดนเรื่องนี้ตรงๆ กับตัวเองก็คงรู้สึกแบบเดียวกับที่พูดในเพลงนี้ คือเราจะไม่ลืมความดีสิ่งดีๆ ที่คุณวิชัยได้ทำขึ้นมา มีสิ่งเดียวที่อยากลืมคือ การไม่มีคุณวิชัยแล้วนั่นเอง และที่แต่งขึ้นมาเพราะอยากมอบให้กับคุณวิชัยที่สร้าง หลายอย่างให้กับประเทศเรามากเหลือเกิน สร้างความภาคภูมิใจมากมายให้ประเทศเราอย่างชนิดที่ว่ามากมายจริงๆ,ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศงานสวดพระอภิธรรม นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ที่ศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาสฯ ด้วยว่า นอกจากบุคคลสำคัญที่มาร่วมฟังสวดในคืนที่สาม อาทิ พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา พลเอกเลิศรัตน์ รัตนวานิช พลเอกคณิต สาพิทักษ์ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่มาพร้อมภรรยา นายจรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี นายบรรพต หงษ์ทอง และ ดร.ทนง พิทยะ ฯลฯ แล้ว ยังมี Emile Heskey อดีตนักเตะเลสเตอร์ ซิตี้ อยู่กับอะคาเดมี่เลสเตอร์ ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ และยังเป็นอดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษและลิเวอร์พูล โดยเมื่อมาถึงก็ได้ก้มกราบหน้าโกศนายวิชัย ก่อนร่วมฟังสวดพระอภิธรรมด้วย
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จทรงเป็นประธานพิธีสวดพระอภิธรรม เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา ยังความปลาบปลื้มแก่ครอบครัวศรีวัฒนประภาเป็นอย่างยิ่ง
ข่าว,ทั่วไทย
เจ้าสัววิชัย,สวดพระอภิธรรมเจ้าสัววิชัย,คิง เพาเวอร์,วัดเทพศิรินทราวาส,ข่าวหน้า1
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1414128
[ 0, 259, 137738, 111094, 4552, 165852, 20921, 215342, 52408, 259, 33559, 4552, 176751, 32816, 68437, 259, 80845, 191028, 177882, 4388 ]
นายกฯ ถึงสหรัฐฯ พร้อมนำนักธุรกิจไทย เตรียมหารือ ทรัมป์ วันนี้
นายกฯ พร้อมคณะเดินทางถึงสหรัฐฯ แล้ววานนี้ เตรียมเข้าหารือ ทรัมป์ เรื่องธุรกิจวันนี้ ภาคเอกชนไทยมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยเฮอริเคน 1 แสนเหรียญสหรัฐฯ  พร้อมสิ่งของอาหารมูลค่าอีกประมาณ 1.2 แสนเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ รบ.ไทยควักกระเป๋าช่วย 1 ล้านบาท  ,เมื่อวันที่ 2 ต.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่อยู่ระหว่างการเยือนสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 30 ก.ย.-5 ต.ค.ว่า เมื่อเวลา 10.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น วานนี้ (1 ต.ค.) ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 11 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรี และนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา พร้อมคณะ ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติวอชิงตัน ดัลเลส กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา โดยมี นายพิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงกรมพิธีการทูตสหรัฐฯ มาต้อนรับและเดินทางเข้าที่พัก ก่อนจะนำคณะรัฐมนตรีที่ร่วมเดินทางไปด้วย ร่วมหารือกับคณะทำงานและนักธุรกิจและนักลงทุนไทยในสหรัฐฯ ,สำหรับการเดินทางครั้งนี้ มีนักธุรกิจไทยร่วมคณะ 25 คน จาก 5 ภาคธุรกิจ คือ ด้านการเกษตร อาหาร การแปรรูป การเงินการธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ ปิโตรเคมี และชิ้นส่วนยานยนต์ นายกรัฐนตรีจึงหารือเพื่อเตรียมความพร้อม ก่อนพบปะ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 2 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 11 ชั่วโมง โดยในโอกาสนี้ภาคเอกชนไทยได้มอบเงินช่วยเหลือสหรัฐฯ  ที่ประสบภัยพายุเฮอริเคน เป็นเงินประมาณ 100,000 เหรียญสหรัฐฯ สิ่งของและอาหารอีกมูลค่าประมาณ 120,000 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่รัฐบาลไทยได้บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นเงิน 1,000,000 บาท,ทั้งนี้การพบปะกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเป็นไปใน 2 รูปแบบ โดยเริ่มจากการหารือระหว่างผู้นำสองประเทศแบบ 2 ต่อ 2 หรือ 4 EYE ก่อน จากนั้นเป็นการหารือแบบเต็มคณะ ซึ่งจะมีเนื้อหาครอบคลุม ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และความร่วมมือในเชิงยุทธศาสตร์ และการส่งเสริมการเป็นพันธมิตรของไทยและสหรัฐฯ ให้เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในช่วงเย็นนายกรัฐมนตรีจะนำภาคเอกชนของไทย พบปะกับภาคธุรกิจสหรัฐฯ ในระหว่างงานเลี้ยงอาหารเย็น ที่สภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯ และสภาการค้าสหรัฐฯร่วมเป็นเจ้าภาพ โดยจะหารือถึงการขยายความร่วมมือกันในทุกด้านและทุกมิติ เชื่อว่าจะเป็นกลไกสำคัญในการผลักมูลค่าการค้าการลงทุนของสองประเทศให้เพิ่มมากขึ้น.
นายกฯพร้อมคณะเดินทางถึงสหรัฐฯแล้ววานนี้ เตรียมเข้าหารือ ทรัมป์ เรื่องธุรกิจวันนี้ ภาคเอกชนไทยมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยเฮอริเคน 1แสนเหรียญสหรัฐฯ พร้อมสิ่งของอาหารมูลค่าอีกประมาณ 1.2 แสนเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ รบ.ไทยควักกระเป๋า
ข่าว,การเมือง
นายกฯ,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,นายกฯเยือนสหรัฐฯ,ไทย-สหรัฐฯ,สหรัฐอเมริกา,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/politic/1087052
[ 0, 259, 203061, 2091, 169184, 77772, 34904, 10062, 229634, 138658, 259, 27605, 77772, 89153, 233859, 194775, 4728, 196682, 4395, 77772 ]
เปิดชายคา เลาะรอบรั้วบ้านพักคนชรา เข้าอยู่ กินนอนอย่างไร ต้องดู
ลูกจ๋า ลืมแม่ไปแล้วหรือยัง ?,เสียงพึมพำอันแหบแห้งของหญิงชราวัย 87 ปี พูดไล่หลังเจ้าหน้าที่สาววัยกลางคนที่กำลังย่ำเท้าผ่านหน้าเธอไป หะแรกที่มองเห็นภาพนี้ ทำให้หลงคิดไปว่า หญิงเฒ่าผู้นี้คงพูดกับเจ้าหน้าที่อันเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเธอเป็นแน่ แต่ความคิดนี้ก็แปรเปลี่ยนในทันที เพราะระหว่างที่เราเดินผ่านหน้าหญิงชราวัย 87 ปีนั้น เธอกลับมองมาที่เราด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พร้อมเอื้อมมือมาจับที่แขนของเรา แล้วพูดประโยคสั้นๆ ชวนหดหู่ที่ว่า,บ้านพักคนชราในเบื้องหน้าที่เราเห็นอยู่นั้น คือภาพของหญิงเฒ่า และชายชรา เกือบสิบชีวิตนั่งอยู่บนม้านั่งยาว สายตาเหม่อลอย แต่ไม่ได้จับจ้องอยู่กับสิ่งใด ชายชราวัยร่วงโรยบางคนทิ้งตัวไว้บนรถเข็นผู้ป่วยตั้งแต่เช้ายันบ่ายแก่ พร้อมทอดสายตาไกลออกไปอย่างไร้จุดหมาย บรรยากาศนอกเหนือเสียจากคนเฒ่าคนแก่นั้น ยังมีเสียงนกร้อง เสียงน้ำกระทบหินจากน้ำตกจำลองดังคลอเคลียไปกับเพลงไทยเดิมที่เปิดผ่านเครื่องกระจายเสียงดังเอื่อยๆ ไปทั่วบริเวณ ให้ความรู้สึกเศร้าจับหัวใจชอบกล,บ้านพักคนชราบางแค,ในความคิดของใครหลายๆ คน อาจมีคำถามชวนสงสัย ไม่สืบทราบว่า รายละเอียดหรือกระบวนการก่อนส่งผู้สูงอายุมาที่บ้านพักคนชรานั้นเป็นเช่นไร และเมื่อพ่อแม่ของเรามาอยู่ที่นี่แล้ว จะมีสุขภาพกาย สุขภาพใจเป็นแบบไหน วันนี้ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รับอาสาทำหน้าที่ ส่งต่อข้อมูล คลี่คลายข้อสงสัยอย่างละเอียดยิบ ตั้งแต่ก่อนเข้าบ้าน จวบจนวันร้างราบ้านบางแคกันเลยทีเดียว,เปิดเงื่อนไขบ้านพักคนชราจองอย่างไรต้องดู,บ้านพักคนชราบางแค หรือ ชื่ออันเป็นทางการที่ว่า ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค นั้น ให้ความอุปการะผู้สูงอายุชายหญิง สัญชาติไทย อายุ 60 ปีขึ้นไป ที่เดือดร้อนในเรื่องของที่อยู่อาศัย ขาดผู้อุปการะเลี้ยงดู ฐานะยากจน ไม่สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองได้ และที่สำคัญผู้สูงอายุจะต้องมีความสมัครใจในการเข้ารับบริการด้วย,ดังนั้น ผู้ที่ต้องการจะสมัครเข้ารับบริการ จะต้องนำหลักฐาน 4 อย่าง คือ 1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (ถ้ามี) 2. สำเนาทะเบียนบ้าน 3. ใบรับรองแพทย์ หรือผลการตรวจเอกซเรย์ปอด 4. ภาพถ่าย (ถ้ามี) ไปที่สำนักงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการกรุงเทพฯ หรือสำนักงานประชาสงเคราะห์เขตพื้นที่เดิมทุกเขตสำหรับคนกรุงเทพฯ และสำหรับคนต่างจังหวัด สามารถยื่นหลักฐานได้ที่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดที่ตนอยู่ หรือสำนักงานประชาสงเคราะห์จังหวัดเดิม,ขอกระซิบกระซาบเล่าบอกสักหน่อยว่า ผู้สูงอายุแต่ละรายที่เข้ามาอยู่ที่บ้านพักคนชราบางแค ไม่ว่าจะเป็นที่พักประเภทใดก็ตาม ต่างจองล่วงหน้ากันมากถึง 10 ปี กว่าจะเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณลูกคุณหลานทั้งหลาย นึกจะส่งคุณย่าตาชวดมาปุบปับฉับไวใช่จะทำได้เพียงนึกคิด ดังนั้น หนุ่มโสดสาวโสดทั้งหลายที่คาดว่า จะอยู่เหงาเดียวดายจนผมสีดอกเลา ไร้คนอิงแอบดูแลชิดใกล้ ก็ควรจับจองกันตั้งแต่อายุ 60 ปี เพื่อเข้าอยู่ในอายุ 70 ปีพอดิบพอดี,ส่วนกรณีที่ ผู้สูงอายุมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าพักสถานสงเคราะห์ (ประเภทสามัญ) อย่างเร่งด่วนนั้น มีวิธีการเพียง 3 ขั้นตอน ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง 30 นาทีเท่านั้น และใช้อัตรากำลังของเจ้าหน้าที่เพียง 1 คน โดยมอบหมายให้นักสังคมสงเคราะห์เป็นผู้ดำเนินการตั้งแต่กระบวนการรับคำร้อง ตรวจสอบเอกสาร สอบข้อเท็จจริงและจัดทำข้อมูล และพิจารณาการให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสม และสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของผู้ใช้บริการ,เลาะตึก ชมห้อง เหล่าคนชรากินนอนอย่างไร?,ที่พัก อาคารของบ้านพักคนชราบางแค ถูกซอยออกเป็นสัดเป็นส่วน แบ่งแยกชายหญิงชัดเจน และจัดประเภทของผู้รับบริการออกเป็น 3 ส่วน ตามกำลังทรัพย์ของผู้สูงอายุท่านนั้นๆ ซึ่งการดูแลผู้สูงอายุของที่นี่เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน ไม่แบ่งแยกว่าบ้านบังกะโล(เสียค่าสร้างที่พักหลักแสน) ต้องให้บริการดีกว่าอาคารสามัญ(อาคารรวม) เพราะทุกบ้าน ทุกคน ทุกวัยรับประทานอาหารแบบเดียวกัน ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ในลักษณะเดียวกัน,ที่พักประเภทที่ 1, คือ ,ประเภทสามัญ, ซึ่งให้การอุปการะเลี้ยงดูผู้สูงอายุโดยไม่ต้องเสียค่าบริการใดๆ ทั้งสิ้น โดยโซนของผู้สูงอายุประเภทนี้ ที่พักจะมีลักษณะเป็นตึกยาวสูง 2 ชั้น ซอยออกเป็นห้องๆ 1 ห้องมีทั้งหมด 3 เตียง คล้ายคลึงกับโรงเรียนวัดตามต่างจังหวัด โดยตึกไม้ดังกล่าว ยังแบ่งแยกตามสุขภาพร่างกายของผู้สูงอายุ ดังนั้น ตึกสามัญจึงเป็นที่พักสำหรับผู้สูงอายุแบบ A คือ กลุ่มที่ดูแลตัวเองได้คล่องตัว และผู้สูงอายุกลุ่ม B คือ ผู้สูงอายุที่พอจะดูแลตัวเองได้ ส่วนใหญ่คนที่ดูแลตัวเองได้ค่อนข้างดีจะอยู่ชั้นบน คนที่พอจะดูแลตัวเองได้บ้าง จะอยู่ชั้นล่าง,ที่พักประเภทที่ 2, คือ ,ประเภทเสียค่าบริการแบบหอพัก, แบ่งออกเป็นห้องเดี่ยว เสียค่าบริการคนละ 1,500 บาทต่อเดือน และห้องคู่เดือนละ 2,000 บาท ยังไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ (ไม่มีแอร์) โดยเป็นอาคารคอนกรีตสูง 2 ชั้น แบ่งออกเป็น 40 ห้อง ซึ่งอาคารประเภทที่เป็นห้องคู่ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุที่เป็นพี่น้อง หรือเป็นสามีภรรยากัน พร้อมกันนั้น อาคารประเภทนี้จะเป็นผู้สูงอายุที่มีเงินเก็บบำเหน็จบำนาญ หรือเป็นผู้สูงอายุที่ลูกหลานส่งเงินให้ต่อเนื่องทุกๆ เดือน,ที่พักประเภทที่ 3, คือ ,ประเภทพิเศษ (บังกะโล), ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวที่ปลูกสร้างตามแบบแปลนที่กำหนดในที่ดินของบ้านพักคนชรา โดยผู้ปลูกสร้างจะจ่ายเงินเป็นจำนวนทั้งหมด 200,000 บาทเพียงครั้งเดียว และอยู่ได้ตลอดชีวิต โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่ม นอกเหนือจากค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งผู้สูงอายุท่านนั้นๆ สามารถพักอาศัยอยู่ได้จนถึงแก่กรรม และเมื่อถึงแก่กรรมก็จะต้องยกกรรมสิทธิ์ให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เพื่อให้ผู้สูงอายุที่มีความสามารถในการจ่ายเงินก้อน 200,000 บาท รายต่อไป เป็นผู้พักอาศัยต่อ,ปัจจุบัน ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค มีผู้สูงอายุทั้งหมด จำนวน 265 คน แบ่งเป็น ชาย 81 คน หญิง 184 คน กระจายพักอาศัยตามอาคารต่างๆ ทั้งหมด 7 อาคาร,สงสัยหรือไม่ยามว่าง คนชราทำสิ่งใด สกัดใจไม่ให้เข้าโหมดซึมเศร้า เหงา คิดถึง ?,กิจกรรมยามว่างของผู้สูงอายุที่นี่ มีให้เลือกหลากหลาย หากจะพูดให้ทันสมัย ก็คงจะบอกได้ว่า กิจกรรมยามว่างนั้น ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุ ผู้เฒ่าผู้แก่บางท่านก็ชอบเอกเขนกอยู่ตามบริเวณร่มไม้ภายในสนามของบ้านพักคนชรา บางท่านนอนกลางวันภายในห้องพัก หรือบางท่านที่ออกแนวลุยๆ สุขภาพร่างกายยังลุกเหินเดินวิ่งไหว ก็มักจะออกมาซื้อของกินของใช้ ตักบาตรทำบุญที่ตลาดบางแคอยู่เสมอ,ในขณะที่ บ้านบางแคยังมีกิจกรรม อาชีวบำบัด เพื่อให้ผู้สูงอายุมีทักษะพื้นฐานด้านงานฝีมือ ซึ่งทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้สูงอายุหลายท่าน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า กิจกรรมนี้ทำให้เวลาอันว่างเปล่าของคนแก่ กลับมามีค่าอีกครั้ง เพราะนอกจากจะได้เงินจากการขายของที่ระลึก ยังได้สังคม และทำให้เวลาว่างอันยาวนานดูสั้นลงเพียงไม่กี่ชั่วโมงอีกด้วย,นอกเหนือจากนี้ บ้านพักคนชราบางแค ยังมีกิจกรรมต่างๆ ไว้คอยรองรับผู้สูงอายุอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมด้านกายภาพบำบัด ซึ่งทางมูลนิธิฯ ได้จัดหาบุคคลจากภายนอก มาคอยนวดเฟ้นผ่อนคลายสบายเส้นไว้ให้แก่ผู้สูงอายุ กิจกรรมบริจาคจากเหล่าผู้มีจิตอาสา ที่มักจะเข้ามาเลี้ยงข้าว พร้อมกับทำบุญใส่ซองไว้ให้แก่ผู้สูงอายุ กิจกรรมนอกสถานที่ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นักสังคมสงเคราะห์จะพาผู้สูงอายุออกไปชมพิพิธภัณฑ์ ไหว้พระทำบุญตามวัดวาอารามต่างๆ, เศร้าน้ำตาไหล เรื่องเล่าจากบ้านพักคนชรา ลูกจ๋า รู้ไหมพ่ออยู่ที่นี่,อ่านเพิ่มเติม ,เศร้าน้ำตาไหล เรื่องเล่าจากบ้านพักคนชรา ลูกจ๋า รู้ไหมพ่ออยู่ที่นี่,รู้ลึกเหมือนไปเอง ปลดล็อก 10 ข้อสงสัย บ้านพักคนชรา ที่คุณไม่เคยรู้
บ้านพักคนชราบางแคในความคิดของใครหลายๆ คน อาจมีคำถามชวนสงสัย ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รับอาสาทำหน้าที่ ส่งต่อข้อมูล คลี่คลายข้อสงสัยอย่างละเอียดยิบ ตั้งแต่ก่อนเข้าบ้าน จวบจนวันร้างราบ้านบางแคกันเลยทีเดียว
บ้านพักคนชรา,บ้านคนชรา บางแค,ราคา บ้านพักคนชรา,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์,บ้านพักผู้สูงอายุ,สถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุ,บ้านพักคนชรา ราคาเท่าไหร่,ค่าบริการบ้านพักคนชรา,วิธีเข้าบ้านพักคนชรา,ห้องนอนบ้านพักคนชรา,ผู้สูงอายุ,ไทยรัฐ,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าว,ข่าวสังคม
https://www.thairath.co.th/content/491887
[ 0, 259, 85350, 22254, 177882, 73647, 57560, 4728, 18117, 8084, 134294, 49678, 147851, 4388, 170845, 3324, 62549, 4395, 85322, 11858 ]
นร.บ้านโคกเมืองสุดเจ๋ง คว้าเหรียญทองแข่งระบำนางกอย 7 ปีซ้อน
เครดิตภาพจาก คณะคุณครูโรงเรียนบ้านโคกเมือง,นักเรียน ร.ร.บ้านโคกเมือง จ.บุรีรัมย์ สุดเจ๋งคว้าเหรียญทองการแข่งขันศิลปหัตถกรรมชุด ระบำนางกอย ระดับภาค 7 ปีซ้อน  สร้างความภูมิใจแก่ครู ผู้ปกครอง และนักเรียน ทั้งหวังปลูกฝังอนุรักษ์ให้เด็กรักนาฏศิลป์ไทย,เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่18 ก.ค.2560 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปโรงเรียนบ้านโคกเมือง พบนางนภาทิพย์ อังกุละศรี ครูผู้ฝึกสอน กล่าวว่า โรงเรียนบ้านโคกเมือง ตำบลสะแก อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ได้มีการสนับสนุนส่งเสริมให้เด็กนักเรียนร่วมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและนาฏศิลป์ไทยอย่างจริงจัง โดยการฝึกสอนให้นักเรียนเล่นดนตรีไทย และรำไทย ต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปี ให้นักเรียนชายเล่นดนตรีไทย ส่วนนักเรียนหญิงก็จะฝึกให้ ระบำนางกอย เพราะถือเป็นท่ารำพื้นฐานของนาฏศิลป์ไทย และมีการแต่งกายที่โดดเด่นแปลกตา,ผู้ฝึกสอน เด็กตั้งแต่ชั้น ป.1 ในท่าพื้นฐานจนเกิดความคล่องแคล่ว และเมื่อถึงชั้น ป.3 ก็จะให้ร่วมออกแสดงตามงานต่างๆ ทั้งในโรงเรียนและชุมชน รวมถึงเป็นตัวแทนเข้าร่วมประกวด แข่งขันศิลปหัตถกรรมระดับภาคอย่างต่อเนื่องด้วย ด้วยท่ารำที่อ่อนช้อย สวยงามคล่องแคล่ว รวมถึงการแต่งกายที่แปลกตา คล้ายกับตัวละครเงาะป่าก็ทำให้เด็กนักเรียนสามารถคว้ารางวัลเหรียญทองในการแข่งขันศิลปหัตถกรรมชุดระบำนางกอย ระดับภาคได้ถึง 7 ปีซ้อนสร้างความภาคภูมิใจให้กับคณะครู ผู้ปกครอง และเด็กนักเรียนเป็นอย่างมาก เพราะถึงแม้จะเป็นโรงเรียนขนาดเล็กมีนักเรียนเพียง 64 คน แต่ความสามารถไม่เล็กเลยทีเดียวสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับเด็กทุกครั้งที่ได้แสดงระบำนางกอย ทั้งนี้การส่งเสริมให้เด็กเล่นดนตรีไทยและระบำนางกอย ยังเป็นการปลูกฝังให้เด็กเยาวชนร่วมอนุรักษ์นาฏศิลป์ไทยในอีกทางหนึ่งด้วย,นายสมภาร กุลสิงห์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโคกเมือง กล่าวว่า ทั้งผู้บริหาร คณะครูและผู้ปกครองต่างรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมากที่เด็กนักเรียนสามารถคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันศิลปหัตถกรรมชุดระบำนางกอย ระดับภาคได้ถึง 7 ปีซ้อนถึงแม้จะไม่สามารถเข้าร่วมแข่งขันระดับประเทศได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขที่เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก และนอกจากจะสร้างความภาคภูมิใจแล้วยังเป็นการปลูกฝังให้เด็กเยาวชนได้ร่วมอนุรักษ์นาฏศิลป์ไทยให้คงไว้อีกด้วย,ผอ.โรงเรียนบ้านโคกเมือง กล่าวต่อว่า สำหรับความเป็นมาของระบำนางกอย เป็นระบำชุดหนึ่งที่อยู่ในละครเรื่อง เงาะป่าบท พระพันธ์ในพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเป็นตอนก่อนนางเอกชื่อลำหับจะแต่งงานกับพระเอกชื่อ ฮเนา การร่ายรำของฮเนาในรูปแบบของการรำฉุยฉายตามด้วยขบวนของเหล่าสาวเผ่าเงาะ (ชาวกอย)ที่เตรียมพร้อมจะไปร่วมพิธีแต่งงานหลังจากจบการร่ายรำส่วนท่ารำก็สื่อให้เห็นถึงความอิ่มเอมใจและความภาคภูมิใจในการแต่งการของฮเนาผู้เป็นเจ้าบ่าวที่จะเข้าพิธีแต่งงานกับลำหับหญิงที่ตนหลงใหลใฝ่ฝัน.
นักเรียน ร.ร.บ้านโคกเมือง จ.บุรีรัมย์ สุดเจ๋งคว้าเหรียญทองการแข่งขันศิลปหัตถกรรมชุด ระบำนางกอย ระดับภาค 7 ปีซ้อน สร้างความภูมิใจแก่ครู ผู้ปกครอง และนักเรียน ทั้งหวังปลูกฝังอนุรักษ์ให้เด็กรักนาฏศิลป์ไทย
ข่าว,ทั่วไทย
ระบำนางกอย,โรงเรียนบ้านโคกเมือง,อ.สตึก,บุรีรัมย์,นาฏศิลป์ไทย,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1009167
[ 0, 259, 188810, 57345, 13999, 69012, 5405, 24633, 259, 122112, 259, 75194, 25314, 162017, 68026, 103266, 39945, 4348, 87168, 234184 ]
เกือบ 15 ชม. เริ่มเช้า เสียงปืนยังดังเป็นระยะ ทหารคลั่งหลบซ่อน ต่อสู้
สถานการณ์ล่าสุดที่เทอร์มินอล 21 โคราช เกือบ 15 ชั่วโมง ล่าสุด ยังมีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะเจ้าหน้าที่สแตนบายหน้าห้าง หมอบราบกับพื้น รอคำสั่งเมื่อเวลา 05.20 น. วันที่ 9 ก.พ.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ห้างเทอร์มินอล 21 นครราชสีมา ยังคงมีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ เหมือนเสียงจะดังมาจากภายในด้านข้างของห้างขณะที่บริเวณด้านหน้า เจ้าหน้าที่กู้ภัย รวมถึงผู้สื่อข่าว ต่างหมอบราบไปกับพื้น เนื่องจากไม่มั่นใจว่าเสียงปืนดังขึ้นจากฝั่งไหนกันแน่อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 02.30 น. ที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่มีใครบอกได้ว่าด้านในของห้างเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทั้งนี้ จากการสอบถามพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับไปออกจากบริเวณบัญชาการส่วนหน้า บอกเพียงสั้นๆ ว่า อยากให้ฟังรายงานจากทางตำรวจ แต่สังเกตได้ว่าพล.อ.อภิรัชต์ มีสีหน้าที่เคร่งเครียด คาดว่าเดินทางออกจากพื้นที่เพื่อไปยังค่ายทหารเพื่อบัญชาการเหตุการณ์ต่อเนื่องสำหรับเหตุการณ์นี้เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 8 ก.พ. 63 จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา อายุ 32 ปี สังกัด กรมสรรพาวุธ กระสุน ที่ 22 บชร.2 ได้ก่อเหตุยิง พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแส อายุ 48 ปี พร้อมยิง นางอนงค์ มิตรจันทร์ อายุ 65 ปี เสียชีวิตก่อนเข้าไปชิงอาวุธปืนจากทหารเวรประจำการ ที่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ และใช้อาวุธยิงทหารเวรจนได้รับบาดเจ็บ พร้อมชิงอาวุธไปได้เป็นจำนวนมาก ทั้งอาวุธปืนสงคราม เครื่องกระสุน ระเบิดจากนั้นได้ขับรถฮัมวี่ของทหารหลบหนีออกด้านหลังค่าย หลบหนีไปทางวัดป่าศรัทธารวม เจ้าหน้าที่พยายามสกัด คนร้ายจึงยิงกราดไม่เลือก ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากก่อนขับรถคันดังกล่าวเข้าไปยังห้างเทอร์มินอล 21 เข้าไปกราดยิงประชาชนบริเวณนั้นอย่างบ้าคลั่ง ส่วนคนในห้างก็หลบซ่อนตามจุดต่างๆ ของห้างโดยล่าสุด ตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 20 ราย และผู้บาดเจ็บ 31 ราย จำนวนนี้ยังไม่รวมผู้บาดเจ็บที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาชุดสุดท้ายประมาณ 03.00 น.ด้วย
สถานการณ์ล่าสุดที่เทอร์มินอล 21 โคราช เกือบ 15 ชั่วโมง ล่าสุด ยังมีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ เจ้าหน้าที่สแตนบายหน้าห้าง หมอบราบกับพื้น รอคำสั่ง
ข่าว,ทั่วไทย
กราดยิงโคราช,จักรพันธ์ ถมมา,ทหารยิงประชาชน,เทอร์มินอลโคราช,จับคนร้ายกราดยิงโคราช,เสียงปืน,สรุปเหตุการณ์,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1767251
[ 0, 259, 137147, 71810, 86113, 50472, 51122, 119793, 1, 0, 0, 0, 0, 0, 0, 0, 0, 0, 0, 0 ]
วัดไทยในอินเดีย บำเพ็ญกุศลถวาย สมเด็จช่วง อายุวัฒนมงคลครบ 91 ปี
วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ จัดเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กนักเรียนอินเดีย 200 คน บำเพ็ญกุศลถวาย สมเด็จช่วง ในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ครบ 91 ปี 71 พรรษา,ผู้สื่อข่าวรายงานมาจากวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เมืองกุสินารา รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย ว่า เนื่องในโอกาสอภิลักขิตสมัยอายุวัฒนมงคล ครบ 91 ปี 71 พรรษา สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ กรุงเทพมหานคร ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช,พระเทพโพธิวิเทศ (วีระยุทฺโธ) หัวหน้าพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล มอบหมายให้ พระครูนรนาถเจติยาภิรักษ์ (สมพงศ์) เจ้าอาวาสวัดป่ากุสินาราบรมธาตุสถิต ผู้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ จัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อเป็นการบำเพ็ญกุศลถวายแด่ สมเด็จพระมหาราชมังคลาจารย์ ผู้เป็นร่มโพธิ์ทองของคณะสงฆ์ไทย และคณะพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล,ทั้งนี้ นอกจากการจัดให้มีทำบุญตักบาตร พร้อมการเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนา และถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ที่วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ แล้ว ยังได้มีการนำพระสงฆ์ แม่ชี อาสาสมัครของวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ออกไปเลี้ยงอาหารกลางวัน และมอบปัจจัยให้กับนักเรียนชาวอินเดีย ในเมืองกุสินารา จำนวน 200 คน อีกด้วย.
วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ จัดเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กนักเรียนอินเดีย 200 คน บำเพ็ญกุศลถวาย สมเด็จช่วง ในอายุวัฒนมงคลครบ 91 ปี 71 พรรษา
สมเด็จช่วง,สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์,วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์,อินเดีย,บำเพ็ญกุศล,วันคล้ายวันเกิดสมเด็จช่วง
https://www.thairath.co.th/content/704064
[ 0, 259, 150741, 13094, 208274, 64469, 53868, 259, 27605, 20921, 231017, 259, 35239, 129962, 259, 222746, 89277, 1881, 44076, 11984 ]
เอาให้แน่ตามตำราพิชัย
เอาให้แน่ตามตำราพิชัย,ถือเป็นช่วงพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกของรัฐบาล คสช.จริงๆ,จะหยิบจะจับอะไรก็ดูขัดหูขัดตาใครไปซะหมด,ไล่ตั้งแต่เปิดปฏิบัติการย่ำรุ่ง ชำระธรณีสงฆ์ กวาดล้างเครือข่ายงาบเงินทอนวัดครั้งใหญ่ แถมพ่วงด้วยการบุกชาร์จจับ พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย,ประเด็นนี้จะไม่มีปัญหาบานปลายตามมา หากชุดจู่โจมไม่นำคลิปภาพที่บันทึกเอาไว้ขณะปฏิบัติการออกมาเผยแพร่ผ่านโลกโซเชียล,จนเกิดกระแสกดดันจากกลุ่มก๊วน กปปส. กระทั่ง 2 ผู้ยิ่งใหญ่ในรัฐบาล คสช.อย่าง บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม ต้องออกมาประสานเสียงกล่าวคำขอโทษนายสุวิทย์ กับการกระทำที่รุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ,พร้อมกำราบด้วยบทลงโทษทางวินัย และสั่งห้ามเกิดเหตุลักษณะเช่นนี้อีก,ไม่ว่าคำขอโทษของ 2 บิ๊กจะแฝงด้วยนัยใด คงยากที่จะปฏิเสธถึงสายสัมพันธ์อันล้ำลึกมายาวนาน ก่อนจะยึดอำนาจ กระทั่งยึดอำนาจสำเร็จ และบริหารอำนาจอยู่จนทุกวันนี้,เพราะกลุ่มก๊วน กปปส.เหล่านี้ คือกองเชียร์ที่เหนียวแน่นของ รัฐบาลลุงตู่ ไม่แปรเปลี่ยน,แต่ก็นั่นแหละดาบมันมีสองคม พอผู้นำรัฐบาลออกอาการเอียงประคองกระแสกลุ่มนี้ อีกกลุ่มย่อมไม่พอใจ ถือโอกาสออกมารุมสกรัมทันที,ประกอบกับช่วงหลังมานี้ รัฐบาลโดนมรสุมในโลกโซเชียล ปั่นกระแสโจมตีผลงานการแก้ปัญหาปากท้อง โดยเฉพาะประเด็นน้ำมันแพงที่กระแสถูกจุดเป็นไฟลามทุ่ง,โพลกี่สำนักสำรวจออกมาผลตรงกันหมด ประชาชนยังไม่พึงพอใจเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง,แล้วยิ่งโดนกดดันจากฝ่ายการเมือง ให้รีบปลดล็อกเดินหน้าตามโรดแม็ปเลือกตั้ง แถมยังจุดประเด็นเรื่องรื้อรัฐธรรมนูญ และนิรโทษกรรมโดยพรรคอนาคตใหม่,งานนี้เล่นเอาทั้ง บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม ถึงกับควันออกหู,โดยเฉพาะ พี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องกำชับหน่วยความมั่นคงเฝ้าจับตาการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือน หรือข้อมูลที่จะสร้างความโกรธเกลียดชิงชัง ที่อาจขัดต่อ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์,จากสภาพการณ์นี้ดูก็รู้ว่ารัฐบาล คสช. รวมไปถึงกองทัพ หลงเหลี่ยมเพลี่ยงพล้ำเกมในโลกโซเชียล ถูกลากเข้ามาเล่นเกมที่ไม่ถนัด,ทั้งปั่นกระแสอัปข้อมูลด้านลบ จริงบ้างเท็จบ้าง สร้างเพจตัวล่อโหวต เทลุงตู่,แม้ก่อนหน้านี้ฝ่ายความมั่นคงจะเตรียมตัวรับมือดิบดี โดยการสร้าง กองทัพนักรบไซเบอร์ กว่า 5,000 นายไว้ต่อต้านการข่าว,แต่พอเข้าสู่สมรภูมิสงครามจริง โดนถล่มเละไม่เป็นท่า,จึงได้เห็นท่าทีจากคนในรัฐบาล โดยเฉพาะ คุณวิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย เริ่มออกมาพูดเสียงแปร่ง อาจไม่เรียกตัวแทนพรรคการเมืองที่ตั้งแง่มากมาพูดคุยหารือแล้ว ทั้งที่กำหนดเอาไว้นานหลายเดือน,จับสัญญาณได้ว่าไอ้ที่ยืนกรานมาตลอดจะยึดตามโรดแม็ป เลือกตั้งแน่ ก.พ.2562 ถึงวันนี้ชักไม่แน่ซะแล้ว,เพราะตามตำราพิชัยสงคราม ทหารจะไม่รบในสงครามที่เห็นว่าพ่ายแพ้แน่ๆ.,เพลิงสุริยะ
ถือเป็นช่วงพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกของรัฐบาล คสช.จริงๆ จะหยิบจะจับอะไรก็ดูขัดหูขัดตาใครไปซะหมด ไล่ตั้งแต่เปิดปฏิบัติการย่ำรุ่ง ชำระธรณีสงฆ์ กวาดล้างเครือข่ายงาบเงินทอนวัดครั้งใหญ่
เงินทอนวัด,พระพุทธะอิสระ,จับพระสึก,กล้าได้กล้าเสีย,เพลิงสุริยะ
https://www.thairath.co.th/news/politic/1295617
[ 0, 259, 198834, 6196, 143917, 2091, 198834, 214263, 3945, 259, 43632, 45173, 202722, 40487, 71927, 36903, 35650, 124576, 60592, 55801 ]
ชายหญิงปริศนา กราดยิงวัยรุ่นยืนปลดทุกข์ริมถนนหมดแม็ก โดนเด็ก 16 ดับ
นักเรียนอาชีวะมากับเพื่อนยืนปลดทุกข์ข้างถนน ถูกคนร้ายชายหญิงกราดยิงใส่วิ่งหนีกระเจิง กระสุนเจาะเด็ก 16 เสียชีวิต ตร.เร่งติดตามกล้องวงจรปิดหาตัวผู้ก่อเหตุเมื่อช่วงดึกของวันที่ 5 ม.ค.63 ร.ต.อ.อุดม ศรีสม รอง สว.สอบสวน สภ.บ้านฉาง จ.ระยอง ได้รับแจ้งจากมูลนิธิสยามรวมใจจุดบ้านฉาง ว่ามีเหตุยิงกันที่บริเวณริมถนนสายหาดพยูน-หนองแฟบ ม.4 จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทั้งนี้ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน ขคท 692 ชัยภูมิ โดยมีนายประวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี นายภูวนาถ(ขอสงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี และนายมงคล เติดประโทน อายุ 16 ปี เป็นนักเรียนอาชีวะแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุดถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้าที่บริเวณหลัง หัวกระสุนแฉลบด้านหน้าอกซ้าย เสียชีวิตในเวลาต่อมานายประวุฒิ กล่าวว่า ตนกลับจากงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนแล้วมาพบกับคนร้าย ลักษณะเป็นวัยรุ่นคู่หนุ่มสาวซ้อนท้ายกันมาที่สี่แยกหาดน้ำริน ตนกับเพื่อนขี่สวนกันออกมาเพื่อกลับบ้านพัก ระหว่างนั้นก็จอดรถเพื่อปัสสาวะข้างทาง จากนั้นคนร้ายทั้งสองคนก็ขี่ตามมาทั้งนี้ ผู้ชายก็ลงมาชักปืนยิงใส่พวกตน เมื่อเห็นท่าไม่ดีต่างคนต่างวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง ส่วนนายมงคล ผู้เสียชีวิต วิ่งมาได้ประมาณ 20 เมตร ก็มาล้มฟุบไปกองกับพื้น จนกระทั่งมีคนโทรแจ้งกู้ภัยมาช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล จนมาทราบว่าเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งพวกตนก็ไม่ได้ไปมีเรื่องกับคนร้ายวัยรุ่นชายหญิงทั้งคู่นี้ จู่ๆ ก็จอดรถลงมายิงอย่างไรก็ตาม ตำรวจยังพบหัวกระสุน จำนวน 6 นัด ยิงลงพื้น จนทราบว่าปืนที่ใช้ยิงเป็นขนาด 9 มม. สันนิษฐานว่าคนร้ายอาจยิงลงพื้น ก่อนที่กลุ่มผู้ตายจะวิ่งหนีแล้วยิ่งใส่จนหมดแม็กไปถูกนายมงคลเข้าที่หลังจนเสียชีวิตส่วนประเด็นที่จะเป็นอริกันนั้น เจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดทิ้ง ก่อนที่จะให้ นายประวุฒิ และ นายภูวนาถ ไปให้ปากคำ ก่อนที่จะติดตามกล้องวงจรปิดเพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
นักเรียนอาชีวะมากับเพื่อนยืนปลดทุกข์ข้างถนน ถูกคนร้ายชายหญิงกราดยิงใส่วิ่งหนีกระเจิง กระสุนเจาะเด็ก 16 เสียชีวิต ตร.เร่งติดตามกล้องวงจรปิดหาตัวผู้ก่อเหตุ
ข่าว,สังคม
ยิงเด็กอาชีวะ,ยิงอริ,ยิงปืน,ยิงเด็ก 16 ตาย,ระยอง,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/society/1740726
[ 0, 259, 100233, 46944, 11821, 127687, 1549, 86372, 136250, 32087, 46611, 67074, 259, 32087, 55801, 4388, 147157, 22397, 799, 259 ]
กวีประชาไท: เด็กน้อยเร่ขายฝัน
ทุกคนจ๋าพวกฉันมาเร่ขายให้ความฝันมาแบ่งปันไม่คิดตังค์ใครหรอกหนาขอแค่ฝันของเธอเอามาแบ่งกันมาประชันความงดงามของความคิดที่ฉันขายคือดวงจิตแห่งเสรีที่ฉันมี เธอก็มี และของเขามาเขียนแต่งแผ่นฟ้าด้วยมือเราอย่าให้เฉาจนแห้งไปเพราะใครราน.พี่น้องจ๋าพวกหนูมาเร่ขายให้ความฝันไม่เหมือนกันกับเขาบ้างหนูผิดไหมหนูอยากเห็นความงดงามของคนไทยและประชาธิปไตยที่คืนมากี่ร้อยหน้าเขากลั่นมาเป็นร่างเขียนเขาเอาตีนเนียนแล้วลบกลบแล้วฝังแล้วเขียนใหม่เอาสองตีนปิดตาบังมากักขังจนไม่เห็นในใจความพี่น้องจ๋าพวกผมมาเร่ขายให้ความฝันเพราะงงงันกับร่างนั้นให้สงสัยใยเสียงฉันและเสียงเธอจึงหายไปใยไม่ให้อนาคตกำหนดเองฉันจึงมาบอกกล่าวและเล่าต่อฉันจึงมารอเฝ้าเธอที่ทางฝันพี่น้องจ๋า นี่ปากกาให้คนละอันมาร่วมกันเขียนฝันใหม่ให้ดีจริง.พี่ๆครับพวกผมมาเร่ขายแค่ความฝันแล้วใยกันต้องตบลากกระชากหนีถูลู่กังลงนรกอเวจีข้อหานี้พวกหนูได้แต่ใดมายัดความผิดใส่ผมเพียงเพราะฝันกระชากหนูจนงงงันแล้วพี่จ๋าผมทำผิดอาญาใหญ่แต่ใดมาหรือความฝันหนูไปฆ่าบิดาใครพี่ๆครับพวกผมมาเร่ขายแค่ความฝันไม่เหมือนกันกับพี่บ้างหนูผิดไหมมายัดใส่กรงขังกันทำไมหรือแดนไทยจะบ้ากันไปหมดแล้วขังไปเถิดพี่ขังได้แต่คนกล้าแต่ความคิดไม่อ่อนล้าไม่หายหนีมันได้ฝังรากลงแล้วในปฐพีว่าเสรียังมีปีกและโบยบิน.ทุกท่านจ๋าพวกฉันมาเร่ขายแค่ความฝันที่ถูกกั้นปิดบังไว้ให้ผิดผีผีบรรพบุรุษพ่อใครช่างไม่ปราณีจึงหิ้วหนีความฝันนั้นไปลงทัณฑ์พี่น้องจ๋าลองหยิบใจมาตอบทีที่ฉันทำนี้ผิดโทษแท้ไฉนเอาให้แน่ผิดกฎหมายหรือผิดใจโปรดจงใช้วิญญาณความเป็นคน เขียนบนดาวเคราะห์หมายเลข 2402
ทุกคนจ๋าพวกฉันมาเร่ขายให้ความฝันมาแบ่งปันไม่คิดตังค์ใครหรอกหนาขอแค่ฝันของเธอเอามาแบ่งกันมาประชันความงดงามของความคิดที่ฉันขายคือดวงจิตแห่งเสรีที่ฉันมี เธอก็มี
การเมือง,วัฒนธรรม
กวีประชาไท,อัคคี ดาราชาด
https://prachatai.com/journal/2016/06/66528
[ 0, 259, 74312, 21800, 4728, 33698, 15918, 30571, 52105, 10062, 104083, 24797, 18117, 21834, 34999, 186763, 95517, 35468, 1, 0 ]
มะกันชักผวา เขี้ยวเล็บมังกร มิสไซล์พิสัยไกลจีนยิงโจมตีเกาะกวมได้สบาย
ภาพจากยูทูบ: Defence Videos3 ขีปนาวุธ ฉายาเพชฌฆาตกวม,สหรัฐฯ ชักเสียวสันหลังคณะกรรมการสภาคองเกรสออกคำเตือนอันตรายจาก ขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป DF-26 IRBM ของกองทัพจีนที่เพิ่งนำมาอวดข่มขวัญปลายปีก่อน สามารถยิงโจมตีฐานทัพอากาศและฐานทัพเรือสหรัฐฯ บนเกาะกวมได้แบบสบายๆ จนได้รับฉายา เพชฌฆาตกวม,เมื่อ 13 พ.ค.59 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานท่ามกลางความตึงเครียดที่ทวีมากขึ้น ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนต่อกรณีพิพาทหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ ทำให้ตอนนี้ สหรัฐฯ มีความวิตกกังวลถึงอันตรายจากขีปนาวุธพิสัยไกลชนิดใหม่ของจีน DF-26 IRBM ซึ่งกองทัพจีนได้นำมาโชว์ข่มขวัญในพิธีสวนสนามในกรุงปักกิ่ง เมื่อเดือน ก.ย.ปี 58 เพราะสามารถนำมายิงโจมตีเป้าหมายที่ห่างออกไปไกลนับ 3,400 ไมล์ หรือเรียว่า โจมตีเกาะกวม ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานทัพสหรัฐฯ โพ้นทะเลได้อย่างง่ายดาย,ซีเอ็นเอ็นระบุว่า ความหวั่นวิตกในเรื่องนี้ ถึงกับทำให้คณะกรรมการสภาคองเกรสได้ออกรายงานเตือนอันตรายจากขีปนาวุธ DF-26 IRBM ซึ่งสหรัฐฯ เรียกว่า เพชฌฆาตกวม กันเลยทีเดียว,ทั้งนี้ เกาะกวม เป็นบ้านหรือที่ตั้งของฐานทัพอากาศแอนเดอร์สัน และฐานทัพเรือ เอปรา ของสหรัฐฯ และมีทหารอเมริกันประจำการอยู่ประมาณ 6,000 นาย ซึ่งกองทัพสหรัฐฯ ยังได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1,B-2 และ B-52 ซึ่งถือเป็นเครื่องบินรบชั้นเยี่ยมของสหรัฐฯ มาประจำการที่ฐานทัพอากาศแอนเดอร์สัน อีกทั้งกองทัพเรือสหรัฐฯ ยังมีเรือดำน้ำพิฆาต 4 ลำ ประจำการที่ฐานทัพเรือเอปรา,สำหรับเกาะกวม อยู่ห่างจากกรุงปักกิ่ง 2,500 ไมล์ ซึ่งประสิทธิภาพของขีปนาวุธพิสัยกลางของจีนจะมีระยะยิงไกลได้ประมาณ 700ไมล์เท่านั้น แต่สำหรับ ขีปนาวุธใหม่ DF-26 IRBM สามารถยิงไกลได้ถึง 3,400 ไมล์ จึงทำให้ทางการสหรัฐฯ กำลังเกิดความหวั่นวิตกใหม่ในเรื่องนี้.
สหรัฐฯชักเสียวสันหลังคณะกรรมการสภาคองเกรสออกคำเตือนอันตรายจาก ขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป DF-26 IRBMของกองทัพจีนที่เพิ่งนำมาอวดข่มขวัญปลายปีก่อน สามารถยิงโจมตีฐานทัพอากาศและฐานทัพเรือสหรัฐฯ บนเกาะกวมได้แบบสบายๆ
ขีปนาวุธจีน,อันตรายจากขีปนาวุธจีน,เขี้ยวเล็บกองทัพจีน,DF-26 IRBM,เพชฌฆาตเกาะกวม,สหรัฐฯ,ยิงโจมตีเกาะกวม,เกาะกวม,มหาสมุทรแปซิฟิก,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวต่างประเทศ,มิสไซล์,จรวดมิสไซล์
https://www.thairath.co.th/content/619747
[ 0, 259, 20322, 95320, 227045, 179193, 60612, 27987, 53727, 4552, 183690, 110957, 122657, 194226, 9964, 259, 1881, 47187, 259, 38058 ]
ซัดป้อมใช้ฮ.หลวง พปชร.สัมมนาในรีสอร์ตบุกรุกป่า
แฉโดนจับ 2 หนถูกสั่งรื้อถอน ประวิตรเปิดตัวคุยโอ่จะอยู่ 4 ปี วีระกร ขอให้ 2 ป.ใจเย็นยิ้มไว้,ประวิตร เปิดตัวร่วมสัมมนาพลังประชารัฐกลางรีสอร์ตหรูรุกป่าวังน้ำเขียว สวนนโยบายรัฐบาล บิ๊กตู่ ยิ้มเผล่กอดแกนนำ-ส.ส.ชื่นมื่น ลั่นเราครอบครัวเดียวกัน ประกาศจะทำให้รัฐบาล ประยุทธ์ 2 อยู่ครบ 4 ปี วีระกร เตือน 2 ป.เป้าใหญ่ต้องยิ้มใจเย็น แนะนิ่งรับฟังแบบ ป๋าเปรม โฆษก พท.จวกงามไส้อุดหนุนรีสอร์ตผิดกฎหมาย จี้ต่อมจริยธรรมแจงขึ้น ฮ. ราชการพ่วงงานพรรค ผอ.ส่วนอุทยานฯยันรีสอร์ตฉาวบุกรุกป่าอนุรักษ์ถูกจับกุม 2 รอบสั่งรื้อถอนแล้ว ชัยวัฒน์ อ้อมแอ้มเจ้าของร้องศาลปกครองคุ้มครอง พปชร.คงไม่รู้ สมศักดิ์ โต้โผอ้างตั้งใจสะท้อนปัญหา ส.ป.ก.ทับที่ชาวบ้าน เจ๊หน่อย หยันไม่ด่างพร้อยไม่ต้องกลัวอภิปราย สุทิน ย้ำซักฟอกคุณสมบัตินายกฯแน่ ไม่แปลกใจ ประวิตร เจ้าของ พปชร.ตัวจริง ส.ว.ขอเพิ่ม 5 ชั่วโมงไม่พอจ้อ สิงห์ศึก ขึงขังไม่ใช่องครักษ์พิทักษ์รัฐบาล,กรณีมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ จะเข้าสู่สนามการเมืองเต็มตัว โดยจะเข้ามาเป็นผู้บริหารขับเคลื่อนพรรคพลังประชารัฐเอง ล่าสุด พล.อ.ประวิตรได้เปิดตัวเข้าร่วมการสัมมนา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐอย่างชื่นมื่น พร้อมประกาศจะทำให้รัฐบาล ประยุทธ์ 2อยู่ได้จนครบ 4 ปี โดยขอให้สมาชิกพรรคสามัคคีกลมเกลียว อย่าแตกแยกเป็นกลุ่มก๊วน,บิ๊กป้อม ร่วมวงสัมมนา ส.ส.พปชร.,เมื่อเวลา 07.40 น. วันที่ 22 ก.ค. ที่ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดการสัมมนา ส.ส. ของพรรคเป็นวันสุดท้าย เพื่อซักซ้อมรับมือการอภิปรายแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ระหว่างวันที่ 25-26 ก.ค. โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์จาก กทม.มาลงค่ายสุรนารี แล้วนั่งรถตู้เบนซ์กันกระสุน ทะเบียน ฌบ 7902 กรุงเทพมหานคร โดยใช้รถส่วนตัว ไม่มีรถนำขบวนมายังรีสอร์ต เข้าร่วมสัมมนาและพบปะกับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มีการสวมกอดทักทายแกนนำและ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐอย่างเป็นกันเอง ทั้งนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ น.ส.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ที่มาต้อนรับ โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา มาให้การต้อนรับด้วย,วีระกร ชี้ ตู่–ป้อม เป้าใหญ่ให้ใจเย็น,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตรได้ร่วมรับประทานอาหารเช้ากับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ พูดคุยเตรียมพร้อมแถลงนโยบายรัฐบาล โดยนายวีระกรแจ้งกับ พล.อ.ประวิตรว่า พรรคได้เตรียม พร้อมสำหรับการแถลงนโยบายรัฐบาลไว้แล้ว ไม่ต้อง เป็นห่วง เพราะเราได้เตรียมทีมไว้ทั้งการอภิปรายนโยบายรัฐบาลและส่วนของการอภิปรายคุณสมบัติให้คอยช่วยกัน ส่วนเนื้อหาสาระ ถ้า พล.อ.ประวิตร ตอบเองจะเก่งที่สุด เพราะเป็นคนที่รู้เรื่องมากที่สุด สิ่งที่เป็นห่วงที่สุดคือเรื่องอารมณ์ ช่วงอภิปราย ขอให้ พล.อ.ประวิตรใจเย็นๆ ยิ้มอย่างเดียวก็ชนะใจแล้ว กินน้ำแข็งเยอะๆ เพราะการอภิปรายเชื่อว่าท่านและนายกฯโดนเยอะหน่อย ต้องใจเย็นๆ หน้าตาสดใส เหมือนเดินทางมาในวันนี้ นั่งยิ้มแบบนี้ตลอดการอภิปรายจะถือว่าเป็นเรื่องดี,ลั่นเราเป็นครอบครัวเดียวกัน,ต่อมาเวลา 08.55 น. พล.อ.ประวิตรได้เป็นประธานกล่าวปิดสัมมนา ส.ส.พลังประชารัฐว่า ขอชื่นชมคณะกรรมการบริหารพรรคและผู้ที่เกี่ยวข้องที่ได้เล็งเห็นความสำคัญของเพื่อนสมาชิกพลังประชารัฐ โดยเฉพาะ ส.ส.ซึ่งเป็นผู้แทนประชาชนทั้งประเทศ การสัมมนาเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ทักษะการเป็นผู้นำทางการเมือง ไปประยุกต์ใช้ทั้งในและนอกสภาฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเสริมสร้างความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้นในพรรคของเรา ครอบครัวของเรา ครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวพลังประชารัฐ เป็นครอบครัวใหญ่ เพื่อนำพาประเทศชาติให้ก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความมั่นคง มั่งคั่งอย่างยั่งยืน รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนตลอดไป,ดันอยู่ 4 ปีขอกลมเกลียวอย่าแตกแยก,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่พรรคได้ขอให้สื่อมวลชนออกจากห้อง เหลือเพียงรัฐมนตรีและ ส.ส. พล.อ.ประวิตรได้กล่าวว่า ขอให้ทุกคนสามัคคีกลมเกลียว จากนี้ไปขออย่าให้แตกกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนกันอีก ขอบคุณที่ช่วยเหลือกันมา และขอบคุณที่มากันอย่างพร้อมเพรียง แสดงถึงความร่วมมือ ส่วนการเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำไม่ต้องกลัวถ้าทุกคนร่วมมือกันอยู่อย่างนี้ ตัวเองจะพยายามทำให้รัฐบาลอยู่ให้ได้ถึง 4 ปี การที่ มาวันนี้มาในฐานะผู้สนับสนุนที่อยากเห็นบ้านเมืองเดินต่อไปได้ การอภิปรายแถลงนโยบายรัฐบาลที่ขอให้ตนใจเย็น อย่านอตหลุดนั้น จะนั่งยิ้มอย่างเดียว ไม่ตอบโต้ และจะไปเตือนนายกฯบอกน้องๆฝากมาให้ยิ้มด้วย อย่านอตหลุด,ส.ส.ให้นิ่งฟังฝ่ายค้านแบบ ป๋าเปรม,ต่อมาได้เปิดโอกาสให้ ส.ส.เปิดใจ โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ได้ลุกขึ้นกล่าวขอบคุณในฐานะตัวแทน ส.ส.ของพรรค พร้อมกล่าวตอนหนึ่งว่า ก่อนหน้านี้พรรคอาจมีความเห็นที่หลาก หลาย มีกลุ่ม มีก๊วน จนทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันบ้าง แต่วันนี้ยืนยันว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว เปรียบเสมือนก้อนกรวดที่ต่างคนต่างที่มา แต่เมื่อผ่านความร้อน วันนี้เกิดการหลอมรวมเป็นแก้วเนื้อเดียวกัน และเกิดจากปัญหาผู้ที่ไม่สมหวังในตำแหน่งรัฐมนตรี แต่เมื่อพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลแล้ว จะรักษาขับเคลื่อนให้เดินหน้าต่อไปให้ได้ ต่อไปนี้ยืนยันจะเดินหน้ารักษารัฐบาลนี้ไว้ให้นานที่สุด 4-12 ปี,ขณะที่นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ ลุกขึ้นกล่าวว่า ขอให้ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์รับฟังการอภิปรายของฝ่ายค้านด้วยความนิ่ง แล้วนำตรงนั้นไปแก้ไขปัญหา เหมือนสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่รับฟังคำแนะนำไปแก้ไข จนทำให้รักษารัฐบาลอยู่ได้อย่างยาวนาน,ไม่กังวลมั่นใจคุณสมบัติครบถ้วน,ต่อมาหลังปิดสัมมนา พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ถึงการรับมือการอภิปรายการแถลงนโยบายรัฐบาลว่า เป็นเรื่องของพรรค วันนี้เพียงมาให้กำลังใจเฉยๆ ในฐานะผู้สนับสนุนพรรค ไม่มีความกังวลใดๆในการแถลงนโยบายรัฐบาล เมื่อถามว่ากังวลที่ฝ่ายค้านจ้องอภิปรายคุณสมบัติหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าเป็นการอภิปรายนโยบายจะไปซักฟอกอะไร คุณสมบัติตนเป็นอย่างไร คุณสมบัติผมครบแล้วจะมาอภิปรายอะไร,เมื่อถามว่าได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคแล้วหรือยัง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ไม่ตอบ รอให้การอภิปรายแถลงนโยบายเสร็จสิ้นก่อน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประวิตรมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่เคร่งเครียด,จัด 20 ส.ส. เคลื่อนที่เร็วตัดเกม,นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์สรุปปิดสัมมนา ส.ส. ว่า พรรคได้เตรียม 20 ส.ส.เป็นทีมตอบโต้แบบรวดเร็วในสภา หากฝ่ายค้านจะอภิปรายโจมตีนอกประเด็น เจาะจงรายบุคคลในเชิงลึก ทั้งนายกฯ รองนายกฯและรัฐมนตรีจะรีบสวนกลับทันที แต่หากฝ่ายค้านอภิปรายในเนื้อหาสาระจะปล่อยให้ดำเนินไปตามปกติ ไม่ประท้วงอะไรทั้งนั้น แม้จะต่อว่านโยบายรัฐบาลว่าไม่ดีก็ทำได้เต็มที่ อันไหนไม่ดีก็ว่าได้เลย เราไม่ประท้วงแน่ ส่วนพรรคอนาคตใหม่คาดจะพูดในเรื่องความเป็นประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ และอาจพูดถึง คสช.ที่ผ่านมา หรือหยิบยกประเด็นการทำร้ายนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เราตอบได้ และตอนนี้เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยแล้วเราไม่หนักใจ,วีระกร–อนุชา นำทีมสกัดฝ่ายค้าน,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 ส.ส.ชุดเคลื่อนที่เร็ว ประกอบด้วย นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม. น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม. นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ ส.ส.กทม. นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม. นายประสิทธิ์ มะหะหมัด ส.ส.กทม. นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา นายสันติ กีระนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายสมพงษ์ โสภณ ส.ส.ระยอง,สมศักดิ์ ชี้ประคองดีๆปริ่มน้ำอยู่ยาว,เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก จ.นครราชสีมา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯมาร่วมสัมมนาเตรียมแถลงนโยบายรัฐบาล ก่อนหน้านี้พรรคยังไม่มีโอกาสได้พบปะหารือกับท่านเลย เราเป็นพรรคใหม่เปรียบเสมือนแก้วตกผลึกแล้ว แต่ก่อนมันคือเศษหินเศษดินทราย ต้องหลอมด้วยความร้อนและสารเคมี ขณะหลอมจะมีปัญหาบ้าง ต้องใช้ความร้อนแตกต่างกัน แก้วมันอาจแตกร้าวได้ แต่หากเราประคองดีๆมันจะอยู่ได้นาน เหมือนรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำหากทุกคนในพรรคและรัฐบาลสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน แก้วใบนั้นจะแข็งแกร่ง และเมื่อประชาชนได้รับประโยชน์จากรัฐบาลที่ทำงานตามนโยบายที่วางเอาไว้จะยิ่งเป็นเกราะอีกชั้นหนึ่ง เชื่อว่าแก้วเมื่อผ่านการหลอมแล้วจะไม่กลับไปเป็นเศษดินเศษทรายอีก พรรคผ่านพ้นช่วงขัดแย้งไปแล้ว ไม่สมควรจะมีกลุ่มอะไรหรือใครให้น่าลำบากใจอีก วันนี้รวมกันเป็นพลังประชารัฐ ไม่ควรนำเรื่องเก่ามาขยายความ สร้างความร้าวฉานอีกแล้ว,วิษณุ มั่นใจ ชวน คุมอยู่ถกนโยบาย,นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลว่า ยังพูดอะไรไม่ได้จนกว่าจะถึงวันแถลง การจัดกลุ่มอภิปรายเป็นการทำการบ้าน บริหารเวลาให้มีเนื้อหาสาระครบถ้วน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร รัฐบาลต้องเตรียมการ ฝ่ายค้านฝากอะไรมาเรารับได้อยู่แล้ว หากเข้าใจผิดต้องชี้แจง ขณะเดียวกันมีประธานรัฐสภาที่มีความรู้นั่งบัลลังก์ควบคุมการประชุมให้อยู่ในกฎเกณฑ์ แม้กติกาใหม่ยังไม่มี กติกาเก่าก็อนุโลมใช้กันได้ และมีการถ่ายทอดออกอากาศ หากเข้าข่ายมีความผิดจะเป็นความผิดได้ แม้ในสภาฯมีเอกสิทธิ์ฟ้องร้องไม่ได้ แต่เชื่อมั่นในองค์ 4 คือ 1.เกียรติยศศักดิ์ศรีสมาชิกรัฐสภา 2.เชื่อมั่นในประธานและรองประธานรัฐสภา 3.เชื่อมั่นในกฎเกณฑ์กติกา และ 4.เชื่อมั่นว่าไม่ใช่การพูดกันเอง 750 คน แต่พูดกับคนทั้งประเทศ ทุกคนต้องรับผิดชอบ,เตือนขั้ว ปชต.ปลุกระดมแก้ รธน.,เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ระบุในที่ประชุม ครม.ว่า อย่าทิ้งผม อย่าให้ผมพูดคนเดียว สะท้อนถึงความกังวลของนายกฯหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ได้สะท้อนอะไร ปิดประชุมกันเรียบร้อย เดินออกกันไปครึ่งหนึ่งแล้ว นายกฯถึงเปรยขึ้นมาเล่นๆ อาจพูดเล่นบ้างพูดจริงบ้างเป็นธรรมดา ส่วน 7 พรรคฝ่ายค้านประกาศจุดยืนร่วมแก้รัฐธรรมนูญ จะเดินสายเปิดเวทีรณรงค์ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ประชาชนเกี่ยวข้องได้ โดยรวบรวมรายชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 5 หมื่นรายชื่อ หรือรณรงค์ให้ตระหนักรู้และให้เห็นด้วย แม้ไม่ไปเข้าเสนอชื่ออาจช่วยออกความเห็น เพราะรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของทุกคน รัฐบาลก็คิดว่าน่าจะทำลักษณะนี้อยู่แล้ว ต้องแยกออกเป็น 2 ข้อ คือกระบวนการธรรมดาปกติดีอยู่ และนโยบายรัฐบาลที่สนับสนุนให้มีการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แสดงอยู่ในตัวแล้วว่าต้องมีการพูดกับประชาชนให้เข้าใจ หากเป็นอย่างนี้ใครก็ทำได้ แต่กิริยาอาการท่าทางที่ทำหรือวันเวลาที่ทำ รวมถึงถ้อยคำที่จะใช้ต้องพึงระมัดระวัง เพราะกฎหมายเดิมมีอยู่แล้ว เมื่อถามว่า มองว่าดิสเครดิตรัฐบาลหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า จะดิสเครดิตอะไร ทุกคนมีสิทธิทำได้,ไล่ ธนาธร ไปอ่าน รธน. ม.49,นายวิษณุยังกล่าวถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยุบพรรคอนาคตใหม่ ตามคำร้องขอให้วินิจฉัยการกระทำของพรรคอนาคตใหม่อาจเข้าข่ายกระทำความผิดมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญว่า ไม่ขอให้ความเห็นจะเป็นการชี้นำ หากพูดอะไรไปแล้วถูกจะหาว่ารู้กันกับศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าพูดไปแล้วผิดตนจะเสียรังวัด ขอให้ไปอ่านมาตรา 49 หากเป็นอย่างไรก็ตามนั้น ความเป็นจริงบางอย่างบางครั้งต้องพูดทันที บางครั้งต้องรอจังหวะเวลาเหมาะสมต้องอาศัยกาลเทศะเป็นเรื่องๆไป,เทวัญ แจงโอนที่ดินคืนแม่หมดแล้ว,นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกฯกล่าวว่า ตนคงจะมีเรื่องหุ้นสื่อ ขอชี้แจงว่าหุ้นสื่อเป็นวัตถุประสงค์ เวลาไปจดทะเบียนที่กระทรวงพาณิชย์ เป็นแบบฟอร์มให้กรอกอยู่แล้ว หุ้นในบริษัท เอส.ซี.เค.แลนด์ จำกัด คุณแม่ให้มาบริษัทไม่ได้ทำอะไรเลยแค่ใส่ชื่อบริษัทไว้ซื้อที่ดินมา 30 ปีแล้ว ไม่มีรายรับและรายจ่ายเกี่ยวกับโฆษณาหรือสื่อสิ่งพิมพ์ คุณแม่อายุมากเป็นห่วงจึงยกที่ดินให้ ทุกวันนี้ท่านเปิดทีวีร้องไห้ทุกวัน เวลามีข่าวเรื่องนี้ท่านแค่หวังดีแก่บุตรแต่เหมือนกลายเป็นผลร้าย ตอนนี้โอนคืนไปหมดแล้ว ได้ขอขยายการชี้แจงต่อ ศาลรัฐธรรมนูญอีก 20 วัน สัปดาห์หน้าเตรียมยื่นบัญชีทรัพย์สินในส่วนของส.ส.และอีกกว่า 10 วันจะยื่นในส่วนรัฐมนตรี,อนุทิน อุ้มพระไพรีฯนั่งทำเนียบฯ,เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข เข้าทำเนียบฯอัญเชิญพระพุทธรูป 2 องค์ มาตั้งบูชาบนห้องทำงานชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 พร้อมนำตุ๊กตาจำลองผีตาโขนมาตกแต่งห้อง นายอนุทิน เปิดเผยว่าพระองค์หนึ่งได้จากวัดเสมียนนารี เจ้าอาวาสให้มาเมื่อวันที่ 21 ก.ค. เนื่องจากไปปล่อยโค อีกองค์เป็นพระไพรีพินาศ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ส่วน ตุ๊กตาผีตาโขนมินิได้มาจาก จ.เลย ตกแต่งห้อง จากนั้นเวลา 09.50 น. นายอนุทินเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล,สมคิด ไม่อยากเข้าไปยุ่ง พปชร.,ขณะที่เวลา 09.00 น. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบฯตามปกติ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯไปปรากฏตัวในวงสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ ไม่ไปปรากฏตัวบ้างหรือ นายสมคิดตอบพร้อมยิ้มว่า ไม่หรอก ผมไม่ไป ไม่อยากเข้าไปยุ่ง,หม่อมเต่า โยนไตรภาคีเคาะค่าจ้าง,ที่กระทรวงแรงงาน ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน กล่าวถึงนโยบายรัฐบาลด้านแรงงานว่า แม้พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเคยใช้นโยบายปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำหาเสียง แต่นโยบายรัฐบาลไม่ได้ระบุอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นตัวเลขชัดเจน เนื่องจากต้องพิจารณาจากคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ในระบบไตรภาคีจะพิจารณาตัวเลขที่เหมาะสม เห็นด้วยที่จะให้ใช้อัตราค่าจ้างใหม่ในเดือน ม.ค.2563 เพื่อไม่ให้กระทบแผนการเงินของนายจ้าง รวมถึงการคิดโบนัส การปรับค่าจ้างปลัดกระทรวงแรงงานต้องตอบเพราะเป็นกรรมการไตรภาคีตามกฎหมาย เอกชนต้องพอใจด้วย แต่จะทำอย่างไรให้พอใจ อาทิตย์ หน้าคงต้องไปคุยกัน ผมไปยุ่งด้วยไม่ได้,ต.ค.ได้อัตราใหม่ทันเริ่มใช้ ม.ค.63,ด้านนายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานบอร์ดค่าจ้างกล่าวว่า การพิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำปี 2562 ที่ชะลอมาตั้งแต่เดือน เม.ย.สัปดาห์หน้าบอร์ดค่าจ้างจะพิจารณาปรับค่าจ้าง แต่ยังไม่ได้กำหนดวันชัดเจน รอให้รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จก่อน จะพิจารณาจากข้อมูลตัวเลขเดิม ที่คณะอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัดเสนอไว้ และได้พิจารณามาก่อนแล้วส่วนหนึ่ง และจะพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันด้วย จะสรุปเคาะตัวเลขค่าจ้างใหม่ภายในเดือน ต.ค. เพื่อให้ทันประกาศใช้อัตราค่าจ้างใหม่ในเดือน ม.ค.2563,สปส.ค้านรัฐจ่ายแทนประกันสังคม,ขณะที่นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงแนวคิดของประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่เสนอให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบประกันสังคม 5%แทนผู้ประกันตน 6-12 เดือนแทนการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทว่า ไม่เห็นด้วย แต่ขึ้นอยู่กับฝ่ายนโยบายว่าจะเห็นอย่างไร การจ่ายเงินสมทบ 3 ฝ่ายลูกจ้าง 5% นายจ้าง 5% และรัฐ 2.75% ถ้าจะให้รัฐบาลจ่ายแทนลูกจ้าง โดยอ้างเหตุผลว่าไม่ให้กระทบค่า ครองชีพ รัฐต้องจ่ายส่วนนี้มากถึง 90,000 ล้านบาทเป็นเงินภาษีของคนทั้งประเทศ จะให้เอามาจ่ายให้คน 16 ล้านคน แล้วคนทั้งประเทศจะยอมหรือ และในจำนวนนี้มี 2.2 ล้านคนที่ได้รับค่าจ้างต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 300-315 บาท รัฐจะมีซัพพอร์ตให้หรือไม่ อีกทั้งในเงินสมทบ 5% ยังมีเงินออมด้วยปัญหาจะกระทบกันเป็นลูกโซ่,นายกฯ ถก ผอ.ILO ช่วยแรงงาน,ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายกาย ไรเดอร์ ผอ.ใหญ่องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization:ILO) หรือไอโล เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยินดีในโอกาสที่ไอโลครบรอบ 100 ปี รัฐบาลจะมุ่งมั่นร่วมมือส่งเสริมความยุติธรรมทางสังคมยกระดับมาตรฐานแรงงาน สร้างงานที่มี คุณค่า พร้อมกันนี้สองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะยกระดับการคุ้มครองแรงงานให้สอดคล้องตามมาตรฐานสากล พัฒนาให้คนไทยมีงานทําอย่างทั่วถึง ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญต่อแรงงานสตรี ผู้ด้อยโอกาส และแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมายอย่างยั่งยืน,ถือฤกษ์เช้า 30 ก.ค. เข้ากลาโหม,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันอังคารที่ 30 ก.ค. เวลา 06.00 น. พล.อ.ประยุทธ์จะไปสักการะศาลหลักเมืองและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าทำงานในตำแหน่ง รมว.กลาโหม จากนั้นหารือร่วมกับ รมช.กลาโหม พร้อมผู้นำเหล่าทัพ ก่อนจะเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลไปประชุม ครม. ซึ่งจะมีการแต่งตั้งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นไปได้สูงที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ จะได้รับการแต่งตั้งให้มาทำหน้าที่โฆษกรัฐบาล,งามไส้สัมมนาในรีสอร์ตรุกป่า,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท หมู่ 6 ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว ที่พรรคพลังประชารัฐ ไปจัดสัมมนา ส.ส.และสมาชิกพรรค จากการตรวจสอบพบเป็นหนึ่งในรีสอร์ต ที่ถูกกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินคดีข้อหาบุกรุกป่า มีการจับกุมดำเนินคดีมาแล้ว 2 ครั้ง ล่าสุด จับกุมโดยชุดพญาเสือ กรมอุทยานฯ เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2560 เนื่องจากบุกรุกพื้นที่เพิ่ม 34 ไร่ พบสิ่งปลูกสร้าง 18 รายการและกรมอุทยานฯ ได้ออกคำสั่งประกาศให้รื้อถอนตามมาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานฯ แล้ว ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นอัยการแต่ผู้ประกอบการยื่นขอคุ้มครองชั่วคราวต่อศาลปกครองสูงสุด อยู่ในขั้นตอนของศาล,สวนทางนโยบายรัฐบาล บิ๊กตู่,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลที่ผ่านมาเคยมีนโยบาย ไม่สนับสนุน และเคยมีการรณรงค์ให้หน่วยงานราชการและประชาชน ไม่สนับสนุนหรือเข้าไปท่องเที่ยวในรีสอร์ต บ้านพักตากอากาศ และโรงแรมที่รุกป่า โดยมีโรงแรม รีสอร์ต และบ้านพักตากอากาศ ถูกขึ้นแบล็กลิสต์อยู่ระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดีของกรมอุทยานฯจำนวน 152 แห่ง และ 1 ในนั้นคือ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท ซึ่งเคยถูกดำเนินคดีบุกรุกป่าในปี 2555,ผอ.วิชัย ยันบุกรุกจับกุม 2 รอบ,นายวิชัย พรลีแสงสุวรรณ ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) กล่าวว่า 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท เคยถูกจับดำเนินคดีไปแล้ว 2 ครั้ง ข้อหาบุกรุกป่าอนุรักษ์ ครั้งแรกมื่อปี 2555 สมัยนายดำรงค์ พิเดช เป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ พบโดยมีสิ่งปลูกสร้าง 3 รายการ ต่อมาปี 2560 ถูกจับดำเนินคดีเป็นครั้งที่ 2 ข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มอีก 30 กว่าไร่ พบสิ่งปลูกสร้าง 18 รายการ แต่ไม่เจอตัวผู้ต้องหา ส่งดำเนินคดีในชั้นพนักงานสอบสวน ขณะนี้กำลังจะประกาศใช้มาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติเพื่อรื้อถอนรีสอร์ต,ชัยวัฒน์ อ้อมแอ้ม พปชร.คงไม่รู้,ด้านนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ที่ปรึกษาชุดปฏิบัติการพญาเสือ กล่าวว่า เคยไปจับกุมดำเนินคดีรีสอร์ตดังกล่าว ต้องไปดูขั้นตอนการดำเนินคดีผู้ ประกอบการขอคุ้มครอง ถ้าศาลสั่งให้คุ้มครอง ผู้ประกอบการยังสามารถทำธุรกิจได้ แต่ถ้าศาลยังไม่อนุญาตไม่สามารถทำได้ ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐจัดประชุมในรีสอร์ตดังกล่าวคงไม่เกี่ยวเพราะไม่รู้ เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย,จุติ ไม่ประมาทสั่ง ขรก.สแตนด์บาย,เมื่อเวลา 09.15 น.ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สะพานขาว นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. เข้าทำงานเป็นวันแรก สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ก่อนเป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงกว่า 2 ชั่วโมง นายจุติกล่าวว่าขอให้ข้าราชการเตรียมข้อมูลชี้แจงการแถลงนโยบายรัฐบาล ไม่กลัวฝ่ายค้านจะซักฟอก ส่วนการจัดงบฯปี 2563 จะเน้นของบฯเพิ่มโดยเฉพาะผู้สูงอายุ 11.5 ล้านคนต้องให้เบี้ยยังชีพทุกคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไปคนละ 1,000 บาท ตามที่หาเสียงไว้ รวมถึงงบฯอุดหนุนค่าอาหารที่ได้เพียงวันละ 57 บาทต่อคน,ลูกท็อป อัญเชิญหลวงพ่อโตเข้า ทส.,ช่วงเช้า ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯเดินทางเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการวันแรก มีนายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวง ทส. พร้อมผู้บริหารต้อนรับนำไปสักการะพระพุทธสยัมภู พระพุทธรูปประจำกระทรวง และศาลพระภูมิเจ้าที่ ปลูกต้นรวงผึ้งหน้ากระทรวง จากนั้นขึ้นห้อง ทำงาน ชั้น 20 ในเวลา 09.39 น.โดยนำพระพุทธรูปหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ มาตั้งบูชาประจำห้องทำงานเพื่อเป็นสิริมงคล นายวราวุธกล่าวว่า นำหลวงพ่อโตมาบูชาจะได้ทำงานราบรื่น ไม่มีเคล็ดลับอะไร เนื่องจากหลวงพ่อโตไหว้ทุกวัน พอมาทำงานที่ ทส.เลยนำมาไหว้ ดีใจที่ได้มาทำงานที่กระทรวงทรัพยากรฯ เพราะเคยฝันว่าอยากทำงานด้านสิ่งแวดล้อม ครอบครัวศิลปอาชาให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมาก,รับร้องเรียนสอบอธิบดีกรมอุทยานฯ,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่กระทรวงทส.ค่อนข้างคึกคัก มีกลุ่มองค์กรต่างๆเดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนถึง รมว.ทส. โดยนายวราวุธลงมารับเรื่องด้วยตัวเองทุกกรณี อาทิ นายสมัคร ดอนนาปี อดีต ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ มายื่นร้องเรียนนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต กรณีเปลี่ยนแปลงงบประมาณโครงการเพาะชำกล้าไม้ และการขึ้นเงินเดือน 6 เปอร์เซ็นต์ให้ภรรยาตัวเอง โดยนายวราวุธ กล่าวว่าจะรับเรื่องร้องเรียนไว้พิจารณา ทุกอย่างจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ขณะที่องค์กรเพื่อสิทธิสัตว์แห่งประเทศไทยยื่นคัดค้านการส่งออกช้างไทยไปต่างประเทศ และกลุ่มพีมูฟ นำโดยนายจำนง หนูพันธ์ มายื่นหนังสือขอให้ยุติการทวงคืนผืนป่าและให้เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ เป็นต้น,ส.ว.หวั่น 5 ชม. ไม่พอจ่อขอเพิ่ม,เมื่อเวลา 09.30 น. ที่อาคารสุขประพฤติ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จัดสัมมนาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เตรียมพร้อมการแถลงนโยบายของรัฐบาลมี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธาน ส.ว.เป็นประธานช่วงหนึ่งบรรดา ส.ว.ได้หารือถึงการจัดสรรเวลาอภิปรายที่ ส.ว.จะได้เวลา 5 ชั่วโมง อาทิ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว. กล่าวว่า ไม่มั่นใจว่า 2 วันจะเพียงพอหรือไม่ เพราะเวลาที่รับทราบไม่รวมเวลาประท้วงของ ส.ส.แต่ละฝ่าย และไม่นับรวมเวลาที่ นายกฯ นำเสนอนโยบายและผู้นำฝ่ายค้านอภิปรายเปิดและปิด กังวลใกล้หมดเวลา ส.ว.อาจไม่ได้อภิปราย,เชื่อประท้วงลากยาวเที่ยงคืน 26 ก.ค.,นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว. กล่าวว่าหากเทียบเกณฑ์อภิปรายของ ส.ว.การอภิปรายรายงานแผนการปฏิรูปประเทศเมื่อวันที่ 8 ก.ค. มี ส.ว. อภิปราย 45 คนได้คนละ 8 นาที รวมเกือบ 6 ชั่วโมง หาก ยึดหลักการดังกล่าวต้องได้เวลาเกินกว่า 5 ชั่วโมง วันที่ 23 ก.ค.ที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาจะเรียกตัวแทนวิป 3 ฝ่าย หารือต้องขอให้ทบทวนการจัดสรรเวลาให้เพียงพอต่อการอภิปรายของ ส.ว.ด้วย ที่กังวลคือการประท้วงอ่านข่าวจากสื่อมวลชนว่ารัฐบาลตั้งองครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรี 20-30 คน เพื่อตอบโต้ฝ่ายค้านอภิปรายตัวบุคคล การแถลงนโยบายรัฐบาลไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายค้านคงอดไม่ได้ให้ 3 วันอาจไม่พอ แต่เชื่อว่าวันที่ 26 ก.ค.ต้องจบในเที่ยงคืน,สิงห์ศึก ขึงขัง ส.ว.ไม่ใช่องค์รักษ์ รบ.,ช่วงบ่าย พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธาน ส.ว.ในฐานะ สว.กลุ่มเพื่อน ตท.12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ส.ว.จะจัดกลุ่มการอภิปรายนโยบายรัฐบาล เน้นเนื้อหาสอดคล้องของแผนการปฏิรูปประเทศและแผนยุทธศาสตร์ชาติ ยืนยันว่าจะไม่เป็นไปเพื่อพิทักษ์บุคคลใด หรือตามที่มีบางฝ่ายตั้งประเด็นว่าเป็นองครักษ์รัฐบาล การอภิปราย ส.ว.จะเน้นคุณภาพเป็นหลัก ยังไม่สรุปจะให้ ส.ว.ยื่นจำนงจนถึงเวลา 18.00 น. วันที่ 22 ก.ค. ควรได้รับ 5-6 ชั่วโมง ที่ฝ่ายค้านยกประเด็นที่มา ส.ว.เป็นจุดอ่อนในการบริหารประเทศ ส.ว.คือตัวแทนปวงชนชาวไทยและอยู่ภายใต้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 เชื่อว่า ส.ว.จะไม่ใช่จุดอ่อนแน่นอน,เจ๊หน่อย เย้ยไม่ด่างพร้อยอย่ากลัว,วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ นายกฯ จากประชาธิปไตยต้องไม่กลัวการอภิปราย ระบุอาการกลัวเป็นเอามาก ตั้งแต่ประกาศว่าไม่ควรอภิปรายคุณสมบัติ ฟอร์มทีมองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ยืนยันฝ่ายค้านจะอภิปรายคุณสมบัตินายกฯ และ รมต.ถ้าไม่มีคุณสมบัติด่างพร้อย ไม่ต้องกลัวการอภิปราย,สุทิน ยันซักฟอกคุณสมบัตินายกฯ,ที่พรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยและประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมอภิปรายนโยบายรัฐบาลว่าเดิมฝ่ายค้านยื่นขออภิปราย 3 วัน แต่รัฐบาลขอลดเหลือ 2 วัน ถ้าใช้ 3 วันจะชนกับช่วงบรรยากาศวันสำคัญของประเทศเรายินดีให้ความร่วมมือ แต่ลดวันลงทำให้ทำงานลำบากมี ส.ส.แสดงความจำนงจะอภิปรายจำนวนมาก วันที่ 22 ก.ค.จะซักซ้อมความพร้อมว่าใครเหมาะสมจะอภิปรายหรือควรรออภิปรายครั้งหน้า กรณีศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยคุณสมบัตินายกฯ พรรคเตรียมความพร้อมให้ความรู้ ถ้าไม่ไปชี้นำศาลเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา ส่วนการแบ่งเวลาอภิปรายวันที่ 23 ก.ค.จะประชุมร่วมวิปฝ่ายค้านจะชัดเจนมากขึ้น,รู้กันอยู่ บิ๊กป้อม เจ้าของพรรคตัวจริง,เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ จะลงเล่นการเมืองในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ นายสุทินกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก เรารับรู้มาว่า พล.อ.ประวิตรคือเจ้าของตัวจริงหรือคนก่อตั้งตัวจริง เพียงแต่จะใช้จังหวะเวลาใดเปิดตัว เป็นเรื่องน่ายินดีที่จะลงมาเล่นการเมืองแบบเปิดหน้าเปิดตาชัดเจน,จี้ บิ๊กป้อม แจงนั่ง ฮ. ไปงาน พปชร.,นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่ากรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ นั่งรถตู้เบนซ์กันกระสุนไปที่รีสอร์ต อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ร่วมสัมมนากับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ สังคมมีสิทธิตั้งคำถามกับข้ออ้างไปปฏิบัติราชการแล้วเลยไปประชุมกับพรรค เอากำหนดการประชุมพรรคเป็นตัวตั้งแล้วทำโครงการปฏิบัติราชการต่างจังหวัดเสริม เพื่อจะใช้เฮลิคอปเตอร์ของหน่วยราชการหรือไม่ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองควรมีธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ ความคุ้มค่ากับงบประมาณภาครัฐ หากนำไปใช้แก้ปัญหาภัยแล้งหนักสุดในรอบ 10 ปีจะเกิดประโยชน์มากกว่าหรือไม่ ถ้า พล.อ.ประวิตรเคารพประชาชนและองค์กรตรวจสอบ ต้องเปิดเผยว่าไปปฏิบัติราชการเรื่องใดสถานที่ใดแสดงหลักฐานให้ประชาชนตัดสินว่าสมเหตุสมผลหรือไม่,สับไม่ควรไปสัมมนาในรีสอร์ตผิด ก.ม.,นายอนุสรณ์กล่าวอีกว่า การจัดสัมมนาที่รีสอร์ต 88 การ์มองเต้ วังน้ำเขียว รัฐบาลกำลังจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ควรประพฤติปฏิบัติตามกฎหมายเคร่งครัดแต่กลับทำในสิ่งน่าผิดหวัง มีโรงแรมหรือรีสอร์ตถูกกฎหมายมากมาย แต่กลับเลือกรีสอร์ตที่มีปัญหาบุกรุกพื้นที่อุทยานฯถึง 34 รายการและพบสิ่งปลูกสร้างอีก 18 รายการ อีกทั้งเคยถูกจับกุมมาแล้วถึง 2 ครั้ง กรมอุทยานฯสั่งให้รื้อถอนและอัยการกำลังทำสำนวนเพื่อส่งฟ้องศาล พรรคพลังประชารัฐเคยใช้พลังดูดให้นักการเมืองพรรคอื่นย้ายพรรค บางคนมีคดีความแต่พอเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ บางรายรอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีเพราะส่งฟ้องศาลไม่ทันจนถูกสังคมวิจารณ์ว่าเป็นโปรย้ายค่ายหรือไม่ ขอให้จับตาดูต่อไปว่าสุดท้ายจะกลายเป็นรีสอร์ตที่ไม่ได้กระทำผิดกฎหมายใดๆเลยหรือไม่ กรณีจัดสัมมนาที่รีสอร์ตแห่งนี้ถือเป็นอีกเรื่องที่จะทำให้ประชาชนเกิดคำถาม และอาจไม่เชื่อถือในสิ่งที่รัฐบาลกำลังจะแถลงว่าจะทำได้จริงตามที่ประกาศไว้ได้หรือไม่ เพราะถือเป็นพฤติการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ,สมศักดิ์ อ้างตั้งใจสะท้อนปัญหา ส.ป.ก.,ช่วงเย็น นายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเจ้าของพื้นที่และผู้เลือกสถานที่จัดสัมมนากล่าวว่า จริงๆเรารู้อยู่แล้วว่าที่ตรงนี้มีปัญหา ผู้ใหญ่ในพรรคเองทักท้วงเกรงว่าจะถูกโจมตีมาที่นี่ ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดิน ส.ป.ก.และไม่ถูกต้องจริง เพราะทำประโยชน์อื่นแต่เป็นการสะท้อนปัญหาการกำหนดเขตพื้นที่อุทยานฯที่ทำหลังมีผู้อยู่อาศัย โดยไม่มีการกำหนดเขตให้ชัดเจน เพื่อให้ทุกคนรับรู้เหมือนกันให้เห็นว่าเมื่อเรื่อง ส.ป.ก.เป็นนโยบายพรรค เราประกาศแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะข้อพิพาทระหว่างประชาชนกับรัฐ เนื่องจากประกาศทับพื้นที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน ทำให้เกิดปัญหาการบุกรุกที่ดินกรณีวังน้ำเขียวนำไปใช้ผิดประเภทและเป็นพื้นที่อุทยานฯ ซึ่งกรมอุทยานฯ ไม่ประกาศให้ชัดเจนทำให้เกิดปัญหามาโดยตลอด,ฝากฝ่ายค้านมองที่เจตนา,นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า แล้วเราอยากนำเสนอให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่ดิน ส.ป.ก.ให้ชัดเจนว่านำไปใช้ประโยชน์อื่นนอกจากเกษตรกรรมได้หรือไม่ เอาวังน้ำเขียวเป็นตัวนำร่อง เพราะที่ดิน ส.ป.ก.กรณีที่มีศักยภาพสูงกว่าการทำไร่ พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ดี อยากจะพูดกับฝ่ายค้านว่าสิ่งที่เราทำเป็นประโยชน์กับประชาชน ส.ส.ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาลถามว่าแล้วปัญหาชาวบ้านเราไม่คิดจะช่วยกันแก้เหรอ อยากให้มองที่เจตนาต้องการให้ทุกคนรับรู้เข้าใจเหมือนกัน ถ้าต้องการแก้ไขปัญหาที่ดิน ส.ป.ก.ต้องพามาดูให้เห็น อยากให้รับรู้เมื่อเป็นนโยบายพรรคเป็นปัญหาของคน 2,400,000 ครอบครัว เราต้องการแก้ไขปัญหาตรงนี้ให้เขา ถ้าไม่เดือดร้อนทำการเกษตรและอยากถามว่าที่เป็นบ้าน ร้านค้า วัด แล้วจะทำอย่างไรในชุมชน,ระวีเจอ รปภ.สกัดสอบตู้ ปณ.7ล้าน,เมื่อเวลา 14.00 น. นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบการจัดสร้างตู้ไปรษณีย์ยักษ์ หน้าทางเข้าบริษัทไปรษณีย์สำนักงานใหญ่ แจ้งวัฒนะ วงเงิน 7.1 ล้านบาท จัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีคัดเลือก ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าราคาแพงเกินจริงส่อทุจริต ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ รปภ.ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ไม่ให้เข้าตรวจสอบแจ้งว่าต้องทำหนังสือขออนุญาตผู้บริหารล่วงหน้า นพ.ระวีกล่าวว่า ขอให้รัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบความโปร่งใส หากพบพฤติกรรมส่อทุจริตให้ดำเนินการกับผู้กระทำความผิดเป็นตัวอย่าง และป้องปรามกระบวนการทุจริต ปกติตึกแถว 4 ชั้น งบฯก่อสร้างไม่เกิน 2 ล้านบาท การใช้งบฯกว่า 7 ล้านบาทสร้างตู้แค่นี้ไม่น่าเป็นไปได้ วัสดุที่ใช้เป็นวัสดุเกรดธรรมดา
ประวิตร เปิดตัวร่วมสัมมนาพลังประชารัฐกลางรีสอร์ตหรูรุกป่าวังน้ำเขียว สวนนโยบายรัฐบาล บิ๊กตู่ ยิ้มเผล่กอดแกนนำ-ส.ส.ชื่นมื่น ลั่นเราครอบครัวเดียวกัน ประกาศจะทำให้รัฐบาล ประยุทธ์ 2
ข่าว,การเมือง
ประวิตร วงษ์สุวรรณ,สัมมนา,พรรคพลังประชารัฐ,รีสอร์ท,รุกป่า,วังน้ำเขียว,ข่าวหน้า1
https://www.thairath.co.th/news/politic/1620656
[ 0, 259, 203061, 6494, 234616, 66806, 196086, 148601, 104282, 167509, 89153, 1, 0, 0, 0, 0, 0, 0, 0, 0 ]
ชาวโลกตกงานหลายล้านผลกระทบโควิด-19
ผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของโคโรนาไวรัส หรือโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสหรัฐฯ ทำให้ผู้คนต้องตกงานทั่วประเทศแล้วมากกว่า 6.6 ล้านคน ตัวเลขผู้คนตกงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับภูมิภาคยุโรป ซึ่งผู้คนตกงานแล้วมากกว่า 1 ล้านคน เฉพาะผู้คนตกงานในสเปนจนถึงช่วงเดือน มี.ค.แล้วกว่า 300000 คน ส่วนประเทศจีน ต้นตอพบการระบาดของโควิด-19 ผู้คนต้องสูญเสียงานมากราว 200 ล้านคนขณะเดียวกัน ธนาคารโลกอนุมัติกองทุนฉุกเฉินเบื้องต้นแล้วราว 1900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ช่วยสนับสนุนแก้วิกฤติผลกระทบจากโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มชาติกำลังพัฒนา รวมถึงอินเดีย นอกจากนั้น ธนาคารโลกยังเตรียมเงินกองทุนช่วยแก้ปัญหาวิกฤติโควิด-19 ตลอดช่วง 15 เดือนข้างหน้า รวมราว 160000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯก่อนหน้านี้ รายงานของธนาคารโลกคาดหมายสภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มชาติภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก โดยเฉพาะกลุ่มชาติกำลังพัฒนา อาจผลักดันผู้คนในภูมิภาคให้ตกอยู่ในสภาพความยากจนมากขึ้นอีกกว่า 11 ล้านคน ปัจจุบันผู้คนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก อยู่ในสภาพยากจนมากเกือบ 35 ล้านคน โดยกว่า 25 ล้านคนอยู่ในประเทศจีน ส่วนที่เหลือกระจายอยู่ในชาติอื่นๆ โดยกลุ่มคนยากจนวัดจากค่าเฉลี่ยรายได้ดำรงชีพแต่ละวันต่ำกว่า 5.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 170 บาทรายงานของธนาคารโลกระบุอีกว่า หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ต้องทุ่มงบ ประมาณจำนวนมากเพื่อเพิ่มศักยภาพระบบสาธารณสุขของประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ส่วนจีนในฐานะชาติเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก แม้ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมเริ่มทยอยกลับสู่ภาวะการผลิตปกติ แต่การส่งออกสินค้าของจีนก็ยังต้องได้รับผลกระทบเพราะการนำเข้าสินค้าจากนานาประเทศยังชะลอตัวส่วนผลกระทบอื่นๆจากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ทำให้คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติจัดประชุมฉุกเฉิน เพื่อเพิ่มความร่วมมือแก้ปัญหาระบาดของโควิด-19 ซึ่งถือว่าส่งผลกระทบต่อสันติภาพและความมั่นคงของโลกโดยรวม นอกเหนือจากร่วมเรียกร้องให้หยุดยิงตามพื้นที่เกิดความขัดแย้งทั่วโลก ขณะที่สหรัฐฯเลื่อนกระบวนการเสนอชื่อผู้แทนพรรคเดโมแครตขึ้นชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีออกไปเป็นช่วงเดือน ส.ค.
ผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของโคโรนาไวรัส หรือโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสหรัฐฯ ทำให้ผู้คนต้องตกงานทั่วประเทศแล้วมากกว่า 6.6 ล้านคน
ข่าว,ต่างประเทศ
โควิด-19,ไวรัสโคโรนา,COVID-19,ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19,คนตกงาน,ธนาคารโลก,ข่าววันนี้
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1812144
[ 0, 259, 97003, 11984, 70433, 15319, 201903, 31850, 177831, 227897, 1666, 1, 0, 0, 0, 0, 0, 0, 0, 0 ]
เลขาธิการสภาพัฒน์ ตำแหน่งนี้ยังมีความหมาย (1)
มีข่าวที่ผมติดค้างเอาไว้ตั้งแต่ก่อนสงกรานต์อยู่ข่าวหนึ่ง ที่ผมบอกว่า ไม่อยากจะหยิบมาเขียนถึงในช่วงเวลาที่คนไทยเรากำลังมีความสุขและสนุกสนานกับเทศกาลปีใหม่ไทย,เพราะเนื้อหาสาระหรือความคิดเห็นที่มีต่อข่าวนี้อาจจะหนักเกินไป มีเรื่องของนโยบายของหลักการหรือวิชาการเข้ามาผสมผสานบ้างไม่เหมาะแน่ๆ กับช่วงเวลาที่คนไทยกำลังเฮฮาอยู่กับการสาดน้ำหรือออกเดินทางไปทั่วประเทศ,วันนี้กลับมาทำงานกันตามเดิมแล้ว ได้เวลาละครับที่ผมจะขออนุญาตแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวที่ขึ้นพาดหัวหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ก่อนสงกรานต์เพียง 1 หรือ 2 วัน,ข่าวการโยกย้ายท่านเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือที่รู้จักกันในนามของ สภาพัฒน์ คุณ ปรเมธี วิมลศิริ ไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นั่นแหละครับ,เพื่อแทนปลัดคนเก่าที่ถูกให้ออกจากราชการ เพราะพัวพันกับคดีทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย แล้วก็โยกย้ายท่านปลัดกระทรวงการคลัง คุณ สมชัย สัจจพงษ์ มาดำรงแหน่งเลขาธิการสภาพัฒน์แทน,ลำพังแค่โยกย้าย 2 ท่านนี้ก็เป็นข่าวใหญ่หน้า 1 อยู่แล้ว เพราะเป็นตำแหน่งสำคัญของทางราชการและเป็นการย้ายนอกฤดูกาลอย่างกะทันหันอย่างที่เรียกกันว่าย้ายฟ้าผ่าหรืออะไรทำนองนั้น,แต่ข่าวนี้กลับใหญ่หรือฮือฮาขึ้นไปอีก เมื่อท่านปลัดกระทรวงการคลังตัดสินใจยื่นใบลาออก ไม่ยอมรับตำแหน่งเลขาธิการสภาพัฒน์ ทั้งๆที่ยังมีอายุราชการอยู่อีกหลายปี,เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา และลงท้ายท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่มีการยับยั้งเป็นอันขาด เพราะคนที่เป็นข้าราชการเมื่อได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ไหนก็ต้องไปปฏิบัติ ณ ที่นั้น,ทำให้ตำแหน่งเลขาธิการสภาพัฒน์ และตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังยังคงว่างอยู่จนถึงขณะนี้ และกำลังรอว่ารัฐบาลจะเลือกใครขึ้นดำรงตำแหน่งอันสำคัญทั้ง 2 ตำแหน่งดังกล่าว,ประเด็นที่ผมตั้งใจจะหยิบมาเขียนถึงคงไม่ใช่สาเหตุของการลาออกของท่านปลัดกระทรวงการคลังว่าเป็นเพราะเหตุใด? ไม่เข้าขากับรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้อย่างที่เป็นข่าวจริงหรือไม่?,ผมเคารพในการตัดสินใจของท่าน เพราะในการตัดสินใจลาออกและปฏิเสธตำแหน่งที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันในทางราชการ ได้อย่างเด็ดเดี่ยวนั้นแสดงว่าท่านคิดอย่างรอบคอบแล้ว,ที่ผมมีความประสงค์จะเขียนถึงในวันนี้จะเป็นในซีกของตำแหน่ง เลขาธิการสภาพัฒน์ มากกว่า เพราะไม่ว่าอย่างไร ตำแหน่งก็ว่างลงแล้ว เพราะย้ายคุณปรเมธีออกไปแล้ว,ตำแหน่งนี้มีความสำคัญอย่างไร? ยังมีความสำคัญอยู่หรือไม่? และคุณสมบัติของผู้จะมาดำรงตำแหน่งนี้ ควรเป็นอย่างไร?,คือประเด็นที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่รัฐบาลในการเฟ้นหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาพัฒน์ท่านต่อไปไม่มากก็น้อย,ผมเห็นว่าตำแหน่งเลขาธิการสภาพัฒน์ยังคงเป็นตำแหน่งที่มีความหมายอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศชาติ เพราะนอกจากจะมาทำหน้าที่กำกับดูแลการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจะต้องทำทุกๆ 5 ปีแล้ว ยังจะต้องดูแลการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และการปฏิรูปประเทศในทุกด้านตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการปฏิรูปประเทศอีกด้วย,ดูจะมีภารกิจมากกว่า และหนักหน่วงกว่าเลขาธิการสภาพัฒน์ในอดีต โดยเฉพาะในยุคที่ก่อตั้งมาใหม่ๆ มาจนถึงก่อนที่จะมีการปฏิวัติรัฐประหารเมื่อ พ.ศ.2557 เสียด้วยซ้ำ,การเลือกการเฟ้นตัวบุคคลที่จะมาเป็นเลขาธิการสภาพัฒน์ จึงเป็นงานสำคัญยิ่งของรัฐบาล ปัจจุบันที่คงไม่อยากจะให้ผลงานที่ท่านคิดค้นขึ้นมา และถือเป็นนโยบายเอกของท่าน โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ต้องสะดุดหยุดลง หรือมีอายุเพียงแค่รัฐบาลนี้เท่านั้น,มองในประเด็นนี้ ท่านนายกรัฐมนตรีจึงรู้สึกผิดหวัง และท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรู้สึกผิดหวัง ที่ท่านปลัดกระทรวงการคลังปฏิเสธตำแหน่ง และได้แสดงออกจากการให้สัมภาษณ์ทั้ง 2 ท่านด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยสบอารมณ์,(อ่านต่อพรุ่งนี้),ซูม
เพราะเนื้อหาสาระหรือความคิดเห็นที่มีต่อข่าวนี้อาจจะหนักเกินไป มีเรื่องของนโยบายของหลักการหรือวิชาการเข้ามาผสมผสานบ้างไม่เหมาะแน่ๆ
เลขาธิการสภาพัฒน์,สภาพัฒน์,โยกย้าย,เหะหะพาที,ซูม
https://www.thairath.co.th/newspaper/columns/1257139
[ 0, 259, 117301, 21800, 98298, 36039, 9112, 153393, 71453, 93289, 236041, 3755, 93791, 122572, 177882, 75466, 1, 0, 0, 0 ]
ศรีลังกาสลด น้ำท่วม-ดินโคลนถล่มหลังฝนตกหนัก ตายแล้วเกือบครึ่งร้อย
เกิดเหตุดินโคลนถล่มลงมาจากภูเขา หลังฝนตกหนักติดต่อนาน 3 วันในศรีลังกา ถมทับบ้านกว่า 200 หลังใน 3 หมู่บ้าน พบเหยื่อเคราะห์ร้ายแล้ว 13 ราย ทีมกู้ภัยกำลังเร่งค้นหาชาวบ้านที่ยังติดอยู่ใต้ดินโคลนอีกจำนวนมาก ขณะที่มีคนเสียชีวิตจากน้ำท่วม อีก 32 ราย,เมื่อวันที่ 18 พ.ค.59 สำนักข่าวบีบีซี รายงานเกิดเหตุดินโคลนถล่มลงมาจากภูเขาเนื่องจากมีฝนตกหนักติดต่อหลายวัน ในศรีลังกา ถมทับบ้านเรือนประชาชนกว่า 200 หลังใน 3 หมู่บ้าน ของอำเภอคีกัลลี ทางภาคกลางของประเทศ โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเร่งค้นหาเหยื่อเคราะห์ร้ายจำนวนหนึ่งที่ติดอยู่ใต้ดินโคลน ขณะที่พบศพผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 13 ราย,เจ้าหน้าที่ศรีลังกา เปิดเผยว่า ทีมกู้ภัยสามารถช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุดินโคลนถล่มลงมาจากภูเขาถมทับบ้านเรือนใน 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านศิริปุระ, ปัลลีบากี และอีลากิปิตยา ออกมาได้แล้วประมาณ 150 คน แต่ยังคงมีบ้านอีกกว่า 60 หลังที่ถูกดินโคลนทับถมสูง ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในศรีลังกา หลังจากเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องติดต่อนานถึง 3 วัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 32 ราย ขณะที่มีประชาชนเกือบ 350,000 คนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศ
เกิดเหตุดินโคลนถล่มลงมาจากภูเขา หลังฝนตกหนักติดต่อนาน 3 วันในศรีลังกา ถมทับบ้านกว่า 200 หลังใน 3 หมู่บ้าน พบเหยื่อเคราะห์ร้ายแล้ว 13 ราย ขณะที่ทีมกู้ภัยกำลังเร่งค้นหาชาวบ้านที่ยังติดอยู่ใต้ดินโคลนอีกจำนวนมาก
ศรีลังกา,ศรีลังกาสลด,ดินโคลนถล่ม,น้ำท่วม,ฝนตกหนัก,เสียชีวิต,เหยื่อดินโคลนถล่ม,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวต่างประเทศ
https://www.thairath.co.th/content/622310
[ 0, 259, 85322, 5405, 233016, 109586, 32896, 152865, 70474, 217727, 130617, 233809, 127687, 141094, 1, 0, 0, 0, 0, 0 ]
เมื่อดีไซเนอร์รุ่นใหม่ออกแบบเสื้อผ้าแคร์คนนั่งวีลแชร์
ดีไซเนอร์สาว ลูซี่ โจนส์ ออกแบบเสื้อผ้าสำหรับผู้พิการที่ต้องนั่งนานๆ เพิ่มฟังก์ชั่นและลักษณะพิเศษ เช่น กางเกงที่มีส่วนเข่ายืดหยุ่น - เสื้อที่มีข้อศอกหนา เพื่อลดการกดทับจากที่วางแขน4 ก.พ. 2559 ลูซี่ โจนส์ ดีไซเนอร์สาว จากคาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์ วัย 24 ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา สร้างสรรค์เสื้อผ้าที่จัดทำขึ้นเพื่อผู้พิการ โดยมีความพิเศษที่เป็นเสื้อผ้าซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อผู้อยู่ในท่านั่ง ทั้งนี้เธอเป็นหนึ่งในผู้ได้รับคัดเลือก ในโครงการ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (30Under30) ประจำปี 2559 โดยนิตยสารฟอร์บ และได้รับขนานนามว่า เป็นการเปิดโลกใหม่ที่สดใสให้วงการแฟชั่นเธอได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ครั้งนี้จากญาติชื่อเจค ผู้ซึ่งเป็นอัมพาตซีกซ้ายของลำตัว ซึ่งพบปัญหาอย่างมากในการสวมใส่เสื้อผ้า เธอจึงออกแบบกางเกงให้กับเขา ซึ่งเป็นกางเกงที่สามารถใส่ได้ด้วยมือเดียวโจนส์กล่าวว่า วงการแฟชั่นยังต้องการอะไรที่แปลกใหม่และช่วยให้การเข้าถึงแฟชั่นของคนทุกคนนั้นง่ายขึ้นเสื้อผ้าของเธอเป็นที่จดจำอย่างมากในนิวยอร์ก และได้รับรางวัลมากมาย รวมถึงรางวัลดีไซน์เนอร์เครื่องแต่งกายหญิงแห่งปี และรางวัลจาก XStyle.com ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกุชชี่ บาเลนซิเอก้า สเตลล่า แมคคาร์ทนี่ ฯลฯ รวมทั้งได้รับรางวัลจากโรงเรียนออกแบบพาร์สัน ในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นที่รวมตัวของดีไซเนอร์ดังๆ จากทั่วโลกเช่น มาร์ก จาคอบ ดอนน่า คาราน และอเล็กซานเดอร์ หวังด้วยความช่วยเหลือของศูนย์โรคซีรีเบรล เพาร์ซี่ในแมนฮัตตันและบรู๊คลินต์ โจนส์ได้สัมภาษณ์คนพิการกว่า 100 คนเพื่อสอบถามปัญหาที่พบเกี่ยวกับการสวมใส่เสื้อผ้า และพบว่าแฟชั่นส่วนใหญ่นั้นมองข้ามความพิการ จึงต้องการพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ ทั้งการใช้วัสดุ การผูกยึด การกลัดติดกระดุม รวมทั้งการเย็บต่อพิเศษแบบต่างๆ สำหรับท่าทางที่เหมาะสมของข้อศอกและหัวเข่าของผู้สวมใส่()เธอเริ่มจากการประกาศหาอาสาสมัคร ผู้มาทดลองและสะท้อนฟีดแบค ผ่านเว็บไซต์เครกส์ลิสต์และยาฮู จนพบ รอนนี่ หญิงสาวที่ป่วยด้วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งหรือ MS ซึ่งทำให้มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวร่างกาย พวกเขานัดเจอกันทุกๆ อาทิตย์เพื่อลองชุด และรับฟังฟีดแบคของชุดเหล่านั้นฉันเริ่มจากการให้รอนนี่ลองชุดเหล่านั้น จึงพบปัญหาหลายอย่างและเริ่มแก้ไขมันทีละขั้น นี่เป็นจุดเริ่มต้นของโครงการ เธออธิบาย()ปัญหาที่ซับซ้อนที่สุดที่เจอคือการออกแบบกางเกง เธอพบว่า กางเกงทั่วไปนั้นมีขาที่สั้นและมีด้านหลังที่ต่ำเกินไป เธอได้ปรับเปลี่ยนขากางเกงให้สามารถยืดและงอได้อย่างสะดวก เพื่อให้ผู้สวมใส่สามารถปรับเปลี่ยนท่าทางได้ง่าย และศึกษาน้ำหนักกดทับที่มีต่อก้นและช่วงต้นขา รวมทั้งกำจัด รอยเย็บ ตะเข็บต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความไม่สะดวกสบายออกจากส่วนเป้ากางเกงสำหรับเสื้อ ด้วยความที่ผู้พิการต้องวางแขนบนที่เท้าแขนเสมอ เธอจึงเสริมความหนาของผ้า ในบริเวณข้อศอก เพื่อไม่ให้เกิดการกดทับ และเพิ่มพื้นที่ในช่วงหัวไหล่และแขนให้สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก อย่างไรก็ดี เธอกล่าวว่า การออกแบบทางกายภาพนั้นสำคัญเท่าๆ กันกับความสวยงามมีสุนทรียะ ซึ่งก่อให้เกิดความสะดวกสบายทางอารมณ์ด้วย()เธอพยายามทำให้เสื้อผ้าเหล่านี้ เป็นเสื้อผ้าที่สะดวกสบายสำหรับทุกคน ไม่ใช่เฉพาะสำหรับคนพิการ แต่รวมถึงคนไม่พิการที่ต้องนั่งนานๆ อีกด้วย และไม่ต้องการได้ชื่อว่าเป็นนักออกแบบที่มุ่งปรับเปลี่ยน แต่อยากให้การออกแบบเช่นนี้ เป็นพื้นฐานของการออกแบบตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นนอกเหนือจากเสื้อผ้าของโจนส์ อิซซี่ คามิลเลอรี่ ดีไซน์เนอร์ด้านแฟชั่นชาวแคนาดา ได้ออกแบบเสื้อผ้าเพื่อผู้พิการภายใต้แบรนด์ IZ Adaptive โดยออกแบบเสื้อผ้าชาย-หญิงให้มีฟังก์ชั่นพิเศษ เช่น เสื้อยืดคอกลมที่สวมใส่จากด้านหน้า (ด้านหลังเปิดติดกระดุมแม่เหล็ก) เสื้อแจ็กเก็ตที่สามารถแบ่งเป็น 2 ชิ้น ซ้าย-ขวา เสื้อโค้ทที่มีด้านหน้ายาวและด้านหลังสั้น เพื่อให้ง่ายต่อการสวมใส่()รวมถึง ไฮดี้ แมคคินซี่ หญิงสาววัย 29 ปี ผู้ซึ่งเป็นอัมพาตท่อนล่าง และมีความหลงใหลในกางเกงยีนส์อย่างมาก หลังจากเธอพบว่า กางเกงยีนส์ทั่วไปนั้น สวมใส่ยาก จึงออกแบบคอลเลกชั่นกางเกงยีนส์ ซึ่งมีความยืดหยุ่นของเนื้อผ้า สวมใส่ง่ายและมีฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการ เช่น กระเป๋าที่ใหญ่และอยู่ด้านหน้า ใส่ยางยืดที่ส่วนเอว และมีช่องเปิดบริเวณเป้าเพื่อใส่สายสวนปัสสาวะในไทย มีความพยายามในการออกแบบเสื้อผ้าสำหรับคนพิการเช่นกัน แต่พบว่า ยังไม่มีความหลากหลายของรูปแบบ ฟังก์ชั่นการใช้งาน และยังไม่ตอบสนองปัจจัยด้านความสวยงามเท่าไหร่นัก รวมทั้งเสื้อผ้าที่ออกแบบมา ก็ยังเป็นเสื้อผ้าที่ออกแบบเฉพาะสำหรับคนพิการเท่านั้น และไม่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสำหรับผู้ใช้งานที่ไม่พิการ เช่น กางเกงซ่อน-แอบ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโพนสูง ซึ่งเป็นกางเกงที่สามารถซ่อนถุงปัสสาวะไว้ในขากางเกง และช่วยลดการพันกันของสาย รวมทั้งป้องกันการไหลย้อนของปัสสาวะหรือการออกแบบกางเกงของนักวิจัยคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ที่ออกแบบกางเกงจากผ้าฝ้าย ซึ่งมีลักษณะเบา บาง สัมผัสนุ่ม ช่วงสะโพกกว้าง เป้าหลังยาว และมีกระดุมเปิดปิดด้านหน้าเพื่อใส่สายสวนปัสสาวะ รวมทั้งมีแถบรัดสายถุงปัสสาวะกับต้นขาเพื่อซ่อนในกางเกงอีกด้วยParsons Student Lucy Jones is Using Fashion to Create Social InnovationBritish designer creating fashion for disabled people named among worlds brightest entrepreneursกางเกงซ่อน-แอบ
ดีไซเนอร์สาว ลูซี่ โจนส์ ออกแบบเสื้อผ้าสำหรับผู้พิการที่ต้องนั่งนานๆ เพิ่มฟังก์ชั่นและลักษณะพิเศษ เช่น กางเกงที่มีส่วนเข่ายืดหยุ่น - เสื้อที่มีข้อศอกหนา เพื่อลดการกดทับจากที่วางแขน ลูซี่
คุณภาพชีวิต,ต่างประเทศ,สิทธิมนุษยชน,วัฒนธรรม
คนพิการ,วีลแชร์,เสื้อผ้า,แฟชั่น
https://prachatai.com/journal/2016/02/63886
[ 0, 259, 84306, 165712, 259, 137759, 154470, 259, 90164, 119162, 234487, 53727, 3755, 12005, 17858, 44001, 36039, 133409, 1, 0 ]
ไพบูลย์ จ่อยื่นจดทะเบียนพรรค ชูธงหนุน ประยุทธ์ นั่งนายกฯ
ไพบูลย์ เผยยื่นจองชื่อ พรรคประชาชนปฏิรูป กับ กกต. แต่ไม่รับ อ้างติดล็อค คสช. รอไปยื่นใหม่ชูธงหนุน ประยุทธ์ นั่งนายกฯปฏิรูปกิจการพุทธศาสนา และเพิ่มอำนาจให้ประชาชน1 ธ.ค.2560 กรณีเมื่อต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา มีกระแสจับตาและวิพากษ์วิจารณ์การตั้งพรรคทหารหรือพรรคการเมืองเพื่อรองรับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อเข้าสู่การเมืองนระบบเลือกตั้งนั้นล่าสุดวันนี้ (1 ธ.ค.) รายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา ไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานเครือข่ายประชาชนปฏิรูป พร้อมด้วย มโน เลาหวณิช พล.อ.ลือพงศ์ โชติวิทยากาญจน์ เทพสิทฐิ์ ประวาหะนาวิน ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล ธรรมนูญ อัตโชติ ธีรยุทธ สุวรรณเกษตร ธนพัฒน์ สุขเกษม กันติพจน์ สิริภักดิสกุล ในฐานะตัวแทนคณะ 117 คน แถลงถึงการเตรียมยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอจัดตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ข้อ 16 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วไพบูลย์ กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไป คณะเตรียมการจัดตั้งพรรคประชาชนปฏิรูปทั้ง 117 คน จะรวบรวมประชาชนที่มีอุดมการณ์เดียวกันทั้งประเทศไม่น้อยกว่า 500 คน พร้อมทุนประเดิมคนละ 1000 บาทตามที่กฎหมายกำหนด คาดว่าจะครบจำนวน แล้วเปิดประชุมใหญ่ได้ภายในเดือน ก.พ. 2561 เพื่อรับรองข้อบังคับ เลือกกรรมการบริหารพรรค และหลังวันประชุมใหญ่ จะยื่นจดทะเบียนต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองต่อไปไพบูลย์ กล่าวว่า จากนั้นจะขยายสมาชิกพรรคที่ยินดีจ่ายค่าบำรุงพรรคปีละ 100 บาท ในทุกจังหวัด จังหวัดละไม่น้อยกว่า 100 คน เพื่อให้สมาชิกเลือกตัวพรรคประจำจังหวัด และสรรหาผู้สมัครส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ คาดว่าจะส่งผู้สมัครส.ส.ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของเขตเลือกตั้งทั้งหมด 350 เขต สำหรับอุดมการณ์และนโยบายเบื้องต้นมี 3 ข้อคือ 1. ปฏิรูปกิจการพุทธศาสนา 2. ปฏิรูปการเมือง สนับสนุนคนซื่อสัตย์สุจริตมีความสามารถเป็นนายกฯ เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. และ 3. ปฏิรูปเพิ่มอำนาจให้ประชาชน รายงานด้วยว่าไพบูลย์กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าตนให้เจ้าหน้าที่ยื่นหนังสือเพื่อขอจองชื่อพรรคการเมือง ว่าพรรคปฏิรูปประชาชน ชื่อย่อ ปชช. ต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง แต่เจ้าหน้าที่ผู้รับเรื่องปฏิเสธที่จะรับจองชื่อเพราะติดเงื่อนไขห้ามทำกิจกรรมและตั้งพรรคการเมืองตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ดังนั้นตนจึงเห็นใจ กกต. และเตรียมจะยื่นหนังสือเพื่อจองชื่อพรรคอีกครั้งหลัง คสช. ปลดล็อคคำสั่งดังกล่าว สำหรับความพร้อมของพรรค ขณะนี้มีผู้ร่วมอุดมการณ์และต้องการร่วมจัดตั้งพรรคแล้ว 117 คน ซึ่งกระจายอยู่ทั่วภูมิภาคของประเทศ และทันทีที่สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ จะเรียกประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดว่าด้วยการตั้งพรรคการเมืองใหม่พรรคประชาชนปฏิรูปยืนยันว่าจะเป็นพรรคการเมืองระบบใหม่ และจะไม่ทำเหมือนที่พรรคการเมืองในระบบ 70 พรรคที่ทำให้การเมืองไทยล้มเหลว สำหรับอุดมการณ์และนโยบายของพรรคนั้น เบื้องต้นมี 3 แนวทาง คือ ปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาให้อยู่ในพระธรรมวินัย ผ่านการออกกฎหมาย สนับสนุนบุคคลที่ซื่อสัตย์ สุจริต มีความสามารถ เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้เป็นนายกฯ อย่างไรก็ดีประเด็นนี้คือการสนับสนุนตัวบุคคล ไม่ใช่คณะของคสช. และ ปฏิรูปเพิ่มอำนาจให้ประชาชน ตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจรัฐ ไพบูลย์ กล่าวผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าเมื่อ 9 ส.ค.59ไพบูลย์ที่เพิ่งประกาศตั้งพรรคประชาชนปฏิรูปให้สัมภาษณ์กับ สำนักข่าวเนชั่น โดยยอมรับตรงๆ ขณะนั้น ว่า จุดประสงค์หนึ่งในการตั้งพรรคการเมือง เพราะต้องการให้เป็นเครื่องมือของประชาชนในการสนับสนุนให้คนดีมีความสามารถ มีความซื่อสัตย์สุจริตมาเป็นผู้นำประเทศ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่า นาทีนี้พล.อ.ประยุทธ์ มีความเหมาะสมที่สุดขณะที่เมื่อต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา พรรคที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นพรรคทหาร คือพรรคพลังชาติไทยกำลังเคลื่อนไหวจัดตั้งสาขาพรรคในต่างจังหวัด โดยพรรคนี้ ได้สร้างองค์กร จิตอาสา พลังชาติไทย ขึ้นมา และทุกกิจกรรมในห้วงเวลานี้ จึงเป็นเรื่องขององค์กรจิตอาสาฯพล.ต.ทรงกลด ทิพยรัตน์ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังชาติไทย นั้นมีคำถามมากมายในหมู่หัวคะแนนบ้านนอก แต่ก็ไม่มีข้อมูลมากนัก นอกจากข่าวสารหลังรัฐประหาร ทาง คสช.ได้มอบหมายให้ กอ.รมน. ไปดำเนินการตามกระบวนการปรองดองสมานฉันท์และให้จัดตั้ง คณะทำงานเตรียมการปฏิรูปเพื่อคืนความสุขให้คนในชาติ โดยมอบให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นหน่วยรับผิดชอบดำเนินการ
ไพบูลย์ เผยยื่นจองชื่อ พรรคประชาชนปฏิรูป กับ กกต. แต่ไม่รับ อ้างติดล็อค คสช. รอไปยื่นใหม่ชูธงหนุน ประยุทธ์ นั่งนายกฯปฏิรูปกิจการพุทธศาสนา และเพิ่มอำนาจให้ประชาชน 1 ธ.ค.2560 กรณีเมื่อต้นเดือน
การเมือง
ประยุทธ์ จันทร์โอชา,พรรคการเมือง,พรรคทหาร,พรรคประชาชนปฏิรูป,ไพบูลย์ นิติตะวัน
https://prachatai.com/journal/2017/12/74383
[ 0, 259, 137738, 99412, 82551, 184691, 30713, 259, 70433, 151987, 36903, 135174, 11723, 51083, 174161, 148601, 192537, 1, 0, 0 ]
ถ้าคุณถูกจีบในไอจี จะเชื่อได้เหรอ?
วันก่อนเพื่อนเปิดอินสตาแกรมหรือไอจีของตัวเองแล้วทำหน้าบูดบึ้ง พอเราเห็นหน้าเพื่อนไม่มีรอยยิ้มหลังเปิดไอจีของตัวเองแล้วก็แปลกใจ เพราะปกติเธอเข้าไปดูไอจีของตัวเองทีไรมักยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทุกที เนื่องจากเธอเป็นคนหน้าตาดี พอเพื่อนมาคอมเมนต์ภาพก็มักชมว่า สวยหรืองาม,แต่ทำไมคราวนี้ หลังหล่อนได้อ่านคอมเมนต์บางข้อความในนั้น ปรากฏว่าหน้าตาของเธอรู้สึกได้ทันทีว่า ไม่เอนจอย และ ไม่โอเค เอาซะเลย,แล้วหลังจากนั้น เธอก็เปรยๆขึ้นมาว่า มีใครก็ไม่รู้มาคอมเมนต์รูปภาพ (ซึ่งเป็นรูปของเธอนั่นแหละ) โดยเขียนประมาณว่า อยากจีบเธออะไรเงี้ย เช่นเขียนคอมเมนต์ว่า โอ๊ยโอ้ยผมอยากควงคุณไปเที่ยวได้ไหมคับ ไปเที่ยวกันไหม? ไปกันไหม? ไปเถอะๆ แล้วคุณจะชอบผมนะ,หนำซ้ำหนุ่มคนเดียวกันยังตามไปโพสต์ข้อความที่เป็นคอมเมนต์ในภาพอื่นๆของเธอด้วย โดยใช้คำพูดเชิงจีบอย่างออกนอกหน้า ว่า ผมโดนศรปักอกเข้าให้แล้ว อย่าลืมนะคับว่า ผมยังรออยากติดต่อคุณอยู่ หรือผมชอบคุณจริงๆนะ อยากควงคุณไปไหนมาไหนด้วย ถ้าควงกันแล้ว เราก็มาเป็นแฟนกันนะ มีงี้ด้วยและยังมีอีกนะ เช่น คอมเมนต์ไปหาคุณทุกวัน หวังว่าคุณจะตอบ (คอม) เมนต์ของผมบ้าง อย่าลืมนะว่าคิดถึงทุกวัน ทุกคืน ทุกเวลา ทุกนาทีโห มันจะอะไรขนาดนี้,ข้อสังเกต หนุ่มคนนี้ใช้ชื่อแฝงไม่ยอมบอกชื่อตัวเองจริงๆ ว่าเป็นใคร? ทำให้พอเพื่อนอ่านคอมเมนต์ของอีตานี่แล้ว เธอบอกเลยว่าน่ารังเกียจ,นอกจากนี้ เพื่อนยังเล่าให้ฟังว่า หนุ่มคนนี้เพิ่งตามมาคอมเมนต์แทบทุกภาพของเธอ แล้วก็เขียนทำนองหนุ่มจีบสาวอย่างที่เล่าให้ฟัง มีครั้งนึง หนุ่มคนนี้ยังเขียนคอมเมนต์ที่เธออ่านแล้วยังตกใจเลยว่า ถ้าคุณสวยผมก็ชอบ แต่ถ้าวันไหนคุณไม่สวยผมก็ทิ้งโถธาตุแท้มันก็เป็นอย่างนี้เอง?,พอเพื่อนลองคลิกเพื่อจะดูหน้าตาว่า เป็นอย่างไร? หนุ่มคนนี้ก็เอาภาพที่ไม่ใช่ใบหน้าของตัวเองลงแต่เป็นภาพอื่นเช่นหมูหมากาไก่เป็นภาพโปรไฟล์ในอินสตาแกรม และไม่เคยโพสต์รูปภาพใดๆทั้งสิ้น คล้ายอยากปกปิดชีวิต, หน้าตาและเรื่องราวของตัวเองแบบนี้ไม่แน่จริงนี่หว่า,เพื่อนบอกว่า เบื่อและเซ็งกับผู้ชายแบบนี้มาก ที่ปากก็พร่ำจีบสาวไปทั่ว แต่เจ้าตัวกลับปิดบังตัวเองไว้ ไม่ยอมเปิดเผยตัวตนว่าเป็นใคร? แถมยังเขียนคอมเมนต์จีบสาวโดยใช้ข้อความที่ไม่น่ารักเอาซะเลย,เพื่อนยังบ่นต่อไปว่า พอมีสังคมออนไลน์ เมื่อเปิดกว้างให้คนทั่วไปสามารถมาเห็นข้อมูล, รูปภาพและวิดีโอของเราได้ ก็ถือเป็นดาบสองคมไปในตัว,เราจึงบอกไปว่า ถ้าอย่างนั้นก็ควรทำใจไว้ตั้งแต่แรกว่า เธออาจได้เจอคนที่เป็นมิตร, เป็นศัตรูหรือคนที่ชอบหลอกลวง ตลอดจนคนที่บ้าๆบอๆ คือเรียกว่า เจอคนทุกประเภทก็แล้วกัน ถ้าหากเพื่อนเปิดโหมด (การตั้งค่า) ไอจีหรือเฟซบุ๊กไว้เป็นสาธารณะ ดังนั้นใครๆจึงสามารถเข้ามาเห็น (ภาพ, ข้อมูลและวิดีโอของคุณ) ได้, ดูได้, ส่องได้ จึงต้องยอมรับผลที่ตามมาด้วย,เพื่อนบอกว่า คนอื่นที่เข้ามาดูไอจีของเธอก็ไม่เห็นใครจะคอมเมนต์บ๊องส์ๆอย่างนี้เลย เธอจึงสงสัยว่า หนุ่มคนที่เข้ามากะจีบเธอนั้น ต้องไม่ใช่คนดีแน่ๆ แต่เราก็บอกให้ลองดูกันต่อไป เดี๋ยวถ้ามันเข้ามาคอมเมนต์แล้วเพื่อนไม่ตอบ, ไม่พูดด้วย, ไม่เออออไปกับมัน เค้าอาจหมดความอดทนแล้วไม่เข้ามาเมนต์อีกก็ได้ เพื่อนบอกว่า โหถ้าเป็นอย่างนี้ก็ดีสิ เราก็อวยพรว่า ขอให้มันรีบๆถอยห่างไปเร็วๆเถิด เพื่อนจะได้หายเครียดกับหนุ่มรายนี้ซะที ถึงแม้เค้าทำทีเป็นมาจีบ แต่รับรองได้ว่าไม่มีใครบ้าจี้อยากเป็นแฟนด้วยหรอก,เหตุนี้ เพื่อนจึงตกอยู่ในฐานะของคนถูกจีบ ที่หากอธิบายก็คือ คนที่ถูกใครสักคนมาแอบชอบแอบรักแอบหลง แต่จะเป็นความรักและความชอบที่แท้จริงหรือไม่อันนี้ยังสงสัยมาก,ในเมื่อเพื่อนถูกใครก็ไม่รู้จีบอย่างนี้ จะสามารถให้คำแนะนำหรือช่วยเพื่อนบ้างได้ไหม? คำตอบคือ ช่วยเพื่อนน่ะช่วยได้อยู่แล้ว แต่อย่างแรกเลย เพื่อนก็ควรใจเย็นหน่อยนะ เพราะพอเห็นข้อความยียวนกวนใจแบบนี้แล้ว ก็อย่าไป ร้อนอกร้อนใจ หรือ หัวร้อน อะไรมาก ขอแนะนำว่า.,1.ถ้าคุณไม่ชอบข้อความของบุคคลคนนี้มากละก็ พอเห็นชื่อเค้า ก็พยายามมองข้อความที่เค้าคอมเมนต์เข้ามาผ่านๆไปซะละกัน ทำเป็นว่าเค้าไม่มีตัวตนยิ่งดี จะได้ไม่กวนใจคุณมากนัก,คนแบบนี้ก็แปลกนะ อยู่ดีๆก็มาติดใจคนอื่นโดยที่ยังไม่ได้ศึกษานิสัยใจคอกันเลย แต่จะว่าไป พวกที่รักคนอื่นข้างเดียว ก็มักเป็นแบบนี้แหละ ถ้าถามว่า ผิดไหม? ก็ไม่ผิดอะไร เพียงแต่ควรดูกาลเทศะและการใช้คำพูดที่สุภาพบ้าง อย่าบ้าบอดันทุรังจีบเค้าไปเรื่อยๆ จนไม่คำนึงถึงความเป็นไปได้ละกัน,2.เมื่อถูกจีบ ฝ่ายที่ถูกจีบในไอจีหรือในอินสตาแกรมก็ควรทบทวนและ คำนึงถึงภาพที่จะโพสต์ออกไปให้คนอื่นเห็นด้วยนะ ว่า ภาพไหนเหมาะสมควรปล่อยไปได้ หรือภาพไหนไม่ควรปล่อยออกไป และ,3.ถ้าตั้งค่าให้ไอจีเป็นส่วนตัวได้ก็ดีนะ จะได้เป็นการป้องกันไว้ดีกว่าแก้.,@@@@,เมอร์ลิน
เหตุนี้ เพื่อนจึงตกอยู่ในฐานะของคนถูกจีบ ที่หากอธิบายก็คือ คนที่ถูกใครสักคนมาแอบชอบแอบรักแอบหลง แต่จะเป็นความรักและความชอบที่แท้จริงหรือไม่อันนี้ยังสงสัยมาก
ไลฟ์สไตล์,ไลฟ์
ความรัก,ร้อยแปดพันเก้า,เมอร์ลิน,อินสตาแกรม,คนถูกจีบ
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1381734
[ 0, 259, 97354, 204606, 135647, 4728, 94731, 233700, 2361, 17117, 1549, 82749, 134294, 148328, 8378, 40626, 8302, 44109, 6582, 259 ]
เทียบฟอร์มส่องประวัติ 3 ทีมเต็งแชมป์ ศึกโต๊ะเล็กสโมสรเอเชีย
เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน ศึกการชิงเจ้าโต๊ะเล็กแห่งทวีปเอเชียระดับสโมสร รายการ เอเอฟซี ฟุตซอล คลับ แชมเปียนชิพ 2016 จะระเบิดความมันขึ้นอีกครั้งที่ประเทศไทย บนสังเวียนอันเลื่องชื่ออย่าง บางกอก อารีนา โดยมี 12 ยอดทีมชั้นนำของเอเชีย ตบเท้าเข้าร่วมชิงความเป็นหนึ่งอย่างยิ่งใหญ่,การแข่งขันในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 7 ทีมทางสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี เป็นโต้โผใหญ่ในการรังสรรค์ขึ้น แต่เป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นภาพจัดการแข่งขัน ซึ่งจะเริ่มประเดิมนัดแรก รอบแบ่งกลุ่มในวันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคมนี้,ซึ่งก่อนที่การชิงชัยจะเริ่มขึ้น ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์ ขอพาไปรู้จักกับ 3 ทีมเต็งแชมป์ของการแข่งขันรายการนี้ ซึ่งล้วนแต่พกดีกรีแชมป์เก่ามาด้วยกันทั้งสิ้น และเส้นทางของพวกเขารวมถึงขุมกำลังมีความพร้อมแค่ไหน ในการไล่ล่าแชมป์อีกสมัย,ทาซิซัต ดาร์ยาอี (Tasisat Daryaei FSC),หากจะพูดถึงความเป็นเจ้าโต๊ะเล็กเอเชีย แน่นอนว่า อิหร่าน ถือครองความเป็นหนึ่งมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน แม้จะมีบ้างในระยะหลังที่ญี่ปุ่น ขึ้นมาทาบรัศมีได้เป็นครั้งคราว แต่ในระดับสโมสรแล้ว ขุนพลโต๊ะเล็กแห่งแดนเปอร์เซีย ต่างมีนักเตะจากรุ่นสู่รุ่นที่ฝีเท้ายอดเยี่ยม ขึ้นชั้นมาทดแทนกันได้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา    ,ทาซิซัต ดาร์ยาอี ฟุตซอล คลับ ถือกำเนิดมาเมื่อปี 2012 และใช้เวลาเพียงปีเดียว ก็คว้าสิทธิเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้อย่างสุดเซอร์ไพรส์ และหลังจากนั้น 2 ฤดูกาล พวกเขาก็เถลิงแชมป์ อิราเนียน ฟุตซอล ซุปเปอร์ลีก ได้ถึง 2 สมัยติดต่อกัน (2014-15, 2015-16) โดยมีขุมกำลังผู้เล่นทีมชาติ และดาวเตะชั้นแนวหน้าของประเทศอยู่ล้นทีมเลยทีเดียว  ,หลังจากครองความเป็นในประเทศได้แบบเบ็ดเสร็จ ทาซิซัต ก็คว้าเทพเจ้าฟุตซอลระดับตำนานอย่าง วาฮิด ซัมซาอี หนึ่งในลูกศิษย์ก้นกุฏิของ วิคเตอร์ เฮอร์มัน เข้ามารับบทโค้ช & เพลย์เยอร์ และเพียงปีแรกบนเวทีระดับนานาชาติ พวกเข้าก็คว้าแชมป์เอเชียมาครองได้อย่างเต็มภาคภูมิต่อหน้ากองเชียร์เพื่อนร่วมชาติ เมื่อเอาชนะ อัล คาดเซีย จากคูเวตไปอย่างสนุกสะใจ 5-4 อีกทั้ง วาฮิด ซัมซาอี ยังครองตำแหน่ง MVP และดาวซัลโวมาครองด้วยเช่นกัน    ,และในปี 2016 ทาซิซัต ดาร์ยาอี ยังคงถูกยกให้เป็นหนึ่งในเต็งแชมป์เช่นเคย เมื่อขุนพลนักเตะหน้าเดิมยังคงอยู่กันพร้อมหน้า ไม่ว่าจะเป็น โมฮัมหมัด เคชาวาร์ซ, ฮามิด อาห์มาดี, อาลี ฮัสซันซาเดห์, โมสตาฟา นาซารี, กอดรัต บาฮาโดรี และ วาฮิด ซัมซาอี ที่จะนำทีมลงป้องกันแชมป์อีกครั้งในวัย 40 ปี ,ชลบุรี บลูเวฟ (Chonburi Bluewave),สุดยอดโต๊ะเล็กแห่งสยามประเทศ เจ้าของสถิติต่างๆ มากมายในศึกฟุตซอลไทยลีก และอดีตแชมป์รายการนี้เมื่อปี 2013 ที่ถูกคาดหมายให้เป็นหนึ่งในทีมเต็งด้วยเช่นกัน เพราะด้วยศักยภาพผู้เล่นดีกรีทีมชาติล้นทีมแล้ว ยังมีความได้เปรียบที่สำคัญในครั้งนี้ นั่นคือการลงเล่นในฐานะเจ้าภาพต่อหน้ากองเชียร์ของตัวเองอีกด้วย    ,สำหรับทีมดังแห่งภาคตะวันออก คือหนึ่งในขาประจำของศึก เอเอฟซี ฟุตซอล คลับ แชมเปียนชิพ เลยก็ว่าได้ เพราะถือสิทธิเข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้มาอย่างต่อเนื่องถึง 5 สมัย ก่อนจะพีคสุดขั้วในการแข่งขันปี 2013 ที่ ญี่ปุ่น เมื่อสามารถดับตัวเต็งอย่าง จิติ ปาซานด์ อิสฟาฮาน จากอิหร่าน ในรอบชิงดำไปอย่างใจหายใจคว่ำ ด้วยการดวลจุดโทษ 5-2 หลังจากเสมอกันในเวลา 1-1 คว้าแชมป์มาได้ชนิดสะใจกองเชียร์ ภายใต้การคุมทีมของ ปูลปิส กุนซือสมองเพชรชาวสเปน พร้อมกับส่ง เจ้าอาร์ม ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ขึ้นไปครองรางวัล MVP ประจำทัวร์นาเมนต์ได้อีกด้วย    ,สำหรับในการแข่งขันครั้งนี้ ชลบุรี บลูเวฟ ได้ตัว หมีรินโญ รักษ์พล สายเนตรงาม หนึ่งในหัวกะทิของวงการโต๊ะเล็กไทยรับบทแม่ทัพใหญ่ หมายมั่นปั้นมือไว้อย่างเต็มที่ว่าต้องเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ และคว้าแชมป์มาครองให้ได้อีกครั้ง หลังจากเมื่อปี 2015 ต้องเสียรังวัดไปพอสมควร เมื่อต้องตกรอบแรกไปแบบน่าเจ็บใจ    ,ขณะที่ขุมกำลังยังคุณภาพคับแก้วเช่นเคย นำโดย ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง, ณัฐพล สุทธิโรจน์, ณัฐวุฒิ หมัดยะลาน, อภิวัฒน์ แจ่มเจริญ รวมไปจนถึงดาวเตะทีมชาติอย่าง เจษฎา ชูเดช ที่ถูกยืมตัวมาจาก ราชนาวี เพื่อลงแข่งขันรายการนี้โดยเฉพาะด้วยเช่นกัน    ,แต่ในการแข่งขันรายการนี้ บลูเวฟ ต้องพบกับงานหนักตั้งแต่รอบแรก เพื่อต้องโคจรมาพบกับ นาโกยา โอเชียนส์ หนึ่งในทีมเต็งของการแข่งขัน และต้องพยายามเข้ารอบให้ได้ในฐานะแชมป์กลุ่มเท่านั้น เพื่อจะได้ไม่ต้องไปปะทะแข้งกับ ทาซิซัต แชมป์เก่า ที่คาดว่าน่าจะผ่านเข้ารอบสองในฐานะแชมป์กลุ่ม บี,นาโกยา โอเชียนส์ (Nagoya Oceans),ยอดทัพโต๊ะเล็กแห่งเมืองนาโกยา เจ้าของฉายา ดิ โอเชียนส์ ครองความยิ่งใหญ่บนศึกเจลีกฉบับฟุตซอล ด้วยการคว้าแชมป์ 9 สมัยติดต่อกัน ตั้งแต่ 2007-2016 และทีมตัวแทนหนึ่งเดียวจากแดนอาทิตย์อุทัย ในการแข่งขันศึกฟุตซอลสโมสรเอเชียทั้ง 6 ครั้งก่อนหน้านี้         ,ส่วนในการชิงเจ้าโต๊ะเล็กระดับทวีป นาโกยา โอเชียนส์ ครองสถิติต่างๆ มากมาย ทั้งการคว้าแชมป์มากที่สุด 2 สมัย ในปี 2011 และ 2014, สถิติชนะมากที่สุดจำนวน 19 เกม, ยิงได้มากที่สุด 130 ลูก จากการลงเล่นทั้งสิ้น 28 นัดในการแข่งขันรายการนี้,ด้านขุมกำลังลูกทีมของ วิคเตอร์ อะคอสตา การ์เซีย ยังคงเปี่ยมไปด้วยผู้เล่นระดับคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น วาตารุ คิทาฮาระ, ราฟาเอล ซากาอิ, โทโมอากิ วาตานาเบะ, ฮิโรกิ อุระคามิ, ฮิเดคาซู ชิราคาตะ รวมไปจนถึงดาวเตะอาร์เจนไตน์โอนสัญชาติ อย่าง แมทเธียส เฮอร์นาน และ ซิมบินญา แข้งบราซิเลียน,ส่วนที่ลืมไม่ได้เลยคือ เทพเจ้าฟุตซอลแห่งแดนปลาดิบอย่าง คาโอรุ โมริโอกะ แข้งจอมเก๋าวัย 37 ปี ลูกครึ่งญี่ปุ่น-เปรู ที่ผ่านศึกมาอย่างโชกโชน ทั้งในสีเสื้อทีมชาติและสโมสร ก็หวังที่จะล้างอายจากการตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในปี 2015 ที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน,อย่าลืมเข้าไปให้กำลังใจ ชลบุรี บลูเวฟ ตัวแทนจากศึก เอไอเอส ฟุตซอล ไทยแลนด์ลีก ในการไล่ล่าแชมป์มาประดับตู้โชว์ของสโมสรอีกสมัย รวมถึงไปร่วมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ระดับเอเชียกับแข้งคุณภาพได้อย่างจุใจ ที่สนามบางกอก อารีนา ในระหว่างวันที่ 15-23 กรกฎาคมนี้ หรือหากแฟนกีฬาท่านใดที่ไม่สะดวกไปชมติดขอบสนาม ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 รับหน้าที่ถ่ายทอดสดความตื่นเต้น เร้าใจ ให้ชมกันถึงบ้านเช่นเคย
เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน ศึกการชิงเจ้าโต๊ะเล็กแห่งทวีปเอเชียระดับสโมสร รายการ เอเอฟซี ฟุตซอล คลับ แชมเปียนชิพ 2016 จะระเบิดความมันขึ้นอีกครั้งที่ประเทศไทย บนสังเวียนอันเลื่องชื่ออย่าง บางกอก อารีนา โดยมี 12 ทีมเข้าร่วม
ฟุตซอล,เอเอฟซี ฟุตซอล คลับ แชมป์เปียนชิพ 2016,ฟุตซอลสโมสรชิงแชมป์เอเชีย 2016,ชลบุรี บลูเวฟ,นาโกยา โอเชียน,ทาซิซัต ดาร์ยาอี,ข่าว,ข่าวกีฬา,ไทยรัฐออนไลน์,เอไอเอส ฟุตซอล ไทยแลนด์ลีก,ไทยรัฐทีวี,ช่อง 32
https://www.thairath.co.th/content/660712
[ 0, 259, 58987, 48963, 133827, 6196, 259, 44836, 30990, 22401, 63098, 259, 38058, 164000, 3682, 17117, 37801, 87168, 1, 0 ]
2 ตัวท้าย 95 คอหวยเฮ ตรงเลขทะเบียนรถฟอร์จูนเนอร์
สาวอุดรฯกลายเป็นเศรษฐินีคนใหม่ หลังถูกรางวัลที่ 1 แบบจัดเต็มยกชุดรวยระเบิดระเบ้อ 48 ล้านบาท ส่วนหนุ่มสกลนครรับเละ 18 ล้านบาท จากรางวัลที่ 1 เหมือนกัน ขณะที่นักเล่นเลขเฮกันทั้งบางเสียงดังกันทั่วเมือง รางวัลเลขท้ายสองตัวงวดประจำวันที่ 1 มิถุนายน 2561 ออกเลข 95 ตรงเป๊ะกับเลขท้ายรถฟอร์จูนเนอร์ของโฟร์แมนการบินไทยที่กลายเป็น คนเหนือดวง รอดปาฏิหาริย์จากรถที่ถูกทับแบนเป็นกล้วยปิ้ง นักเล่นหวยรับทรัพย์กันถ้วนทั่ว เมียเจ้าของรถก็ได้โชคพอหอมปากหอมคอ เผยเจ้ามือหวยใต้ดินบางรายใจไม่ถึงไม่กล้ารับแทงเลข 95 บางรายใจถึงรับแทงแต่จ่ายครึ่งเดียว,ตะลึงตึงตึงเป็นที่ฮือฮากันไปทั่วประเทศ ภายหลังจากรางวัลเลขท้าย 2 ตัวของการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 1 มิถุนายน 2561 ได้ออกเลข 95 ส่งผลให้นักเลงหวยทั่วทั้ง แผ่นดินพากันโห่ร้องทั้งด้วยความดีใจและเสียใจ เนื่องจากเลขดังกล่าวเป็นเลขเด็ดที่มีผู้กะเก็งกัน จากทะเบียน 3 กถ 1695 รถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ของนายวรวุฒิ อยู่ญาติมาก หนุ่มโฟร์แมนบริษัทการบินไทย วัย 42 ปี ที่ประสบอุบัติเหตุแบบช็อกโลก ถูกรถพ่วงตู้คอนเทนเนอร์บรรทุกกากถั่วเหลืองหนักกว่า 46 ตัน เอนล้มลงมาทับรถของนายวรวุฒิ จนบี้แบนทั้งคันแทบเป็นกล้วยปิ้ง บริเวณทางโค้งวัดพลมานีย์ ถนนประชาพัฒนา แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. แต่กระนั้นนายวรวุฒิรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์และตกเป็นข่าวครึกโครม ผู้คนพากันโจษจันกล่าวขานถึงความเป็น คนเหนือดวง ของนายวรวุฒิ ในเหตุการณ์ที่สุดเหลือเชื่อชนิดเหนือฟ้าใต้บาดาล ขณะที่เหล่านักเล่นเลขได้แห่นำเลขทะเบียนรถไปหาซื้อหวยกันยกใหญ่ ทั้งลอตเตอรี่และหวยใต้ดิน จนเจ้ามือหลายเจ้าขยาดไม่กล้ารับแทง บางรายใจถึงหน่อยรับแทงแต่ก็จ่ายเพียงครึ่งเดียว,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ที่โห่ร้องด้วยความดีใจหลังหวยออก คือผู้ที่ทุ่มแทงเลข 95 เป็นจำนวนมาก บางคนชนิดที่เรียกว่าทุ่มแทงหมดหน้าตัก เพราะเชื่อว่าเลขทะเบียนรถฟอร์จูนเนอร์ของนายวรวุฒิศักดิ์สิทธิ์จริง ทำให้รับทรัพย์ก้อนโต ส่วนคนที่โห่ร้องด้วยความเสียใจ เป็นเพราะไม่ได้นำเลขนี้ไปซื้อ ทั้งที่เป็นเลขดังสุดๆ เลยพลาดโอกาสได้เงินไปอย่างน่าเสียดาย,เย็นวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของนายวรวุฒิ อยู่ที่หมู่บ้านพิสาร ซอย 6 แขวงและเขตลาดกระบัง เพื่อสอบถามถึงเรื่องเลขรถฟอร์จูนเนอร์ที่ให้โชค พบนางละมุล อยู่ญาติมาก อายุ 39 ปี หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ภรรยานายวรวุฒิ อยู่ที่บ้านและเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้ซื้อสลากกินแบ่งฯงวดวันที่ 1 มิถุนายน 61 มา 1 ฉบับ มีเลขท้าย 95 และถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว โดยซื้อเมื่อวันที่ 30 พ.ค. ขณะไปเยี่ยมสามีที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวิภาราม ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพฯ และเดินลงมา ซื้อของบริเวณหน้าโรงพยาบาล เห็นแม่ค้าขายสลาก กินแบ่งรัฐบาลแถวนั้น มีเลขท้ายด้วย 95 อยู่ จึงซื้อตามเลขทะเบียนรถของสามี โดยซื้อมาใบเดียวและถูก ทั้งยังซื้อหวยใต้ดินเลข 95 อีกจำนวนหนึ่งได้เงินมาพอสมควร นอกจากนี้ ยังทราบมาว่า คนที่ทำงานถูกกันหมดทั้งบริษัท ในหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ก็มีคนหลายคนถูกหวยจากเลขรถของสามีเช่นกัน ส่วนที่ทำงานของสามีคือที่บริษัทการบินไทย จำกัด ก็ทราบมาว่ามีคนถูกหวยเลข 95 กันมากเหมือนกัน,นางละมุลเผยต่อว่า สำหรับเงินที่ถูกหวยที่ได้รับในครั้งนี้ตั้งใจว่าจะนำเงินทั้งหมดไปซื้ออุปกรณ์การแพทย์และอุปกรณ์ช่วยชีวิตให้กับอาสาสมัครที่ช่วยเหลือสามี และแบ่งเงินบางส่วนไปทำบุญ นอกจากนี้ ยังต้องขอบคุณบริษัทโตโยต้า ที่จะนำรถมาให้ยืมใช้ชั่วคราว ขณะที่กำลังเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องค่าเสียหาย เรื่องค่าเสียหายนั้นไม่อยากจะเรียกร้องอะไรมากเพราะเป็นอุบัติเหตุ อีกทั้งรถก็ยังเหลือผ่อนอีกเพียง 13 งวด บริษัทประกันภัยนำรถไปเก็บและตีราคาให้เป็นซากรถไปแล้ว โดยมีการนัดพูดคุยไกล่เกลี่ยในวันจันทร์ที่ 4 มิ.ย.,ในจำนวนผู้ถูกรางวัลใหญ่ของสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดนี้ มีชาวอุดรธานีกลายเป็นเศรษฐินีคนใหม่ หลังถูกรางวัลที่ 1 แบบยกชุด รวยอู้ฟู่เป็นเงินก้อนโตถึง 48 ล้านบาท โดยเมื่อเวลา 18.00 น. วันเดียวกัน น.ส.ณภัทร ศรีทอนสุด อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 129/4 ถนนบ้านเหล่า ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี เข้าพบ ร.ต.อ.เสถียร วงศ์หาจักร รองสว. (สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี แจ้งว่า ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 ประจำงวดวันที่ 1 มิถุนายน 2561 หมายเลข 988117 จำนวน 8 ใบ เป็นเงินถึง 48 ล้านบาท,น.ส.ณภัทรเผยที่มาที่ไปของความโชคดีเป็นเศรษฐินีแบบไม่คาดฝันมาก่อนว่า ก่อนพบความโชคดีครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต ได้ไปเที่ยวที่จังหวัดมุกดาหารและซื้อลอตเตอรี่ที่มีเลขท้าย 117 มาแบบยกชุด 8 ใบ ขากลับได้แวะมาขอพรปู่ศรีสุทโธและแม่ย่าปทุมมา ที่คำชะโนด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เมื่อหวยออก รู้ว่าถูกรางวัลที่ 1 ด้วยความตื่นเต้นและป้องกันเหตุต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ จึงรีบมาลงบันทึกประจำวันและจะเดินทางไปขึ้นเงินรางวัลกับญาติ,สำหรับ น.ส.ณภัทร เป็นหลานสาวของ นพ.วิชัย ชัยจิตวณิชกุล ผอ.รพ.เพ็ญ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี อดีต รมช.พาณิชย์ ในรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ไปสอบถาม นพ.วิชัย เจ้าตัวกล่าวยอมรับว่า น.ส. ณภัทรเป็นหลานสาว ถูกหวยรางวัลที่ 1 ประจำงวดวันที่ 1 มิ.ย.61 เป็นเงิน 48 ล้านบาทจริง หลานสาวทำธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ แต่เป็นคนชอบทำบุญ เดินทางไปกราบพระธาตุพนมแล้วเลยไปทำบุญที่มุกดาหารและซื้อลอตเตอรี่เลขท้าย 17 ซึ่งเป็นเลขวันเกิดของเขาที่เกิดวันที่ 17 กรกฎาคม 2521 จากนั้นได้กลับมาไหว้พญาเต่างอยและไหว้ปู่ศรีสุทโธ แม่ย่าปทุมมา ขอให้ถูกรางวัลใหญ่ ต่อมาได้ฝันเห็นพญานาค 2 ตนมาหามีสีดำ และ 7 สี หลานคิดว่าต้องโชคดีแน่นอน กระทั่งมารู้ว่าถูกรางวัลใหญ่ รู้สึกดีใจที่สุด อีก 2-3 วัน จะพาหลานไปขึ้นรางวัลที่กรุงเทพฯและจะแบ่งเงินไปทำบุญ,ส่วนผู้โชคดีรับเงินก้อนโตจากการถูกรางวัลที่ 1 ในงวดนี้อีกรายคือ นายอดิศร บุญทอง อายุ 35 ปี อยู่ที่ ต.โนนหอม อ.เมืองสกลนคร ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ สกลนคร หลังโชคดีได้นำลอตเตอรี่หมายเลข 988117 จำนวน 3 ใบ เข้าพบ ร.ต.อ.หญิง มาลินี โมราราษฎร์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสกลนคร ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อสอบถามได้รับคำตอบว่าไม่ประสงค์จะเปิดเผยรายละเอียดใดๆ,อีกรายเป็นพ่อค้าไข่ไก่หนุ่มใหญ่ โชคดีถูกรางวัลที่ 1 เป็นเงิน 6 ล้านบาท โดยช่วงเย็นวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีพ่อค้าขายไข่ไก่ที่ตลาดนัดพอเพียง หมู่ 2 ตำบลบ้านเกาะ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงไปตรวจสอบพบพ่อค้าแม่ค้าในตลาดต่างจับกลุ่มพูดคุยกันและร่วมแสดงความยินดีกับนายน้อย รักษาถ้อย อายุ 56 ปี อยู่หมู่ 4 ตำบลบ้านนา อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก พ่อค้าขายไข่ไก่ที่นั่งคู่อยู่กับ น.ส.พิมสงวน ไกรสมศาสตร์ อายุ 28 ปี ภรรยาสาว ด้วยความดีใจที่มีโชคก้อนโตแบบไม่คาดฝัน,จากการสอบถามนายน้อยเล่าว่า ยึดอาชีพเป็นพ่อค้าขายไข่ไก่มานานกว่า 1 ปี และอยู่กินกับ น.ส.พิมสงวน มา 3 ปีแล้ว เมื่อช่วงเช้าวันนี้มาจัดร้านขายไข่ไก่ตามปกติ มีแม่ค้าขายลอตเตอรี่ขี่รถจักรยานผ่านมาขาย จึงถามหาซื้อเลข 117 ได้มา 1 ใบในราคา 80 บาท ภายหลังผลรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลออกมา นึกขึ้นได้ว่าสลากที่ตนซื้อตรงกับรางวัลที่ 1 จึงรีบโทรศัพท์หาภรรยา ส่วนเลขที่ซื้อได้โชคมาจากที่ได้ซื้อรถเก๋งฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีบรอนซ์เงิน เลขทะเบียน 9677 พระนครศรีอยุธยา เมื่อต้นเดือน เจ้าของรถที่ขายให้บอกว่า ให้ซื้อเลข 117 ทิ้งไว้ด้วย จนได้โชคก้อนใหญ่ครั้งนี้,นายน้อยกล่าวอีกว่าเคยคิดว่าจะเก็บเงินไว้จัดงานแต่งงานกับภรรยาเพราะเขาเป็นคนดี รักตนมากทั้งที่อายุเราสองคนก็ต่างกันมาก แต่เขาก็รักเรา อยู่ข้างกายเรา รักเรามาโดยตลอดและเราก็รักเขามาก ตอนนี้ฝันเป็นจริงแล้ว จากนี้จะเดินทางไปขึ้นเงินรางวัล และจหาฤกษ์แต่งงาน พร้อมกับทำบุญให้กับพ่อแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนเงินที่เหลือจะเก็บไว้ฝากธนาคาร เพื่ออนาคตของครอบครัว และจะยึดอาชีพขายไข่ไก่ไปตลอดเนื่องจากเป็นอาชีพสุจริตและเป็นอาชีพที่ทำให้ครอบครัวอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้,เศรษฐีใหม่ประจำงวดนี้ อีกคนคือนายบ่าว ไม่มีนามสกุล อายุ 38 ปี ผู้ถือบัตรประจำตัวบุคคลพื้นที่สูง นำสลากกินแบ่งฯ งวดวันที่ 1 มิ.ย. เลข 988117 จำนวน 1 ใบ ถูกรางวัลที่ 1 ได้เงิน 6 ล้านบาท เข้าลงบันทึกประจำวันกับ ร.ต.อ.เกรียงไกร สังขันธิ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ในความมีโชคครั้งนี้ นายบ่าวกล่าวด้วยความดีใจว่า มีอาชีพขี่รถ จยย.วินท่ารถประจำทางสังขละบุรี ซื้อลอตเตอรี่จากแผงค้าที่ตลาดเทศบาลวังกะ เงินที่ได้จะนำไปซ่อมแซมบ้านและทำบุญ และเป็นทุนการศึกษาลูกสาว ขณะเดียวกัน มีนายสมชาย ทองผาภูมิพรทวี ผู้ช่วยผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง นำสลากกินแบ่งฯ 988116 ถูกรางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 ได้เงิน 100,000 บาท มาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานด้วย,ค่ำวันเดียวกันผู้สื่อข่าวไปที่บ้านเลขที่ 92 หมู่ 6 ต.หนองงูเหลือม อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ของนายทินกร คงนาค อายุ 43 ปี กับนางสดศรี คงนาค อายุ 38 ปี สองผัวเมียอาชีพทำสวนทำนา หลังทราบว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 เป็นเงิน 12 ล้านบาท พบญาติๆ และเพื่อนบ้านมาแสดงความยินดีจำนวนมาก นางสดศรีได้โชว์ลอตเตอรี่ถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 2 ใบมาแสดง กล่าวว่า ช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา ไปจ่ายค่าประกันรถแล้วแวะซื้อลอตเตอรี่ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.บ้านน้ำอ้อม ต.น้ำอ้อม อ.กันทรลักษ์ โดยเลือกเลขท้าย 17 แล้ววางไว้หน้ารถไม่ได้ให้ความสนใจ กระทั่งหวยออกจึงนำลอตเตอรี่มาตรวจถึงรู้ว่าถูกรางวัลใหญ่
สาวอุดรฯกลายเป็นเศรษฐินีคนใหม่ หลังถูกรางวัลที่ 1 แบบจัดเต็มยกชุดรวยระเบิดระเบ้อ 48 ล้านบาท ส่วนหนุ่มสกลนครรับเละ 18 ล้านบาท จากรางวัลที่ 1 เหมือนกัน
ข่าว,ทั่วไทย
ข่าวหน้า 1,หวย 48 ล้าน,สลากกินแบ่งรัฐบาล,รางวัลที่ 1,หวย,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/1297307
[ 0, 259, 36247, 69674, 96187, 26036, 103477, 68026, 1549, 333, 259, 7850, 37801, 63583, 63388, 31542, 78182, 205967, 36595, 36445 ]
โสมชบาจ๊ะจ๋า 22/11/61
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯทรงเปิดงานกาชาด และพระราชทานเกียรติบัตรแก่ผู้ชนะประกวด และทอดพระเนตรการแสดงขบวนธง รถโบราณ ว่าวไทย นิทรรศการพระบรมราชูปถัมภก 6 แผ่นดิน 125 ปีสภากาชาดไทย ที่สวนลุมพินี 22 พ.ย. เวลา 17.00 น. ,หลังจัดประกวดวาดภาพ ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่ 2561 ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พร้อมเงิน 1.77 ล้าน ชาติชาย พยุหนา-วีชัย บอสแบงก์ออมสิน ก็จัดพิธีมอบรางวัล โดยมี อ.อิทธิพล ตั้ง-โฉลก และ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ร่วมงาน และนำจิตรกรรมที่ได้รางวัล 24 ภาพมาจัดแสดง,ปีนี้เจอหนูกัดสายไฟเบนซ์ จนต้องส่งเข้าศูนย์ซ่อมไปสองรอบแล้ว จน นิยม เมืองอุดม เศรษฐีบ่อกุ้งบ่นอุบ เพื่อนจึงแนะนำให้เลี้ยงแมว เพราะน่าจะง่ายกว่าส่งเข้าศูนย์ซ่อม ที่อยู่ห่างไปกว่า 300 กม. ,ถ่ายภาพดีระดับ National Geographic ฝีปากบทกวี ก็ญาติๆ สุนทรภู่ ร้องเพลงก็ไม่แพ้ ชมพู ฟรุตตี้ (นักร้องรวมยุค) นพ.วิศิษฐ์ ค้อสุวรรณดี สูตินรีแพทย์ยังใจดีมีเสน่ห์เหลือเฟือ จึงมีแม่บ้านคนงานขอกอด อาจารย์หมอ ล่ำลาตอนเลิกงานทุกวัน ให้บุคลากรอื่นของ รพ.ค้อนใส่,จัดแคมเปญห้างแตก ปิยวรรณ ลีละสมภพ และ วีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร จัด KDAY เฮ DAY @ CENTRAL / ZEN มอบสิทธิพิเศษลูกค้าบัตรเครดิตกสิกร 3 ต่อ ด้วยส่วนลด 80% วันที่ 22-25 พ.ย. และเฉพาะวันนี้ แจกบัตรของขวัญ 5,000 บาท 200 สิทธิ์ ที่เซ็นทรัลชิดลม,ส่วน ปวริศา ชุมวิกรานต์ ขยันออกแคมเปญ โปรโมต LINE MOBILE ซิมมือถือ ให้โทร. แชตเล่นเน็ต ในรูปแบบดิจิทัลมาทั้งปี กำลังสุดปลื้ม ที่ LINE MOBILE ไทยได้รับเลือกจาก Influential Brands® ให้รับรางวัล Outstanding Brand ในงาน 2018 ASIA CEO SUMMIT & AWARD CEREMONY ที่สิงคโปร์,ยามนี้ จิตรลดา กัลย์จาฤก และ พิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล เจอใครก็ชวนให้เตรียมไปงานเปิดตัวฟิตเนสของลูกๆ ที่ร่วมกันทำที่หลังสวน--คาดว่า น้องสตางค์คงมีแรงบันดาลใจจากไลฟ์สไตล์ของมารดาคนสวย คุณตุ๊กตา–จิตรลดา ที่ไม่เคยออกกำลังกาย เลย.,โสมชบา
ปวริศา ชุมวิกรานต์ ขยันออกแคมเปญ โปรโมต LINE MOBILE ซิมมือถือ ให้โทร. แชตเล่นเน็ต ในรูปแบบดิจิทัลมาทั้งปี กำลังสุดปลื้ม ที่ LINE MOBILE ไทยได้รับเลือกจาก Influential Brands®
ปวริศา ชุมวิกรานต์,LINE MOBILE,โสมชบาจ๊ะจ๋า,โสมชบา
https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/hisoceleb/1426031
[ 0, 259, 150741, 13094, 259, 237427, 32816, 5405, 30007, 149595, 259, 27605, 17117, 86910, 68026, 4728, 37801, 44158, 1, 0 ]